Skip to content

Swallowed Star 33

ตอนที่ 33 บ้านแห่งขีดสุด

หวังเหิงหยิบยื่นให้จนหมดทุกอย่างแล้ว จากนั้นเขาก็มองดูหลัวเฟิงอย่างลุ้นๆ

“เสียใจด้วยครับ” หลัวเฟิงก้มคำนับ “ผมขอบคุณมากสำหรับ ข้อเสนอดีๆ ครับ แต่ว่าผมตัดสินใจเข้าร่วมกับสำนักขีดสุดแล้ว ผม ไม่ได้คิดเรื่องการโยกย้ายเลย ผมเสียใจด้วยจริงๆ ครับ”

หวังเหิงอึ้งไป

ปฏิเสธ?

“นายไม่ต้องการเวลาคิดซักหน่อยเหรอ?” ชายร่างอ้วนเลิกคิ้วจ้องมา

“ไม่หรอกครับ” หลัวเฟิงลุกขึ้นแล้วโค้งคำนับ “คุณหวังครับ ถ้าไม่มีอะไรอีก ผมขอตัวก่อนนะครับ” หลัวเฟิงรู้ดีว่าจะเกิด ความรู้สึกอึดอัดใจหากเขายังนั่งอยู่หลังจากที่ตอบปฏิเสธไปแล้ว

หวังเหิงจ้องมาที่หลัวเฟิงอย่างใกล้ชิด

เด็กหนุ่มคนนี้ไม่แม้แต่จะหวั่นไหวอะไรเลยทั้งที่เจอกับการ หลอกล่อสารพัด หวังเหิงถอนหายใจ เขาโบกมือให้และหัวเราะ “เอาล่ะ ฉันคงไม่รบกวนอะไรนายอีกแล้วล่ะ ถ้านายเปลี่ยนใจ ประตูของสำนักสายฟ้ายินดีต้อนรับนายเสมอละกัน”

“ขอบคุณครับคุณหวัง” หลัวเฟิงยิ้มขณะที่เดินออกไป

ทันทีที่หลัวเฟิงออกไป หวังเหิงก็ทำหน้าเซ็งแล้วก็ตะโกน “เรียกว่านตงมานี่!”

“ครับ หัวหน้า”

เจ้าหน้าที่ข้างนอกรีบไปแจ้งว่านตงให้ทราบทันที

“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันจะต้องเสียอัจฉริยะไปให้กับสำนักขีดสุด” หวังเหิงเอามือลูบคางดวงตาของเขาสุกวาวดุจเสือร้าย “ตั้งแต่ที่ ‘เทพสงครามปีศาจ’ เกษียณตัวเองไปเนื่องจากอาการบาดเจ็บสาหัส สำนักสายฟ้าแห่งเจียงหนานของเราก็มักเสียเปรียบตลอด เมื่อเทียบกับสำนักขีดสุด บ้าจริง!”

หวังเหิงหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย!

ทั่วทั้งโลกโบนี้ สำนักชีดสุดและสำนักสายฟ้าเป็น 2 สำนักยักษ์ใหญ่ที่สุดแล้ว! ผู้ก่อตั้งสำนักเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดอันหนึ่ง และอันดับสอง! เจ้าหน้าที่ระดับสูงของแต่ละสำนักจะยิ้มให้กันเวลา พบหน้า แต่อันที่จริง พวกเขาต่างก็กำลังแข่งขันกันอย่างสุดกำลัง!

อย่างไรก็ตาม ในนครเจียงหนาน สำนักขีดสุดมีพลังอำนาจ เหนือกว่าอยู่ดี

“อาจารย์ใหญ่” วัยรุ่นหน้าเคร่งขรึมว่านตงเดินเข้ามา

ในความคิดของว่านตง เขามั่นใจเต็มเปี่ยม! เพราะเขาฆ่าสัตว์ ประหลาดได้มากกว่าหลัวเฟิงในการเข้าทดสอบการต่อสู้จริงและ เขาเองก็ได้อันดับหนึ่งด้วย เขากำลังลำพองใจอยู่ไม่น้อย

“อืม…ว่านตง” หวังเหิงยิ้มให้ “นายคือนักเรียนใหม่ที่ดีที่สุด ของสำนักสายฟ้า! แต่อย่างไรก็ตาม…ด้วยพลังของนายตอนนี้ นายยังไม่อาจเทียบกับหลัวเฟิงได้เลย”

“อาจารย์ใหญ่” ว่านตงอึ้งไป

ตนไม่สามารถเทียบกับหลัวเฟิงได้?

“นายสงสัยงั้นเหรอ?” หวังเหิงเลิกคิ้ว

ว่านตงส่ายหัว เขารู้ดีว่าอาจารย์ใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าเขาเคยเป็นนักสู้ระดับนักรับขั้นสูง ในขณะเดียวกัน เขาก็มีลิทธิพิเศษมากมาย ที่ได้รับจากตำแหน่ง ‘อาจารย์ใหญ่’ พลังอำนาจของเขาเทียบเท่า กับเทพสงคราม แล้วคนอย่างนี้จะโกหกเหรอ?

“ฉันจะบอกความจริงนาย ระดับสมรรถภาพร่างกายของนาย ด้อยกว่าเขา ว่าง่ายๆ ในการต่อสู้จริง แม้จะมีนายซัก 3 คน ก็ไม่ อาจเอาชนะหลัวเฟิงคนเดียวได้” หวังเหิงกล่าวหนักแน่น “แต่ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าปัจจุบันช่องว่างระหว่างนายกับเขาจะห่างกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านายจะอ่อนแอกว่าเขาตลอดไป นายอยากฝึกหนักแล้วเอาชนะเขาไหมล่ะ?

ฉันเคยพบอัจฉริยะมามากมาย แต่ส่วนมากจะฝึกไม่ผ่าน!

นักสู้เดินอยู่บนเส้นแบ่งของความเป็นและความตาย! พรสวรรค์ที่ดีของนายมีความหมายเพียงว่านายสามารถพัฒนาได้ อย่างรวดเร็ว ตอนนี้นายเพิ่งจะได้เป็นนักสู้…หนทางของนายยังแค่เริ่มต้น! อย่าชะล่าใจไม่ว่าจะยังไง หลัวเฟิงเป็นแค่บททดสอบแรกที่นายจะต้องผ่าน ในอนาคตนายยังต้องเจอกับคู่แข่งอีกมากมาย” หวังเหิงพูดปลุกใจ “ฉันหวังว่าวันหนึ่ง ฉันจะสามารถให้กำเนิดเทพสงครามคนใหม่ได้”

เลือดในกายของว่านตงเดือดพล่านทันทีที่ได้ยิน

ใช่ หลัวเฟิงเป็นแค่คู่แข่งคนแรก เขาจะต้องผ่านคู่แข่งคนอื่นๆ ให้ได้อีกมากจนกระทั่งบรรลุถึงระดับเทพสงคราม!

“เอาล่ะ ไปได้แล้ว นายฆ่าสัตว์ประหลาดมาทั้งคืน ฉะนั้นนาย ควรจะพักผ่อน” หวังเหิงยิ้มบางๆ

“ครับอาจารย์ใหญ่” ว่านตงถอยออกไปด้วยความเคารพ

หวังเหิงส่ายหัวและยกน้ำชาขึ้นจิบ ตั้งแต่รับภาระตำแหน่ง ‘อาจารย์ใหญ่’ เขาก็คิดแต่จะหาทางช่วยเหล่าอัจฉริยะให้เติบโตมาตลอด ทั้งกดดันและโน้มน้าวพวกเขาด้วยข้าวของเงินทองเพื่อดึง ตัวพวกเขามาเข้าร่วมกับสำนักให้ได้

ยิ่งมีนักสู้เพิ่มมากขึ้น ตำแหน่งของเขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น

“ว่านตงคนนี้อาจจะสร้างเซอร์ไพร์สให้เราในอนาคตก็เป็นได้” หวังเหิงหัวเราะ “แต่อย่างไรเสีย เราก็คงยังไม่จู้จี้อะไรเขามากนัก ในตอนนี้ จะดีมากถ้าเขาเข้าขั้นหลัวเฟิงได้ อืม…เทคนิคประณีต ตอนอายุ 18 ปี และระดับสมรรถภาพร่างกายแบบนี้ช่างเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ยอดเยี่ยมจริงๆ” หวังเหิงส่ายหัวแล้วก็ยกน้ำชาขึ้นดื่มขณะที่พยายามไม่คิดเรื่องนี้อีก

ใช่ ไม่ว่ายังไง หลัวเฟิงและว่านตงก็ยังเป็นเพียง ‘เมล็ดพันธุ์ที่ดี’

……….

ในกองทัพส่วนเหนือของนครเจียงหนาน หลัวเฟิงและหยางอู่ ซึ่งตอนนี้เปลี่ยนชุดเป็นปกติเรียบร้อยกำลังเดินคุยกันอยู่

“เจ้าบ้า มีอะไรกับว่านตงนั่นเหรอ ทำไมเขาจ้องนายเขม็งเลย …แถมเขายังพูดอีกว่าอยากแข่งกับนายว่าใครจะกลายเป็นเทพ สงครามได้ก่อนกัน” หยางอู่ถามอย่างสงสัย

“ใครจะไปรู้ได้ล่ะ ดูเหมือนว่าเขาจะมองผมเป็นเหมือนกับคู่แข่ง งั้นมั้ง” หลัวเฟิงก็สงสัยกับคำพูดของว่านตงเช่นกัน

สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือหลังจากที่ว่านตงได้ยินคำพูดของหวังเหิงแล้ว ว่านตงมองว่าหลัวเฟิงเป็นคู่แข่งคนแรกของเขานั่นเอง!

“ผมจะโทรไปบอกที่บ้านว่าผมผ่านการทดสอบแล้ว” หลัวเฟิง ยิ้มขณะที่หยิบมือถือของเขาออกมา “พี่หยาง พี่ไม่โทรไปบอกที่ บ้านให้รู้ผลบ้างเหรอ”

“อื้อ” หยางอู่หัวเราะและพยักหน้า

หลัวเฟิงและหยางอู่ต่างก็โทรไปแจ้งข่าวกับทางบ้าน

…………

ณ เขตหมิงเยว่ของเมืองหยางโจว หนึ่งในแปดเมืองบริวารแห่ง นครเจียงหนาน

“หงกั๋ว หลัวเฟิงลูกชายคุณจะต้องผ่านการทดสอบการต่อสู้จริงได้แน่ๆ เลย” หลัวหงกั๋วและกงซินหลานเข็นวีลแชร์ของหลัวฮว๋าขณะที่กำลังคุยกับชายแก่ศีรษะล้าน

“การทดสอบการต่อสู้จริงอันตรายรึเปล่า?” กงซินหลานอดถามไม่ได้ “ลูกชายเราบอกว่ามันไม่อันตราย แต่เราก็ลองเช็คดูใน อินเทอร์เน็ตแล้วปรากฏว่ามันอันตรายมากๆ”

“ใช่ป มันก็อันตรายอยู่นะ” ชายแก่ศีรษะล้านพยักหน้า “ตามที่ลูกชายผมบอกไว้ ในการทดสอบการต่อสู้จริงแต่ละครั้ง โดยปกติ จะมีอัตราการตายที่ 3-5% และมีโอกาสที่ 5-8% จะพิการ หรือจะพูดง่ายๆ ก็คือจะมีเตรียมนักสู้เป็นร้อยเลยที่ต้องหมดสภาพไป”

หลัวหงกั๋วและกงซินหลานมองหน้ากัน ทั้งคู่กระวนกระวายอย่างมาก

“ลูกชายของพวกคุณจะต้องปลอดภัยแน่นอน สบายใจได้” ชายแก่ศีรษะล้านหัวเราะ

“ครับ…ค่ะ” หลัวหงกั๋วและกงซินหลานพยักหน้า แม้ภายนอก พวกเขาจะเป็นแบบนี้ แต่ภายในใจของ 2 สามีภรรยาก็ยังคงอด กระวนกระวายไม่ได้อยู่ดี

หลัวฮว๋าไม่กล่าวคำใดขณะที่เขานั่งอยู่บนวีลแชร์แต่เขาก็นั่ง กำหมัดแน่นอยู่

ทันใดนั้น….

เสียงริงโทนของมือถือก็ดังขึ้น แล้วกงซินหลานก็หยิบมือถือ ออกมาจากกระเป๋าด้วยสีหน้ายินดี ขณะที่มองหน้าจอมือถือเธอก็พูดขึ้นว่า “หลัวเฟิงโทรมา”

“รับเร็ว” หลัวหงกั๋วบอกภรรยา

หลัวฮว๋าก็จ้องไปที่มือถือด้วย และแม้แต่ชายแก่ศีรษะล้านคน นั้นก็ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ

“ฮัลโหล” กงซินหลานรับสาย

“แม่ครับ ผมผ่านการทดสอบแล้วครับ ผมจะกลับบ้านคืนนี้ เตรียมของอร่อยไว้รอด้วยนะครับ” ทุกคนได้ยินเสียงพูดดังจากมือถือเครื่องนั้น

ในที่สุดหลัวหงกั๋วและหลัวฮว๋าก็หัวเราะออกมาอย่างโล่งใจ

“เยี่ยมมาก..แม่จะเตรียมของอร่อยไว้รอนะ” กงซินหลาน ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

………..

ตกเย็น วันที่ 2 สิงหาคม ในเขตหมิงเยว่แห่งเมืองหยางโจว

“หลัวเฟิงกลับมาแล้ว ยินดีด้วย..”

“ยินดีด้วยกับผีน่ะสิ หลัวเฟิงผ่านการทดสอบนั้นได้เหมือน ปอกกล้วยเข้าปากอยู่แล้ว”

ขณะที่หลัวเฟิงเดินมา เขายิ้มขณะที่ทักทายกับเหล่านักสู้คนอื่นๆ ในหมู่บ้าน มีคนที่เลือกวิถีนักสู้น้อยกว่าผู้คนทั่วไปในสังคม ในเขตหมิงเยว่นี้ ทุกครอบครัวเป็นของนักสู้ไม่เพียงแค่นั้น พวก เขาทั้งหมดยังเข้าร่วมกับสำนักขีดสุดเหมือนกันด้วย

“พ่อครับ แม่ครับ” หลัวเฟิงเห็นพ่อกับแม่และแม่บ้านยืนรอกัน อยู่หน้าประตูบ้าน

“มากินข้าวๆ” หลัวหงกั๋วหัวเราะร่า

คืนนั้นหลัวเฟิงและครอบครัวต่างก็สุขสันต์ เพราะแต่นี้ต่อไป จากที่เป็นเตรียมนักสู้หลัวเฟิงจะได้เป็นนักสู้อย่างเป็นทางการแล้ว!

กระทั่งหลังจาก 5 ทุ่ม

ภายในห้องบันเทิงของหลัวเฟิงบนชั้น 2 ของบ้าน

“ว่ากันว่าหลังจากกลายเป็นนักสู้เต็มตัวแล้ว สามารถเข้าไปใน เครือข่ายภายในของนักสู้สำนักขีดสุดได้!” หลัวเฟิงตื่นเต้นเล็กน้อย เพราะเครือข่ายภายในพิเศษจะต้องใส่ข้อมูลส่วนตัวเพื่อล็อกอินเข้าไป มีเพียงนักสู้ของสำนักขีดสุดเท่านั้นที่มีสิทธิ์เข้าไปเครือข่ายภายในพิเศษนี้….บ้านแห่งขีดสุด!

และตราบเท่าที่ยังเป็นนักสู้อยู่ ก็ยังจะสามารถล็อกอินเข้าไปใน เว็บของพันธมิตร HR ได้อีกด้วย

“บ้านแห่งขีดสุด” หลัวเฟิงพิมพ์ลงไป

หลังจากนั้นซักครู่ หน้าจอขนาด 200 นิ้วของเขาก็ปรากฎที่ ด้านหนึ่งของกำแพง หน้าจอนั้นปรากฏหน้าเว็บไซต์ ‘บ้านแห่งขีดสุด’

“ตี๊ด…” หลัวเฟิงตรวจสอบลายนิ้วมือเสร็จเรียบร้อย

เสียงเพลงบรรเลงไพเราะราวกับน้ำไหลก็พังไปทั่วห้องบันเทิงนั้น ในขณะเดียวกัน หน้าจอขนาดใหญ่ก็แสดงข้อมูลส่วนบุคคลขึ้นมา ข้อมูลหนึ่งในนั้นมีรูปของหลัวเฟิงปรากฎอยู่ และด้านล่างก็ปรากฏข้อมูลดังนี้…

ชื่อ : หลัวเฟิง

เพศ : ชาย

ที่อยู่ : นครเจียงหนาน ประเทศจีน

เลขประจำตัวนักสู้ : 426123205608010002

ระดับ : นักรบ (ขั้นต้น)

คะแนนสะสม : 0 คะแนน

ยอดเงินในบัญชี : 20,000,000 หยวน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!