ตอนที่ 779 ผู้ทรยศ

“หลัวเฟิง นั่นคือหลัวเฟิง!” สมองของนัวเลนชานได้ทำงานอย่างหนัก

นัวเลนชานรู้ดีว่าเมื่อ 4 พันปี ก่อนตอนที่อยู่ในจักรวรรดิภูเขามังกรดำ หลัวเฟิงมีการพัฒนาที่เร็วมาก…แต่ก็ยังห่างกับเขามากและหลัวเฟิงก็ยังอยู่แค่ในดินแดนของมนุษย์

หลังจากที่ได้รับรางวัลจากสำนักขวานยักษ์สำหรับระดับจักรวาล เขาก็กัดฟันเดิมพันกับการออกไปยังเขตสงครามภายนอก

เขาได้ตกอยู่ในสถานการที่อันตราย 2 ครั้ง เสี่ยงชีวิตตัวเองอย่างต่อเนื่อง

จนผ่านมายังระดับขอบเขตอย่างรวดเร็ว แต่ระดับขอบเขตขั้น 1 ก็

เป็นได้แค่เหยื่อ

เขายังคงเอาชนะสถานการณ์ต่างๆ ต่อเนื่องจนมาถึงระดับห้วงมิติ

เขาต่อสู้หลายปีมาเพื่ออะไร ถ้าไม่ใช่ความกลัวต่อหลัวเฟิง จึงพัฒนา

ตัวเองให้ดีขึ้น

แต่ในตอนนี้…หลัวเฟิงได้ปรากฎต่อหน้าเขา และมีกำลังพอที่จะฆ่าอมตะระดับนายพลชั้นยอด

“ทำไมเขาถึงได้แข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้ เพียงเขาร่วมการแข่งขัน

อัจฉริยะเมื่อ 4 พันปีก่อน และตอนนั้นเพียงระดับดาวขั้น 9”

“4 พันปี เขามาถึงจุดสูงสุดของระดับห้วงมิติ แม้จะเป็นระดับห้วงมิติชั้นยอด ก็ไม่น่าจะฆ่าอมตะระดับนายพลชั้นยอดได้”

“มันจบแล้ว” ความคิดของนัวเลนชานกำลังยุ่งเหยิง และรู้สึกหมด

หนทาง

———-

สองอมตะของกองทัพนี้ได้แนะนำตัว

หลัวเฟิงยิ้มและพยักหน้า “เรียกผมว่าหยาง”

“หยาง” อมตะทั้งสองจำชื่อนี้ไว้

หลัวเฟิงพยักหน้ารับ

ชื่อเล่นมักจะใช้กันในกองทัพ เขาไม่ต้องการเปิดเผยตัวและเชื่อมต่อไปยังคนอื่นๆ

คนเหล่านี้เพียงแค่คนรู้จักผ่านๆ จึงให้ชื่อที่เรียกง่ายๆ สำหรับพวกเขา

“หยาง การต่อสู้ก่อนหน้านี้ได้สร้างความวุ่นวายที่ใหญ่มาก นักสู้

จำนวนมากคงจะเข้ามาเร็วๆ นี้แน่ เราควรจะหนีให้เร็วดีกว่า” ซูฟาง

กล่าว

“คุณมาพร้อมกับเราดีกว่า” โบยี กล่าว

หลัวเฟิงพยักหน้า “ได้”

สองออมตะก็หัวเราะออกมาทันที มันไม่ใช่เรื่องตลกที่ระดับห้วงมิติจะฆ่าอมตะระดับนายพล มันทำให้เห็นว่าระดับความเข้าใจของเขาต้องระดับอมตะเป็นอย่างต่ำ เมื่อเขาได้กลายเป็นอมตะ ก็จะเป็นอมตะระดับจักรพรรดิอย่างแน่นอน

การใกล้ชิดกับบุคคลเช่นนี้ย่อมเป็นเกียรติอย่างยิ่ง

“รวมตัว”โบยี ออกคำสั่ง พร้อมกับโบกมือ ยานอวกาศทรงดิสขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 300 เมตรก็ออกมา ตรงกลางเปิดขึ้นเป็นทางเดินขนาดใหญ่

“รวมตัว” ระดับห้วงมิติชั้นยอดออกคำสั่ง

“เร็วเข้าเราจะรีบออกไปจากที่นี่ในทันที”

“ครับ”

“ค่ะ”

ระดับจักรวาล ระดับขอบเขต และระดับห้วงมิติเริ่มเต้นบินเข้าไปในยานจากทุกทิศทาง

“น้อง 5 คุณคิดอะไรอยู่” ระดับห้วงมิติที่ใบหน้ามีขนร่างกายกำยำได้

ลากนัวเลนชาน

“เร็ว เข้าไปในยานเร็วเข้า”

“อือ” นัวเลนชานตื่นขึ้นจากความคิด และมองออกไปไม่ไกลนั้น

หลัวเฟิงได้มองสบตากับนัวเลนชาน ทำให้นัวเลนชานรู้สึกถึงแรงกดดันจากสัตว์เทพที่ทำให้เขาต้องร่วงสู่พื้นดินอีกครั้ง ทำให้เขาต้องสั่นสะท้าน

“มาได้แล้ว”

นัวเลนชานตามคนอื่นๆ เข้ายาน

ห้องพักขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 200 เมตรแบ่งออกเป็น 3 ห้อง

นัวเลนชานอยู่ในหนึ่งในห้องพัก กำลังนั่งเอามือกุมหัวในมุมหนึ่งของ

ห้องพัก

“ใจเย็นๆ ต้องใจเย็นๆ”

หลัวเฟิงที่โผล่มาวันนี้ทำให้ความหวัง 4 พันปี ที่ผ่านมาของเขาต้องพังทลาย

เขาต่อสู้เสี่ยงตายมาตลอด 4 พันปี เพื่อโอกาสที่จะแก้แค้นหลัวเฟิง

นัวเลนชานพยายามหายใจเข้าลึกๆ มีเหงื่อบนหน้าผากขณะที่เขา

กำลังใจเย็นลง

“กว่า 4 พันปี มาถึงระดับนี้ได้ ความแข็งแกร่งของเขาน่ากลัวจริงๆ เขาจะต้องได้รับอย่างมากภายในองค์กรจักรวาลเสมือนแน่”

นัวเลนชานคิดถึงตำแหน่งของหลัวเฟิงที่เขาก็ยังไม่รู้

“โอกาสแก้แค้นเป็นมันศูนย์แล้ว” นัวเลนชานกำลังคิด

“ใช้เผ่าพันธุ์อื่นแก้แค้น…ไม่น่าเป็นไปได้ ถ้ามนุษย์คนไหนเห็นจะต้อง

ถูกฆ่าทันทีแน่ พวกเขาอาจจะไม่เชื่อที่ผมพูด หรือทำงานกับเผ่าพันธุ์อื่นก็ต้องโดนไล่ล่า”

“แม้จะบอกว่าหลัวเฟิงเป็นอัจฉริยะ แต่ก็มีอัจฉริยะมนุษย์หลายคน แล้ว ทำไมเขาจำเป็นต้องฆ่าหลัวเฟิง แล้วถ้าออกจากกองทัพ หลัวเฟิงจะฆ่าได้ทันที โดยที่ไม่ได้รับโทษใดๆ เลย”

การใช้เผ่าพันธุ์อื่นเพื่อแก้แค้นความสำเร็จก็คงจะต่ำกว่าศูนย์ และมี

ค่าใช้จ่ายเป็นชีวิตของตัวเอง

“ข้าไม่ต้องการสละชีวิตตนเอง”

“ต้องคิดหาวิธีให้ตัวเองอยู่รอด” นัวเลนชานคุ่นคิด อยู่ๆ ตาก็ส่อง

ประกาย

“ใช่แล้ว กองทัพมีกฎที่ไม่สามารถฆ่าพันธมิตรได้ ผู้ที่ทำมันจะ

กลายเป็นผู้ทรยศ แล้วจะถูกประหาร”

“ตราบที่ผมอยู่ในกองทัพ หลัวเฟิงก็ไม่สามารถที่จะฆ่าข้าได้”

“มันแน่นอนที่เขาไม่มีทางที่จะฆ่าข้าโดยที่เสียสละชีวิตตัวเอง” นัวเลนชานยิ้ม

“น้อง 5 นักสู้ลึกลับระดับห้วงมิติเขาทรงพลัง มีทั้งพืชอมตะและความ

แข็งแกร่ง เขาจะต้องมีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่แน่”

“ฮิ ฮิ ใช่เขามีอำนาจ” นัวเลนชานยิ้มและพยักหน้า

———-

ภายในห้องควบคุมของยานอวกาศ สองอมตะได้เลี้ยงตอนรับหลัวเฟิง

“หยาง ถ้าคุณมาไม่มาที่นี่ เราสองพี่น้องคงไม่ได้อยู่ที่นี่อีกแล้ว”

“ไวน์นี้เราแลกมาจากค่าย ถึงราคามันไม่สูง แต่รสชาติของมันก็เป็น

เอกลักษณ์” ซูฟาง ยกแก้วขึ้น

หลัวเฟิงจิบไวน์ตาม เมื่อไวน์ไหลผ่านลำคอ ได้ทำให้เขารู้สึกเบาสบายขึ้นมา

“ไม่เลว” หลัวเฟิงพกยักหน้า

“ช่วงที่เราเจอวิกฤต ฮ่า ฮ่า…เราก็ยังได้รับพร” โบยี หัวเราะเสียงดัง

“ตั้งแต่เราเป็นพันธมิตร มันธรรมดาอยู่แล้วที่ผมจะต้องช่วย” หลัวเฟิงกล่าว

สาเหตุหนึ่งเพราะพวกเขาคือพันธมิตร แต่ส่วนที่สำคัญคือ เป้าหมายนัวเลนชาน หลัวเฟิงเกลียดเขาเข้ากระดูก

การที่เขาอยู่ในทีมนี้ การจัดการกับนัวเลนชานก็จะง่ายขึ้น ทุกการ

กระทำของนัวเลนชาน ก็ทำการตรวจสอบได้ไม่ยาก

“ก่อนหน้านี้เขาดูกลัวมาก แต่ตอนนี้เขาใจเย็นลงแล้ว”

“ฮ่า ฮ่า ดูเหมือนเขารู้แล้ว เขาคิดว่าผมคงทำอะไรไม่ได้ถ้ายังอยู่ใน

กองทัพ”

“การโจมตีพันธมิตรถือมีความผิดร้ายแรง แต่คุณก็จะต้องตายอยู่ดี”

“ถ้าออกไปจากกองทัพคนเดียวก็จะต้องตาย ถ้าอยู่ในกองทัพ ช่วงความวุ่นวายในการปะทะ ผมก็จะหาทางฆ่าเอง”

หลัวเฟิงคิดอย่างผ่อนคลาย

ไม่ว่านัวเลนชานจะอยู่ในกองทัพหรือหนีไป เขาก็จะต้องพบกับความ

ตาย

นัวเลนชานคิดว่าการอยู่ในกองทัพนั้นจะต้องปลอดภัย เพราะเขาไม่รู้ว่านักสู้ที่ทรงพลังในระดับหลัวเฟิงสามารถสร้างสถานการณ์ฆ่าเขาได้

“ซูฟาง โบยี ผมมีเรื่องจะถาม”

“ว่า” สองอมตะพูดพร้อมกัน

หลัวเฟิงยิ้ม

“ผมเพิ่งจะมาทวีปหยานจิ ทวีปที่เราอยู่นี้ เป็นหนึ่งในชิ้นส่วนใหญ่ของที่นี่ใช้ไหม”

“แผนที่อวกาศบอกว่านี่คือทวีปที่ 9” ซูฟาง ยิ้ม

“มีหลายเผ่าพันธุ์ที่อยู่ในทวีปนี้ พวกเขามีชื่อเรียกชิ้นส่วนเป็นของตัวเอง พวกเขาเรียกว่าเกาะ”

“เกาะ?” หลัวเฟิงตกใจ ทวีปขนาดใหญ่นี้ถูกเรียกกว่าเกาะ

“นอกจากทวีปหลักทั้งหมดจะถูกเรียกว่าเกาะ ตอนนี้เราอยู่ในเกาะ

หมอกตามที่พวกเขาเรียก” ซูฟาง เรียก

“ทวีปหลักมีนักสู้ทรงพลังจำนวนมาก ส่วนมากเป็นระดับผู้บัญชาการ

และระดับจักรพรรดิ มันเป็นส่วนที่อันที่สุด”

“ส่วนผู้ที่รู้ว่าตัวเองยังแข็งแกร่งไม่พอจะอยู่ตามเกาะเหล่านี้ เกาะหมอกนี้ส่วนใหญ่จะเป็นระดับนายพล มีอมตะระดับผู้บัญชาการ 12คนที่นี่เป็นอย่างน้อย และอาจจะมากกว่านี้”

“12 อมตะนี้ถือว่าเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในเกาะ”