ตอนที่ 787 สัตว์ที่แปลกประหลาด
ค้อนที่กำลังลุกเป็นไฟ ได้ทำลายพื้นที่ๆ มันผ่าน ด้านหน้าอมตะอวกาศกำลังแตกร้าว ทำให้ค้อนขนาดใหญ่ของเขาที่กำลังพุ่งเข้าหาหลัวเฟิงผ่านชิ้นส่วนของอวกาศที่แตก
ประกายแสงจากดาบได้ฉีกผ่านพื้นที่ขนาดใหญ่
“ขอดูความแข็งแกร่งของอมตะระดับผู้บัญชาการหน่อย” หลัวเฟิงใช้ดาบเข้าปะทะกับหัวค้อน
ชิ้นส่วนอวกาศได้เกิดการบิดเบี้ยวจากการโจมตีที่มีประสิทธิภาพ คลื่นกระแทกได้กระจายออกไปหมื่นกิโลเมตรจนน้ำทั้งหมดเดือด คล้ายกับการเคลื่อนตัวของยักษ์
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า…” ทุกก้าวของอมตะเป็นระยะทางหมื่นกิโลเมตร พร้อมเหวี่ยงค้อนอย่างรุนแรงขณะก้าว
หลัวเฟิงกระเด็นไปไกลนับแสนกิโลเมตรจากการปะทะกันก่อนหน้านี้
ร่างกายได้หายจากอาการมึนงง อวัยวะภายในของเขาได้รับความ
เสียหายจนต้องคายเลือดออกมา
หลังจากนั้นหลัวเฟิงก็ยืนขึ้นกลายเป็นแสงกะพริบและหายไปปรากฎตัวบนยอดเขา เขาได้จ้องมองไปยังอมตะเผ่าคาวู ที่กำลังวิ่งหาเขา
“เป็นการโจมตีที่รุนแรง แม้ว่าก่อนหน้านี้จะทนการโจมตีของอมตะ
ระดับนายพล 8 คนพร้อมกันได้โดยไม่ต้องเหนื่อยมาก”
“เขามีความเข้าใจกฎขั้นพื้นฐานในระดับผู้บัญชาการแล้ว แต่ร่างกายอยู่ในระดับผู้บัญชาการขั้นสูง ตอนนี้ผมยังทนการโจมตีของค้อนนั้น
ไม่ได้”
อมตะเผ่าคาวู เข้ามาใกล้
“มนุษย์ การที่ระดับห้วงมิติที่สามารถรอดการโจมตีของข้าได้ต้องนับ
ถือ แต่น่าเสียดายที่มันได้เวลาตายแล้ว”
“เจ้าโง่” หลัวเฟิงปล่อยลมออกจากจมูก
ก่อนหน้านี้หลัวเฟิงต้องการทดสอบคู่ต่อสู้ก่อน เพื่อจะได้เห็นความ
แข็งแกร่งของคู่ต่อสู้ ตอนนี้เขาจะไม่ปะทะกันซึ่งหน้าอีก เขาเห็นว่า
เทคนิคของอมตะนั้นอ่อนแอ แต่ร่างกายของเขานั้นแข็งแกร่ง
หลัวเฟิงใช้การเคลื่อนไหวที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาเข้ามาที่ด้านหลังของอมตะ
ประกายดาบของหลัวเฟิงนั้นงดงาม และน่ากลัว
อมตะใช้ค้อนในมือขวาหมุนรอบเหมือนกับลูกข่าง
แสงจากการฟันปรากฎขึ้นจากด้านหน้าของอมตะ ด้านข้าง และ
ด้านหลัง
ดาบได้ตัดผ่านการป้องกันของค้อนเข้าไปที่ด้านข้างของอมตะ ดาบได้ตัดเข้าไปเพียงครึ่งเมตร เหมือนกับการที่ฟันเข้าไปยังโลหะที่แข็ง
“ร่างกายแข็งอะไรแบบนี้”
“ร่างกายแข็งแกร่งจนน่าขำ นี่มันแข็งมาก”
ด้านความแข็งของร่างกายรูปแบบเลือดเนื้อ ถึงจะปล่อยพลังงานจำนวนมากกว่าปกติก็ยังอ่อนแอกว่ารูปแบบชีวิตหิน
ด้านความสามารถของศิลานี้อยู่ในระดับผู้บัญชาการขั้นสูง แต่ร่างกายของเขาแข็งแกร่งกว่า 7 ถึง 8 เท่า
อมตะหัวเราะขณะมองมายังหลัวเฟิง และเหวี่ยงค้อนมาที่หัวของหลัวเฟิง
หลัวเฟิงถอยออกไปอย่างเร็ว
ขณะที่หลัวเฟิงถอยก็ใช้ดาบในการป้องกันการโจมตีของค้อน มันเป็นโชคดีที่เขาถอยมาได้เร็วพอจึงทำให้พลังของค้อนเหลือเพียง 30% ทำให้เขารู้สึกเหมือนเลือดเดือดภายในแต่ไม่ถึงกับต้องคายเลือดออกมา
“เร็วมาก ระดับห้วงมิติ พืชกลืนดารา” อมตะยังโจมตีต่อ
“ความเร็วก็เป็นข้อได้เปรียบ”
หลัวเฟิงหายไปอีกครั้ง
ทุกที่ที่ทั้งสองผ่านไปมีเศษหินจำนวนมากของที่แตกออกมาจากยอดเขา
พื้นที่ในจักรวาลก็พังทลายอย่างต่อเนื่อง
ทั้งสองมีรูปแบบที่ต่างกัน
ศิลามีร่างกายแข็งแกร่งเหมือนป้อมปราการหิน แต่ความเข้าใจกฎ ความว่องไวและความคล่องตัว แย่กว่าหลัวเฟิง
หลัวเฟิงต้องอาศัยเกราะทหารเพื่อยกระดับความแข็งแกร่ง แล้วอาศัยเทคนิคกระหน่ำเดิน เข้ากดดันศัตรู
หลัวเฟิงกลายเป็นแสงวาบและหายไปปรากฎขึ้นอีกที ปล่อยการโจมตีไปยังศิลา
“การต่อสู้กับนักสู้ที่แข็งแกร่งมันช่างแตกต่าง” ทั้งคู่ได้ผลักดันไปถึง
ขีดจำกัดของตัวเอง
ภายใต้การโจมตีที่รุนแรงจากค้อนอย่างต่อเนื่อง หลัวเฟิงใช้เทคนิคการเคลื่อนไหวและดาบ ในระหว่างการต่อสู้เขาก็ปรับปรุงมันยิ่งขึ้นอย่างช้าๆ
หลัวเฟิงได้ถูกบังคับให้ป้องกันการโจมตีและทำการโจมตีกลับเป็นบางครั้ง
ด้วยการเคลื่อนไหวจำนวนมาก การปรับปรุงการเคลื่อนไหว และ
ความคุ้นเคยการโจมตี เขาเริ่มใช้ดาบโจมตีหลังจากหลบการโจมตีจากค้อนได้อย่างไหลลื่น
ศิลาเริ่มทำการโจมตีหลัวเฟิงไม่โดนแล้ว
ศิลาที่ราวกับภูเขาสูงคำรามออกมาเสียงดังด้วยความโกรธ “ย๊ากกกก…”
เมื่อหลัวเฟิงฟันไปที่เขา เขาก็ไม่ทำการป้องกัน แต่กลับใช้ค้อนทุบลงมาที่หลัวเฟิงทันที
“ตายซะเจ้ามนุษย์” ศิลาตะโกนออกมาด้วยเสียงของความโกรธ
อมตะไม่สนใจการโจมตีจากดาบของหลัวเฟิงอีก เขาจ้องแต่ที่หลัวเฟิง และใช้ค้อนทำการโจมตี ทั้งสองแขนที่เหวี่ยงค้อนมันใกล้เคียงกับการโจมตีที่จะมาได้ทุกทิศทาง
หลัวเฟิงรู้สึกว่าสถานการณ์ของเขาแย่ลง ก่อนหน้านี้เขาทำการโจมตีอีกฝ่ายจะทำการป้องกันด้วยค้อนของเขา
ด้วยการโจมตีและป้องกันทำให้หลัวเฟิงไม่ถูกกดดันมากเกินไป
แต่ว่าตอนนี้อมตะได้ทำการโจมตีโดยไม่สนการป้องกัน ใช้สองค้อน
เหวี่ยงมาที่เขาอย่างรุนแรง
หลัวเฟิงรู้สึกเหมือนกับท้องฟ้าได้ทลายลงมา จากการถูกโจมตีด้วยสองค้อนที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวเองกว่า 3 เท่า
ในที่สุดหลัวเฟิงก็ถูกค้อนโจมตี จนกระเด็นไปนับหมื่นกิโลเมตร กระแทกเข้าไปที่ภูเขาจนสร้างเป็นหลุมขึ้นมา
หลัวเฟิงรีบหลบออกจากจุดเดิมอย่างรวดเร็วทันที
ภาพของค้อนบ้าคลั่งได้ลงมาหาหลัวเฟิง ทำให้เขาถูกตีกระเด็นไปอีกครั้ง
เลือดสดๆ ได้ไหลออกมาซ้ำแล้วซ้ำอีก จากการโจมตีซ้ำๆ
หลัวเฟิงได้กลายเป็นฉากฆ่าตัวตายอันน่าเศร้า จากการเข้าไปใกล้เพื่อโจมตีศิลา เป็นธรรมดาที่อาจโดนการโจมตีของสองค้อน พอศิลาไม่สนใจอะไรนอกจากการโจมตีและเหวี่ยงค้อนอย่างบ้าคลั่ง จนหลัวเฟิงตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้
การที่หลัวเฟิงไม่เลือกที่จะหลบหนีก็ทำให้เขาตกเป็นเพียงแค่เป้าหมายเท่านั้น
หลัวเฟิงมีความเร็วในการเคลื่อนไหว แต่ภายใต้การโจมตีของค้อนที่บ้าคลั่ง ทำให้หลบได้ 7 ถึง 8 ครั้งก่อนที่จะโดนโจมตี 1 ครั้ง
ร่างกายของหลัวเฟิงเกิดอาการชา เขานอนอยู่บนยอดเขาแล้วกระอักเลือดออกมา
“คงสู้ต่อไม่ไหว ร่างกายของเขาเหมือนกับโลหะเกรด F ถึงจะยังไม่ถึงเกรด F9 แต่ก็น่าจะ F3 ดาบผมยังไม่สามารถตัดผ่านเขาได้ ทำให้เขาไม่ต้องป้องกัน แล้วทำเพียงโจมตี”
ศิลามองไปยังหลัวเฟิงแล้วคิดว่ามันเป็นเพียงแค่เรื่องโกหก เขาจำเป็นต้องยอมแพ้ไหม?
เสียงคำรามที่น่ากลัวดังขึ้นมาจากภูเขา แรงกดดันไปแผ่กระจายไปนับแสนกิโลเมตร แม้แต่ อมตะระดับผู้บัญชาการยังต้องเปลี่ยนท่าที แล้วหันไปทางด้านข้างอย่างรวดเร็ว เขาเห็นเงาที่กำลังใหญ่ขึ้นจากภูเขามันยาวกว่า 100 กิโลเมตร และร่างกลายปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีเงินที่สวยงาม
เกล็ดสีเงินขาทั้ง 4 สีเงิน หางสีเงิน และปีกคู่ใหญ่ มันเป็นสัตว์แปลก
ประหลาดที่มีแต่สีเงินกับดวงตาสีทองเข้ม บนหัวของมันมีมงกุฎสีเงิน
รูปร่างประหลาด มงกุฎของมันมี สี่ก้าน
แรงกดดันที่แผ่กระจายออกมาได้ทำให้อมตะระดับผู้บัญชาการกลัว
“สิ่งนี้คืออะไร มันเป็นสิ่งมีชีวิตรูปแบบไหน จากขนาดของมันควรจะ
เป็นสัตว์ประหลาดอวกาศ เผ่าปีศาจไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้น”
ยักษ์ใหญ่ที่กำลังโกรธแค้น ได้มองไปยังสัตว์ประหลาดที่ปรากฎตัวออกมากะทันหัน เขาได้ตกใจจากมันโดยสมบูรณ์ เขาเห็นว่ามนุษย์ยังคงใจเย็นอยู่บนยอดเขา
“มนุษย์ที่มีพลังต่อสู้กับอมตะระดับผู้บัญชาการ เขาจะต้องเป็นอัจฉริยะเผ่าพันธุ์มนุษย์ สัตว์ประหลาดลึกลับนี้…เป็นสัตว์ที่เจ้าฝึก? หรือทาสวิญญาณ? หรือ…เป็นผู้คุ้มกันที่ถูกจัดไว้โดยอาจารย์ของเขา?”
“มันเป็นไปได้มากว่าอาจารย์ของเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่ สิ่งนั้นจึงถูกนำมาเป็นผู้คุ้มครองของเขา”
ด้วยการปรากฎตัวของสัตว์ประหลาดสีเงินทำให้อมตะไม่สนใจหลัวเฟิงอีกต่อไป เขากำลังรู้สึกกดดัน
ศิลาไม่รู้ว่า เจ้าสัตว์ประหลาดนี้คืออะไร เกล็ดสีเงินทั้งหมด แรงกดดันที่น่ากลัว และมันไม่ได้ดูเหมือนกับตัวไหนใน 12 สายเลือดชั้นยอดของสัตว์อวกาศ
สัตว์ประหลาดส่งเสียงคำรามอีกครั้ง ดวงตาสีทองเข้มของมันจ้องมายังศิลา
มันปล่อยเจตนาฆ่าของมันออกมา
หลัวเฟิงยืนขึ้นบนยอดเขา แล้วมองไปยังศิลาและเริ่มพึมพำ ออกมา
“ผมไม่อยากเชื่อว่าถ้าเปลี่ยนไปใช้พลังสัตว์เทพ เทพแห่งโลก พลังงาน แม่น้ำเลือด ผสมกับเกราะนายพล ปีกซืออวู๋”
“ไม่อยากเชื่อว่าก้อนหินยักษ์นี้จะไม่รู้ว่ามันคืออสูรเขาทองแม้แต่น้อย”