ตอนที่ 895 แกน
ด้วยความแข็งแกร่งของ ศรคลั่ง พร้อมกับพิษ เฟว่ยม่อ หลัวเฟิง ได้ยืนอยู่ห่างๆ และโยนดวงดาวทั้งหกออกไป แต่ละอันแข็งแกร่งอย่างมาก แม้ว่า หลัวเฟิง จะไม่ได้ใช้กฎกับมันแต่พวกก็สามารถส่งผลกับสองที่น้อง ชิจา ที่กำลังหนีได้
ดังนั้น….ทั้งสองคนจึงตายอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ฆ่า อีกาทมิฬ และคนอื่นๆ แล้ว อีกาทมิฬ มีสมบัติที่มี
ค่าประมาณ 3 หมื่นล้านองค์ประกอบผสม ส่วนอีกสองคนนั้นมี
ประมาณ 1.8 หมื่นล้าน
“ข้าล้มเหลวจริงๆ หืม งั้นเหยื่อ รายต่อไป” หลัวเฟิง ทำการสื่อสารกับหอคอยและมีข้อมูลจำนวนมากไหลเข้ามาในหัวทำให้เขามีตัวเลือก
“ดี เป้าหมายต่อไปจะเป็น นักสะกดจิต ระดับจักรพรรดิ”
“หอคอยดวงดาว เปิดเส้นทาง”
หลัวเฟิง มองไปที่ข้างหน้า
หวืด!
พื้นที่หวงห้ามฉีกขาดและได้มีทางออกปรากฏขึ้นมา หลัวเฟิง และ ศรคลั่ง บินเข้าไปยังทางออกไปสู่พื้นที่หวงห้ามอื่นๆ มีกองทัพนักรบแมลง อยู่ที่นั่นซึ่งในนั้นมี นักสะกดจิต ระดับจักรพรรดิ อยู่คนหนึ่ง
“หวังว่าครั้งนี้จะได้ผล” หลัวเฟิง คาดหวัง
…
3 นาทีต่อมา
พื้นที่หวงห้ามที่เหลืออยู่ข้างในนั้นปั่นป่วนและทะเลก็หายไป ครึ่งหนึ่ง ดินใต้ทะเลก็หายไปด้วย หลัวเฟิง ได้ยืนอยู่ข้างบนพร้อมกับ ศรคลั่ง ที่ยืนอยู่ข้างๆ
“นายท่าน สมบัติมากมายมีค่าประมาณ 6 หมื่นล้าน” ศรคลั่ง พูด
ออกมาด้วยความเคารพ
หลัวเฟิง พยักหน้า หลังจากนั้นก็ส่ายหน้าและถอนหายใจออกมา “เราล้มเหลวอีกแล้ว!”
“นายท่าน การควบคุมนักสะกดจิตนั้นยากอย่างมาก พวกเขาน่ะล้วนแต่เป็นนักรบที่ใช้เวลาหลายปีในการศึกษาเทคนิคควบคุมจิตวิญญาณ เนื่องจากพวกนั้นได้ปรับเปลี่ยนเทคนิคจิตวิญญาณของตน การจะจับพวกนั้น…ต้องใช้โชคค่อนข้างมาก” ศรคลั่ง พูดขึ้น “แต่สิ่งที่เราได้มาก็ถือว่ามหาศาล”
“ฆ่านักรบเพิ่มก็มีแต่จะสร้างความโกรธให้กับผู้อื่น ทำให้พวกผู้
แข็งแกร่งปรากฏตัวออกมา” หลัวเฟิง พูดออกมาเบาๆ “ดังนั้นครั้งนี้ข้าต้องทำให้สำเร็จ”
“ใช่ นายท่าน” สีหน้าของ ศรคลั่ง จริงจังขึ้นมา
มีกฎที่ซ่อนอยู่ซึ่งเป็นที่รู้กันในจักรวาลเหมือนกับที่อัศวินสามารถฆ่า
จักรพรรดิและอมตะลงได้อย่างง่ายดาย เป็นธรรมดาที่จักรพรรดิและ
อมตะนั้นจะไม่กล้าคุกคามอัศวินเพราะพวกนั้นต่างก็มีเกียรติของตัวเอง ถ้าใครคุกคามพวกนั้น พวกเขาก็จะโดนฆ่า!
แต่อัศวินนั้นจะไม่ไปไล่ฆ่าพวกอมตะ จำนวนมาก เพราะหากเขาทำแบบนั้น…ทุกคนคงคลั่ง อัศวินคนอื่นๆ จะรวมทีมเพื่อมาจัดการ!
ทฤษฎีเดียวกันก็เหมือนกับที่ ทรูหยัน จักรพรรดิอมตะ เขาไม่จำเป็นต้องมุ่งหน้าไปที่เขตนอกสงคราม สำหรับ เจ็ดดาบ ดาลอง ความมืดมน และคนอื่นๆ หากพวกนั้นใช้ไพ่ตายออกมา พวกนั้นก็สามารถที่จะฆ่าจักรพรรดิระดับสูงสุดรึแม้แต่จักรพรรดิขั้นสุดยอดได้ การฆ่า 1 ครั้งหรือ 2 ครั้งนั้นไม่เป็นไร แม้แต่ฆ่าสิบคนติดต่อกันก็ยังไม่เป็นไร แต่หากพวกเขาทำเกินไป มันจะทำให้คนอื่นๆ ต้องโกรธเคือง ยังไงซะจักรพรรดิระดับสูงสุดและจักรพรรดิที่อยู่ในระดับขีดจำกัด…ต่างก็เป็นชนชั้นสูงของหลายเผ่าพันธุ์ ถ้าพวกนั้นถูกฆ่าไปจำนวนมาก สิ่งมีชีวิตชั้นสูงของเผ่าพันธุ์นั้นๆ เป็นธรรมดาที่จะต้องการแก้แค้น!
******
หลัวเฟิง ได้พา ศรคลั่ง ไปกับเขาด้วยและเริ่มทำการล่า…
วันแรกพวกเขาได้ทำการสู้กันสามครั้ง ฆ่าศัตรูทั้งหมดแต่ก็ไม่สำเร็จเลยแม้แต่ครั้งเดียว พวกเขาได้รับสมบัติที่มีค่าประมาณ 1.6 แสนล้าน
วันที่ 2 พวกเขาได้สู้กันอีกสามครั้งฆ่าทุกคนไป สำหรับการควบคุม?
พวกเขาก็ยังล้มเหลว แต่พวกเขาได้เงินมาประมาณ 2.1 แสนล้าน
วันที่ 3…
วันที่ 4 ติดต่อกัน!
จำนวนการต่อสู้ทั้งหมดคือ 12 ครั้ง เป้าหมายต่างก็
เป็นนักสะกดจิต ระดับจักรพรรดิ แต่ทั้ง 12 ต่างก็ตายและไม่มีสักคนที่สำเร็จ มีแค่เก้าคนเท่านั้นที่สามารถส่งข่าวออกไปว่า ดาบสายน้ำ นั้นเป็นนักฆ่า อีกสามคนตายอย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่ได้มีเวลาพอที่จะแจ้งคนอื่นๆ
นักสะกดจิต ระดับจักรพรรดิ 9 คนที่ตายไปและคนร้ายก็คือ ดาบ
สายน้ำ!
โชคดีที่ตั้งเก้าคนมาจากสามที่ที่แตกต่างกัน
กองทัพต่างก็เป็นศัตรูกันและข่าวนี้ก็ไม่ได้สื่อสารออกไปได้เร็วนักแต่
ภายในแต่ละกองทัพเอง ข่าวที่บอกว่า ดาบสายน้ำ เริ่มฆ่านักสะกดจิตระดับจักรพรรดิ ก็เป็นที่พูดถึง
กองทัพหุ่นยนต์…สี่คนที่โดนฆ่าไป
กองทัพปิศาจ…สองคนโดนฆ่า
กองทัพแมลง….สามคนที่โดนฆ่า
“ดาบสายน้ำ ผู้นี้แน่นอนว่าต้องแข็งแกร่งนักสะกดจิต ระดับ
จักรพรรดิ ทั้งสี่คนต่างก็ตายด้วยมือเขา ข้าได้ยินมาว่าการป้องกันของเขานั้นสูงมาก และสามารถที่จะทนการระเบิดของ คริสตัลเปลวไฟเทพเจ้า ที่แข็งแกร่งที่สุดได้! ทักษะการป้องกัน การต่อสู้ การป้องกันทางวิญญาณ…ทั้งสองนั้นแข็งแกร่ง เขาน่ากลัวอย่างมาก”
“ดาบสายน้ำ ผู้น่ากลัว”
…
ชื่อของ ดาบสายน้ำ โด่งดังขึ้นมาอีกครั้งหลังจากเงียบไปกว่า 6,000 ปี
ครั้งสุดท้าย ดาบสายน้ำ ได้ทำให้ ศรคลั่ง เป็นทาสของเขาและสามารถทน คริสตัลเปลวไฟเทพเจ้า ที่แข็งแกร่งที่สุดได้ การป้องกันของเขาทำให้หลายคนไม่อาจจะประมาทเขา แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม…จากสิ่งที่เกิดขึ้น เขาก็ยังคงพึ่งองค์ประกอบภายนอกในการฆ่าผู้คนมากมาย
แต่ในครั้งนี้!
การตายของนักสะกดจิตทั้งหลายนั้นต่างก็ทำให้นักรบคนอื่นๆ ต่างก็
กลัว
การโจมตีทางกายภาพ?
การโจมตีวิญญาณ?
ดาบสายน้ำ สามารถทนมันได้หมด แล้วพวกเขาจะจัดการกับนักรบที่
แข็งแกร่งที่ซึ่งไม่มีจุดอ่อนได้ยังไง?
…
แม้ว่าชื่อของเขาจะเป็นที่พูดถึงกันอย่างรวดเร็วแต่ในเวลาอันสั้นมันก็
ไม่ได้ฟังดูเกินไป
******
ในการล่าครั้งที่ 2 ของวันที่ 5 ภายในเกาะที่ลุกไหม้ มนุษย์ที่
เหมือนกับเงาที่มีคริสตัลฝังตามร่างกายได้ยืนนิ่ง รอบตัวเขาปกคลุมไปด้วยคริสตัลเล็กๆ จากที่มองดูแล้วเขาเหมือนมนุษย์เพชร!
เขานอนลงบนเกาะนั้น
ชิ้ง….
การควบคุมจิตวิญญาณภายในตัวนั้น กำลังดิ้นรนอย่างบ้างคลั่งแต่
หลังจากที่เจอพิษ เฟว่ยม่อ เข้าโจมตี เขาก็เหลือร่างกาย อมตะ แค่ 36% และความแข็งแกร่งของเขาก็ลดลงไปอย่างมาก ในไม่กี่วันที่ผ่านมา หลัวเฟิง ได้ทำการสู้ 3 ครั้งต่อวันและในการต่อสู้แต่ละครั้งจะกินเวลาแค่ไม่กี่นาที
แล้วเวลาที่เหลือเขาทำอะไร
เขาทำการศึกษาการควบคุมหมื่นวิญญาณ เขาได้ผสานพลังกฎเข้าไปเพื่อทำให้มันทรงพลังยิ่งกว่าเดิม เขาศึกษามันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้เทคนิคนี้ถูกขัดเกลามากกว่าเดิม
“ยอมซะ!” หลัวเฟิง รู้สึกว่าการต้านทานของศัตรูนั้นแข็งแกร่งขึ้น
ครืน!
เส้นพลังจิตวิญญาณมากมายได้บุกเข้าไปในจิตวิญญาณของอีกฝ่าย
สำเร็จ!
“ในที่สุดข้าก็ทำสำเร็จ” ตาของเขาเผยความดีใจออกมา มันไม่ง่ายเลยสักนิด เพราะเขาได้ทุ่มเทไปมาก ด้วยการใช้ความสามารถของหอคอยในการเลือกเป้าหมาย ต้องพยายามอยู่หลายครั้งกว่าจะทำสำเร็จเป็นครั้งแรก
“เผ่าปาลูว้า” หลัวเฟิง มองไปที่มนุษย์เพชร
เขาลุกขึ้นยืน สายตาเขามองมาที่ หลัวเฟิง ด้วยความเคารพ หลัวเฟิง กลายเป็นคนที่สำคัญที่สุดของเขา เขาโค้งให้ด้วยท่าทีเคารพ “นายท่าน”
“อืม” หลัวเฟิง พยักหน้าแล้วยิ้มออกมา “จักรพรรดิ ใจมั่น”
ซู่!
เงาหนึ่งได้พุ่งเข้ามา มันคือ ศรคลั่ง เขาได้มายืนข้างๆ และพูดด้วยความนอบน้อม “นายท่าน ข้าได้ฆ่านักรบอีกสองคนแล้ว พวกนั้นทิ้งของพวกนี้ไว้”
“ฮ่า ฮ่า…” หลัวเฟิง อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
ศรคลั่ง มองไปที่ ใจมั่น และพูดออกมาทันที “ยินดีด้วยนายท่านกับ
การควบคุม ใจมั่น”
“มันไม่ง่ายเลย ไม่ง่ายเลยสักนิด ข้าได้ใช้เวลาและความทุ่มเทอย่าง
หนักกว่าจะได้มา” หลัวเฟิง หัวเราะต่อ “โชคดีที่พิษ เฟว่ยม่อ นั้น
แข็งแกร่ง ทำให้เขาเสียพลังไปเยอะ จากนั้นข้าจึงทำสำเร็จ ด้วยการที่มีเขาแล้ว…มันจะง่ายกว่าเดิมในการหาทาส”
ใจมั่น สามารถเผาร่างกาย อมตะ ของตัวเองทำให้การควบคุมจิต
วิญญาณของเขาเพิ่มพลังขึ้นมา วิธีนี้โอกาสในการควบคุมทาสคนอื่นจะสูงกว่าเดิม
“ด้วยการที่เขาอยู่ด้วย เป้าหมายของเราคือจักรพรรดิระดับขีดจำกัด”
หลัวเฟิง เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน
“ไปพักซะ ใจมั่น ฟื้นฟูความแข็งแกร่งของเจ้าซะ”
หลัวเฟิง เอาของบางอย่างออกมาเพื่อช่วย ใจมั่น ในการฟื้นตัว ยังไงซะเขาก็ได้ฆ่าจักรพรรดิมามากมายและพวกนั้นต่างก็มีของเพื่อทำการฟื้นฟู ชัดแล้วว่ามันเก็บไว้ใช้ในยามฉุกเฉินเพื่อฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
ตอนนี้ หลัวเฟิง ได้เอามันให้กับ ใจมั่น
มันไม่มีทางเลือกอื่น!
แค่ฟื้นตัว ใจมั่น ถึงจะเป็นประโยชน์สำหรับเขา
…
ทุกอย่างเป็นไปตามแผนของ หลัวเฟิง หลังจากที่เขาได้ ใจมั่น มา การควบคุมของเขาได้พัฒนาขึ้นอย่างมาก ปัญหาเดียวคือเขาไม่สามารถให้ศัตรูเผาร่างอมตะของตัวเองได้ ในตอนที่พวกนั้นทำ…แม้ว่า ใจมั่น จะเผาร่างอมตะของตนแต่การควบคุมพวกนั้นก็ยังยากอยู่ดี
ก่อนหน้านี้ที่ไม่มี ใจมั่น มาช่วย ในตอนที่ศัตรูเผาร่างอมตะตัวเอง หลัวเฟิง ก็จะยอมแพ้ในการควบคุมและเลือกที่จะฆ่าพวกนั้นแทน
ด้วย ปีกซือหวู๋อ และแผนที่ดวงดาวบ เขาสามารถที่จะฆ่าพวกนั้นได้
ศรคลั่ง มีนาฬิกาโบราณกับตัวและเขาไม่กลัวศัตรูที่เผาร่างอมตะของ
ตัวเอง เขาเองก็สามารถฆ่าพวกนั้นได้ง่ายๆ
…
หลังจากที่ได้ ใจมั่น มา โอกาสสำเร็จของ หลัวเฟิง ได้เพิ่มขึ้นจาก 20% มาเป็น 33% ดังนั้นเขาจึงเริ่มที่จะไม่แสดงตัวแต่ปล่อยให้ทาสเคลื่อนไหวแทน จักรพรรดิระดับขีดจำกัดสองคนร่วมมือกันพร้อมกับสมบัติที่เขาให้ไป…พิษ เฟว่ยม่อ และผนึกดวงดาว การล่าเริ่มต้นขึ้น
ทุกครั้งที่ผนึกดวงดาวนั้นตกลงมา มันจะเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่ ผนึกดวงดาวเกือบทุกอันล้วนแต่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์
ดังนั้น…
แม้ว่าเขาจะทาสลงมือ แต่เขาก็บอกพวกนั้นอย่างเคร่งครัดให้ใช้
ความสามารถในการผนึกออกมา ใช้แค่ใส่ลูกบอลคริสตัลเพื่อทำการ
โจมตีเท่านั้น!
ด้วยผนึกดวงดาวที่หลอมรวมกับกฎเหล่านี้…แค่ความสามารถในการโจมตีของมันแม้ว่าจะห่างจากความแข็งแกร่งในการผนึกแต่มันก็ทรงพลังเพียงพอ ยังไงซะแผน…ก็คือใช้มันเพื่อโจมตี
มันได้กลายเป็นลูกบอลคริสตัลเพื่อโจมตี
นักรบคนอื่นคงจะไม่รู้ว่ามันคือผนึกดวงดาว ยังไงซะมันก็ถูกใช้จริง
มากกว่าการผนึกศัตรู!
และคริสตัลพวกนี้ก็ยากที่จะตรวจสอบได้
“ผนึกดวงดาวเชื่อมต่อกับหอคอยดวงดาว”
“นี่มันไม่อาจเปิดเผยได้”
“เจ้าสองคน นอกซะจากว่าข้าจะอนุญาต เจ้าต้องห้ามใช้ความสามารถในการผนึกของมัน” หลัวเฟิง สั่งการอย่างเคร่งครัด ไม่ใช่แค่กับทาสแต่เป็นตัวเขาเองด้วย เขาใช้มันได้แค่โจมตี และนอกซะจากว่าวิกฤตจริงๆ เขาจะไม่มีทางให้ทาสใช้มัน หลังจากที่สู้จบ เขาจะเก็บมันกลับคืนเพื่อกันไม่ให้ทาสของเขาที่ถูกฆ่าแล้วคนอื่นจะได้มันไป เขาไม่ได้ให้มันกับอาจารย์ของเขาด้วยซ้ำ
ยังไงซะ…หอคอยดวงดาวก็ถือว่ามีความหมายที่เขาไม่อาจจะเดิมพันกับอันตรายไหนๆ ได้
การล่าทั้งหมดอยู่ในอาณาเขตของตัวเองซึ่งก็คือหอคอยดวงดาว ทุก
อย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา เพราะแบบนี้เขาจึงมั่นใจมากพอที่จะให้ทาสใช้ผนึกดวงดาวเหล่านี้
…
ไม่ต้องสงสัยเลย
ประสิทธิภาพของมันทำให้เขาแปลกใจอย่างมาก