ตอนที่ 957 : การต่อสู้ทั้ง 620,000 ครั้ง!!!
แสงนับไม่ถ้วนได้ทำการล้อมรอบ เกาะบัวฮิเนียล เอาไว้และรัศมีของมันก็แสดงให้เห็นถึงพลังกฎจักรวาลอันลึกลับที่ส่องประกายไปทั่วท้องฟ้า
เกาะบัวฮิเนียล นั้นคือวังจนไปถึงบ้านของหลากหลายเผ่าพันธุ์พันธุ์ ในวังแห่งหนึ่งมีรูปปั้นดาบโบราณมากมาย อยู่ๆ ประตูของวังนี้ก็เปิดออกและได้มีร่างหนึ่งได้เดินออกมา สายตานั้นคมกริบราวกับดาบและได้มีรูปดาบเจ็ดรอยปรากฏอยู่ที่คิ้วของชายคนนี้ซึ่งเขาใส่ชุดเกราะสีม่วงที่ดูคล้ายกับดาบของเขาด้วย
สองร่างจากเผ่าพันธุ์อื่นตะโกนออกมาเมื่อเห็นร่างนี้จากไกลๆ
“เจ็ดดาบ! ดาบสายน้ำ จากเผ่าพันธุ์มนุษย์นั้นน่าจะมีอะไรพิเศษ”
“เจ็ดดาบ เจ้าได้ท้าเขาสู้ด้วยหรือไม่?”
เจ็ดดาบ ได้รับสมบัติมากมายมาจากดินแดนแห่งสมบัติและผลก็คือเขาเป็นที่โด่งดังไปทั่ว เกาะบัวฮิเนียล อีกอย่างแล้วสมบัติที่ถูกพบในที่ที่ ผู้ยิ่งใหญ่ ของสำนักได้เก็บไว้เพื่อหาคนสืบทอดของมัน!
เจ็ดดาบ นั้นอาจจะสู้อยู่ในโลกแห่งเกียรติมา เขาสามารถทำให้ผู้อื่นกลัวได้ด้วยมรดก การสืบทอดสัตว์เทพอสูร และ ความสามารถในการเอาตัวรอดที่ร้ายกายในโลกจริง โชคของเขานั้นทำให้ผู้คนมากมายในบรรดาเผ่าพันธุ์มนุษย์นั้นอิจฉา
ต้องขอบคุณ การสืบทอด เจ็ดดาบ และ เปลวไฟลวงตา นั้นได้กลายเป็นระดับอมตะที่มีพรสวรรค์ของรุ่น ที่ได้รับการฝึกอันเข้มข้นโดยเผ่าพันธุ์มนุษย์
การสืบทอดสัตว์เทพอสูร นั้นได้ทำให้ฐานะของ เจ็ดดาบ นั้นเหนือกว่า เปลวไฟลวงตา ในหมู่มนุษย์ แต่มีหลายเผ่าพันธุ์พันธ์ที่ยังไม่รู้ว่าสมบัตินั้นคืออะไร เนื่องจาก เจ็ดดาบ ได้เก็บมันไว้เป็นความลับกับตัวเอง
แม้แต่เผ่าพันธุ์หุ่นยนต์ซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์พันธุ์ที่สุดยอดก็รู้แค่ว่าเขาได้รับสมบัติอย่างมากเท่านั้น
ดินแดนแห่งสมบัตินั้นมีสมบัติมากมายที่เทพอสูรของสำนักได้ทิ้งไว้ รวมไปถึงผู้พิทักษ์สัตว์เทพอสูรและ สิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่ต่างๆด้วย
สำหรับว่าสมบัตินั้นคืออะไร มันยากที่จะบอกได้ สมบัตินั้นไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับเส้นทางสัตว์เทพอสูร ยกตัวอย่างเช่นหาก หลัวเฟิงมีฐานะที่สูงขึ้นในอนาคต เขาก็สามารถเอาสมบัติที่เขาได้รับมาทิ้งไว้ในดินแดนแห่งสมบัติได้
ดังนั้นนอกจาก เจ็ดดาบ และพวกศิษย์พี่ของมนุษย์ที่สำนักแห่งนี้แล้ว ไม่มีเลยสักฝ่ายที่รู้ว่าสิ่งที่ เจ็ดดาบ ได้รับมานั้นน่าทึ่งเพียงใด ไม่งั้นแล้วคงจะไม่มีใครที่พยายามฆ่าเขาแน่
เจ็ดดาบ หัวเราะออกมาพร้อมตาที่คมกริบขึ้นมา “ฮ่า ฮ่า! เขาเองก็เป็นมนุษย์ มีผู้แข็งแกร่งของเผ่าพันธุ์อื่นมากมายที่ท้าทายเขา ทำไมข้าต้องไปท้าเขาสู้ด้วย? เจ้ารู้หรือไม่ว่า ดาบสายน้ำ รับคำท้าทายมากเพียงใด?”
“หากเจ้าไม่รู้ ทำไมเจ้าคิดว่าเราจะรู้? ที่เรารู้ก็แค่จำนวนนั้นมันมากกว่าหมื่นอันแล้ว”
จากนั้นทั้งสองก็ก้าวถอยกลับไปทีละก้าวโดยมีระยะทางถึง 600 ไมล์ก่อนจะหายไป
เจ็ดดาบ ที่ยืนอยู่หน้าวังนั้นได้พึมพำ กับตัวเอง “กว่าหมื่นอันงั้นรึ? ดาบสายน้ำ นั้นคือผู้มีพรสวรรค์ไร้เทียมทานที่สุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์งั้นรึ? ข้าไม่มีทางยอมรับว่าพ่ายแพ้ให้กับ ดาบสายน้ำ ง่ายๆ”
ด้วยการที่ได้สมบัติใหม่มา ดาบสายน้ำ นั้นเชื่อว่าเขานั้นเหนือกว่า เปลวไฟลวงตา ดังนั้นจึงได้กลายเป็นที่หนึ่งของรุ่นในหมู่มนุษย์แต่ตอนนี้ ดาบสายน้ำ นั้นขึ้นมาขวางทางเขาไว้
“ระหว่างที่สู้ในหอคอยดวงดาวในสนามรบเขตนอก เจ้านั้นไร้ค่าจนข้าแทบจะไม่มองเจ้า” เจ็ดดาบ พูดขึ้นมา “ที่น่าแปลกใจนั้นคือเจ้าเป็นระดับห้วงมิติ ข้ารู้ว่าเจ้านั้นจะยอมรับการท้าทายอย่างบ้าคลั่ง นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าได้รับความสนใจจากข้า ข้าอยากเห็นความแข็งแกร่งของเจ้า สำหรับผู้มีพรสวรรค์ของมนุษย์ แม้แต่อาจารย์ข้าก็คิดว่าเจ้านั้นยอดเยี่ยมกว่าข้า…ข้าไม่รู้ว่าเจ้ามั่นใจเกินเหตุรึแค่ตกลงรับการต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง ไม่นานเจ้าจะตระหนักได้ว่าศิษย์ที่นี่เองต่างก็มีพรสวรรค์ แม้แต่ข้า
ก็อยู่แค่ระดับกลางของโลกแห่งเกียรติ เจ้าจะรู้ถึงความจริงอันโหดร้ายในไม่ช้าเอง”
******
ในใจกลางของสำนักเทพอสูรบรรพกาล
วังสัตว์เทพอสูรสายฟ้าคือหนึ่งในแปดวังที่มีไว้ให้กับสัตว์เทพอสูร วังแห่งนี้ดูสง่าผ่าเผยโดยสูงกว่า 60 ล้านไมล์ ด้านในวังนั้นคือมิติแห่งเวลาที่มีฉากมากมายรวมไปถึงแม่น้ำ ภูเขา ทะเลทราย พื้นทีน้ำแข็งและหิมะ
ลึกเข้าไปที่เทือกเขาทั้งหลาย มีเสียงหนึ่งที่ดังขึ้นมาซ้า ๆ ราวกับเสียงหายใจ
ฮ่า! ฮู่!
ฮ่า! ฮู่!
เส้นผ่านศูนย์กลางของมิติเวลานั้นมากกว่าหนึ่งปีแสงและทุกการ ‘ฮ่า’ นั้นจะทำให้รอบๆ เกิดสายฟ้าขึ้นมาและทุกการ ‘ฮู่’ นั้นจะทำให้รอบๆ เกิดลมที่โหมกระหน่ำ ทำลายภูเขาอีกทั้งยังทำให้แม่น้ำนั้นเหือดแห้ง อีกทั้งยังพัดผาทรายจนเกิดเป็นพายุขึ้นในทะเลทราย โชคดีที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นในมิติเวลาแห่งนี้
“ใครกันที่มารบกวนการหลับใหลของข้า?” เสียงนั้นดังก้องขึ้นมา
ยอดเขาหลายแห่ของภูเขานับไม่ถ้วนนั้นถูกผลักตัวขึ้นด้านบน สัตว์เทพอสูรที่มีเท้าสามกีบขนาดใหญ่และมีปีกซึ่งตัวปกคลุมไปด้วยเส้นผมสีเขียวยาวกว่า 50,000 ไมล์ได้ลุกขึ้นยืน แต่ละก้าวนั้นทำให้พื้นดินสั่นสะเทือนอีกทั้งยังทำให้ภูเขาต้องพังทลายลง
“เหตุใดข้าจึงต้องจัดการเรื่องเล็กน้อยของสำนักด้วย?” มันได้คำรามออกมา “สัตว์เทพอสูรอื่นๆ อีกเจ็ดตัวนั้นหายไปไหนก็ไม่รู้ ในตอนนี้ข้าคือผู้เดียวที่ต้องอยู่ที่นี่มากว่า 100 ล้านยุค เฮ้อ! ข้าหลับไปนานแค่ไหนกัน? กว่า 30 ล้านยุค ข้าจะออกไปได้ก็ต่อเมื่ออยู่ที่นี่อีก 70 ล้านยุค”
มิติเวลานั้นสั่นไหวในตอนที่สัตว์เทพอสูรตัวนี้ได้ก้าวออกมาข้างหน้า
“เข้ามา!” สัตว์เทพอสูรสายฟ้าได้พูดขึ้น
มิติเวลาของวังสัตว์เทพอสูรได้เปิดออกและ นายพล ที่ได้รออยู่ด้านนอกก็ได้เข้ามาในวัง
“ขอคำนับ สัตว์สอูรเทพ” เสียงนั้นพูดขึ้น “ข้าคือ นายพลเลือดอัคคี”
นายพลเลือดอัคคี นั้นบินเข้ามายืนอยู่ที่ยอดเขาแห่งหนึ่งและมองไปยังสัตว์เทพอสูรซึ่งตัวใหญ่ยิ่งกว่าภูเขาแม้ว่าจะมองจากไกลๆ
“ข้าบอกเจ้าแล้วว่าอย่ารบกวนการหลับใหลของข้านอกซะจากว่ามีเรื่องสำคัญจริงๆ” สัตว์เทพอสูรสายฟ้าพูดขึ้นมาพร้อมกับลมที่พ่นออกมาจากรูจมูกนั้นได้กวาดทุกอย่างบนภูเขารอบๆ ออกไป ในท้องฟ้านั้นมีสายฟ้าปะทุขึ้นมาราวกับมันแสดงความหงุดหงิดของสัตว์เทพอสูรสายฟ้า
นายพลเลือดอัคคี ได้ทำการคำนับอีกฝ่ายและพูดขึ้นมา “สัตว์เทพอสูร นี่คือเรื่องสำคัญ”
ระบบดำเนินการของสำนักนั้นถูกทิ้งให้เป็นหน้าที่ของ นายพลเลือดอัคคี ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องแก้ปัญหาด้วยตัวเอง สัตว์เทพอสูรนั้นขี้เกียจ พวกเขาไม่สนที่จะเชื่อมต่อการรับรู้ของตนเข้ากับโลกแห่งเกียรติ ชัดแล้วว่าการแบ่งปันการรับรู้ของโลกแห่งเกียรตินี้ทำให้พวกสัตว์เทพอสูรนั้นหงุดหงิด
“พูดมา” สัตว์เทพอสูรสายฟ้าสั่งการออกมาและมองมายัง นายพลเลือดอัคคี
ด้วยการได้รับตำแหน่ง นายพล นายพลเลือดอัคคี จึงมีความแข็งแกร่ง
ที่เทียบเท่าได้กับ เจ้าแห่งจักรวาล ทั่วๆ ไปได้ สำหรับสัตว์เทพอสูรสายฟ้า เมื่อมันได้รับการสืบทอดฐานะของสัตว์เทพอสูรจึงทำให้ความแข็งแกร่งของมันนั้นมากขึ้นไปอีก
“เราพบผู้มีพรสวรรค์ที่คู่ควรกับการได้รับการฝึกจากสำนัก” นายพลเลือดอัคคี พูดขึ้นมา
“ผู้มีพรสวรรค์? เจ้าปลุกข้าขึ้นมาเพราะเรื่องแค่นี้งั้นรึ?” สายฟ้าปรากฏขึ้นในดวงตาของสัตว์สอูรเทพสายฟ้า
“เขาเป็นเพียง ระดับห้วงมิติ แต่เขานั้นสามารถโจมตีและฆ่าจักรพรรดิระดับขีดจำกัดได้” นายพลเลือดอัคคี พูดขึ้น
“หืม?” สัตว์สอูรเทพสายฟ้า พูดขึ้น “สิ่งมีชีวิตพิเศษงั้นรึ?”
ตาของสัตว์เทพอสูรเป็นประกายขึ้นมา สำนักเทพอสูรบรรพกาล นั้นต้องการที่จะบ่มเพาะสิ่งมีชีวิตพิเศษ ยกตัวอย่างเช่นสมบัติพิเศษที่มอบให้กับ ซูชอง เพื่อการบ่มเพาะของเขา เมื่อสำนักชื่นชมสิ่งมีชีวิตใด การปฏิบัตินั้นจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แต่สำนักนั้นช่างเลือก มันไม่สนผู้ที่มีพรสวรรค์สูงส่งอย่างคาดิด้วยซ้ำ
“ไม่ เขาเป็นมนุษย์” นายพลเลือดอัคคี พูดขึ้น “แต่เขามีความสามารถในการฆ่าจักรพรรดิระดับขีดจำกัดได้ตอนที่เขาอยู่ในช่วง
ระดับห้วงมิติ ด้วยการโจมตีและฆ่าจากทางด้านหน้า”
ตั้งแต่เขาได้รับตำแหน่งจัดการในสำนักมา นายพลเลือดอัคคี ก็ได้มีความรู้มากมาย ในตอนที่เป็นเรื่องพลังกฎ และการทำงานของจักรวาล
ไม่ต้องเดาเลยว่าสำนักเทพอสูรบรรพกาล นั้นมีความเข้าใจมากที่สุด
“ฆ่าจากทางด้านหน้างั้นรึ? นั่นมันขัดจากกฎของจักรวาล” สัตว์เทพอสูรพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
ด้วยสมบัติที่แข็งแกร่งบางอัน มันเป็นไปได้ที่ ระดับห้วงมิติ นั้นจะฆ่าจักรพรรดิได้ด้วยการลอบโจมตี แต่จากด้านหน้า? จักรพรรดิระดับขีดจำกัดนั้นคงจะเอาชนะ ระดับห้วงมิติ ได้อย่างง่ายดายด้วยการโจมตีทางวิญญาณและพลังอมตะ
“ตามข้อมูลของสำนัก ในตอนที่เขาอยู่ในนรกน้ำแข็ง เขานั้นสามารถผนึกกลิ่นอายตัวเองได้ด้วยสมบัติล้ำค่า ดังนั้นเขาจึงสามารถสู้กับจักรพรรดิระดับขีดจำกัดได้” นายพลเลือดอัคคี พูดต่อ “และเขาสามารถทนการโจมตีทางจิตวิญญาณและการโจมตีโดยตรงได้ ความแข็งแกร่งของเขานั้นเพียงพอที่จะฆ่าจักรพรรดิระดับขีดจำกัดได้”
“หืม” มีแสงในตาขนาดใหญ่ของสัตว์เทพอสูร “เขาได้รับการดูแลพิเศษจนทำให้เขาสามารถฝ่าฝืนกฎของจักรวาลได้โดยไม่ถูกกฎนั้นหักห้ามเอาไว้!”
สัตว์เทพอสูรรู้ดีว่านี่มันหมายความว่ายังไง
จักรวาลนั้นยุติธรรม เกราะที่ยกระดับความแข็งแกร่งอย่างเกราะนายพล และเกราะราชานั้นจะเป็นภาระให้กับร่างกายคน ยกตัวอย่างเช่นมีแค่ร่างกายที่แข็งแกร่งกว่าระดับห้วงมิติ 10,000 เท่าที่สามารถใส่เกราะราชาได้ แม้แต่สัตว์เทพอสูรเขาทองก็ใส่มันได้หลังจากที่บ่มเพาะเทคนิคเก้าขั้น ดังนั้นหากไม่มีเทคนิคเก้าขั้น มันเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้เกราะนายพล ราชา วิญญาณนายพลและอื่นๆ
หากไม่มีของเหล่านี้ หลัวเฟิง ที่เป็น ระดับห้วงมิติ นั้นก็แค่ผู้มีพรสวรรค์สูงทั่วไปที่อย่างมากก็พอๆ กับคาดิ แต่คงไม่อาจฆ่าจักรพรรดิขีดจำกัดได้
“ฝ่าฝืนกฎจักรวาลโดยไม่โดนหักห้ามงั้นรึ?” สัตว์เทพอสูรพูดขึ้น “จากนี้ข้าจะให้ความสนใจเขา”
“สัตว์เทพอสูรสายฟ้า” นายพลเลือดอัคคี พูดขึ้นมา “เพราะเขาได้ฆ่าจักรพรรดิขีดจำกัดตอนที่เป็น ระดับห้วงมิติ เขาจึงมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาในจักรวาลแต่เขานั้นเป็นมนุษย์ สิ่งที่เขาทำสำเร็จนั้นน่าทึ่ง ยังไม่มีฝ่ายใดที่เข้าใจถึงผลกระทบยกเว้นเพียงสำนักเทพอสูรบรรพกาล ตั้งแต่ที่เขาไปยังดินแดนแห่งการสืบทอด ศิษย์หลายคนได้ท้าทายเขา ตอนนี้มนุษย์ผู้นั้นได้ยอมรับการท้าทายทุกอัน”
“ทุกอัน?” สัตวเทพอสูรอึ้ง
“ใช่ ทุกอัน กว่า 620,000 อัน”
“620,000?” สัตว์สอูรเทพพูดขึ้น “เขาชื่ออะไรกัน?”
“ดาบสายน้ำ!” นายพลเลือดอัคคี พูดขึ้นมา “ชื่อจริงๆ ของเขาคือ หลัวเฟิง”
“มารอดูผลลัพธ์ของการต่อสู้ทั้ง 620,000 ครั้งกัน” สัตว์เทพอสูรพูดขึ้น “คู่ต่อสู้ของเขาคือผู้ที่มีพรสวรรค์จากทั่วทั้งจักรวาล ข้าอยากรู้ว่ามนุษย์ผู้นี้ที่ซึ่งขัดกับกฎของจักรวาลนั้นจะไปได้ไกลเพียงใด”
******
ในโลกของโลกแห่งเกียรติในทะเลทรายที่ไม่รู้จบ
หลัวเฟิง ใส่ชุดเกราะสีดำ และรองเท้าสีดำ อีกทั้งยังมีปีกที่หลัง ปีกนั้นเป็นวิธีการเดินทางที่สะดวกที่สุดที่ทำให้ หลัวเฟิง บินและหลบได้
“แม้ว่าข้าจะยังไม่เป็นระดับอมตะ แต่ข้าก็รู้สึกได้ร่างอมตะของข้านั้นแข็งแกร่งกว่าพลังของ ระดับห้วงมิติ เป็น 100,000 เท่า” หลัวเฟิง พูดขึ้นพร้อมกับมองไปยังเงาที่อยู่ไกลๆ
สัตว์ประหลาดรูปร่างงูสีเทาเงินนั้นกำลังชูตัวขึ้น หัวรูปร่างสามเหลี่ยมของมันนั้นสูงอย่างมาก ตัวขนาดใหญ่ของมันโผล่ออกมาจากใต้พื้นทราย
หลัวเฟิง ยิ้มออกมาและพูดขึ้น “นี่คือการต่อสู้ครั้งแรกจากทั้ง 620,000 ครั้ง”