Skip to content

Tales of Herding Gods 305

Tales of Herding Gods
BC

ตอนที่ 305 งูเทวะ

C

ในที่สุดผานกงสั่วและคณะก็มาถึงเรือสมบัติ ตลอดทางที่มา นั้นมีผู้คนอีก 20-30 คนที่ทิ้งชีวิตเอาไว้เนื่องจากการโจมตีอัน พิลึกพิลั่นจากสิ่งมีชีวิตในแดนใต้พิภพ

“องค์ชาย วรยุทธ์ของหลวงจีนทั้ง 2 นั้นไม่ตํ่าเลย พวกเขา เข้าใกล้ขั้นยูไล!”

ราชาหมอผีกงมู่เห็น 2 หลวงจีนนั่งอยู่บนผนังผา 2 แห่งและ ดวงตาของเขาก็ลุกวาบ “ร่างเนื้อของพวกเขาสามารถใช้ในการ หลอมสร้างอาวุธได้ค่อนข้างเยี่ยมเลย! ข้าจะไปเอามา!”

ผานกงสั่วไม่คัดค้าง ดังนั้นราชาหมอผีผานกงสั่วจึงรีบนําผู้คน ของเขาขึ้นไปบนวิหารบนหน้าผา มุ่งไปยังกายหยาบของหลวงจีน เฒ่าทั้ง 2

แม้ว่าหลวงจีนเฒ่าจะตายกันไปแล้ว แต่พวกเขาก็ยังคง เปล่งแสงพุทธธรรมออกมา ด้วยเสียงสั่นพ้องของพุทธองค์ พวกเขาก็ป้องกันต่อต้านปราณมารที่พวยพุ่งออกมาจากข้างใน และในพริบตาที่ร่างเนื้อของหลวงจีนทั้ง 2 นี้ถูกเอาออกไป ปราณมารข้างหลังผนึกรังผึ้งก็พลันสะท้านสะเทือนอย่างรุนแรง ทําให้ผนึกคลอนแคลนจากการถูกทุ่มกระแทกอย่างมหาศาลไร้ประมาณ!

ปราณมารไหลบ่าออกมาจากผนึกรังผึ้งโดยฉับพลัน และแรง กระแทกที่เกิดขึ้นทําให้เกิดรอยร้าวบนผนึกมากขึ้นไปอีก รอยร้าว เก่าก็ยิ่งถ่างกว้างออกไปมากขึ้นเยอะ

เสียงตึมๆ ทึบแน่นดังมาจากที่ใดก็ไม่อาจระบุได้เบื้องหลังผนึก และปราณมารพลันหดถอยกลับไปข้างหลังผนึกรังผึ้ง แรงกระแทก อันน่าสะพรึงกลัวที่โถมทุ่มใส่ผนึกเมื่อครู่นี้ก็พลันเงียบลง

ความเงียบสงัดนี้ไม่ปกติ

“ข้ามาถึงที่นี่ในที่สุด มายังเรือเหาะที่บรรจุความหวังบรรลุเป็น เทพของข้า!”

ผานกงสั่วมองไปยังเรือจากอวกาศนอกโลกและหัวใจอันสงบ นิ่งของเขาก็พลันตื่นเต้น เขาทะยานขึ้นไปบนอากาศด้วยดอกบัว อันเบ่งบานใต้ฝ่าเท้า

ทุกคนขึ้นไปบนเรือและมองดูรอบๆ ทันใดนั้นหมอผีใหญ่ก็พบ ประตูที่เปิดอ้าไว้อยู่และรีบรายงานเขา

ผานกงสั่วพาทุกๆ คนเข้าไปในห้อง ขณะที่ทหารจํานวนหนึ่ง ยังคงรั้งอยู่ข้างนอกเพื่อสํารวจเส้นทาง เมื่อพวกเขากลับเข้าไปใน ห้อง ประตูก็งับปิดตามหลัง และทหารพวกนี้เปิดมันอีกครั้ง พวก เขาก็ไม่พบเจอผานกงสั่วและกลุ่มที่แยกไปอีกเลย

“อย่าเดินออกไป!” ผานกงสั่วมีสีหน้าเครียดขรึม เมื่อเขาศึกษาประตูอย่างละเอียดและยิ้มหยัน “เวทมนตร์ซ้อนทับห้วงมิติ แต่ละชั้นร้อยรัดไปยังอีกชั้นหนึ่ง ข้าเคยเห็นบันทึกเกี่ยวกับเวทมนตร์ประเภทนี้ในนครหยกน้อย มันเป็นเวทมนตร์จากยุคสมัยจักรพรรดิก่อตั้ง!”

ราชาหมอผีกงมู่มิได้หลงทางเดินออกไปและกล่าวด้วยความ ลิงโลดเมื่อได้ยินคําพูดของผานกงสั่ว “องค์ชายต้องรู้วิธีแก้ไขมัน แน่ๆ!”

ผานกงสั่วส่ายหน้า “นครหยกน้อยไม่มีบันทึกถึงวิธีไขมันออก แต่ทว่าเวทมนตร์ซ้อนทับนี้เป็นเวทมนตร์ประเภทห้วงมิติและพีชคณิต ความสําเร็จในด้านพีชคณิตของข้านั้นสูงลํ้า ถึงขั้นที่แม้แต่เจ้าสํานักเต๋าก็อาจจะไม่เก่งกาจไปกว่าข้า การคํานวณวิธีไขเวทมนตร์นี้ไม่ใช่เรื่องยาก! พวกเราไปกัน ข้าอยากจะเห็นนักว่าเวทมนตร์ซ้อนทับจะจะขวางข้าได้ไหม!”

ในห้องหนังสือของเรือสมบัติ ฉินมู่ปิดปูมบันทึกวงศาคณา ญาติ คนสุดท้ายของสายเลือดจักรพรรดิก่อตั้งชื่อว่าฉินเฟิ่งชิง หรือว่าเจ้าของเรือลำนี้จะเป็นฉินเฟิ่งชิง? ตระกูลฉินของจักรพรรดิก่อตั้งสืบทอดยาวไกลมาจากอดีตกาลอันมืดมัว มันคือครอบครัวที่ ทรงอิทธิพลอำนาจเป็นเวลาหลายชั่วคน ฉินเฟิ่งชิงมีแซ่ฉิ หรือว่าเขาจะมีสายเลือดข้องเกี่ยกับข้า?

ฉินมู่กําลังจะเก็บปูมวงศาคณาญาติกลับไปยังชั้นหนังสือ แต่ พลันแรงดลใจประหลาดทําให้เขาเปลี่ยนใจและยัดมันลงไปในถุง เต๋าตี้แทน

ขณะที่เขาเก็บปูมวงศาคณาญาตินั่นเอง เขาก็เห็นผู้เฒ่าจาก ภาพวาดโผล่ออกมาและวิ่งไปบนโต๊ะ ปรากฏขึ้น บนกระดาษที่อยู่ ตรงนั้น

ฉินมู่กําลังจะจับตัวคนประหลาดจากภาพวาดผู้นี้ แต่ทันใดก็มี เงาร่างผู้หนึ่งปรากฏวาบเบื้องหน้าเขา เป็นชายหนุ่มที่ปรากฏ ตรงหน้าโต๊ะและเดินตรงมายังฉินมู่อย่างรวดเร็วเกินกว่าที่ฉินมู่จะ หลบเลี่ยงเขาทัน แต่ร่างของชายผู้นั้นผ่านตัวเขาไป เขานั้นเป็น เพียงเงาร่าง

ชายผู้นั้นมีท่วงทีอันโดดเด่นเหนือธรรมดา และรูปร่างหน้าตา เขาให้ความรู้สึกคุ้นเคยรักใคร่แก่ฉินมู่ตอนที่เงานั้นผ่านตัวเขาไป

ฉินมู่ตกตะลึงและหันกลับไปอย่างเร่งร้อน เขาเห็นชายหนุ่มใน ชุดขาวผู้นั้นเดินไปอย่างไม่รีบเร่งจนกระทั่งเขาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า กําแพงและทํากิริยาของการเปิดประตู จากนั้นเขาก็หายวับ

ฉินมู่รีบก้าวไปข้างหน้าและเห็นประตูอยู่ตรงนั้นจริงๆ เขาเปิด มันออกก้าวเดินเข้าไป และเห็นชายในชุดขาวอีกครั้ง สถานที่พวก เขาเข้ามานั้นเต็มไปด้วยผู้คนเดินกันขวักไขว่ มีเงาร่างปรากฏที่ นั่นมากมาย และฉินมู่ก็ไม่รู้ว่าพวกเขามาจากที่ไหนกัน

เขานั้นตั้งตัวไม่ติด และผู้คนมากมายก็เดินทะลุร่างของเขา พวกเขาทั้งหมดดูวุ่นวายกับธุระของตนมาก ดังนั้นน่าจะเพิ่งเกิด อะไรสักอย่างขึ้นมา ท่ามกลางพวกเขา มีบางคนที่ไม่อาจยืนได้มั่น จึงล้มกลิ้งไปทั้งซ้ายและขวา

ดูเหมือนว่าเรือเหาะจะประสบแรงกระแทกอันร้ายกาจที่รุนแรง เป็นอย่างยิ่งและทําให้ผู้คนในห้องโถงนี้ปลิวกระเด็นกระดอน มีบาง คนที่ได้รับบาดเจ็บหนักและกระอักเลือดออกมา

ชายในชุดขาววาดมือขึ้น   และผู้คนที่ปลิวไปในอากาศก็ค่อยๆ

ร่วงลงสู่พื้น แม้ว่าเรือจะยังคงสั่นสะท้านย่างรุนแรง ทุกคนก็สามารถ ยืนได้อย่างมั่นคงกับที่

หญิงผู้หนึ่งด้วยท่วงทีอันงามสง่าเดินเข้ามายังชายในชุดขาว แต่ฉินมู่ไม่อาจได้ยินว่าทั้งคู่พูดคุยอะไรกัน ชายหนุ่มคนนั้นดู เหมือนกับจะปลอบโยนหญิงสาวก่อนที่จะเดินออกไป

ฉินมู่จับจ้องมองที่ร่างของหญิงผู้นั้น และความรู้สึกสับสนได้ฝัง เข้าในจิตใจของเขา เขารู้สึกถึงความคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูกกับ นาง ราวกับว่านางคือใครบางคนที่ใกล้ชิดสนิทกับเขา

เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ท้ายที่สุดก็เดินตามชายในชุดขาวไป ชายผู้นั้นเดินผ่านโถงทางเดินยาว ผ่านประตูแล้วประตูเล่า

และหลังจากนั้นเขาก็โบกมือวูบ กระบี่เล่มหนึ่งพลันบินมาอยู่ที่หลัง ของเขา ฉินมู่ก้าวตามไปติดๆ

ตะลึงเล็กน้อยกับกิริยาสุดท้ายของชายผู้นั้น ฉินมู่เรียกกระบี่ไร้ กังวลออกมาเทียบเคียง มันสั่นเทิ้มเล็กน้อยเมื่อฉินมู่เห็นว่ามัน น่าจะเป็นกระบี่เล่มเดียวกันกับภาพเงาตรงหน้า

ชายในชุดขาวเดินไปยังกราบเรือ และเงยศีรษะขึ้นไปมอง ท้องฟ้าเพื่อกล่าวอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นท้องฟ้าก็สะท้านสะเทือน อย่างรุนแรง และงูยักษ์มหึมาก็ปรากฏออกมาด้วยปากอันอ้ากว้าง

งูนั้นดูราวจะอยู่ห่างไกลออกไปจากพวกเขาเป็นอย่างยิ่ง ใน ท้องฟ้าอันมืดมิด มีสิ่งหนึ่งอยู่บนนั้นซึ่งมองเห็นก็เพียงแต่ศีรษะและ ลําคอ ส่วนร่างของมันซ่อนอยู่ในความมืด

บนศีรษะของงูนี้มีตัวตนอันน่าสะพรึงกลัวมากมายยืนอยู่ พวก เขาเหล่านั้นดูไม่เหมือนมนุษย์ พวกเขาดูคล้ายกับเทวรูปในวิหาร ต่างๆ แห่งแดนโบราณวินาศ แตกต่างก็เพียงแค่พวกเขาเป็นเทพ เจ้าที่มีชีวิต

พวกเขากําลังโจมตีเรือเหาะ และแต่ละการโจมตีให้ความรู้สึก เหมือนกําลังทําลายล้างโลก

ฉินมู่ถูกดึงดูดจากเพลงกระบี่ของชายในชุดขาว ก็ในเมื่อ เพลงกระบี่เหล่านี้ดูไม่เหมือนมาจากโลกปุถุชน พวกมันมีเสน่ห์อันมหัศจรรย์ เสน่ห์เช่นนี้ให้ความรู้สึกคล้ายกับเต๋าแก่ฉินมู่ เต๋าอัน ผู้ใหญ่บ้านเคยกล่าวถึงมาก่อน

ที่แตกต่างกันก็คือ ผู้ใหญ่บ้านกล่าวว่าเพลงกระบี่เข้าใกล้เต๋า ส่วนเจ้าสํานักเต๋ากล่าวว่าตรรกะเหตุผลคณิตศาสตร์เข้าใกล้เต๋า

เพลงกระบี่ของชายในชุดขาวมีมรรคาเต๋าที่แตกต่างไป ผู้ใหญ่บ้านและเจ้าสํานักเต๋า มันมีมรรคากระบี่ที่แตกต่างออกไป แฝงฝังอยู่ในนั้น แต่ฉินมู่มองไม่ออกว่ามันคืออะไรกันแน่

สายตาตัดสินของเขายังไม่ถึงระดับที่จะแยกแยะออกได้ เขานั้นมองมันด้วยความลุ่มหลง สิ่งที่เขาเรียนรู้มาในอดีตล้วน

แต่เป็นวิชา และเขาก็ได้เรียนรู้มันจนถึงสุดขีดขั้วดังนั้นเพลงกระบี่

ของเขาจึงได้รับการชื่นชมว่าแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง เมื่อผู้ใหญ่บ้าน ให้เขาสืบทอดตําแหน่งกษัตริย์มนุษย์และขัดเกลาเพลงกระบี่ของ เขาในหมู่บ้าน เขาก็ได้เข้าสู่ขั้นของทักษะ จุดเริ่มต้นของการเริ่ม ก่อตั้งเพลงกระบี่ของตนเอง

หลังจากนั้น เขาก็ได้รับการชี้แนะจากราชครูสันตินิรันดร์ และ ความสําเร็จเชิงกระบี่ของเขาในขั้นทักษะก็เติบโตขึ้นไปอีก กลายเป็นลึกลํ้ามากขึ้นทุกที

ที่ขั้นของทักษะนี้ เขาสามารถถูกเรียกได้ว่าเป็นปรมาจารย์ เหนือจากขั้นทักษะไป ยังมีขั้นของมรรคาเต๋า นั่นคือระดับที่

ผู้ใหญ่บ้านหรือแม้กระทั่งเจ้าสํานักเต๋าก็ยังไปไม่ถึง ราชครูสันตินิ

รันดร์ก็ยังห่างจากจุดนี้ไปหนึ่งก้าว

บัดนี้เมื่อฉินมู่มองไปยังเพลงกระบี่ของชายในชุดขาว จาก มุมมองของผู้ที่อยู่ในจุดสูงส่งของขั้นทักษะ เขาก็สามารถมองเห็น

ความเพริศแพร้วพิสดารของเพลงกระบี่ สําหรับเขตขั้นมรรคาเต๋า นั้น แม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถตรึกตรองทําความเข้าใจมัน แต่เขาก็ สามารถจับแง่อัศจรรย์ของมันได้อยู่บ้าง

เพลงกระบี่ของชายในชุดขาวเข้าใกล้เต๋าและบรรจุไว้ด้วยแง่ อัศจรรย์อันจริงแท้ ศัตรูของเขาก็แข็งแกร่งอย่างสุดๆ ถึงอย่างไร พวกนั้นก็คือเทพเจ้า แต่พวกนั้นก็ยังคงถูกเขาขัดขวางเอาไว้ได้

ทันใดนั้น เหตุการณ์อันไม่คาดฝันก็อุบัติขึ้น พลังอันร้ายกาจ น่าสะพรึงกลัวสั่นสะท้านกาลและอวกาศ ฝ่ามือหนึ่งฟาดลงมาปะทะ กับกระบี่ไร้กังวล หลอมละลายมัน ตัวใบกระบี่ละลายและหักไป ทํา

ให้เรือร่วงลงมาจากฟากฟ้าตามกระบี่หักลงมาติดๆ และจมลงไปใน ความมืด

ข้างหลังฝ่ามือมหึมานั้น งูยักษ์ก็แบกทวยเทพเข้ามาไล่ตาม เรือเหาะที่อับปางลงไป

ฉินมู่อยู่บนเรือ และเขารู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนขณะที่มันร่วง ลงมาจากฟากฟ้า รูปสลักเทพค้างคาวขาวพุ่งวาบมาปรากฏเบื้อง หน้าเรือเหาะ ก่อนที่เรือนี้จะตกลงไปในพื้นดินและทะลวงทะลุลงไป ใต้พิภพ

เขาพลันรู้สึกถึงแรงสั่นอันร้ายกาจเมื่อเรือผ่านทะลุใต้ดินไปชน เข้ากับผนึกรังผึ้ง

ฉินมู่เห็นการบาดเจ็บล้มตายมากมายบนเรืออันเกิดจากแรง กระแทกนี้ ผู้คนส่วนใหญ่เสียชีวิตไปจากการพุ่งชน หญิงสาวผู้ หนึ่งเดินออกมาและรวบรวมผู้คนที่ยังมีชีวิตอยู่ พาพวกเขาออกไป จากเรือเหาะ และหลบหนีไปทางแดนใต้พิภพ

ชายในชุดขาวได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เขาเลือกที่จะยังรั้งอยู่ บนเรือเพื่อพิทักษ์ปกป้องทางเข้าไปยังแดนใต้พิภพ

ข้างนอกงั้น งูใหญ่ยืดหัวยื่นยาวลงมาในเหวนรกขณะที่เทพ เจ้าผู้ยิ่งยงทั้งหลายยืนอยู่บนหัวของมัน

งูใหญ่ย้อยตัวลงมาและเลื้อยผ่านเวิ้งใต้ดิน ใกล้ก้นเวิ้งใต้ดิน เข้า ไปทุกที

ทันใดนั้น รูปเงาเบื้องหน้าฉินมู่ก็หายวับ ปล่อยให้เขายืน เดียวดายอยู่บนเรือ ด้วยลมหนาวที่เป่าใส่หน้าเขา เสื้อผ้าเขาโบก สะบัดแผ่วเบา

เมื่อหันหน้ากลับไป เขาก็เห็นแต่ความมืดของแดนใต้พิภพ

บัดนี้เขาอยู่ที่กราบเรือของเรือสมบัติ ได้เข้าไปในโลกมิติของ แดนใต้พิ ภพแล้ว

เขาไม่เห็นดวงตาใหญ่มหึมาที่ปรากฏข้างใต้เรือ อันใหญ่เสีย ยิ่งกว่าเรือเหาะ มันกําลังเฝ้ามองเขาด้วยความสนอกสนใจ

ฉินมู่มองไปยังโลกมิติของแดนใต้พิภพอันจมอยู่ในความมืด มันดูน่าหวาดสยองและเต็มไปด้วยสีสันที่นั่น เมื่อมีสิ่งมีชีวิตต่างๆ ทุกสีสันที่เปล่งแสงเรืองรองอยู่ไกลๆ

กลุ่มผู้คนได้เข้าไปในแดนใต้พิภพจากการนําของหญิงผู้นั้น ขณะที่ชายในชุดขาวได้เลือกที่จะรั้งรอขัดขวางการไล่ล่า ยับยั้งงู ยักษ์และทวยเทพทั้งหลายที่ไล่ตามพวกเขามา

ชายในชุดขาวนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่

เขาตายในการต่อสู้ หรือว่าเขายับยั้งขัดขวางเหล่าเทพเจ้า สําเร็จและตามเข้าไปในแดนใต้พิภพเพื่อเสาะหาครอบครัวของ เขา?

พวกเขามาจากหมู่บ้านไร้กังวลหรือเปล่า พวกเขาก็มีแซ่ฉิน หรือว่าพวกเขาจะเป็นญาติของฉินมู่? แล้วพวกที่ไล่ล่าพวกเขามาคือใคร

ฉินมู่ปลุกปลอบขวัญตนเอง บางทีเขาอาจจะแค่ต้องทําให้เรือ นี้เหาะขึ้นมาใหม่ได้ ก็จะสามารถกลับไปยังหมู่บ้านไร้กังวล!

ด้วยหัวใจอันฮึกเหิมติดไฟ เขาเดินตรงไปยังใต้ท้องเรือ มัน จะต้องมีของจําพวกเข็มทิศที่บันทึกเส้นทางไปยังหมู่บ้านไร้กังวล แน่ๆ

ครั้งหนึ่งผู้ใหญ่บ้านเคยให้กระจกแก่เขาและบอกว่ามันคือแผน ที่ไปยังหมู่บ้านไร้กังวล แต่ผู้ใหญ่บ้านได้ปิดผนึกเอาไว้ชั่วคราว จน ต่อเมื่อฉินมู่มีกําลังฝีมือมากพอที่จะทําลายผนึกได้ เขาจึงจะมองเห็นเส้นทาง

กระจกนั้นถูกพบในเรือใหญ่อันมหึมาไร้ใดเปรียบ มันคือเรือที่ มุ่งตรงไปยังหมู่บ้านไร้กังวล แต่ว่ามันถูกทําลายจนพังพินาศ ขณะที่เรือเหาะลํานี้ยังคงสมบูรณ์ดีอยู่มาก ถ้าอย่างนั้น มันจะต้องมี

ของที่คล้ายคลึงกัน…แผนที่อันยังไม่ถูกปิดผนึก!

ฉินมู่ผลักประตูเปิดและเดินไปบนสะพานเรือ ที่กราบเรือ ดวงตามหึมาค่อยๆ ลอยขึ้น และดวงตาอีกดวงก็สุกแสงจ้าไม่แพ้กัน เผยม่านตาขีดขวางดุจอสรพิษ

หัวงูยักษ์ปรากฏขึ้นในความมืดและแลบลิ้นแฉกของมันออก อย่างเงียบเชียบขณะที่มันเฝ้าดูเด็กหนุ่มบนสะพานเรือ

ฉินมู่คล้ายจะสัมผัสอะไรบางอย่างและเหลียวหลังกลับไปดู แต่ เขาไม่เห็นดวงตาสองดวงอันซ่อนอยู่ในความมืดนั้น

AC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!