ตอนที่ 306 กับดัก
“มีอะไรบางอย่างแอบมองข้า!”
ฉินมู่ใจเต้นโครมคราม แม้ว่าเขาจะมองไม่เห็นดวงตาสองดวง ที่ซ่อนอยู่ในความมืด เขาก็รู้สึกได้ถึงสายตาของมัน
เขาหันกลับไป ออกห่างจากสะพาน และหลับตาลงพลางเดิน ออกไปข้างนอก ฝีเท้าเขาไม่ช้าไม่เร็ว และแม้ว่าเขาจะหลับตาลง เขาก็ยังคงเดินเป็นวงกลม วงกลมอันสมบูรณ์
หลังจากที่เขาทําเช่นนั้น ฉินมู่ก็หยุด สาเหตุที่เขาเดินเป็น วงกลมนั้นเพื่อคิดคํานวณตําแหน่งแห่งที่อันแม่นยําของสายตานั้น นี่เกี่ยวข้องกับการใช้ทักษะพีชคณิตมาคํานวณห้วงมิติ
สําหรับคนอื่นๆ เขาคงดูเหมือนเดินกลับไปกลับมาพลางขบคิด แก้ปัญหาบางอย่าง ไม่มีใครคาดคิดหรอกว่าจริงๆ แล้วเขากําลัง คํานวณตําแหน่งของผู้เฝ้ามอง
เขาสะท้านใจอย่างรุนแรง เพราะว่าภายในไม่กี่ก้าวนั้น เขาก็ ระบุที่มาของสายตาดังกล่าวและข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติม
สิ่งที่กําลังจ้องมองเขาเป็นดวงตาคู่หนึ่ง ระยะระหว่างดวงตา สองดวงนั้นห่างกันถึง 430 วา! มันใหญ่มหึมาอะไรอย่างนี้
หรือว่ามันจะเป็นสิ่งมีชีวิตแดนใต้พิภพ ที่ถูกข้าขับไล่ไปด้วย ถ้ยยคำแดนใต้พิภพตอนที่ข้าขึ้นเรือมา?
ฉินมู่สงบใจ สีหน้าของเขายังเป็นปกติ เขาไม่เผยทีท่าแตกตื่น เมื่อเขาหมุนกายเดินกลับไปสะพานเรือ
เขาหมายที่จะสํารวจสะพานก่อน หากว่าเกิดอะไรขึ้น เขาจะรีบ หนีไปทันที ไม่รั้งรออยู่แถวนี้แน่!
สะพานนั้นเป็นห้องควบคุมของเรือเหาะ สถานที่อันสามารถ กําหนดทิศ เส้นทาง การต่อสู้ และการหลบหลีกการโจมตีมันได้ นี่ คือศูนย์ควบคุมกลางของเรือสมบัตินี้
ตราบใดที่ฉินมู่เข้าไปในสะพานเรือและพบกับแผนที่เส้นทาง เขาก็จะสามารถควบคุมเรือนี้ให้เคลื่อนไปตามแผนที่
จิตใจของเขาลุกโชน เพราะเรือลํานี้บรรจุไว้ด้วยความหวังของ เขาที่จะกลับไปยังหมู่บ้านไร้กังวล
ขณะที่เขาเดินเข้าไปในสะพานนั่นเอง ประตูหนึ่งก็พลันเปิด ออก และมีหมอผีใหญ่บุกตามหลังเขามาอย่างไม่รู้เหนือรู้ใต้
เมื่อทั้งคู่มาประจันหน้ากัน ต่างก็ตกตะลึง หมอผีใหญ่ผู้นี้เป็น ยอดฝีมือที่ผ่านการสู้รบมามากมาย ดังนั้นเขาจึงตอบสนองโดย พลันและเปิดจุกขวดนํ้าเต้าข้างหลังเขา ดวงวิญญาณจํานวนมาก พรั่งพรูออกมาและกระโจนเข้าขยํ้าใส่ฉินมู่!
ในเวลาเดียวกัน ร่างของหมอผีใหญ่ก็ฉายแสงทองสว่างจ้าเมื่อ เขาขับเคลื่อนคัมภีร์หมอผีอาวุโสโหรวหลัวแห่งวังทองโหรวหลัน ร่างของเขาเบ่งขยายขึ้นมาและกลายเป็นยักษ์ตาเดียวที่มี 4 แขน
ดวงตาของเขารวมเข้าเป็นดวงเดียวและยังขยายขนาดใหญ่ ขึ้นเรื่อยๆ เพราะอย่างนั้นปากของเขาจึงถูกเบียดออกไปทางปลาย คางด้านซ้าย ส่วนจมูกถูกเบียดมาตรงปลายคางด้านขวา ในทุกมือ เขาคือตะบองวชิรา และตะบองวชิราทั้ง 4 ก็หมุนติ้ว พวกมันดู เหมือนเจดีย์เรียวยาว 4 หลังที่ฟาดเข้ามาใส่ฉินมู่!
ศิษย์ของหมอผีอาวุโส?
ฉินมู่มองปราดเดียวก็รู้ว่าวิชาที่เขาขับเคลื่อนช่วงใช้นั้นมาจากวังทองโหรวหลัน พลังวัตรของคนผู้นี้หนาแน่นเป็นอย่างยิ่ง และวิญญาณเร่ร่อนที่พวยพุ่งออกมาจากขวดนํ้าเต้าข้างหลังเขา นั้นก็เป็นวิธีการจู่โจม
หมอผีใหญ่ เคี่ยวกรําวิญญาณของคนอื่นให้กลายเป็น วิญญาณเร่ร่อน และแต่ละดวงล้วนแต่มีพลังอํานาจมหาศาล เมื่อ วิญญาณเร่ร่อนเข้าไปในร่างของศัตรูและกัดกินดวงวิญญาณ
แม้แต่ผู้ฝึกวิชาเทวะในขั้นหกทิศก็ยากที่จะรับมือได้
หากว่าวิญญาณเร่ร่อนเป็นสิบดวงเข้ามาโจมตีพร้อมๆ กันและ รุกรานเข้าไปในร่างกาย คราวนี้แม้แต่จะขัดขืนผู้ฝึกวิชาเทวะขั้น หกทิศก็ขัดขืนไม่ได้!
หากทว่า ขวดนํ้าเต้าวิญญาณเร่ร่อนนั้นยังคงใช้งานได้อย่างดี เยี่ยมในสนามรบ วิญญาณเร่ร่อนมากมายสามารถมุดตรงนั้นลอด ตรงนี้ไปได้ทุกหนทุกแห่ง รุกรานร่างกายมนุษย์และกัดกิน วิญญาณของพวกเขา เมื่อเสร็จแล้วก็จะทิ้งไว้แต่ซากศพที่ไร้ วิญญาณ การโจมตีเช่นนี้กล่าวได้ว่าประสบผลสําเร็จในทุกทาง และมีพลังอํานาจอันน่าสะพรึงกลัว!
ที่หน้าด่านชิงเหมิน สิ่งที่ร้ายกาจน่ากลัวที่สุดมิใช่ไจกระบี่ของ จักรวรรดิคนเถื่อนตี้ แต่เป็นหมอผีใหญ่แห่งวังทองโหรวหลัน การ โจมตีของพวกเขาทั้งพิลึกกึกกือและยากที่จะระวังป้องกัน
วิญญาณเร่ร่อนนับไม่ถ้วนจากขวดนํ้าเต้าโบยบินเข้าไปใส่ฉินมู่ด้วยเสียงหวีดร้องโหยหวน ข้างหลังฉินมู่ ประตูน้อมสวรรค์พลันเปิดขึ้นมา และลมเยือกเย็นก็พัดพรูจากประตูนั้น กวาดล้าง วิญญาณเร่ร่อนทั้งหมดไปในวูบเดียว!
ตราบใดที่เป็นวิญญาณคนตาย ก็ย่อมยากที่จะหลีกลี้การ ควบคุมของแดนใต้พิภพ แม้ว่าวังทองโหรวหลันจะมีวิชาลับที่ทําให้ ดวงวิญญาณยังรั้งอยู่ในโลกจริง ใช้วิญญาณของคนอื่นเพื่อฝึก วิชายุทธ์ และความสําเร็จของพวกเขาบนมรรคานี้ก็ถึงขั้นสูงส่งอัน
แดนศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ เอื้อมไปไม่ถึง กระนั้นประตูน้อมสวรรค์ก็เป็นตัว ปราบพวกเขาอยู่ดี!
ประตูน้อมสวรรค์กลืนกินดวงวิญญาณเร่ร่อนทั้งหมด แล้วปิด บานประตูลงไป เสียงหวีดร้องโหยหวนที่สะพานพลันหายวับ
หมอผีใหญ่ผู้นี้ตื่นตระหนก และขวดนํ้าเต้าที่หลังของเขาก็ร่วง ลงพื้นเสียงตึบจากนั้นแตกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แขนทั้ง 4 ของเขายกขึ้นยกลง ขณะที่ตะบองวชิราในมือของเขาก็แปร เปลี่ยนเป็นเจดีย์วชิรา เขาฟาดมันลงไปใส่ศัตรูด้วยพละกําลังอัน มหาศาล
ฉินมู่ไม่สามารถรับมันได้ตรงๆ จึงถอยหลบไป กระบี่ไร้กังวลที่ หลังของเขาบินออกมาจากฝัก และหมอผีใหญ่ก็ยิ้มหยัน ลําแสง
สายหนึ่งพุ่งมาจากเจดีย์วชิราและปะทะเข้ากับกระบี่ไร้กังวล ดูดเอา กระบี่นี้เข้า ไปข้า งใน
ตะบองทองคําทั้ง 4 ของหมอผีใหญ่อาจจะดูเหมือนตะบอง แต่ จริงๆ แล้วอาวุธวิญญาณของเขาคือเจดีย์ 4 หลังอันถูกขัดเกลา หลอมสร้างให้สามารถย่อขยายได้ตามใจสั่ง เมื่อพวกมันถูกหดย่อจนเล็กที่สุด มันก็ดูเหมือนตะบองอันสามารถถือไว้ได้ด้วยมือเดียว
แต่ว่าเมื่อเข้าต่อสู้ หมอผีใหญ่สามารถใช้พลังอํานาจอันน่า แตกตื่นของเจดีย์ 4 หลังนี้เพื่อโถมทับเอาชัยศัตรู ใช้พละกําลังไร้ ต่อต้านบดขยี้ศัตรูให้แหลกเหลว!
เจดีย์เหล่านี้ยังเป็นสมบัติวิเศษอันหาได้ยาก ซึ่งสามารถแย่งชิง อาวุธวิญญาณของศัตรูได้ หากว่าศัตรูไม่ทันระวัง อาวุธวิญญาณ ของพวกเขาก็จะถูกดูดเข้าไปในเจดีย์ เมื่อสูญเสียอาวุธคู่ใจแล้ว ก็ มีแต่ตายสถานเดียว!
หมอผีใหญ่เพิ่งแย่งชิงกระบี่ไร้กังวลของฉินมู่ด้วยเจดีย์ของเขา แต่พลันเห็นกระบี่บินจํานวนมากพุ่งตามมากันเป็นห่าฝนและทิ่มแทงเข้าไปในเจดีย์
เขาตะลึงไปและไม่ทันตอบสนองก่อนที่แสงกระบี่จะโถมท่วม เข้ามาดุจมหาสมุทร กลืนเขาให้จมลงไป ในพริบตานั้น รอบทิศ ของเจดีย์เต็มไปด้วยกระบี่
แขนของหมอผีใหญ่ผล็อยลงไปก่อน แม้ว่าเขาจะมีพละกําลัง ลํ้าเลิศของยักษ์ตาเดียว แต่เขาก็ยังไม่อาจถือสิ่งของที่หนักอึ้ง
เช่นนี้ได้ เสียงกร๊อบดังสดใสมาจากแขนของเขาเมื่อกระดูกของ เขาหลุดออกจากกัน
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว
กระบี่หลายพันเล่มแทงเข้าไปในเจดีย์อย่างเป็นระเบียบเพื่อก่อ เป็นรูปทรงไจกระบี่อันมหึมาเหลือเชื่อ ไจกระบี่นี้มีรัศมีหลายวา และ ร่างของหมอผียักษ์ก็ได้หายเข้าไปในนั้น
ฉินมู่เดินไปยังหัวสะพานทิ้งหมอผีใหญ่ที่ถูกแทงจนตาย และใต้ไจกระบี่มหึมาก็เห็นแต่ขาของเขาโผล่ออกมา
ฉินมู่เดินตรงมายังแกนบังคับหางเสือ ในเรือสมบัตินี้มันมี โครงสร้างอันแตกต่างจากเรือเหาะของจักรวรรดิสันตินิรันดร์ อย่าง หลังนั้นมันมีแกนบังคับหางเสือเพียงอันเดียวที่ใช้สําหรับการเปลี่ยนทิศทาง การยกตัวขึ้น และการลงจอด แต่แกนบังคับหางเสือ ในเรือสมบัตินี้มีตัวให้ปรับอันแปลกประหลาดมากมาย และยังมี หมวกเต็มหัวสีเงินประดับพู่แดงวางเอาไว้อีกด้วย
ฉินมู่ขมวดคิ้วพลางพิจารณาแกนบังคับทั้งหลายอย่างละเอียด แต่ก็ยังไม่สามารถเข้าใจวิธีใช้พวกมัน เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะ หยิบหมวกเต็มหัวสีเงินมาสวมลงบนศีรษะ
หวึ่ง…
ทันใดนั้น ทัศนวิสัยเขาก็พลันสว่างขึ้นมา และพื้นที่กว้างใหญ่ ตรงหน้าของเขาพลันขยายและแผ่ตัวออกไป ในเสี้ยววินาที ทั้งฟ้า และดินก็แปรเปลี่ยน เผยให้เห็นลักษณะภูมิประเทศของแดน
โบราณวินาศ เช่นเดียวกับสันตินิรันดร์ ทุ่งหญ้า และโลกแห่งนํ้าแข็งและหิมะในทางเหนือ!
ฉินมู่อึ้งไป บุคคลที่หลอมสร้างเรือนี้ขึ้นมานับว่ามีหัตถ์เทพย ดา พวกเขาเก็บลักษณะภูมิประเทศเอาไว้ในหมวกเกราะนี้ ดังนั้น มันจึงสามารถใช้ในการควบคุมการเคลื่อนที่ของเรือได้!
เขายื่นนิ้วออกไปและจิ้มจุดลงไปในแผนที่ภูมิประเทศเบื้องหน้าเขา ในทันใดนั้น เรือสมบัติก็สั่นเทิ้ม มันดูเหมือนหมายจะบินออก จากผนึกรังผึ้งไปยังทิศทางที่เขาชี้ระบุ
แต่ทว่าเรือนี้ติดแหง็กอย่างดิ้นไม่หลุดระหว่างผนึก 2 โลกมิติ และไม่อาจบินขึ้นไป
ควบคุมการเคลื่อนที่ของเรือสมบัติอย่างนี้นี่เอง!
ฉิ นมู่ลิงโลดใจและกะพ ริบตาอีกสองสามที ทั นใดนั้น ทัศนียภาพเบื้องหน้าเขาก็แปรเปลี่ยน และโลกอันเขาไม่คุ้นเคยก็ ปรากฏ มันเป็นแผนที่ภูมิประเทศของโลกมิติแห่งอื่น อันเต็มไปด้วย ความว่างเปล่ามืดมัว และมีแผ่นดินซ่อนอยู่ในที่ลึกๆ ดูลึกลับเป็น อย่างยิ่ง
นี่คือที่ไหน นี่ไม่ใช่สันตินิรันดร์หรือทุ่งหญ้า…
ฉินมู่ดูมันโดยละเอียดอีกครั้งเพื่อให้มั่นใจว่าเขาไม่เคยเห็นสถานที่ประหลาดนี้มาก่อนจริงๆ เขากะพริบตาสองสามที และทัศนียภาพก็แปรเปลี่ยนไปอีกหน คราวนี้มันเผยให้เห็นโลกมิติอัน ยิ่งใหญ่อลังการน่ามหัศจรรย์ที่มิใช่ทั้งแดนโบราณวินาศและสันตินิ รันดร์
กะพริบตาอีกที ทัศนียภาพก็เปลี่ยนไปอีกรอบ คราวนี้มันเป็น โลกใต้นํ้าอันมีภูเขาใต้นํ้าทั่วทุกหนทุกแห่ง
ฉินมู่ลองดูเป็นสิบๆ ครั้งและพบว่ามีแผนที่ภูมิประเทศปรากฏ ให้เขาเห็นมากกว่าสิบแห่ง แต่ทว่าต่างจากที่เขาจินตนาการเอาไว้ แผนที่เหล่านี้ไม่ได้ระบุว่ากําลังแสดงสถานที่ในโลกมิติใดอยู่ และก็ ไม่แสดงเส้นทางไป มันทําให้เขาไม่มีเบาะแสที่จะค้นหาโลกอันเป็น ที่ตั้งของหมู่บ้านไร้กังวล และต่อให้ไปถึงโลกที่ถูกต้องก็ไม่รู้ว่าจะ เสาะหามันอย่างไร
ที่นี่จะต้องมีเข็มทิศอันบันทึกเส้นทางไปหมู่บ้านไร้กังวลแน่ เมื่อใดที่ข้าหามันพบ ข้าก็จะสามารถขับเรือนี้เหาะไปยังหมู่บ้านไร้กังวลได้!
ฉินมู่มองไปรอบๆ และสายตาของเขาไปจับลงตรงที่เข็มทิศ น่าจะวางเอาไว้ ตรงนั้นเขาน่าจะได้เห็นกระจกอันคล้ายคลึงกับที่ ผู้ใหญ่บ้านให้แก่เขา แต่ว่าจุดนั้นกลับว่างเปล่า
กระจกเข็มทิศแตกหักไปหรือ โชคดีที่ข้ายังงัมีกระจกเข็มทิศที่ท่านปู่ผู้ใหญ่บ้านให้เอาไว้ แต่ทว่าข้าไม่รู้ว่าจะสามารถคลายผนึกบนนั้นได้หรือเปล่า
เขายื่นมือเข้าไปในถุงเต๋าตี้เพื่อควานหากระจกเข็มทิศ และ พลันเหลือบไปเห็นชิ้นส่วนแตกหักบนพื้น
กระจกถูกใครบางคนจงใจทุบทําลาย เพื่อมิให้คนผู้อื่นรู้ ตําแหน่งที่ตั้งของหมู่บ้านไร้กังวล!
หรือว่าคนที่ทำลายกระจกคือชายในชุดขาวคนนั้น?
ฉินมู่อึ้งไปเล็กน้อยและชักมือออกจากถุงเต๋าตี้ มีเทพเจ้ามากมายที่ไล่ล่าชายในชุดขาว พวกนั้นเอาชนะเขาได้ และกระบี่ไร้กังวลก็แตกหัก ดังนั้นเขาจึงไม่มีกําลังความสามารถที่จะต่อกรกับ เทพเจ้าเหล่านั้นได้อีกต่อไป กระนั้นเขาก็ยังรั้งรออยู่ข้างหลังเพื่อ ช่วยป้องกันให้ผู้โดยสารเรือเหาะหลบหนีไปได้ ระหว่างที่ทําเช่นนั้น เขาคงจะต้องทําลายกระจกเข็มทิศอันมีเส้นทางไปหมู่บ้านไร้กังวล ก่อนที่เขาจะตายจากไป หมายให้ไม่มีใครหามันพบ
ถ้าอย่างนั้น เรือนี้ก็คือกับดัก!
ฉินมู่หนาวเยือกไปถึงท้ายทอย และขนหัวก็ลุกชัน เขาเสแสร้ง เป็นค้นหาและค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้ประตูสะพานเรือทีละนิด
ผู้คนที่หลบหนีไปยังแดนใต้พิภพ น่ าจะยงัคงมีชีวิตอยู่ เป้าหมายของกับดักนี้นั้นเพื่อจับกุมพวกเขาและค้นหาเส้นทางไปยังหมู่บ้านไร้กังวล! ข้ามีกระจกที่ท่านปู่ผู้ใหญ่บ้านมอบให้ ดังนั้นหากว่าพวกเขาได้มันไป พวกเขาก็จะสามารถเสาะหาหมู่บ้านไร้กังวลพบ!
เขาเดินผ่านไจกระบี่ และมันก็คลายตัวออก ฝักกระบี่เริ่มบิน กระจายออกไปและสลายรูปไจกระบี่ยักษ์ แต่ความรู้สึกของการถูก จับจ้องมองกวาดมายังร่างของเขาอีกครั้ง ดวงตาอันอยู่ห่างจากกัน 430 วาก็จับจ้องที่ร่างเขาอีกครั้ง สร้างแรงกดดันอันน่า สะพรึงกลัวแก่เขา!
เห็นได้ชัดว่าเจ้าของสายตานั้นกําลังรู้สึกสงสัยในตัวเขา!
ฉินมู่แสร้งเป็นตื่นตกใจและหันหลังกลับไปราวกับว่ารู้สึกถึง อะไรบางอย่าง ในวินาทีนั้น สายตาอันคุกคามก็จางหายไป
“ไม่ทราบว่ามีผู้อาวุโสท่านใดอยู่ในความมืดข้างนอกนั่นหรือ เปล่า” ฉินมู่ถามด้วยเสียงอันดัง “ขอบคุณผู้อาวุโสมากที่ชี้นําทาง ผู้เยาว์ ให้ผู้เยาว์ได้เข้ามาในเรือสมบัติลํานี้! มิทราบว่าผู้อาวุโสจะ เผยตัวตนมาได้หรือไม่”
เขารออยู่ครู่หนึ่ง แต่ไม่มีคําตอบกลับมา ฉินมู่เผยสีหน้าผิดหวังและเก็บกระบี่บินของเขากลับไปทีละเล่ม
พลางถอนหายใจ “ในเมื่อผู้อาวุโสไม่อยากเผยตัวตน ผู้เยาว์ก็ได้แต่จดจารึกพระคุณของท่านเอาไว้ในใจ”
เขาเดินไปยังประตูสะพานเรือ หัวใจของเขาเต้นเร็วขึ้นกว่าเดิม อีกเล็กน้อย เขาจึงรีบใช้ปราณชีวิตสะกดระงับอัตราการเต้นของ หัวใจ ทําให้มันกลับเป็นปกติ
ขณะที่เขากําลังจะออกไปจากสะพานนั่นเอง ประตูข้างหน้า เขาก็พลันถูกผลักเปิดออกมา ผานกงสั่วเดินเข้ามาขวางประตูด้วย รอยยิ้ม “จ้าวลัทธิฉิน เจ้ามี 2 ทางเลือก ถอดหมวกนั่นออกมา หรือไม่ก็ตัดหัวเจ้าออกมา”
ฉินมู่แทบโพล่งคําสบถหยาบคาย อยากยิ่งกว่าอะไรที่จะเอา กระบี่พันเล่มแทงหน้าอกไอ้เปรตนี่!



