Skip to content

Tales of Herding Gods 309

Tales of Herding Gods
BC

ตอนที่ 309 ท่านผู้สูงศักดิ์ช่างทรงปัญญา

C

บนสะพานเรือ สองเงาร่างเคลื่อนไหวไปมา เมื่อฉินมู่และผา นกงสั่วยังคงแลกหมัดกันอย่างมุ่งร้ายหมายชีวิต

พวกเขาคิดว่าในเมื่อไม่สามารถหาประตูกลับสู่โลกจริงได้ ทําไมไม่รีบกําจัดเสี้ยนหนามตรงหน้าเสียก่อนล่ะ ก็ต่อเมื่อสังหาร อีกฝ่ายได้สําเร็จ ถึงจะสามารถควบคุมเรือสมบัตินี้ไปแสวงหา

ทางออก

ไม่เช่นนั้นการเก็บศัตรูร้ายกาจที่จับจ้องมองทุกการกระทําของ ตน และพร้อมที่จะแทงข้างหลังตนทุกเมื่อเอาไว้ข้างตัว จะต้องเป็น เรื่องที่ปวดเศียรเวียนเกล้าเป็นอย่างยิ่ง

ผานกงสั่วเป็นผู้ที่กลับชาติมาเกิด ความรุดหน้าในวรยุทธ์ของ เขานั้นรวดเร็วอย่างมหัศจรรย์ และฉินมู่ไม่อยากปล่อยให้เขามีชีวิต อยู่ต่อ หากว่าเขาลากเวลาถ่วงช้าไปอีก วรยุทธ์ของผานกงสั่ว อาจจะเหนือลํ้ากว่าเขา ดังนั้นเขาต้องกําจัดผานกงสั่วให้เร็วที่สุด

เท่าที่จะเป็นได้

ในอีกทางหนึ่ง ผานกงสั่วก็ตระหนักถึงความน่าสะพรึงกลัว ของกษัตริย์มนุษย์คนใหม่นี้ ศักยภาพการเติบโตของเขานั้นน่าตื่น ตระหนก และนิสัยใจคอก็กลอกกลิ้งเจ้าเล่ห์ ยากที่จะวางแผนทําร้ายเขา และผานกงสั่วอาจจะกลายเป็นฝ่ายตกหลุมพรางเสียเอง

ยิ่งลากเวลาถ่วงช้าเข้าไป ก็จะยิ่งอันตรายมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นเขา จึงหมายจะขจัดฉินมู่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทําได้

ทั้ง 2 คนต่างก็รีดเร้นพลังวัตรออกมาจนเหือดแห้ง ไม่มีกําลัง ฝีมือพอที่จะสังหารฝ่ายตรงข้ามอย่างรวดเร็วฉับไว เมื่อพวกเขา พยายามสังหารแต่ละฝ่าย ปราณชีวิตของพวกเขาก็ยิ่งเหือดแห้ง

เร็วขึ้นไปอีก ไม่นานนัก ทั้ง 2 คนก็เต็มไปด้วยบาดแผลและหอบ หายใจอย่างไม่คิดชีวิต

ปัง!

ทั้งคู่ปะทะกันเป็นครั้งสุดท้าย และจากนั้นก็หงายหลังตึงร่วงลง กับพื้น ไม่มีใครที่มีปราณชีวิตและเรี่ยวแรงมากพอที่จะยืนขึ้นมา ใหม่

ฉินมู่คลานไปอย่างยากลําบากยังกระบี่บินเล่มหนึ่ง จากนั้นก็ คว้ากําด้ามกระบี่พลางเผยรอยยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นไม่นานก็แข็ง ค้า ง ซีอวิ๋นเซี่ยง ข้าจะต้องตีตูดเจ้าให้แตกเป็น 3 เสี่ยง ห้เจ้านอนหงายบนเตียงไม่ได้ไปสักรึ่งเดือน!

เขาคว้าจับกระบี่ แต่ในเมื่อกระบี่บินเหล่านี้ล้วนแต่หลอมสร้าง ขึ้นมาจากแก่นทองคําทมิฬ แต่ละเล่มหนักถึง 300 ด้วย เรี่ยวแรงของเขาในตอนนี้ ต่อให้ลากก็ยังลากไปไม่ไหว!

ส่วนที่ว่าทําไมมันถึงหนักขนาดนี้ ย่อมเป็นฝีมืออันสุดแสนจะดี งามของซีอวิ๋นเซี่ยง!

ในอีกด้านหนึ่ง ผานกงสั่วพยายามอย่างเต็มที่ที่จะรวบรวมเศษ กระแสพลังเวทมนตร์ของตนเพื่อช่วงใช้ฝูงตั๊กแตนบินไปกําจัด

ฉินมู่ แต่ทว่าปราณชีวิตของเขาขาดสะบั้นอยู่เรื่อยๆ ทําให้ตั๊กแตน บินกลับบินไม่ได้ มันทําได้แต่คืบคลานไปยังฉินมู่อย่างเชื่องช้า ความเร็วของมันไม่ต่างอะไรกับมดคลาน

ฉินมู่หันกลับไปและพยายามตะเกียกตะกายคลานไปทางผา นกงสั่ว ระหว่างที่คืบคลานไป เขาก็นําสมุนไพรพิษออกจากถุง เต๋าตี้ด้วยรอยยิ้มพิลึกพิกลบนใบหน้า

ตั๊กแตนบินตัวที่ผานกงสั่วควบคุมอยู่คลานไปถึงน่องของฉินมู่ และพยายามกัดเข้าไป แต่ทว่าในเมื่อปราณชีวิตของเขาโรยรา อย่างสุดๆ และพละกําลังของตั๊กแตนบินก็มีไม่มาก มันจึงใช้ เวลานานมากเพื่อที่จะกัดเข้าไปได้แค่เนื้อกางเกง

ฉินมู่จึงคลานต่อไปข้างหน้าพลางอดกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้ ผานกงสั่วเริ่มร้อนรน เขาพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะพลิก ตัวมาและใช้ทั้งแขนและขา รวมทั้งคางของตนเองเพื่อเถือกไถไป บนพื้นหนีห่างจากฉินมู่

หนึ่งคนนั้นคลานเข้าใส่ ส่วนอีกคนคลานหนี ทั้งคู่ไล่ล่ากัน ด้วยความว่องไวประดุจหอยทาก

พวกเขาเถือกไถไปเป็นเวลานาน และในที่สุดก็คลานไปได้ราว 20 วา ทันใดนั้นผานกงสั่วก็ดึงเอาบางสิ่งออกมาจากถุงเต๋าตี้ มัน คือขวดนํ้าเต้าที่บรรจุพิษหมอผีเอาไว้

ผานกงสั่วลิงโลดใจ นี่คือพิษหมอผีที่เขาหลอมปรุงขึ้นมาใน ชาติก่อน และพิษของมันร้ายแรงสุดๆ ใช้กําจัดฉินมู่คงง่ายดาย ดังนั้นเขาจึงหยุดคลานหนีและหันกลับไปคืบหาฝ่ายตรงข้ามแทน

ฉินมู่เห็นเช่นนั้นจึงหันกลับ อันใช้เวลาค่อนข้างมาก ยาพิษที่ เขามีนั้นยังคงไม่เสร็จสมบูรณ์ดี แต่ของที่ผานกงสั่วถือไว้ในมือนั้น คือพิษหมอผีอันสมบูรณ์ ความร้ายแรงของมันนั้นมิอาจดูแคลนได้ เลย

“ไอ้เด็กเปรต เจ้าตายแน่!” ผานกงสั่วเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว และจับขาฉินมู่ไว้ได้ในที่สุด เขาพยายามที่จะเปิดจุกขวดนํ้าเต้า ด้วยความตื่นเต้น จนกระทั่งใบหน้าของเขาแดงกํ่าจากการกลั้น หายใจ กระนั้นก็ยังเปิดไม่ออก

ฉินมู่คิดว่าเขาคงต้องตายเป็นแน่แท้ และเหลียวกลับไปมองดู ผานกงสั่วรีบรํ่าร้องด้วยข้อความเดิม “ไอ้เด็กเปรต เจ้าตายแน่!” เขาหวังว่านั่นจะทําให้ฉินมู่ตื่นหนีไปได้

“องค์ชายน้อย เจ้าไม่มีเรี่ยวแรงเหลือแล้วใช่ไหมล่ะ” ฉินมู่ถีบใส่และยัดเท้าของเขาเข้าไปในปากฝ่ายตรงข้าม

พยายามจะให้เขาติดคอหายใจไม่ออก ผานกงสั่วเหลือกตาด้วย

ความรังเกียจ จากนั้นเขาก็ปลุกปลอบใจตนเอง ข้าลับชาติมาเกิดตั้งหลายรอบแล้ว ทำไมข้ายังต้องสนใจกับการหมิ่นหยามร่างเนื้อด้วยล่ะ

เขากัดลงไปบนเท้าของฉินมู่ ทําให้ฉินมู่ชักเท้ากลับด้วยความ เจ็บ ฉินมู่ยิ้มหยันแล้วทายาพิษไว้ที่เท้าของตนเอง กะจะเอายัดปาก ผานกงสั่วอีกรอบ

ผานกงสั่วฉวยโอกาสตอนที่เขากําลังทายาพิษเพื่อคลานเข้า ไป ทั้ง 2 ฝ่ายต่างพยายามบีบคอฝ่ายตรงข้าม แต่ทั้งคู่ไม่เหลือ เรี่ยวแรงในแขน

ยิ่งไปกว่านั้นลมหายใจของผู้ฝึกวิชาเทวะก็ยืดยาวเป็นอย่างยิ่ง หลังจากพยายามบีบคออีกฝ่ายนานกว่าชั่วโมง พวกเขาก็ยังไม่ อาจทําให้ศัตรูหมดลมหายใจไปได้ กลายเป็นว่าทั้งคู่ก็สูญเสีย

พละกําลังที่ยังคงมีอยู่จากความความพยายามอันเปล่าดายนั้น

ทั้ง 2 คนอ่อนปวกเปียก มีแค่ปลายนิ้วมือ หัวแม่เท้า และลูก ตาที่ยังพอขยับไปมาได้บ้าง

ขณะที่เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ฉินมู่ก็ฟื้นเรี่ยวแรงขึ้นมาบางส่วน เขาทานํ้าลายมังกรบนบาดแผล แม้แต่ร่างกายที่ก่อขึ้นมาจาก เหล็กก็ไม่อาจทนทานการปล่อยให้เลือดหลั่งไหลออกมาจากแผล เรื่อยๆ ได้

อีกทางหนึ่ง ผานกงสั่วนําขวดหยกออกมาและกลืนกินยาบาง ชนิด ตัวตนที่ดํารงชีวิตมาเป็นหมื่นปีอย่างเขา ย่อมต้องเรียนรู้อะไร ต่างๆ มากมาย และมีความสําเร็จอันลึกลํ้าในมรรคาเต๋าแห่งการ เยียวยา เขายังได้ศึกษาค้นคว้ายาพิษหมอผี และถึงกับสามารถ วางยาพิษแก่ดวงวิญญาณได้

ฉินมู่เหลือบมองเขาและเผยสีหน้าสะพรึงกลัว

ผานกงสั่วเป็นผู้ถนัดรอบด้านอันหาพบได้ยาก เขานั้นเชี่ยวชาญในวิชาและทักษะทุกชนิด แม้ว่าวิชาและทักษะของเขาจะไม่บรรลุขั้นสูงสุด พวกมันก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน หากว่าเขาสามารถ

ผสานสิ่งที่เขารํ่าเรียนมาเป็นหนึ่งเดียว ก็จะต้องมีความก้าวหน้าอัน น่าแตกตื่นอย่างแน่นอน แน่ล่ะว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

ผานกงสั่วไม่มีความหวังที่จะสามารถผสานสิ่งที่เขาเรียนมา ทั้งหมดเข้าด้วยกัน แม้ว่าเขาจะมีความสามารถและปัญญาอันสูง ลํ้า แต่แรงขับดันเขาได้ชืดชาไปนานแล้ว จิตใจของเขาไม่มีความ ทะยานอยากจะก้าวหน้าอีกต่อไป

ผานกงสั่วไม่โจมตีต่อ แม้จะเป็นผู้ที่ผ่านมาหลายชั่วชีวิต เขาก็ ยังคงไม่อาจมีชัยได้เปรียบฉินมู่ได้

เมื่อพบกับฉินมู่เป็นครั้งแรก เขาก็ถูกฉินมู่กดดันและแทบ จะต้องทิ้งชีวิต คราวนี้ทั้ง 2 ฝ่ายประสบความพ่ายแพ้เหมือนๆ กัน นี่ทําให้เขาค่อนข้างผงะ

ในร่างของเขามีพลังของชาติก่อนๆ อยู่ แต่เขามิอาจบุ่มบ่าม แตะต้องมัน เขาจะต้องเพิ่มพูนความทนทานของร่างกายนี้เสียก่อน ขัดเกลารากฐานของมันให้สามารถรองรับพลังที่มากกว่านี้ได้

พลังจากชาติก่อนหน้าของเขานั้นน่าสะพรึงกลัวจนเกินไป ดังนั้นหากว่าเขาเลินเล่อไม่ระวัง เขาก็คงจะทําให้ร่างนี้ระเบิดแหลก

เหลว แต่ตราบเท่าที่เขาเสริมสร้างเพิ่มพูนความทนทานของ ร่างกาย วรยุทธ์เขาก็จะกลับคืนสู่จุดสุดยอดที่เขาเคยไปถึง เพราะ อย่างนั้น ความเร็วการฝึกปรือของเขาก็ยังคงเหนือกว่าฉินมู่

แต่ทว่านี่ก็ผ่านไป 5 เดือนแล้วหลังจากที่พวกเขาพบกันครั้ง ล่าสุด ตามหลักเหตุผลแล้ว วรยุทธ์ของเขาน่าจะทิ้งฉินมู่ห่างไป อย่างไม่ติดฝุ่น แต่ไม่คาดเลยว่าพวกเขาก็ยังคงคู่คี่สูสีกันอยู่ดี

ทั้ง 2 คนไม่ปริปากเอ่ยวาจา และเพียงแต่มองออกไปนอก หน้าต่าง

แดนใต้พิภพนั้นดูไม่แตกต่างกันไม่ว่าจะมองขึ้นไปข้างบน หรือมองลงไปข้างล่าง มันไม่มีฤดูกาลทั้ง 4 ไม่มีโลก ดวงตะวัน ดวงจันทร์ และแน่นอนว่ามันก็เลยไม่มีทิศเหนือ ใต้ ตะวันออก หรือ

ตะวันตก โลกอื่นๆ ก็จะมีความแตกต่างใน 6 ทิศ แต่สถานที่นี้ไม่มี ความแตกต่าง

ในแดนใต้พิภพอันเปลี่ยวร้าง เรือสมบัติล่องลอยไปอย่างไร้ จุดหมายในความมืด

ยิ่งมันลอยไปไกลเท่าไร ก็ยิ่งยากที่มันจะหวนคืนกลับสู่โลกจริง ในความเดียวดายเช่นนี้ ผู้โดยสารก็คงจะกลายเป็นบ้าในไม่ช้าไม่ นาน!

นอกเรือเหาะ มีแสงวาบอยู่ในความมืดของแดนใต้พิภพ มัน เป็นสิ่งมีชีวิตแดนใต้พิภพ ส่องแสงของมันเพื่อล่อเหยื่อในความมืด

แต่ทว่ามันช่างน่าแปลกประหลาดที่ตั้งแต่เรือเข้ามาในแดนใต้ พิภพ ก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตแดนใต้พิภพที่น่าสะพรึงกลัวเข้ามาใกล้เรือ เลย

ฉินมู่และผานกงสั่วพลันนึกถึงความเป็นไปได้หนึ่งและตื่นตระหนก บนเรือนี้อาจจะมีตัวตนอันน่าสะพรึงกลัวอื่นอีกหนึ่ง นั่นจึงทำห้สรรพชีวิตของแดนใต้พิภพไม่กล้าข้ามาใกล้!

สิ่งน่าสะพรึงกลัวนี้ย่อมเป็นสิ่งอื่นบนเรือ อันไม่ใช่พวกเขา

ฉินมู่หวนระลึกถึงปราณมารที่ไหลบ่าออกมาเมื่อเขาเพิ่งขึ้น เรือ นี่ยืนยันความคิดเขาว่าพวกเขามิได้อยู่บนเรือตามลําพัง แต่มี อีกสิ่งหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่ง!

จิตใจผู้คชั่วร้ายยากหยั่งถึง โลกนี้ท้าทายเสียเหลือเกิน หากว่าข้าเผลอไผลไปสักนิดเดียว แม้แต่กระดูกของข้าก็คงถูกกินไม่เหลือหลอ

ฉินมู่ยืนขึ้นด้วยแข้งขาสั่นพั่บๆ และผานกงสั่วก็ตื่นตัวขึ้นมา ทันที เขารีบตั้งท่าป้องกัน แต่ฉินมู่ไม่ได้โจมตี เด็กหนุ่มเพียงแต่ ปลดถุงเต๋าตี้ออกมาจากหลังของตนแล้วเปิดมันออกเพื่อเก็บกระบี่ บินทั้งหมดกลับไปข้างใน

ผานกงสั่วถอนหายใจและเก็บตั๊กแตนบินของตนกลับเข้าไป เช่นกัน “จ้าวลัทธิฉิน บนเรือนี้ยังคงมีภยันตรายอันไม่อาจคาดหยั่ง ได้อยู่ และพวกเราควรร่วมมือกันเพื่อฟันฝ่าวิกฤต แทนที่จะมาต่อสู้ กันให้ตายไปข้างหนึ่ง เจ้าคิดว่าอย่างไร”

ฉินมู่ยิ้มกว้าง “ข้าก็คิดแบบเดียวกัน แต่ทว่าคงยากอยู่ที่ข้าจะ ร่วมมือกับเจ้าอย่างวางใจได้”

ผานกงสั่วประกายตาวูบไหว แล้วกล่าว “ข้าเองก็ไม่กล้าวางใจ เจ้าเช่นกัน จ้าวลัทธิฉิน เจ้าและข้าเป็นศัตรูกัน และในอดีตข้าเคย ประเมินเจ้าตํ่าเกินไป แต่ทว่าตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปข้าคงไม่ดูแคลน เจ้าอีก การเดินทางครั้งนี้แตกต่างจากที่ข้าจินตนาการเอาไว้ เข้า

มาในแดนใต้พิภพอย่างไม่รู้เหนือรู้ใต้ และยังมีความลับมากมาย ซ่อนอยู่ในเรือกับตัวตนอันน่าสะพรึงกลัวที่ลอบเร้นอยู่ เจ้ากับข้า ต้องกลบฝังความบาดหมางเอาไว้ก่อนและร่วมมือกัน เช่นนั้นเราถึง

จะรอดไปจากสถานที่นี้ได้ หากว่าพวกเรายังคงสู้กันอย่างนี้ ก็คงมี แต่กอดคอกันตายที่นี่!”

ฉินมู่จึงกล่าวอย่างเสียไม่ได้ “ถ้าอย่างนั้น เราก็จะร่วมมือกัน เฉพาะบนเรือนี้ หลังจากที่ลงเรือไปแล้ว พวกเราก็จะกลับไปเป็น ศัตรูกันอีกครั้ง”

ผานกงสั่วเผยยิ้มและผงกหัว “ตกลง!”

“ตกลง!” ฉินมู่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “พวกเราจําเป็นต้องลงนาม สัตยาบันภูติบดีไหม”

ผานกงสั่วแย้มยิ้มแล้วกล่าว “ไม่จําเป็นต้องยุ่งยากขนาดนั้น พวกเราเพียงแค่ร่วมมือกันชั่วคราว”

ฉินมู่พยักหน้าเห็นด้วย “ก็ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้น” ผานกงสั่วลอบโล่งอกในใจ ษัตริย์มนุษย์คนใหม่นี่ยังคงอ่

หัดอยู่ เขาไม่ทันความคิดข้า หากว่าข้าลงนามสัตยาบันภูติบดีกับ

เจ้า ข้าก็คงได้แต่ต้องร่วมมือกับเจ้า ไหนเลยจะมีโอกาสกำจัดเจ้า ล่ะ

ทั้งคู่ต่างก็มีเจตนาร้าย แต่ผานกงสั่วเป็นคนแรกที่เอ่ยวาจา “ข้าจําเป็นต้องไปตามหาลูกน้องของข้าเพื่อรวมตัวกันใหม่ จากนั้น พวกเราถึงจะมีกําลังเพียงพอที่จะป้องกันตนเอง”

ฉินมู่ผงกหัวและกล่าว “ท่านผู้สูงศักดิ์กล่าวถูกแล้ว พวกเราจะ ทําอย่างที่เจ้าว่า จริงสิ ท่านผู้สูงศักดิ์ หมวกเงินอันนี้…” เขานําหมวกเงินประดับพู่แดงออกมาและมีสีหน้ายุ่งยากใจ

ผานกงสั่วอยากที่จะไปแย่งชิงมันมา แต่เขาก็กลัวว่าฉินมู่จะ ลอบโจมตีเขาตอนที่เขาสวมหมวก จึงส่ายหน้า “ตอนนี้ข้าและเจ้า ร่วมมือกัน พวกเราย่อมต้องเชื่อใจซึ่งกันและกัน เจ้าเก็บมันไว้ให้ ปลอดภัยไปก่อนและติดตามข้ามา ข้าได้คํานวณแง่อัศจรรย์ของ ห้องหับในเรือเหาะลํานี้แล้ว ที่พวกมันใช้คือเวทมนตร์ซ้อนทับ”

ฉินมู่ประทับใจอย่างแท้จริง “ท่านผู้สูงศักดิ์ช่างทรงปัญญา!” ทั้ง 2 คนเก็บข้าวของตนเรียบร้อยและเดินออกไปจากห้อง

เพื่อที่จะเห็นว่าเรือนั้นโล่งว่าง ไม่มีใครอยู่เลยสักคน ไม่มีสัญญาณ

ชีวิตใด มีเพียงแต่ของเหลวสีเขียวจํานวนหนึ่งที่เติบโตอยู่บน ดาดฟ้า

เรือ สมบัตินี้ใหญ่โตโอฬาร ค้างคาวขาว กิเลนมังกร หมอผีใหญ่ และราชาหมอผีที่ผานกงสั่วนํามา เช่นเดียวกับทหาร จักรวรรดิคนเถื่อนตี้ดูท่าว่าจะยังคงติดอยู่ในห้องต่างๆ

ทั้ง 2 คนกลืนกินยาวิญญาณจํานวนหนึ่งและขะมักเขม้น ฟื้นฟูพลังวัตรของตนกลับคืนมา ระหว่างที่พวกเขาเดินเคียงข้าง กันเข้าไปในห้องหนึ่ง ฉินมู่ได้ขับเคลื่อนวิชากายาจ้าวแดนดินสาม อมตะเพื่อกระตุ้นฤทธิ์พลังยา พลังวัตรของเขาฟื้นฟูกลับมาราวๆ สองถึงสามส่วน และบาดแผลบนร่างของเขาก็เริ่มแห้งตกสะเก็ด สะเก็ดเหล่านั้นเริ่มร่วงหล่นลงไปจากผิวหนังก็เพราะนํ้าลายมังกรที่ เขาทาไปก่อนนี้

อาการบาดเจ็บของผานกงสั่วก็ดีขึ้นมาก ยาวิญญาณที่เขาใช้ ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าฉินมู่

ทันใดนั้น ฉินมู่ก็เห็นผู้เฒ่าจากภาพวาดพุ่งวาบข้ามผนังไป และอดไม่ได้ที่จะใจเต้น ทําให้เขารีบไล่ตามไปโดยทันที

ผานกงสั่วรีบตะโกนโดยพลัน “นั่นผิดทางแล้ว!” แต่ทว่าฉินมู่ได้เปิดประตูอีกบานไปเรียบร้อยแล้วและพุ่งตัวเข้า

ไปในห้องนั้น!

ผานกงสั่วข่มใจให้รีบตามเขาไป เดือดดาลอยู่ในใจ หากว่าข้า ไม่จำเป็นต้องใช้ประโยชน์จาเจ้าแล้ว ข้าคงกำจัดเจ้าไปตั้งนาน ล่ะ! ไอ้เด็กเปรต หากเจ้าตกอยู่ในมือข้า ข้าจะไม่ให้เจ้าตายอย่าง ง่ายๆ สบายๆ แน่นอน

AC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!