Skip to content

Tales of Herding Gods 311

Tales of Herding Gods
BC

ตอนที่ 311 บุรุษในต้นไม้

C

“ไอ้เด็กแซ่ฉิน คําพูดเชื่อไม่ได้สักคํา!”

โทสะของผานกงสั่วไม่อาจสะกดกลั้น เขาเข้าห้องไปสุ่มๆ ระหว่างที่ตะโกนอย่างโมโหเดือด “ไหนล่ะร่วมมือกัน ไหนว่าจะเป็น สหายกันบนเรือแล้วค่อยเป็นศัตรูหลังจากลงเรือหา ไอ้โกหก! วิ่งหนีไปทันทีที่เจ้าเจออะไรดีๆ และกอบโกยมันไว้เองคนเดียว! กินให้พุงแตกตายไปเลยนะ ไอ้เด็กเวร!”

เมื่อเขาพุ่งตามหลังฉินมู่ไปเมื่อกี้ เขาเห็นชัดกับตาว่าฉินมู่เป็น คนปิดประตูหลังจากที่เขาเข้าไปในห้องลึกลับนั้น!

ไม่ใช่ประตูปิดเองโดยอัตโนมัติ แต่เป็นฉินมู่ที่ปิดประตูเพื่อใช้ เวทมนตร์ซ้อนทับห้วงมิติของเรือมาขัดขวางเขา!

ไอ้เด็กเวรนี่กะจะกอบโกยของดีๆ ไว้คนเดียวตั้งแต่แรกแล้ว!

ผานกงสั่วข่มใจลงอย่างรวดเร็วและคํานวณเวทมนตร์ซ้อนทับ

ห้วงมิติชั้นที่สอง เขากล่าวอย่างเย็นเยือก “ในเมื่อข้ารู้แล้วว่าว่ามี ห้วงมิติชั้นที่สองซ่อนอยู่ ข้าก็จะสามารถคํานวณออกมาได้อย่าง

ง่ายดายว่าโถงทางเดินนั้นอยู่ที่ไหน เจ้าลืมไปได้เลยที่จะกอบโกย ไว้คนเดียวน่ะ!”

เขาเริ่มต้นคํานวณเมื่อเขาเปิดประตูห้องซํ้าแล้วซํ้าเล่าเพื่อ ค้นหาลูกน้องของตนเอง แต่ทว่าบนเรือนี้มีห้องมากมายเกินไป และ

ลูกน้องของเขาก็หลงทางไปนานแล้ว ไปจากห้องหนึ่งไปยังอีกห้อง หนึ่ง พวกเขาพยายามเสาะหาหนทางแต่ลงเอยด้วยการหลงทางลึก เข้าไปทุกที

ผานกงสั่วนั้นพบวิธีการไขเวทมนตร์ซ้อนทับชั้นแรกแล้ว แต่ เขาก็ยังคงต้องใช้เวลาค่อนข้างมากในการตามหาคนของเขา เขา ถึงกับพบค้างคาวสองตัวและกิเลนมังกรระหว่างทาง กิเลนมังกรนั้น กําลังพยายามคิดคํานวณวิธีการในเวทมนตร์ซ้อนทับ และเกือบจะ เจอตําแหน่งสะพานเรือ

สองฝั่งต่อสู้กันอย่างดุเดือด ผานกงสั่วและคนอื่นๆ ประสบความพ่ายแพ้ย่อยยับ แต่โชคดีที่ราชาหมอผีคนหนึ่งบุกเข้ามาในห้องในวินาทีนั้น และช่วยชีวิตผานกงสั่วและคนอื่นๆ เอาไว้

เมื่อพวกเขาเจอราชาหมอผีที่เหลือ ผานกงสั่วก็ยังคงไม่อาจ ค้นพบตําแหน่งที่ตั้งของโถงทางเดินยาว ทําให้เขาได้ลิ้มรสอัน แปลกประหลาดของความพ่ายแพ้

ต่อให้ข้าหาสถานที่นั้นม่เจอก็ไม่เป็นไร เพราะอย่างไรไอ้เด็ก แซ่ฉินนั่นก็ต้องกลับมาอยู่ดี ข้าเพียงแต่ต้องกำราบเขาแล้วบังคับห้เขาส่งหมวกเกราะเงินมา ทั้งห้คายความลับออกมาให้หมด

ในห้องที่สุดปลายโถงทางเดิน ฉินมู่กะพริบตาปริบๆ อย่างใส ซื่อ เขาจงใจปิดประตูกันผานกงสั่วไว้ข้างนอก ตลอดการเดินทาง ผู้เฒ่านี้ได้นําทางเขาไปพบเจอกับความลับต่างๆ บนเรือเหาะ และ ในเมื่อเขากําลังจะเข้าใกล้ความลับนั้น ก็ไม่มีความจําเป็นที่ผา นกงสั่วจะต้องตามตูดเขามาเป็นเสี้ยนหนามตําตาอีกต่อไป

เป้าหมายที่เขาตกลงจะร่วมมือกับผานกงสั่วนั้นเพื่อผลักผานกงสั่วมารับการโจมตีแทนเขาหากว่าประสบสถานการณ์คับขัน เข้า ในเมื่อไม่มีอันตรายอีกต่อไป ก็ย่อมเป็นธรรมดาที่จะเขี่ยผานก งสั่วออกไปให้พ้นทาง

ท่านผู้สูงศกัดิ์ เจ้าก็คงคิดแบบนี้อยู่เช่นกันใช่หรือไม่ แต่ข้ายังคงเหนือกว่าเจ้าก้าวนึง

เขาหมุนไปรอบๆ และศึกษาพิจารณาสภาพโดยรอบ เขาอยู่ ในห้องอันเหนือจินตนาการ มันเหมือนกับวิหารภูเขาบิดที่เขาเห็น ใต้ท้องทะเลอันใหญ่โตโอฬารอย่างไม่อยากจะเชื่อ ห้องนี้กว้างยาว กว่า 10 ลี้ ราวกับว่าซ่อนโลกเล็กๆ ไว้ในเรือเหาะ อันเล็กกว่าวิหาร ภูเขาเพียงเล็กน้อย

ห้องนี้ใหญ่กว่าลําเรือตั้งไม่รู้กี่เท่า พื้นที่กว้างขนาดนี้ถึงกับ ซ่อนไว้ในลําเรือได้ ช่างเป็นเรื่องที่ไม่อาจคิดฝัน

ฉินมู่เงยหัวขึ้นมองดูและเห็นเพดานฟ้าอันประกอบสร้างขึ้นมา จากแท่งไม้ยาว ขณะที่ในวิหารภูเขาบิดนั้นสร้างขึ้นมาจากโครง กระดูกสัตว์เทวะเต๋าตี้ ดังนั้นทั้ง 2 จึงแตกต่างกัน

ร่างกายภายในของสัตว์เทวะเต๋าตี้ย่อมมีพื้นที่กว้างมหึมา ดังนั้นวิหารเพียงแต่ต้องก่อสร้างไว้ข้างนอกโครงกระดูก แล้วพื้นที่ภายในก็จะใหญ่โอ่โถงเอง

แต่ทว่าพื้นที่ในห้องนี้ถูกหลอมสร้างขึ้นมาด้วยพลังเวทมนตร์ อันยิ่งใหญ่และทักษะเทวะที่สามารถม้วนห่อห้วงมิติได้ วิธีการนี้ยาก กว่าที่ใช้ในการสร้างวิหารภูเขาบิดนัก

ในใจกลางของห้องอันใหญ่โตโอฬารและตระการตานี้คือ ต้นไม้ใหญ่มหึมาอันสูงเทียมฟ้า รากของมันชอนไชไปตามพื้นและ บิดคดไปมาราวงูและมังกร ให้ความรู้สึกดึกดําบรรพ์

แสงเรืองไหลผ่านรากไม้ตลอดทั้งลําต้นไปถึงท้องฟ้า แสงเรือง นี้ฉายส่องอย่างต่อเนื่องและส่องสว่างทั้งห้องนี้

แสงเรืองดังกล่าวดูเหมือนจะมีรอยฝังอักษรรูนไหลเวียนอยู่ใน นั้นเมื่อพวกมันไหลลงไปใต้เปลือกไม้สู่ท้องฟ้าและพื้นที่รอบๆ ของ ห้อง พวกมันไหลเข้าไปในลําเรือ

เสียงของหัวใจเต้นดังมาจากลําต้นไม้เป็นครั้งคราว สร้างเสียง ตูมสนั่นหวั่นไหว

ฉินมู่เพ่งพิศต้นไม้ด้วยสายตาพิศวงสงสัย เรือลํานี้ถูกก่อสร้าง ขึ้นมารอบๆ ต้นไม้อันใหญ่โตและโบราณอย่างเหลือเชื่อ ชิ้นส่วน ของไม้บนท้องฟ้าน่าจะเป็นกิ่งก้านของมัน

ยิ่งไปกว่านั้น จากแสงเรืองที่ไหลไปและเสียงหัวใจเต้นที่ดังมา จากลําต้น ต้นไม้ดึกดําบรรพ์นี้น่าจะยังมีชีวิตอยู่และทําหน้าที่เป็น แกนกลางของเรือสมบัติ อาจจะเรียกได้ว่าเป็นแหล่งพลังงานของ มัน!

แต่ทว่า จะต้องใช้เวลากี่ปีกันต้นใหญ่จึงจะเติบใหญ่มหึมา ขนาดนี้ได้

ทําไมต้นไม้ดึกดําบรรพ์นี้จึงมีพลังงานมหาศาลอันสามารถใช้ ขับเคลื่อนเรือสมบัติได้และยังคงผลิตพลังงานได้อย่างต่อเนื่อง ตลอดระยะทางอันยาวไกล

ย่าที่คิดเลย สะพานเรือและหมวกเกราะสีเงินมิได้ใช้ควบคุม เรืออย่างแท้จริง ต่กลับเป็นต้นม้นี้

สายตาฉินมู่จับจ้องลงที่พื้น และมันเงาวับกระจ่างประดุจผิว กระจก ผู้เฒ่าจากภาพวาดแปะตัวอยู่กับพื้น โบกมือเรียกเขา ก่อนที่จะวิ่งไปข้างหน้า

ฉินมู่รีบตามเขาไปติดๆ ด้วยความใคร่รู้อย่างท่วมท้น หรือว่าผู้ เฒ่าจากภาพวาดถูกวาดขึ้นมา? มรรคาเต๋าภาพวาดเช่นนี้ดูเหมือนจะเหนือกว่าท่านปู่หนวกอยู่ล็กน้อย แม้ว่าท่านปู่หนวกจะ สามารถมอบขวัญวิญญาณได้ด้วยการแต้มจุดเติมนัยน์ตแต่ ภาพวาดที่กลับมามีชีวิตของเขานั้นคงอยู่ได้ไม่นานก่อที่จลับไปเป็นหมึกอีกครั้ง ในทางกลับกัน ผู้เฒ่าจากภาพวาดนี้ดูเหมือนมีชีวิตและลมหายใจขึ้นมาอย่างแท้จริง นอกจากการที่เขา

สามารถเคลื่อนไหวผ่านผนงัและกำแพงได้แล้ว ย่าอื่น ของเขา

ก็ไม่แตกต่างจากสิ่งมีชีวิตทั่วไปเลย ในโลกนี้มีบุคคลที่มรรคาเต๋า ภาพวาดเหนือล้ำกว่าท่านปู่หนวกด้วยหรือนี่ เป็นไปไม่ด้หรอก!

เขาพลันนึกถึงประเด็นสําคัญขึ้นมา บุคคลที่วาดผู้เฒ่าจาก ภาพวาดนั้นอาจจะไม่ได้เหนือลํ้ากว่าท่านปู่หนวกในมรรคาเต๋าของภาพวาด แต่เหนือกว่าในมรรคาเต๋าของการเสกสรร

บุคคลผู้นี้วาดภาพชายชราขึ้นมาและมอบชีวิตให้เขาด้วยมรรคาเต๋าแห่งการเสกสรร นําผู้เฒ่าจากภาพวาดให้มีชีวิตขึ้น มา เพื่อที่เขาจะได้เ ป็นผู้พิ ทักษ์แ ละผู้นําทางลับ!

ภาพวาดของเฒ่าหนวกมิได้ขึ้นกับวรยุทธ์ แต่ขึ้นกั บ ความสําเร็จในมรรคาเต๋าภาพวาดของเขา!

ฉินมู่ตามผู้เฒ่าจากภาพวาดอันวิ่งไปยังต้นไม้ดึกดําบรรพ์ตรง ใจกลาง เมื่อพวกเขาใกล้จะเข้าใกล้ ฉินมู่ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขา เห็นว่าพื้นอันเรียบใสประดุจคันฉ่องนั้นเริ่มปกคลุมไปด้วยของเหลว เหนียวสีเขียวอีกครั้ง ราวกับว่ามีบางอย่างได้เลื้อยคลานผ่านพื้นนี้ไป

ยิ่งฉินมู่ใกล้ต้นไม้โบราณมากเท่าไร เขาก็ยิ่งเห็นของเหลวสี เขียวจําพวกนี้มากขึ้นเท่านั้น

ผู้เฒ่าจากภาพวาดก็ระมัดระวังมากขึ้น หลบหลีกของเหลว เหนียวนั้นไปมาก ซอกแซกหาทางเข้าไปใกล้ต้นไม้โบราณ

ฉินมู่เหลียวมองรอบๆ อย่างระวังไว สถานที่นี้กว้างขวางอย่าง สุดๆ แต่เมื่อมองไปรอบๆ เขาไม่พบสิ่งอันน่าสะพรึงกลัว แต่ของเหลวเหนียวที่พื้นทําให้เขาหวั่นวิตก เขาเห็นมันที่ดาดฟ้าเรือเหาะ และที่นั่นเขาก็ได้พบกับกลุ่มก้อนปราณมารที่แผ่พุ่งเข้าใส่ พวกเขา มันจะต้องมีตัวตนอันน่าสะพรึงกลัวซ่อนอยู่ในปราณมาร นั้น

ห้องก่อนที่จะเข้าไปในโถงทางเดินลึกลับก็เกลื่อนกลาดไปด้วย ของเหลวชนิดนี้

บัดนี้เมื่อมันเต็มไปทั้งพื้น นั้นแปลว่าต้นไม้ดึกดําบรรพ์มี ความสําคัญเป็นอย่างยิ่งต่อเจ้าของของเหลวดังกล่าว

ฉินมู่มองไปรอบๆ และความกระวนกระวายใจของเขาก็ยิ่ง เพิ่มพูน ยิ่งมองไปมากเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าที่นี่คือรัง รังอาศัยของ เจ้าของของเหลวดังกล่าว!

ในที่สุดฉินมู่ก็มาถึงโคนต้นไม้ ตามผู้เฒ่านั้นไป เมื่อเขามาถึง ที่นี่ เขาก็ตะลึงไป เขาเห็นชายในชุดขาวที่เขาพบในมายาภาพ ก่อนหน้า

อันที่จริง เขาเห็นแค่ใบหน้าของบุรุษผู้นี้

เจ้าของเรือสมบัติ ชายในชุดขาวผู้มีแซ่ฉินและมาจากหมู่บ้าน ไร้กังวลได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับต้นไม้ดึกดําบรรพ์ เหลือเพียงแต่ใบหน้าที่โผล่ออกมาภายนอก แทบจะโผล่ออกมาไม่เต็มหน้าด้วยซํ้า

ใบหน้าของเขาแทบจมหายเป็นส่วนหนึ่งกับต้นไม้โบราณ และ ดวงตาของเขาก็ไร้ชีวิตชีวา เสียงหัวใจเต้นที่ดังมาก่อนหน้านั้นคือ หัวใจของเขาที่เต้นตุบอย่างเชื่องช้า

ฉินมู่ตะลึง ชายในชุดขาวผู้นี้คงใช้วิชาพิเศษบางอย่างที่ยืด ชีวิตของตนโดยการหลอมรวมตนเองเข้ากับต้นไม้และเชื่อมโยง ชีวิตของทั้ง 2 เข้าด้วยกัน แต่ทว่า ข้อเสียของวิธีการนี้ก็ใหญ่ หลวงเป็นอย่างยิ่ง ในเมื่อมันทําให้ผู้ใช้กลายเป็นส่วนหนึ่งของ ต้นไม้ ไม่อาจจะเคลื่อนไหวและแม้กระทั่งค่อยๆ กลายเป็นต้นไม้!

อาการบาดเจ็บของคนผู้นี้คงจะสาหัสเป็นอย่างยิ่ง สาหัสชนิด ว่าเขาคงมีชีวิตรอดต่อไปได้ไม่นาน!

เขาถูกศัตรูไล่ล่าตลอดทางมาจนถึงสถานที่นี้ เขากําจัดศัตรู ทั้งหมด แต่ไม่เหลือทางเลือกอื่นนอกจากใช้วิชาต้องห้ามที่ เปลี่ยนแปลงเขาเป็นส่วนหนึ่งของต้นไม้ดึกดําบรรพ์เพื่อจะต่อชีวิต ตนเอง!

“เป็นท่านหรือ ที่ให้ผู้เฒ่าจากภาพวาดนําทางข้ามาที่นี่”

ฉินมู่รู้สึกว่าบุรุษผู้นี้ให้ความรู้สึกสนิทชิดเชื้อเป็นพิเศษ และดู เหมือนจะมีสายสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาอยู่ นี่ทําให้หัวใจของเขา หวั่นไหวอย่างมิอาจควบคุมได้ และเขาก็ถาม “หรือว่าท่านชื่อว่า ฉินเฟิ่งชิง? ท่านมาจากหมู่บ้านไร้กังวลหรือ”

ใบหน้าของของบุรุษในต้นไม้ดูเหมือนจะชัดเจนขึ้น และดูเหมือนจะตื่นเต้น เขาเปิดปากออกมาอย่างยากลําบาก แต่ลิ้นของเขานั้นได้กลายเป็นไม้ไปแล้ว จึงไม่อาจส่งเสียงออกมาได้

ฉินมู่อึ้งไป ผลร้ายของวิชาต้องห้ามประเภทนี้นั้นค่อนข้างมาก แม้ว่าชายในชุดขาวจะได้รับการยืดชีวิตออกไป แต่ประสาทสัมผัส และระบบร่างกายของเขาก็สูญเสียไปเกือบทั้งหมด

“ท่านรู้จักจี้หยกนี้หรือเปล่า” ฉินมู่รีบดึงจี้หยกออกมาจากคอของเขาและยื่นมันไปตรงหน้า

ชายผู้นั้นและพยายามข่มระงับความตื่นเต้นในใจ “ท่านรู้จักมัน

ไหม นี่มันอยู่ในผ้าอ้อมของข้าและข้าก็เก็บมันไว้กับตัวตลอด คําว่าฉินบนจี้หยกนี้คือคําว่าฉินในหมู่บ้านไร้กังวลหรือเปล่า”

ชายในชุดขาวยิ่งตื่นเต้นเข้าไปใหญ่ และต้นไม้ดึกดําบรรพ์ก็ สั่นสะท้าน ดูราวกับว่าบุรุษในต้นไม้หมายจะดิ้นรนหลุดออกมาจาก พันธนาการและคว้าจี้หยกนั้นมาด้วยมือของเขา!

วงแสงวงแล้ววงเล่าไหลลงมาจากลําต้นและสะกดข่มการดิ้นรน ของเขา

เขาอ้าปาก ดูเหมือนมีเรื่องมากมายที่อยากพูดอยากบอกแก่ ฉินมู่ แต่ไม่สามารถเอื้อนเอ่ยวาจาได้สักคํา

สีหน้าฉินมู่ทื่อชาลงไป เขาดูเหมือนจะคุยกับบุรุษในต้นไม้ พร้อมๆ กับที่รําพึงกับตนเองไปด้วย “ข้าได้ยินจากท่านยายว่ามีศพ ของหญิงสาวผู้หนึ่งที่ประคองตะกร้าและส่งข้ามายังหมู่บ้านพิการ ชราในแดนโบราณวินาศ ข้าได้พบนางที่ปลายนํ้า แต่ไม่ว่าจะ อย่างไรข้าก็ไม่อาจเห็นใบหน้าของนางชัด ข้ามีก็เพียงแต่จี้หยกชิ้น นี้ที่ข้าสวมมันไว้ตั้งแต่เล็กแต่น้อย และข้าก็ฝันใฝ่มาเสมอว่าจะ ค้นพบสถานที่อันเป็นที่มาของข้า เผื่อว่าครอบครัวของข้ายังอยู่ที่ นั่น…”

เขานั่งลงใต้ต้นไม้ด้วยแขนทั้ง 2 กอดเข่าตนเอาไว้ บนปลาย นิ้วของเขาแขวนห้อยไว้ด้วยจี้หยกที่แกว่งไปมา

“ข้ารู้สึกว่าพ่อแม่ของข้าจะต้องยังมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน และ กําลังรอให้ข้าไปหาพวกเขา ข้าไม่เคยพบพวกเขามาก่อน…”

“เด็กผู้หนึ่งที่เป็นผู้พิทักษ์ตะวันบอกข้าว่าข้าอาจจะมาจากหมู่บ้านไร้กังวล ดังนั้นข้าจึงพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะไปที่นั่น ข้าเสาะหาข่าวคราวของหมู่บ้านไร้กังวลไปทั่วทุกที่ แต่ก็ ล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า ข้าถึงกับพัวพันผู้ใหญ่บ้านและท่านปู่ท่าน ยายคนอื่นๆ ให้ต้องเกือบตายก็เพราะข้า…”

“ข้าไม่ได้บอกพวกเขาเรื่องสถานที่แห่งนี้ก็เพราะว่าข้ากลัวว่า จะพาพวกเขามาพัวพันไปด้วย ฉินเฟิ่งชิง ท่านชื่อว่าฉินเฟิ่งชิงใช่ หรือไม่ ข้าได้พบกับท่านแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าท่านจะไม่สามารถ

บอกอะไรข้าได้เลยสักอย่าง การจะกลับไปยังบ้านเกิดเมืองนอนและ ล่วงรู้ชาติกําเนิดตนเองมันต้องยากเย็นขนาดนี้เชียวหรือ…”

เขากุมหน้าของตนเองไว้ในฝ่ามือและไม่กล่าวอะไรต่อ

ติ๋ง ติ๋ง

มันมีหยาดนํ้าตาร่วงลงมา และฉินมู่เงยหน้าขึ้นพลางขยี้ตา เพื่อมองขึ้นไป หยาดนํ้าตากําลังร่วงหล่นลงจากข้างแก้มของบุรุษ

ในต้นไม้ผู้นั้น

ทันใดนั้น ก็มีเหมือนจะมีบางอย่างขยุกขยิกมาจากบนคาคบ ไม้เบื้องบน เลื้อยลงมาและพันรอบๆ ลําต้นไม้ดึกดําบรรพ์ราวกับงู ตัวมหึมา เสียงอันแปลกประหลาดยากจะเข้าใจดังมาจากปากของ มัน “ฉินหานเจิน บัดนี้เมื่อเจ้าได้พบกับฉินเฟิ่งชิงแล้ว ความปรารถนาเจ้าก็คงจะบรรลุแล้วสินะ”

AC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!