Skip to content

Tales of Herding Gods 323

Tales of Herding Gods
BC

ตอนที่ 323 จอมพิษและหมอเทวดา

C

สิ่งที่สัตว์พิสดารตนนี้พ่นออกมาจากปาก นั่นก็คือลูกแก้วที่ เปล่งแสงสีเขียวหยก มันส่องสว่างรอบบริเวณด้วยประกายรัศมีสี เขียวขจี แต่ทว่าไม่ใช่ตัวลูกแก้วเองที่กําลังเปล่งแสง แต่เป็นสิ่งที่อยู่ ข้างในอันดูคล้ายกับมังกรเขียวแหวกว่ายไปมารอบๆ มันคือแสง รัศมีที่มังกรเขียวตัวนี้ส่องสว่างไปรอบๆ ทิศ

เสียงซีอวี่เห็นแสงสีเขียวนี้ และสีหน้าของนางแปรเปลี่ยน นาง รีบหันหน้าไปมอง “ลูกแก้วมังกรเขียวของตําหนักสวรรค์แท้ของ ข้า ”

ฉินมู่รีบเหลียวกลับไปดูเช่นกันและเห็นว่าลูกแก้วนั้นขยายขนาดจนมีเส้นผ่าศูนย์กลางถึงวาครึ่ง มังกรเขียวในลูกแก้วก็ดู

ชัดเจนมากขึ้นเมื่อมันแหวกว่ายไปมาอย่างมีชีวิตชีวา เด็กสาวที่ ขยํ้าเข้าใส่อวี้ป๋อชวนและพรรคพวกถูกแสงนี้สาดส่องใส่ พวกนาง

พลันถูกธรรมชาติไม้แทรกซึม แปรเปลี่ยนเป็นรูปสลักไม้ ร่างของ พวกนางแข็งทื่อ หยุดชะงักอยู่กลางอากาศ

เสียงเป๊าะๆ ดังมาจากพวกนาง และมีต้นกล้างอกออกมา จากร่างที่ถูกธรรมชาติไม้แทรกซึมเหล่านั้น ทําให้พวกนางเขียวขจี ไปหมด

หนวดรากอันเป็นรากของปีศาจรากไม้ก็กลายเป็นแข็งทื่อและ ไม่อาจขยับเขยื้อนได้เลยสักนิด

อวี้ป๋อชวนพาพวกของเขามุ่งมาข้างหน้า ขณะที่สัตว์พิสดาร ลิงยักษ์มีเขาก็ตามมาติดๆ ด้วยลูกแก้วที่ถือไว้ในมือ ที่ใดที่แสงรัศมี นั้นสาดส่องไป ดรุณีในดอกไม้ก็จะแข็งทื่อในท่วงท่าประหลาด ต่างๆ นานา โดยไม่มีนางไหนที่มีท่วงท่าเหมือนกันเลย

“ลูกแก้วมังกรเขียว?”

ฉินมู่อึ้งไปเล็กน้อย ลูกแก้วนี้เป็นสมบัติน่าอัศจรรย์ที่ถึงกับ สามารถต่อต้านตัวประหลาดอย่างปีศาจรากไม้ได้

“สมบัติศักดิ์สิทธิ์แห่งตําหนักสวรรค์แท้ของข้านี้ถูกพวกเขา แย่งชิงไป!”

เสียงซีอวี่ยิ้มหยันและยื่นมือของนางออก สัตว์พิสดารพลันรู้สึก ว่าลูกแก้วมังกรเขียวลอยขึ้นไปและได้แต่ตื่นตระหนก มันรีบ กระโดดขึ้นไปคว้าจับ หมายจะกดมันลงมา

ผู้ฝึกวิชาเทวะขั้นชาวสวรรค์ข้างๆ อวี้ป๋อชวนก็แผ่พุ่งปราณ ชีวิตพวกเขาออกไปเพื่อคว้าจับลูกแก้วมังกรเขียวเอาไว้ ต่อสู้กับ เสียงซีอวี่ ลูกแก้วมังกรเขียวจึงลอยอยู่กลางอากาศด้วยทั้ง 2 ฝ่าย แย่งชิงกันอย่างขับเคี่ยวสูสี ต่างก็หมายจะควบคุมสมบัติศักดิ์สิทธิ์นี้

ค้างคาวขาวสองตัวพลันเปลี่ยนทิศทางและหมุนวนในอากาศ ขนละเอียดยิบของพวกเขายิงไปใส่อวี้ป๋อชวนและลิ่วล้อ เพื่อจะช่วย แย่งชิงลูกแก้ววิเศษนี้มา

ในพริบตาเดียวขนขาวบนร่างค้างคาวสองพี่น้องก็หลุดออกไป จนหมด พวกเขาได้ขัดเกลาบ่มเพาะเส้นขนของตนเองให้เป็น สมบัติพิสดารที่เหมือนกับเข็ม หากว่าไปโจมตีโดนเนื้อหนัง เข็มพวกนี้ก็จะกลายเป็นอ่อนนุ่มยิ่งนัก และชอนไชเข้าไปในร่างกาย เพื่อคร่าชีวิตของผู้ที่ถูกเข็มปักในพริบตา!

กิเลนมังกรเขย่าร่างของตน และเกล็ดบนร่างของเขาอันไม่ต่าง อะไรกับโล่คมกริบไร้ใดเปรียบก็พุ่งแหวกอากาศ ยิงใส่อวี้ป๋อชวน และพรรคพวก

กิเลนมังกรพลันเปลือยเปล่าไปยันก้น เหลือแต่ขนกิเลนที่ ปลายหางมังกรและบนหัวใหญ่ๆ ของเขา

เสียงซีอวี่สีหน้าซีด และนางรีบร้องบอก “อย่าลงมือ!” ไม่ทันที่นางจะพูดขาดคํา ขนละเอียดยิบของค้างคาวขาวทั้ง

สองก็เข้าไปปะกับแสงหยกของลูกแก้วมังกรเขียว พวกมันถูก

ธรรมชาติไม้แทรกซึมและร่วงลงกับพื้นทั้งหมด

ค้างคาวขาวทั้ง 2 พยายามจะเรียกขนอ่อนของพวกเขา กลับมา แต่พวกเขาสูญเสียการเชื่อมโยงกับขนเหล่านั้น สองพี่น้อง นี้เบิกตากว้างจ้องมองไปที่สถานการณ์ตรงหน้า และใช้แขนกอด

เนื้อตัวอันเปลือยเปล่าของตน งงงันอยู่กับที่

เกล็ดมังกรของกิเลนมังกรก็ถูกธรรมชาติไม้แทรกซึมเช่นกัน กลายเป็นโล่ไม้มากมายที่ร่วงลงบนพื้น มังกรอ้วนตนนี้ได้อ้าปาก ค้าง และพุงตุ้ยนุ้ยของเขาก็กองลงไปกับพื้น มันเคยมีเกล็ดปกคลุม

เอาไว้มาก่อน จึงไม่ย้อยยานขนาดนี้ แต่ทว่าเมื่อไม่มีเกล็ดหุ้ม พุง กลมๆ ของเขาก็ห้อยระพื้นอย่างแขม่วไม่อยู่

“จ้าวลัทธิ…”

กิเลนมังกรงงงัน ทําอะไรไม่ถูก และรีบหันไปมองฉินมู่บนหลัง ของตน

เดิมทีฉินมู่กะจะยิงกระบี่ทั้ง 8,000 เล่มของตนออกไป แต่เมื่อ เห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเขาจึงได้แต่ละความคิด

ลูกแก้วมังกรเขียวแห่งตําหนักสวรรค์แท้นับว่าพิสดารเหนือจินตนาการ แม้ว่าวรยุทธ์ของกิเลนมังกรจะยังไม่ถึงขั้นชาวสวรรค์ และพละกําลังของเขาก็ไม่ด้อยไปกว่ายอดยุทธ์ขั้นชาวสวรรค์ทั่วไป เลย เนื้อและหนังของเขาทนทานเป็นอย่างยิ่ง

ในการศึกที่เมืองคลื่นสวรรค์ในครั้งนั้น เมื่อราชามารตู้เถียน จุติลงมาต่อสู้อย่างดุเดือดกับราชามังกร คลื่นกระแทกจากการต่อสู้ นั้นได้เฉือนผ่ามาที่ก้นกิเลนมังกร แต่ทําให้เขาเกล็ดแตกหักไป จํานวนหนึ่งเท่านั้น ไม่ก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บร้ายแรงแก่กิเลน มังกร นี่เผยให้เห็นว่าพลังป้องกันของเกล็ดมังกรเหล่านี้น่าตื่น ตระหนกสักเพียงไหน

กําลังฝีมือของค้างคาวขาวทั้ง 2 ก็ยิ่งแข็งแกร่งกว่า ในเมื่อ พวกเขาคือยอดยุทธ์ที่สั่งสมพลังวัตรถึงระดับสุดยอดของขั้นชาว สวรรค์ พวกเขาคงไม่ได้ใช้ขนละเอียดบนร่างโดยไม่ขัดเกลาพวก มันให้เป็นของวิเศษ

พวกเขาทั้ง 3 ไม่มีใครคาดคิดว่าสมบัติประจํากายของพวก เขาจะถูกธรรมชาติไม้แทรกซึมและสูญเสียการควบคุมเพียงแค่ไป แตะต้องกับแสงเขียวจากลูกแก้วมังกรเขียว

หากว่ากระบี่ทั้ง 8,000 เล่มของฉินมู่โจมตีเข้าไป กระบี่ไร้กังวลคงเป็นเล่มเดียวที่จะไม่ถูกธรรมชาติไม้แทรกซึม ส่วนเล่มอื่นๆ ที่เหลือคงไม่แคล้วจะกลายเป็นไม้

เสียงซีอวี่ครางหนักเมื่อพลังวัตรของนางมิอาจต่อสู้กับอวี้ป๋อ ชวนและพวกพ้องของเขาได้อีกต่อไป ลูกแก้วมังกรเขียวทําท่าจะ

ลอยกลับไปทางอวี้ป๋อชวนและพรรคพวก แต่ทันใดนั้นพื้นดินก็ สะท้านสะเทือนอย่างรุนแรงเมื่อรากไม้จํานวนมากพวยพุ่งออกมา จากใต้ดิน กวัดแกว่งเต็มท้องฟ้าไปหมด รากเหล่านั้นเกาะเกี่ยวกัน

ก่อรูปเป็นตาไม้สีดําสนิทอันห่อหุ้มลูกแก้วมังกรเขียวเข้าไปก่อนที่ จะดึงมันลงไปใต้ดิ น

เสียงซีอวี่และอวี้ป๋อชวนต่างไม่ทันตั้งตัว และทั้งคู่ไม่สามารถดึง ลูกแก้วมังกรเขียวกลับมาได้ทันเวลา ปล่อยให้ปีศาจรากไม้แย่งมัน ไปได้!

อวี้ป๋อชวนกล่าวด้วยนํ้าเสียงเข้ม “ลูกแก้วมังกรเขียวเป็น สมบัติของตําหนักสวรรค์แท้ของข้า และที่ผนึกไว้ข้างในคือดวง วิญญาณแท้ของมังกรเขียว ปีศาจเฒ่าตนนี้ไม่มีทางกลืนกินมันไป ได้หรอก!”

ทันใดนั้น พื้นปฐพีก็สั่นไหวอย่างรุนแรงเสียยิ่งกว่าเดิม ทุกคน ซวนเซยืนกันไม่ติด ผืนดินสะท้านสะเทือนไม่หยุดหย่อน และถึงกับ เปิดเปิงขึ้นมาข้างบนราวกับมาว่าสัตว์ยักษ์กําลังดิ้นทุรนอยู่ข้างใต้

ตูม!

หินและดินปลิวว่อนไปทั่วทิศและต้นไม้ใบหญ้าก็พวยพุ่งออกมาจากใต้ดิน ผลักดินและหินสูงขึ้นและสูงขึ้นทุกที กิเลนมังกรรีบกระโดดหลบไปข้างๆ และคาคบไม้อันกว้างหลายไร่ก็ทะลวงขึ้นมา เฉียดร่างของพวกเขาไป

ค้างคาวขาวทั้ง 2 รีบบินขึ้นฟ้าก่อนที่จะนึกได้ว่าร่างของพวก เขาเปลือยเปล่า พวกเขารีบใช้สองมือปิดบังส่วนเป้าของตนเอง นี่ ทําให้พวกเขาร่วงหัวปักพื้นไปยังต้นไม้หนาทึบต้นนี้

ค้างคาวขาวทั้ง 2 อึ้งไป พวกเขาพบว่าต้นไม้นี้ยังงอกสูงอย่าง บ้าคลั่ง ยอดไม้แผ่ขยายใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ ลําต้นก็กลายเป็นสูงขึ้น และสูงขึ้น ไม่นานนัก ยอดคาคบก็ทะยานพ้นชั้นเมฆขาว

อากาศกลายเป็นหนาวเย็นลงทุกที ขณะที่แสงอาทิตย์ก็ ร้อนแรงขึ้น ค้างคาวขาวทั้ง 2 พบว่าพวกเขาหายใจไม่ค่อยออก และรีบบินร่อนลงมาจากยอดไม้ทันที

การบินขาลงนี้กลายเป็นการเดินทางที่ยาวนาน ในเมื่อยอดคา คบไม้นั้นทั้งใหญ่โตและหนาทึบ แม้ว่าความเร็วพวกเขาจะไม่ เชื่องช้า แต่ก็ยังต้องใช้เวลาในการบินลงอยู่ดี

ข้างล่างพวกเขาคือความสูงละลิ่วอันเพียงแค่มองลงไปก็ใจวาบ หวิว เมื่อเหลือบแลไปก็พบว่าต้นไม้ใหญ่นี้สูงยิ่งกว่าภูเขาโดยรอบ เสียอีก!

ค้างคาวขาวรีบบินลงต่อทันที แต่พวกเขาได้เห็นพื้นก็อีกสัก พักให้หลัง

เสียงครืนครันดังมาจากต้นไม้ยักษ์อย่างไม่หยุดหย่อน และสัก พักหนึ่ง ประเดี๋ยวก็มีกิ่งก้านที่แยกออกไปเป็นยอดคาคบที่สอง สาม และสี่

ค้างคาวขาวหลบเลี่ยงสิ่งกีดขวางเหล่านั้นซํ้าแล้วซํ้าอีก และ เมื่อถึงจุดหนึ่ง ก็มีสายฟ้าคํารามในอากาศ ฟาดเปรี้ยงปร้างทางนี้ที และทางนั้นที ฝนเริ่มโปรยปรายลงมาหลังจากนั้น

เมื่อค้างคาวขาวทั้ง 2 กลับลงมาที่พื้น พวกเขารีบปิดบังของ ลับช่วงล่างของตนเองแล้วหันไปมองรอบๆ พวกเขาไม่เห็นฉินมู่และ คนอื่นๆ มีก็แต่ลําต้นอันยิ่งใหญ่อลังการราวขุนเขาที่บดบังสายตา ของพวกเขาไปหมด

พื้นดินแตกแยกออกมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อรากอันหนาใหญ่เท่า มังกรผลักตัวขึ้นมา พวกมันส่งเสียงกรอบแกรบและแผ่สยายไปยังที่ ไกลๆ แม้แต่ภูเขาที่อยู่ไกลไปหน่อยก็ยังถูกรากเหล่านี้ชอนไช กระหวัดรัด จนกระทั่งมันจมอยู่ใต้รากไม้

ในตอนนั้นเอง แสงอาทิตย์ก็ถูกปิดบังไว้หมด ที่นี่จึงเหลือแสง สว่างไม่มาก

พี่น้องแซ่ฝูบินขึ้นไปบนลําต้น และปีนไต่ต้นไม้อย่างรวดเร็ว ค้นหาฉินมู่และคนอื่นๆ

ทันใดนั้น เสียงอันคุ้นหูก็ดังมาจากคาคบไม้ชั้นล่างสุดและราก อากาศที่ห้อยย้อยลงมาจากคาคบนั้น พวกมันกวัดแกว่งไปมา พร้อมกับดอกไม้ตูมมหึมา

“นี่น่าจะเป็นร่างที่แท้จริงของปีศาจรากไม้สินะ?” ฉินมู่กล่าว

ฝูอวี่ชิว และฝูอวี้ชุนรีบไต่ตามเสียงไป และค่อยระบายลม หายใจโล่งอกเมื่อเห็นฉินมู่ กิเลนมังกร และสองแม่ลูก พวกเขา กระโดดลงจากลําต้นไม้และใช้ปีกปิดบังร่างกายตน

ฉินมู่เงยหน้าขึ้นมามองปีศาจรากไม้ที่แปรเปลี่ยนไป และตื่นใจ อย่างช่วยไม่ได้ เขาเดินเข้าไปและแกะกลีบดอกตูมที่ย้อยลงมานั้น

ข้า งใน มีดรุณีสาวห้อยอยู่แน่นิ่งไม่ไหวติง ด้วยมือทั้ง 2 ที่ตก อยู่ข้างตัว

เด็กสาวผู้นั้นลืมตาขึ้นมาอย่างอ่อนแรง มองมาที่ฉินมู่ และ กล่าวด้วยลมหายใจรวยริน “จ้าวลัทธินักบุญสวรรค์…”

ฉินมู่ปิดตานางลง แต่นางก็ลืมขึ้นมาใหม่และถลึงตาจ้องเขา อย่างดุร้าย

ฉินมู่เดินไปเปิดดอกตูมดอกอื่นๆ ดู และทุกๆ ดอกก็ล้วนแต่ เป็นสาวน้อยที่ห้อยลงมาจากในนั้น พวกนางเป็นสิ่งประหลาด พิสดารที่เกิดขึ้นมาจากปีศาจรากไม้ และมิใช่สิ่งมีชีวิตที่แยกขาด ออกจากกัน เด็กสาวเหล่านี้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของร่างกาย

ปีศาจรากไม้เท่านั้น

“ปีศาจรากไม้เดิมทีเป็นเพียงแค่กลุ่มรากที่ดูดซับโลหิตของเทพและมารจนกลายเป็นจอมปีศาจ มันไม่มีลําต้นมาก่อน แต่บัดนี้ เมื่อมันดูดซับเอาพลังงานของลูกแก้วมังกรเขียวเข้าไป มันก็งอกเงยลําต้นขึ้นมา และก็จะมีแต่ร้ายกาจน่ากลัวยิ่งขึ้นไปอีก” ฉินมู่วิตกกังวล “พวกเรารีบออกไปจากที่นี่กันดีกว่า!”

ค้างคาวขาวสองพี่น้องเห็นขนอ่อนของพวกเขาที่ร่วงอยู่บน พื้นอันมิได้ถูกธรรมชาติไม้แทรกซึมแล้วจึงดีใจเป็นอย่างยิ่ง พวก เขาสะบัดตัวเบาๆ ขนพวกนั้นก็กลับมายังร่างของทั้งคู่อีกครา

เมื่อเห็นเช่นนั้น กิเลนมังกรก็ส่ายร่างดุ๊กดิ๊กเช่นกัน และเกล็ดที่ กลับเป็นปกติแล้วก็ลอยลิ่วกลับมาปกคลุมตัวเขา

เสียงซีอวี่ส่ายหัว “ในลูกแก้วมังกรเขียวเป็นวิญญาณแท้ของ มังกรเขียว และจอมปีศาจตนนี้ไม่มีทางดูดกลืนย่อยสลายได้หรอก อย่างมากมันก็ได้แค่พยายามควบคุมพลังงานในลูกแก้วมังกรเขียว และไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ ตราบเท่าที่พวกเราสามารถหา

ลูกแก้วมังกรเขียวที่มันกลืนเข้าไปพบ พวกเราก็จะสามารถพลิก สถานการณ์และสังหารอวี้ป๋อชวนกับพวกทรยศพวกนั้น!”

เสียงฉีเอ๋อรู้สึกสงสัยใคร่รู้ “ท่านแม่ หากว่าพวกเรานําลูกแก้ว มังกรเขียวออกไป ปีศาจรากไม้นี้จะไม่กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง หรือ”

เสียงซีอวี่ตัวสั่นเทิ้ม ตอนนี้ลูกแก้วมังกรเขียวสะกดข่มปีศาจ รากไม้เอาไว้อยู่ หากว่าพวกเขานําลูกแก้วไป ปีศาจรากไม้ก็จะ กลับมาอาละวาดได้และพวกเขาก็จะตกอยู่ในอันตรายอีกครั้ง

ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งพูดขึ้นมา “นายน้อย ลูกแก้วมังกรเขียว อยู่ที่นี่!”

สีหน้าฉินมู่แปรเปลี่ยนอย่างรุนแรง “แย่ล่ะ! พวกเราปล่อยให้ พวกเขาแงะเอาลูกแก้วมังกรเขียวออกไปไม่ได้นะ!”

พวกเขามองไปตรงไปยังทิศทางเสียง และเห็นอวี้ป๋อชวนกับ ยอดฝีมือที่เหลือทั้งหมดแห่งตําหนักสวรรค์แท้กําลังมองไปยังส่วน หนึ่งของลําต้น มันกําลังเปล่งแสงสีเขียวขจีราวกับหยก สาดส่อง พื้นที่เป็นไร่ๆ

เห็นได้ชัดว่าปีศาจรากไม้แห่งสันเขาเดียวดายได้กลืนลูกแก้ว มังกรเข้าไป และพลังงานรุนแรงร้ายกาจในนั้นก็ได้ทําให้มันถูก ธรรมชาติไม้เข้าแทรกซึม ทําให้เกิดมีลําต้นงอกเงยขึ้นมาจากราก และกดทับตัวมันลงมา จากนั้นรากก็เลยแน่นิ่งไม่สามารถเขยื้อน เคลื่อนไหวได้

“อย่านําลูกแก้วมังกรเขียวออกมา ไม่อย่างนั้นจอมปีศาจนี้จะ กลับมาเคลื่อนไหวได้อีกครั้ง และพวกเราก็จะไม่มีใครรอดสักคน”

หลังจากกล่าวเช่นนั้น อวี้ป๋อชวนก็มองไปทางฉินมู่และคณะ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ส่วนผู้คนข้างๆ เขารอคําสั่งระหว่างที่คุ้มกัน เขา

ฉินมู่แย้มยิ้ม “ศิษย์พี่ท่านนี้ เจ้าจะทําอย่างไรล่ะ พวกเจ้ายัง สามารถใช้ทักษะเทวะของตําหนักสวรรค์แท้ที่นี่ได้อีกไหม หากว่า ทําไม่ได้ ก็เห็นทีข้าจะได้ส่งพวกเจ้ากลับบ้านเก่า”

ร่างของอวี้ป๋อชวนพลันพุ่งวูบและสะกิดเท้ามายังแหล่งกําเนิด แสงสีเขียว เขายื่นมือออกไปแตะที่เปลือกลําต้น ไม้จุดนั้นด้วยรอยยิ้มหยันบนใบหน้า “จ้าวลัทธินักบุญสวรรค์ หากว่าข้าจะตาย พวกเราก็จะต้องตายด้วยกันทั้งหมด… หอมจริงๆ นี่มันกลิ่นอะไร”

ขณะที่เขากล่าวอยู่นั้น ในสายตาเขาโลกดูเหมือนหมุนติ้วๆ และเขาก็ร่วงลงไป

“กลิ่นของ ‘หอมสาบสูญ’ อย่างไรล่ะ” ฉินมู่ตอบด้วยรอยยิ้ม

แฉ่ง

ตึง ตึง

ผู้คนจากตําหนักสวรรค์แท้ร่วงลงไปกับพื้น เหลือเพียงแต่ 3

ยอดฝีมือขั้นชาวสวรรค์ที่ยังพอทนได้ แต่ทว่าสีหน้าของพวกเขาก็ เริ่มแดงฉาน และด้วยหอมสาบสูญที่สะกดข่มวรยุทธ์ของพวกเขา ไว้อยู่ พวกเขาก็ไม่อาจช่วงใช้พลังวัตรได้มากนัก

ทันใดนั้น ก็มีเสียงของหญิงสาวดังมา และนางกล่าวกลั้ว หัวเราะ “หอมสาบสูญ นี่มันเป็นยาสลบประเภทหนึ่งสินะ? ให้ข้ า ลองดมดูหน่อยซิ!”

เซียงซีอวี่สีหน้าแปรเปลี่ยนบิดเบี้ยว ส่วนยอดฝีมือขั้นชาว สวรรค์ทั้ง 3 ลิงโลดยินดี

“อาจารย์พิษ!” “มู่ยิ่งเสว่!”

ฉินมู่มองไปยังที่มาของเสียงและเห็นสตรีในชุดดําที่ประดับประดาไปด้วยเครื่องเงินและเครื่องทอง และมีมงกฎรัดผมลูกปัดหยกบนศีรษะ เมื่อนางเดินผ่านหญิงสาวที่ห้อยลงจากกิ่งดอกไม้

พวกนางก็จะแห้งเหี่ยวและกลายเป็นขี้เถ้ากองหนึ่ง

ฉินมู่ควักขวดหยกออกมาแล้วโยนไปให้นางด้วยรอยยิ้ม “ใช่ แล้ว มันคือยาสลบ เจ้าลองดมดูสิ”

AC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!