ตอนที่ 324 อัจฉริยะย่อมชื่นชมกันและกัน
สตรีในชุดดําผู้นั้นมิใช่ใครอื่นนอกจากอาจารย์พิษมู่ยิ่งเสว่แห่งตําหนักสวรรค์แท้ นางมิได้แก่เฒ่าและเรือนกายของนางก็ เปี่ยมไปด้วยพลังของคนหนุ่มสาว จากใต้เนื้อผ้า ผิวของนางขาวผ่องตัดกับชุดดําอย่างยิ่ง และมันขาวยิ่งกว่าหิมะบางเบาอันสมกับชื่อของนาง
นางยกมือขึ้นคว้าจับขวดหยก ฉินมู่พลันสังเกตเห็นถุงมือไหม ดําของนางอันบางเบาเป็นอย่างยิ่งแต่สามารถปกป้องผิวหนังของ นางมิให้สัมผัสกับอากาศได้
ถุงมือคู่นี้ไม่มีทางเป็นสิ่งของธรรมดาสามัญ ผู้คนที่มักจะ หลอมปรุงยาพิษบ่อยครั้งก็จะเป็นต้องมีการระวังป้องกันมิให้พวก เขาแตะต้องเข้ากับสารพิษ ฉินมู่มั่นใจว่าถุงมือไหมดําคู่นี้ไม่ได้มี คุณสมบัติเหมือนเส้นไหมทั่วไป แต่กลับปิดผนึกกั้นอากาศเอาไว้
ได้ด้วยซํ้า
หน้าอกของนางไม่กระเพื่อมขึ้นลง และนางอาศัยการหายใจ ผ่านรูขุมขนเพื่อมิให้ตัวนางต้องยาพิษ
เห็นได้ชัดว่ากําลังฝีมือของนางมิได้อยู่ที่วรยุทธ์หรืออาวุธ วิญญาณ แต่อยู่ที่ยาพิษ
ระดับขั้นวรยุทธ์ไม่มีทางเป็นมาตรวัดความแข็งแกร่งของนัก ปรุงยา แม้ว่าวรยุทธ์จะตํ่า แต่เขาก็อาจจะสังหารเทพเจ้าได้ด้วยพิษ ของตน!
มู่ยิ่งเสว่มองไปที่ขวดหยก แต่นางไม่สูดดมหอมสาบสูญ ภายในนั้น ในทางกลับกัน นางเผยแขนของนางให้ผิวหนังของนาง สูดกลิ่นเข้าไปเฮือกหนึ่ง นางซึมซับไอระเหยในนั้นเพียงน้อยนิด และพลันรู้สึกว่าแขนของนางชาไปครึ่งหนึ่ง สิ้นไร้ความรู้สึกสัมผัส
“ยาอัศจรรย์เหลือเกิน!”
นางตาเป็นประกาย และปิดจุกขวดหยกก่อนจะโยนกลับไปให้ ฉินมู่พลางเอ่ยชมเขา
“แม้ว่ามันจะไม่สามารถทําให้ยอดฝีมือขั้นชาวสวรรค์เป็นอัมพาตโดยสิ้นเชิงได้ แต่ก็ยังมีผลในการจํากัดการเคลื่อนไหวของพวกเขา เป็นยาสลบที่น่าประทับใจจริงๆ”
ฉินมู่พลิกฝ่ามือและปล่อยปราณชีวิตออกไปคว้าจับขวดหยก เขาไม่ปล่อยให้มันเข้ามาแตะต้องกับมือของเขา แต่กลับควักเอา คางคกเนตรหยก 3 ขาออกมาจากถุงเต๋าตี้ของเขา
คางคกตัวนั้นอ้าปากของมันและกลืนเอาขวดหยกเข้าไป หุบ ปากของมันลงจากนั้นจึงคายขวดหยกออกมา หลังจากนั้นฉินมู่ก็ วางคางคกลงให้มันกระโดดไปทางมู่ยิ่งเสว่
เสียงซีอวี่และคนอื่นๆ จ้องมองด้วยสายตาว่างเปล่า พวกเขารู้ ว่าฉินมู่เก็บรวบรวมยาสมุนไพรในแอ่งทวีป แต่ไม่รู้ว่าเขาไปจับ คางคกเนตรหยก 3 ขามาตั้งแต่เมื่อไหร่
“ยาพิษของพี่สาวมู่ก็เหนือลํ้าเกินธรรมดาจริงๆ” ฉินมู่ชมเปาะ “แต่ทว่าพิษของเจ้าเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อยเท่านั้น และไม่ควรค่าแก่ การเอาไปอวดโอ่ในแวดวงชั้นสูง และยิ่งไม่คู่ควรที่จะเรียกว่าไร้ ต่อต้านในแดนดิน”
ดวงตาของมู่ยิ่งเสว่เปล่งประกายผุดผาดราวหิมะ เมื่อนางจ้อง มองคางคกเนตรหยกที่กระโดดเข้ามา นางดีดนิ้วออกไปเบาๆ และ เส้นด้ายปราณชีวิตของนางเส้นหนึ่งก็แปรเปลี่ยนเป็นแมลงบินที่บิน ว่อนไปทั่ว คางคก 3 ขา ฉกลิ้นของมันออกมาและจับแมลงบินนั้น
กลืนเข้าไป มันร้องคร๊อกๆ 2 ที ก่อนที่ร่างจะบวมเบ่งเป็นลูกกลม ใหญ่เท่าวัวตัวหนึ่ง
ฉินมู่นํายาวิญญาณออกมาเม็ดหนึ่ง เฉือนตรงกลางออกอย่าง แผ่วเบา เมื่อมันผ่าแยกออกมา ก็มีเสียงหวี่หวึ่งดังมาจากข้างใน ยา เม็ดนี้กลับกลายเป็นกลวงโบ๋ และมียุงตัวหนึ่งอยู่เท่านั้น
ยุงนั้นกระพือปีกอย่างถี่ยิบบินไปเกาะที่หลังคางคก ไม่นานนัก คางคกก็เล็กลงไปทุกทีๆ ขณะที่ยุงนั้นกลับขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ท้องของยุงนั้นเป่งพองราวถุงนํ้า แต่ข้างในนั้นล้วนแต่เป็นเลือด ซึ่งมิใช่สีแดงแบบโลหิตสด แต่กลับเป็นสีเขียวสดใส
เมื่อยุงนั้นกินอิ่มแล้ว คางคกก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง และ กระโดดไปมาได้อีกหน มันฉกลิ้นไปยังยุงยักษ์ แต่ในเมื่อมันตัวเล็ก เกินไป มันจึงกลืนยุงเข้าไปไม่ได้
มู่ยิ่งเสว่ตื่นตะลึง “เลี้ยงแมลงเอาไว้ในยาวิญญาณ? น่าสนใจ จริงๆ”
นางเปิดแขนเปลือย เผยผิวขาวเนียนของนาง ยุงนั้นพลันบิน เข้าไปเจาะที่แขนนาง แต่เมื่อมันปักปากแหลมเข้าไปในผิว ยุงนั้นก็ หดตัวลงราวกับว่ามันสูญเสียมวลนํ้า และสีสันของมันก็ เปลี่ยนแปลงไป มันเปลี่ยนเป็นสีแดงและโบยบินกลับมาหาฉินมู่
ด้วยเพลิงไฟรอบๆ ตัวมัน
ม่านตาของฉินมู่หดแคบ และเขานํายาวิญญาณจํานวนหนึ่ง ออกมาจากถุงเต๋าตี้ ยาเม็ดเหล่านี้ล้วนแต่มีขนาดและสีสันที่แตกต่างกัน
ฉินมู่รีบหั่นพวกมันเป็นลูกเต๋า และหยิบผสมพวกมันเข้า ด้วยกันอย่างละนิดอย่างละหน่อยตามอัตราส่วนที่เขารู้แต่ผู้เดียว ด้วยลูกไฟพุ่งออกมาจากฝ่ามือของเขา เขาก็หลอมรวมฤทธิ์พลัง ยาอันแตกต่างเข้าไว้ด้วยกัน แปรเปลี่ยนมันเป็นยาวิญญาณอีก ชนิด
เขาอ้าปากกลืนยาเม็ดนี้เข้าไป และเร่งเร้าฤทธิ์พลังงานพลาง ม้วนแขนเสื้อของเขาขึ้น
หลังจากที่ดูดกินเลือดของเขา ยุงนี้ก็กลับเป็นสีเดิม และมันบิน กลับไปหามู่ยิ่งเสว่อย่างไม่รีบร้อน
นางยิ้มหยันมาทางเขา “เจ้าไม่ได้วางยาพิษในตัวมันหรือ” จมูกของฉินมู่พลันขยายใหญ่ขึ้นมาก้อนหนึ่ง และรูจมูกของ
เขาก็ชี้ชันไปสู่ฟ้า ทําให้ตอนนี้เขาดูน่าเกลียดชั่วร้ายสุดๆ เขา
กล่าวกลั้วหัวเราะ “หากข้าไม่ได้วางยาพิษในตัวมัน มันจะบินตรง ไปหาเจ้าได้อย่างไร ตามกลิ่นหอมของเจ้าไปหรือ”
มู่ยิ่งเสว่ขมวดคิ้วเล็กน้อย และจ้องมองยุงที่กําลังบินมาหานาง อย่างไม่วางตา พยายามแยกแยะว่าฉินมู่ใส่พิษชนิดไหนมา
สักครู่หนึ่ง นางก็นําสมุนไพรออกมาสี่ห้าชนิดจากแขนเสื้อและ บดเข้าด้วยกันอย่างคล่องแคล่ว จากนั้นนางก็ทาสมุนไพรเหล่านั้น ไว้ที่แขนและปล่อยให้ยุงมากัดนาง
เมื่อมันกัดนางแล้ว เส้นขนทั่วร่างของมู่ยิ่งเสว่ก็งอกยาวอย่าง บ้าคลั่ง และในพริบตา มันก็แผ่สยายไปทุกทิศทาง ทําให้นางดู เหมือนเม่นตัวหนึ่ง
ฟึ่ บ!
เสียงเบาๆ ดังออกมา และมู่ยิ่งเสว่รู้สึกว่าก้นของนางคันยิบๆ หางเป็นพวงที่ยืดยาวลงระพื้นพลันงอกเงยออกมาและแทงทะลุกางเกงของนาง
สีหน้าของมู่ยิ่งเสว่เริ่มมืดครึ้ม ยุงนั้นได้ดูดเลือดของนางไป และความเป็นพิษในตัวของมันก็เปลี่ยนแปลง ทําให้มันสูญเสีย ความสนใจในตัวนาง มันโบกปีกหวือ และบินวกกลับมาทางฉินมู่
สีหน้าเขาแปรเปลี่ยนเล็กน้อย และเขานําเอาวิญญาณยา ออกมาสิบกว่าเม็ดจากถุงเต๋าตี้ ผ่ามันและผสมมันตามสัดส่วน เมื่อ ยุงนั้นบินเข้ามา เขาก็ผสมยาวิญญาณเม็ดใหม่สําเร็จ
เมื่อเขากลืนมันเข้าไป สีหน้าเขาก็กลับเป็นปกติ ยุงนั้นกัดแขนของเขาและบินออกไปเองอีกครา ในเวลา
เดียวกันนั้น ก็มีเสียงสนั่นครั่นครื้นดังมาจากในร่างของฉินมู่อันดัง
เหมือนเสียงฟ้าคําราม เส้นแสงอสุนีบาตพลันฟาดลงมาจาก ท้องฟ้าใส่หัวเขา ทําให้เขาดําเป็นเถ้าถ่านในพริบตา
ระหว่างระยะเวลานั้น มู่ยิ่งเสว่ก็กําลังหลอมปรุงสมุนไพรพิษ และได้ยาออกมาหนึ่งขวดเล็กๆ นางเงยหน้าขึ้นกระดกขวดดื่ม ทั้งหมด ทําให้เส้นขนละเอียดดําขลับของนางที่แผ่สยายเป็นวง กว้างก็หลุดร่วงไม่เหลือแม้แต่เส้นเดียว หางของนางก็หลุดออกไป เช่นกัน
หญิงสาวยกกางเกงของนางกลับขึ้นมาด้วยสีหน้าอันมืดคลํ้า ก่อนจะยื่นแขนออกไปให้ยุงกัด
ในพริบตาถัดมา นางก็ครางเสียงหนักแล้วล้มควํ่าลงไปกับพื้น เสียงกรอบแกรบดังมาจากใต้ตัวนางเมื่อนางงอกเงย 8 ขาออกมา จากทั่วตัว อันทําให้นางดูเหมือนแมงมุมขนปุยตัวหนึ่ง
“พิษของเจ้าแรงจริงๆ!” มู่ยิ่งเสว่หวีดร้องด้วยความเดือดดาล “ลองพิษของข้าบ้าง!”
ยุงตัวเดิมบินกลับไปทางฉินมู่และคราวนี้สีหน้าเขาบิดเบี้ยว เขารีบจัดเตรียมยาใหม่ให้ตนเองเพื่อถอนพิษเยือกเย็นแล้วร้องตอบโต้ไปด้วยเสียงเข้ม “คิดว่าข้าจะกลัวเจ้างั้นหรือ”
ทั้ง 2 คนวางพิษสลับกันไปมาช่างเป็นภาพอันแปลกตา ทํา ให้เสียงซีอวี่ เสียงฉีเอ๋อ และคนอื่นๆ ได้แต่มองตาค้าง เมื่อครั้งแรกที่ทั้งคู่ปะทะกัน พิษนั้นอยู่บนขวดหยก ดังนั้นฉินมู่จึงใช้คางคก 3 ขามาถอนพิษมันออก และเปลี่ยนสูตรยาพิษในเวลาเดียวกัน
คางคก 3 ขาได้รับผลกระทบจากพิษและรู้สึกว่ามู่ยิ่งเสว่เป็น อาหารอร่อยของมัน ดังนั้นมันจะกระโดดเข้าไปหานางด้วยพิษ ร้ายแรงเต็มท้อง
มู่ยิ่งเสว่จึงใช้ปราณชีวิตของนางแปรเปลี่ยนเป็นแมลงที่มีพิษ ชนิดอื่นในตัว เมื่อคางคกกินแมลงนี้เข้าไป ความเป็นพิษในตัวมัน ก็แปรเปลี่ยนไปอีกครั้ง ฉินมู่จึงปล่อยยุงพิสดารที่เขาจับมันได้จาก
แอ่งทวีปแห่งวังสุขาวดี และหยิบยืมพิษดั้งเดิมของมันเพื่อดูดเลือด ในคางคกออกมา นี่ทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอันพันลึก ทําให้มัน ไปต่อยมู่ยิ่งเสว่และวางยาพิษนาง
หลังจากที่มู่ยิ่งเสว่ถอนพิษนั้น นางก็วางพิษใหม่เข้าไปในยุง เพื่อให้มันไปกัดฉินมู่ทดสอบฝีมือของเขา
ทั้งคู่แลกเปลี่ยนการจู่โจมกันไปมา และเค้นไม้ตายก้นหีบมา ทั้งหมด ทุกๆ กระบวนท่า พวกเขาจะต้องถอนพิษของฝ่ายตรงข้าม เพื่อประกันว่ายุงพิสดารนั้นจะไม่ถูกพิษจนตาย และก็ใช้สุดฝีมือใน การวางยาพิษฝ่ายตรงข้าม นี่จะต้องอาศัยความสําเร็จอันสูงส่งใน การสร้างยาพิษและการถอนพิษ หากว่าพวกเขาไม่ระวังและวางยา ฝ่ายตรงข้ามไม่สําเร็จ พวกเขาก็อาจจะถูกยาพิษฝีมือตนเองจน ต้องทิ้งชีวิต
ฉินมู่มองไปยังยุงที่บินเข้ามาและขมวดคิ้ว เขายกมือขึ้นและ กล่าว “ช้าก่อน ฝีมือหลอมปรุงพิษของเจ้านั้นพอๆ กับข้า เช่นนั้น ในเมื่อเราไม่อาจชี้ขาดได้ว่าใครเป็นผู้ชนะ ทําไมเราต้องมาวางยา
พิษกันเองด้วย”
มู่ยิ่งเสว่นั้นก็แทบจะทนทานไม่ไหวแล้ว เมื่อนางได้ยินเช่นนั้น นางก็รีบมองไปทางเสียงซีอวี่และคนอื่นๆ ทันทีด้วยรอยยิ้ม “ถ้าอย่างนั้น เจ้าก็ลองวางยาพิษอวี้ป๋อชวน และข้าจะถอนพิษในตัวเขา จากนั้นข้าก็จะวางยาพิษไหน่ขุย และเจ้าก็จะถอนพิษนาง ไม่ต้อง
ห่วง ตอนนี้อวี้ป๋อชวนคือนายน้อยคนเล็กแห่งตําหนักสวรรค์แท้ ดังนั้นศักดิ์ฐานะเขาในปัจจุบันไม่ตํ่าต้อยไปกว่าไหน่ขุยแน่”
สีหน้าของเสียงซีอวี่และคนอื่นๆ แปรเปลี่ยนอย่างรุนแรง แม้ กระทั่งอวี้ป๋อชวนที่นอนแผ่กระดิกกระเดี้ยไม่ได้ก็ร้องออกมาอย่าง ไร้เสียงด้วยความหวาดผวา
ทั้ง 2 คนที่ผลัดกันวางยาพิษใส่กันนั้นทําให้เขาละลานตาไป หมด แม้แต่ยาพิษเยือกเย็นอันโด่งดังของอาจารย์พิษมู่ยิ่งเสว่ก็ถูก งัดออกมาใช้ กระนั้นนางก็ยังทําอะไรฉินมู่ไม่ได้ นี่แสดงว่า ความสําเร็จในเชิงพิษของฉินมู่ไม่ต้อยตํ่าไปกว่ามู่ยิ่งเสว่
ถ้าใช้พิษกับข้า…หากอาจารย์พิษถอนพิษให้ข้าไม่ได้ ข้าจะไม่ ตายไปเลยหรือ เขาอยากจะตะกายหนี แต่ยาสลบที่เขาโดนยังไม่ คลายสลายไป และดวงวิญญาณของเขาก็ยังคงเป็นอัมพาต
ฉินมู่หัวเราะ “วางยาพิษคนพวกนี้ไม่นับว่าเป็นความสามารถ อันใด ความสําเร็จในเชิงพิษของเจ้าและข้ามิได้ต้อยตํ่า ไฉนเราไม่ เสาะหาเป้าหมายที่แข็งแกร่งกว่านั้นล่ะ มีก็แต่วางยาพิษตัวตนที่ แข็งแกร่งที่สุดให้ตายดับไปเท่านั้น ถึงจะเรียกได้ว่ามีความสามารถ”
มู่ยิ่งเสว่เผยสีหน้าใคร่รู้ คันมืออยากเริ่มต้นแข่งขัน “ไหน่ขุย นั้นนับว่าเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในตําหนักสวรรค์แท้ และวรยุทธ์ของนางถูกลดทอนลงไปด้วยเส้นไหมรัดพันของข้า นี่มรรคา พิษของข้ายังไม่แข็งแกร่งพออีกหรือ”
ฉินมู่ตบต้นไม้ยักษ์ข้างๆ เขาและแย้มยิ้ม “นั่นจะนับว่าเป็นอะไร หากว่าพวกเราจะแข่งขันกันในวิชาพิษ ลองเลือกจอมปีศาจนี้มา เป็นสนามต่อสู้! มันคือปีศาจรากไม้ที่ดูดซับเอาโลหิตของเทพและ มารเข้าไป ดังนั้นจึงครอบครองสายเลือดของทั้งเทพและมาร พลัง อํานาจของมันเหนือลํ้าเกินธรรมดา หากว่าเจ้าต้องการจะวางยา พิษมัน เจ้าจะต้องสรรค์สร้างสารพิษที่สามารถสะกดข่มโลหิตของ เทพและมารได้ ต้องมีความสามารถที่จะวางยาพิษเทพและมาร!”
มู่ยิ่งเสว่ตาเป็นประกายทันที นางเพ่งพิศต้นไม้ยักษ์ตรงหน้าที่ แปลงรูปลักษณ์มาจากปีศาจรากไม้ และจิตใจของนางก็เริ่มตื่นเต้น วูบไหว “ผู้ฝึกวิชาพิษยึดถือว่าการวางยาพิษเทพและมารเป็น เป้าหมายสุดยอดในวิชาชีพ ดังนั้นการวางยาพิษยอดยุทธ์ขั้น สะพานเทวะจึงไม่นับว่าเป็นความสามารถใดจริงๆ นั่นแหละ ตกลง ข้าเห็นด้วยกับเจ้า! เจ้าและข้า ใครก็ตามที่สามารถวางยาพิษปีศาจ รากไม้นี้จนตายดับไปได้ ถือเป็นผู้ชนะ!”
จอมยุทธ์ขั้นชาวสวรรค์แห่งตําหนักสวรรค์แท้ทั้งหลายแสดงสี หน้าสิ้นหวัง และดิ้นรนเคลื่อนที่เข้าไปใกล้ “อาจารย์พิษ ตอนนี้ยังมี เรื่องอื่นสําคัญ…”
มู่ยิ่งเสว่ปรายตามองพวกเขาและยิ้มหยัน “ข้าไม่สนใจเรื่องการ ต่อสู้แย่งชิงอํานาจในตําหนักสวรรค์แท้ ในสายตาของข้า วิชาพิษ นั้นเป็นเรื่องสําคัญที่สุด ข้าและน้องชายผู้นี้ชื่นชมซึ่งกันและกัน
ดังนั้นพวกเราย่อมต้องสู้สัประยุทธ์กันให้สาสมใจ นี่แหละจึงจะไม่ เป็นการละทิ้งวิชาที่พวกเรารํ่าเรียนมาตลอดทั้งชีวิต!”
ทันใดนั้น ทุกๆ คนก็ล้มควํ่าลงไปกับพื้น แม้แต่กิเลนมังกร เสียงซีอวี่ และสองค้างคาวขาวก็ล้มควํ่าลงไป สามยอดยุทธ์ขั้นชาว สวรรค์ก็หมดสติจากการถูกวางยา
มู่ยิ่งเสว่มองไปยังฉินมู่และกล่าวอย่างมั่นคง “ยากนักที่ยิ่งเสว่ จะได้พบกับสหายเต๋าเช่นนี้ ดังนั้นพวกเราจึงควรมาละเล่นกันให้สา แก่ใจ ข้ามิได้นําสมุนไพรวิญญาณติดตัวมามากมาย ดังนั้นข้าจะต้องไปรวบรวมสมุนไพรทั้งหลายในแดนโบราณวินาศ ในอีก 2 วันให้หลัง เจ้าและข้าจะมาพบกันใต้ต้นไม้ใหญ่นี้ และงัดทุกกระบวนท่าวิชาพิษมาให้หมดกรุ!”
ฉินมู่ถอนใจ “ตกลง!”
หลังจากที่เขากล่าว เขาก็วางขวดหยกที่เปิดแง้มเอาไว้ลงไป ภายในเวลา 2 วัน หอมสาบสูญก็จะรั่วไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นก็จะไม่มีใครเข้าใกล้สถานที่นี้ได้
ทั้ง 2 คนจัดแจงเรียบร้อยก็มุ่งหน้าไปยังสถานที่อื่นเพื่อค้นหา สมุนไพรวิญญาณ ทิ้งกิเลนมังกร เสียงซีอวี่ และคนอื่นๆ เอาไว้
หลังจากที่พวกเขาจากไป ต้นไม้ยักษ์ก็ดิ้นรนสุดชีวิตหมายจะ ขยับเขยื้อน อยากที่จะดึงรากของมันออกและฉวยโอกาสเผ่นหนี ไปให้สุดโลก แต่มันทําไม่ได้เพราะลูกแก้วมังกรเขียวสะกดตรึงมัน ไว้กับที่ จึงไม่อาจดึงรากขึ้นได้แม้แต่นิ้วเดียว



