ตอนที่ 331 แอบมอง
สายตาฉินมู่จ้องลงไปบนหยาดนํ้าค้างที่ปลายนิ้วของเขา มัน ทําให้เขาเหม่องงไปพักหนึ่ง เพลงกระบี่สามารถบรรลุได้ถึงขั้นนี้ เชียวหรือ
เพลงกระบี่ที่ผู้ใหญ่บ้านร่ายรําในครั้งนี้ แตกต่างจากที่เขาเคย แสดงในอดีต กระบี่ย่างไปในทิวทัศน์ที่เขาแสดงให้ดูเมื่อครั้งนั้นใช้ เพื่อสอนเขาให้เห็นถึงวิธีการขับเคลื่อนร่ายรํามันออกมาตลอด
กระบวนวิธีอย่างไร้ที่ติ เพื่อให้เขาสามารถเรียนรู้วิธีใช้เพลงกระบี่
แม้ว่ากระบี่ย่างไปในทิวทัศน์คราวนี้จะเป็นกระบวนท่าเดียวกัน ที่ใช้สอนเขาเมื่อครั้งโน้น แต่มันกลับมีบางอย่างเพิ่มเข้าไปอันทํา ให้มันแตกต่างไปจากเดิม
นี่ราวกับว่ากําลังใช้สอยโชควาสนาของฟ้าและดินเพื่อเสกสรร สรรพสิ่ง
กระบี่เต๋าของสํานักเต๋าใช้วิธีการทางพีชคณิตเพื่อวิเคราะห์ทุก สิ่งทุกอย่างในธรรมชาติ จากนั้น 14 นิพนธ์กระบี่เต๋าก็สร้างซํ้าทุก สิ่งในธรรมชาติขึ้นมาตามรูปรอยเดิมอีกครั้ง อันทําให้มันมีพลานุ ภาพมหาศาล
แต่เพลงกระบี่ของผู้ใหญ่บ้าน ดูราวจะดําเนินไปในมรรคาอัน แตกต่าง เขานั้นกําลังเสกสรรทุกสิ่งทุกอย่างในโลกหล้า ส่วนเพลง กระบี่ของเขาก็ตีความสิ่งเหล่านั้นออกมา
ยากที่จะบอกว่าวิธีใดเหนือลํ้ากว่ากัน แต่จากมุมมองกรอบคิด แล้ว ก็คงเลือกได้อย่างไม่ยากเย็น กระบี่เต๋าอยู่ภายใต้กรอบคิดว่า เต๋าดําเนินตามครรลองธรรมชาติ ส่วนภาพกระบี่ของผู้ใหญ่บ้าน เสกสรรธรรมชาติ อันแสดงให้เห็นว่ากรอบคิดของภาพกระบี่นั้น สูงส่งกว่า
ตีความธรรมชาตินั้นเป็นวิธีเรียนรู้หนึ่ง คือการเรียนรู้จาก ธรรมชาติ ในทางกลับกันนั้น การเสกสรรคือการสร้างสิ่งใดออกมา จากความว่างเปล่า จากหลักคิดใหญ่ของสํานักเต๋าที่ว่า เต๋ากําเนิด
หนึ่ง หนึ่งกําเนิดสอง สองกําเนิดสาม และสามกําเนิดสรรพสิ่ง ภาพ กระบี่ของผู้ใหญ่บ้านได้บรรลุขั้นเต๋ากําเนิดสรรพสิ่ง กระบี่เต๋าของ สํานักเต๋านั้นตีความสรรพสิ่ง แต่ยากไร้ความเป็นไปได้อื่น
ฉินมู่เพ่งสายตาลงไปยังหยดนํ้าค้าง อันสะท้อนประกายและใส แจ๋วระยิบระยับอย่างอัศจรรย์ ที่พื้นผิวนํ้าค้างนั้น เขาสามารถ มองเห็นภาพสะท้อนของจักรวาลอันไร้สิ้นสุดอันเผยตัวออกมาด้วย รายละเอียดอันแจ่มชัด
“เนตรสวรรค์เขียวคราม ปลุกพลัง!”
ชั้นต่างๆ ของพยุหะปรากฏขึ้นมาซ้อนๆ กันในแก้วตาของ ฉินมู่ และด้วยเนตรสวรรค์เขียวคราม เขาก็พยายามมองดูแสง กระบี่เล็กละเอียดที่ประกอบขึ้นมาเป็นหยาดนํ้าค้าง แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะเขามองไม่เห็นอะไรเลยแม้จะใช้เนตรเทวะ
แต่ทว่าเขาพบแง่อัศจรรย์แง่หนึ่ง หยาดนํ้าค้างนี้สะท้อนภาพ ของวัตถุภายนอก และสามารถเห็นหยั่งถึงรายละเอียดของมัน เขาสามารถเห็นรายละเอียดที่มากกว่าเดิมเมื่อจ้องผ่านเงาสะท้อนบน นํ้าค้าง
เขาใช้มันมองไปยังราชครูสันตินิรันดร์ที่เข้าสู่สภาวะดื่มดํ่า มหัศจรรย์ สายตาของราชครูอาจจะดูว่างเปล่า แต่เมื่อมองเข้าไป ในดวงตาเขาผ่านหยดนํ้าค้าง ฉินมู่ก็สามารถมองเห็นเปลี่ยนแปลง
ของพยุหะมากมายในดวงตาของเขา
เมื่อมองลึกเข้าไปอีก ฉินมู่ก็คล้ายกับจะมองเห็นโลกทั้งใบ เสกสรรขึ้นมาในการเปลี่ยนแปลงของพยุหะนั้น
ฉินมู่ตื่นเต้นขึ้นมา และรักษาการปลุกพลังเนตรสวรรค์เขียว ครามเอาไว้ มองเข้าไป เขาสามารถเห็นสิ่งต่างๆ ชัดเจนกว่าเดิม และการเปลี่ยนแปลงของรอยพยุหะในดวงตาของราชครูสันตินิ รันดร์ก็ดูราวจะสร้างโลกในใหม่ เผยแสดงความวิเศษของการ เสกสรร!
เขามีความรู้สึกเหมือนกับว่าอยู่ที่นั่นด้วยตนเอง ยืนอยู่ในโลก ที่กําลังก่อกําเนิดในดวงตาของราชครูสันตินิรันดร์ เขากําลังได้รับ ประสบการณ์การตรึกตรองทําความเข้าใจของราชครูสันตินิรันดร์
ราชครูกําลังตรึกตรองทําความเข้าใจมรรคาเต๋ากระบี่ และเขา ก็เป็นผู้เปี่ยมพรสวรรค์อย่างแท้จริง มิน่าล่ะปรมาจารย์ลัทธิมารฟ้า เจ้าสํานักเต๋า และยูไลเฒ่าถึงมีจิตใจเอื้อเฟื้อต่ออัจฉริยะในครั้งแรก ที่พบเห็นราชครู และยอมถ่ายทอดสุดยอดวิชาของแต่ละแดนศักดิ์สิทธิ์ให้กับเขา
ฉินมู่นั้นด้อยกว่าเขาในแง่ของปฏิภาณความเข้าใจและพรสวรรค์ เมื่อราชครูได้เห็นมรรคาเต๋ากระบี่ของผู้ใหญ่บ้านเป็น ครั้งแรก เขาก็สามารถตรึกตรองสิ่งใหม่ด้วยการเทียบเคียง และสามารถค้นพบมรรคาเต๋ากระบี่ของตนเองได้ เมื่อเผชิญกับ
อัจฉริยะผู้เปี่ยมพรสวรรค์สะท้านโลกเช่นนี้ ฉินมู่ก็ได้แต่ต้อง ยอมรับความความสามารถของเขาต้อยตํ่ากว่ามาก
แต่กระนั้น ฉินมู่ก็กําลังใช้พลังของหยาดนํ้าค้างเพื่อเข้าไป แอบมองสภาวะการหยั่งรู้ของราชครูสันตินิรันดร์ หยิบยืมมันเพื่อ พัฒนาตนเอง
“มหัศจรรย์จริงๆ!”
เมื่อผู้ใหญ่บ้านเห็นเช่นนั้น เขาก็ถอนใจอย่างสะทกสะท้อนกับ เฒ่าเป๋ “แม้ว่าพรสวรรค์และปฏิภาณของฉินมู่จะไม่อาจเทียบได้กับ อัจฉริยะศักดิ์สิทธิ์ที่ปรากฏทุกๆ 500 ปี แต่ไหวพริบและความ ขยันหมั่นเพียรเช่นนี้มิใช่สิ่งที่อัจฉริยะศักดิ์สิทธิ์จะเทียบเคียงได้”
เฒ่าเป๋ยืดอกภูมิใจ “สมแล้วที่เป็นเด็กที่ข้าสั่งสอน”
“ใช่ สมแล้วที่เป็นเด็กที่ข้าสั่งสอน!” ผู้ใหญ่บ้านเสริม ไปเช่นกัน
“เจ้าคิดว่าราชครูเป็นอย่างไร เขาจะเป็นกษัตริย์มนุษย์ได้ หรือไม่?” เฒ่าเป๋ถาม
ผู้ใหญ่บ้านเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าวด้วยเสียงเบา “เขาไม่ ด้อยไปกว่าข้าเลย และอาจจะโดดเด่นเสียยิ่งกว่าข้าในอนาคต”
เฒ่าเป๋มองไปที่เขาด้วยความกังขา “ข้ารู้ว่าเจ้าเนี่ยไม่เคยจะ พูดจบประโยคสักหน มีอะไรพูดต่อทําไมไม่คายออกมาให้หมด”
ผู้ใหญ่บ้านถอนหายใจ “ข้านั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่งและบรรลุ ขีดขั้นของเพลงกระบี่ แต่ดูสิว่าอะไรที่ตัดแขนและขาของข้า… กระบี่”
เฒ่าเป๋ไม่กล่าวอะไรอีก ดังนั้นผู้ใหญ่บ้านจึงกล่าวต่อ “แขนขา ของข้าถูกสะบั้นออกไป ราชครูสันตินิรันดร์ อัจฉริยะศักดิ์สิทธิ์ที่ ปรากฏทุกๆ 500 ปี อาจจะแข็งแกร่งกว่าข้าได้ แต่หากว่าเขา ไม่ได้พบพานโชควาสนา เขาก็คงจะต้องติดตายอยู่ในขั้นสะพาน เทวะเหมือนกับข้า หากว่าเขาเชื่อมต่อสะพานเทวะไม่ได้ ก็ไม่มีทางบรรลุขั้นวรยุทธ์อื่นต่อไป และเขาก็จะต้องพบกับจุดจบเช่นเดียวกับข้า”
ร่างของเฒ่าเป๋สั่นเทิ้ม เขามองไปที่ราชครูสันตินิรันดร์ก็เสไป มองฉินมู่ด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความฉงน เขาเอ่ยถามด้วยเสียง เบา “หลังจากที่เจ้าและข้าตายจากไป หากว่าราชครูสันตินิรันดร์ก็ ตายเหมือนกัน อะไรจะเกิดขึ้นกับฉินมู่”
“เดิมทีข้าเคยหวังว่าเขาจะเป็นสามัญชน คนธรรมดาคนหนึ่งที่ ดํารงชีวิตปกติ แต่กระนั้นเขาก็ก้าวลํ้าเกินความคาดหมายข้าครั้ง แล้วครั้งเล่า ทําลายแผนการที่ข้าวางไว้ให้เขาซํ้าแล้วซํ้าอีก ข้าไม่ อาจแน่ใจได้ว่าอนาคตของเขาจะเป็นเช่นไร ตอนแรกข้าคิดว่าเขา เป็นมนุษย์ธรรมดา ทว่าตั้งแต่เมื่อข้าได้ออกไปเสาะหาหมู่บ้านไร้ กังวล ข้าก็ตระหนักว่าเขาอาจจะมีอะไรบางอย่างที่พิเศษมากๆ แน่นอน”
เฒ่าเป๋ฉีกยิ้มร่า “ธรรมดา? ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าเลอะเลือนอีกแล้ว มีกายาจ้าวแดนดินที่ไหนบ้างที่ธรรมดาสามัญ มู่เอ๋อน่ะเป็นกายา จ้าวแดนดินนะ เช่นนั้นเขาจะธรรมดาสามัญได้อย่างไร”
สีหน้าของผู้ใหญ่บ้านแข็งค้าง และเขาก็หัวเราะฝืดๆ ก่อนที่จะ พูดต่อ “จริงด้วยสินะ ข้าลืมไปเลยว่าเขาคือกายาจ้าวแดนดิน เช่นนั้นย่อมสมควรแล้วที่เขาจะทําเรื่องต่างๆ ได้อย่างวิเศษเหนือ ธรรมดา แต่กระนั้นในคราวนี้เขาก็ยังคงเหนือลํ้าเกินความ คาดหมายของข้า ข้าคิดว่าเขาคงพอตรึกตรองเข้าใจได้บ้างนิด หน่อยจากมรรคาเต๋ากระบี่ข้า แต่เขากลับได้เห็นกระบวนการหยั่งรู้ เข้าใจของราชครูสันตินิรันดร์ในหยาดนํ้าค้างนั่น นี่มัน…มัน…”
เขาไม่รู้จะเลือกคําใดมาบรรยาย เฒ่าเป๋หัวเราะและพูดแทน “มันเกินความเข้าใจของมนุษย์มนา!”
ผู้ใหญ่บ้านผงกหัว ไม่รู้จะหัวเราะหรือรํ่าไห้ “นี่มันเกินความ เข้าใจของมนุษย์มนาจริงๆ! มู่เอ๋อ เจ้าเด็กนี่ ข้าคิดว่าเขาจะไม่ สามารถปลุกพลังทารกวิญญาณ แต่เขาก็ปลุกพลังมันได้ ข้าคิด ว่าเขาจะติดแหง็กอยู่ที่ขั้นทารกวิญญาณและไม่ก้าวหน้าไปไหน แต่เขาก็ไปค้นพบวิชาฝึกปรือสําหรับกายาจ้าวแดนดินสําหรับขั้น ถัดไป… อะแฮ่ม วิชากายาจ้าวแดนดินสามอมตะ ข้าคิดว่าเขาจะ เหมือนคนทั่วๆ ไป แต่กระนั้นเขาก็เอาชนะหัวหน้าโถงทั้ง 360 คนแห่งลัทธิมารฟ้าได้ และกลายเป็นจ้าวลัทธิน้อยของพวกเขา ข้าคิดว่าเขาคงจะไม่สามารถเรียนรู้สิ่งที่พวกเราสั่งสอนเขา แต่ เขาก็เรียนรู้ได้เป็นอย่างดี ด้วยท่วงทีอันดูจะก้าวเหนือพวกเราไป เสียอีก”
เขายิ้มขื่นๆ “ข้าคิดว่าข้าจะไม่มีวันรับเขาให้มาสืบทอดมรดก แต่กระนั้นข้าก็ยอมรับเขาและถ่ายทอดมรดกนั้นแก่เขา ข้าถึงกับ ส่งมอบภาระและความรับผิดชอบไปให้เขาอีก”
ผู้ใหญ่บ้านหวนระลึกถึงอดีตด้วยความรู้สึกที่อยากหัวเราะ “ที แรก ข้าไม่เชื่อมั่นในตัวเขา และไม่คิดว่าเขาจะมีความสําเร็จอะไรที่ เหนือธรรมดา แต่ทุกครั้งเขาก็ได้ยกระดับความคาดหวังสูงขึ้น เรื่อยๆ ในท้ายที่สุด ข้าก็ตระหนักว่าเขากลายเป็นคนที่ข้าเชื่อมั่น มากที่สุด อันที่จริงแล้ว ขณะที่พวกเราเลี้ยงเขามา พวกเราเองก็ได้ เติบโตขึ้นด้วยเช่นกัน”
เฒ่าเป๋ถามด้วยรอยยิ้ม “ทั้งหมดที่ว่ามา เจ้ากําลังจะพูดอะไรล่ะ”
รอยย่นยู่ยับรวมกันบนหน้าผากของเขา เมื่อเขาเผยยิ้มจาก
ก้นบึ้งหัวใจ “ที่ข้าหมายถึงก็คือ เมื่อเทียบกับราชครูแล้ว ข้าเชื่อมั่น และประเมินมู่เอ๋อ เด็กที่พวกเราเลี้ยงมาด้วยกันสูงส่งกว่า เด็กน้อย ที่แม่นํ้าหย่งพัดพามาให้พวกเราในความมืดเมื่อ 15 ปีก่อน ได้ถือ กําเนิดมาอย่างไม่ธรรมดา! พรสวรรค์ของเขาไม่น่าแตกตื่นเท่า ราชครู และปฏิภาณความเข้าใจของเขาก็ไม่ได้ถึงกับท้าท้าย สวรรค์ แต่มีบางอย่างเกี่ยวกับเขาที่ข้ามองไม่ทะลุ…”
“ก็คือกายาจ้าวแดนดินอย่างไร!” เฒ่าเป๋กล่าวอย่างตื่นเต้น รอยยิ้มบนใบหน้าของผู้ใหญ่บ้านแข็งค้างอีกครั้ง และเขามี
อารมณ์มากมายที่เอ่อท้นขึ้นมาพร้อมๆ กันระหว่างที่พึมพํา “อาจที
อาจจะเป็นเพราะกายาจ้าวแดนดิน คนธรรมดาที่สร้างปาฏิหาริย์ เพียงหนึ่งครั้งนั้นอาจจะนับว่าเป็นเรื่องบังเอิญ สองครั้งนั้นก็เป็น
เพราะโชคช่วย แต่หลังจากสามหรือสี่ครั้ง นั่นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หรือโชคอีกต่อไป ในทางกลับกัน เขานั้นแตกต่างจากคนอื่นๆ อย่างแท้จริง กายาจ้าวแดนดินที่คู่ควรแก่การยกย่องนับถือ มู่เอ๋อ ของพวกเราได้สืบทอดข้อดีทั้งหมดจากพวกผู้เฒ่าที่ผิดพลาดซึ่ง ได้แต่หนีมาซุ่มซ่อนในแดนโบราณวินาศอย่างพวกเรา และได้เรียนรู้จากบทเรียนชีวิตของพวกเรา เขาจะต้องเดินไปได้ไกลกว่าพวกเราอย่างแน่นอน!”
ราชครูสันตินิรันดร์ตรึกตรองเข้าใจมรรคาเต๋า ความเข้าใจ ของเขาลึกลํ้าขึ้นไปทุกขณะจิต ด้วยหยดนํ้าค้างที่แอบมองไปยัง ราชครูซึ่งกําลังหยั่งรู้เต๋า ฉินมู่ก็สามารถเห็นกระบวนการทุกอย่าง ที่เกิดขึ้น
ราชครูสันตินิรันดร์กำลังตรึกตรองทําความเข้าใจมรรคาเต๋า กระบี่ ฉินมู่ก็จะพลอยได้ประโยชน์ไปด้วยเนื่องจากบุรุษผู้นี้อยู่ใน เขตขั้นที่เหนือกว่าเขา
แม้ว่าฉินมู่จะยังอยู่ที่ระดับเริ่มต้นของขั้นทักษะกระบี่ แต่ด้วยการหยิบยืมเอาปฏิภาณความเข้าใจของราชครูสันตินิรันดร์ต่อมรรคาเต๋า เขาก็จะสามารถแอบมองเข้าไปดูสภาวะของมรรคาเต๋ากระบี่ ผลประโยชน์ที่เขาได้รับจากมันนั้นเกินจะจินตนาการ!
เทียบกับยักษ์ใหญ่อย่างราชครูสันตินิรันดร์แล้ว ฉินมู่ก็นับว่า เป็นเพียงเด็กเล็กๆ แต่เด็กเล็กๆ ผู้นี้ก็สามารถยืนอยู่บนบ่ายักษ์เพื่อ มองเห็นขอบฟ้าอันกว้างไกลกว่าเดิม
แม้ว่าทุกๆ คนในด่านชิงเหมินจะตรึกตรองทําความเข้าใจ กระบี่ย่างไปในทิวทัศน์ของผู้ใหญ่บ้าน แต่พวกที่สามารถคว้าจับ
เอาแง่อัศจรรย์อันสุดยอดภายในนั้นได้มีอยู่ไม่มากและห่างชั้นกัน ลิบลับ พวกเขาส่วนใหญ่ตรึกตรองได้หนึ่งถึงสองกระบวนท่า และ มันอาจจะวิเศษเหนือธรรมดาสําหรับพวกเขาพอที่จะใช้ไปได้ตลอด ชีวิต แต่ไม่มีใครเลยสักคนที่จะได้รับผลประโยชน์ชิ้นมหึมาอย่าง ฉินมู่!
นี่เทียบเท่ากับได้เรียนรู้แง่อัศจรรย์สุดขีดขั้นในเชิงกระบี่จาก ทั้งผู้ใหญ่บ้านและราชครู สองกระบี่เทวะผู้ยิ่งใหญ่!
ผ่านไปเนิ่นนาน ราชครูสันตินิรันดร์ก็ฟื้นขึ้นมาจากการตรึก ตรองทําความเข้าใจมรรคาเต๋า และท่วงทีรัศมีของเขาก็มี บรรยากาศอันยากจะอธิบาย
เมื่อไปถึงยอดเขาสูงสุด ขุนเขาทั้งหลายก็จะประจักษ์ได้ด้วย การมองปราดเดียว
บัดนี้เขาได้ขึ้นไปถึงยอดเขาสูงสุดแห่งเพลงกระบี่ เมื่อมองไป ยังเพลงกระบี่และทักษะเทวะทั้งหมดในโลก ให้ความรู้สึกซึมกระทือ แก่เขา ราวกับว่าไม่มีเพลงกระบี่และทักษะเทวะใดแล้วในโลกนี้ที่จับ ความสนใจของเขาได้
ราชครูสันตินิรันดร์เผยสีหน้าเศร้าสร้อย แต่ไม่นาน เขาก็สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ เขารู้สึกได้ว่ามีใครบางคนกําลังแอบมองเขา แอบมองเข้าไปในจิตเต๋า แอบมองเข้าไปในการตรึกตรองมรรคา เต๋า!
ราชครูสันตินิรันดร์ตื่นตระหนก และมองไปยังแหล่งที่มาของ สายตา เขาก็เห็นฉินมู่
เขาอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะออกมาพลางส่ายหน้า “ที่แท้ ก็เป็นจ้าวลัทธินักบุญสวรรค์ผู้เก่งกาจในด้านการใช้สอยผู้คนเพื่อ ผลประโยชน์ของตนเอง”
ฉินมู่พลันรู้สึกถึงสายตาของอีกฝ่าย และดวงตาเขาก็เจ็บ แปลบนิดๆ เขาจึงรีบเบนสายตาออกไป เมื่อเงยหน้าขึ้นมองตรงๆ ฉินมู่ก็เผยรอยยิ้มแจ่มจ้า “เทวราชลัทธิ ขออภัยที่รบกวนเจ้า”
ราชครูสันตินิรันดร์ส่งยิ้มกลับไป “ไม่เป็นไร”
ทันใดนั้น ภูเขาลดหลั่นซับซ้อน และแม่นํ้ามากมายก็หายวับ พร้อมกับแสงกระบี่ที่หายสาบสูญ ผู้ใหญ่บ้านรั้งแสงกระบี่ของตน กลับมาและกล่าวกับราชครูสันตินิรันดร์ “เจ้าได้สําเร็จมรรคาเต๋า”
ราชครูสันตินิรันดร์โค้งกายประสานมือคารวะเป็นการขอบคุณ “หากไม่ใช่เพราะพี่ทางเต๋าชี้แนะ ข้าก็คงไม่รู้อีกนานเท่าไรถึงจะ สามารถไปถึงเขตขั้นมรรคาเต๋าได้”
แขนและขาของผู้ใหญ่บ้านอันก่อรูปจากปราณชีวิตสลายไป เอง และเขาก็กล่าว “มาที่นี่สิ มาดูรอยแผลตรงแขนและขาของข้าที่ ถูกตัดไป ข้าปล่อยรอยแผลเป็นกระบี่นั้นไว้ตลอด และไม่ลบเลือน มันไป ในอนาคต เจ้าอาจจะต้องพบกับเทพเจ้าที่ทิ้งบาดแผล เหล่านี้ไว้แก่ข้า”
ราชครูสันตินิรันดร์ก้าวไปหาอย่างเคร่งขรึม คุกเข่าลง พิจารณารอยแผลเป็นอย่างละเอียดถี่ถ้วน
ที่เขาเห็นก็คือแผลเป็นที่ถูกทิ้งไว้บนร่างของกษัตริย์มนุษย์เฒ่า โดยกระบี่ที่แข็งแกร่งกว่าของเขา ผู้ฝึกยุทธ์ผู้ชํ่าชองในกระบี่กลับ
ถูกทําร้ายด้วยกระบี่ ในสายตาของราชครู เพลงกระบี่ของ ผู้ใหญ่บ้านได้ไปถึงเขตขั้นมรรคาเต๋า ซึ่งแปลว่าผู้ทิ้งรอยกระบี่ไว้ ยังเหนือกว่านั้นอีก แม้ว่าเลือดและปราณของผู้ใหญ่บ้านแห้งเหือด และไม่ไหลเวียนให้เห็น แต่จากรอยแผลเก่า ราชครูก็สามารถเห็น เพลงกระบี่และมรรคาเต๋ากระบี่ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า!
“เจ้ามีความมั่นใจที่จะเอาชนะเขาไหม” ผู้ใหญ่บ้านถาม
“ตอนนี้ยัง แต่ทว่า ข้าอาจจะทําได้ในอนาคต! ท่านถ่ายทอด มรรคากระบี่ให้แก่ข้า และท่านยังเป็นครูผู้ชี้ทางสว่างในตอนที่ข้า เริ่มเรียนกระบี่ ดังนั้น ท่านจะถ่ายทอดภาระหน้าที่ที่ท่านแบกไว้มา ให้แก่ข้าไหม” ราชครูสันตินิรันดร์ถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ผู้ใหญ่บ้านส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีความจําเป็นต้อ ง ถ่ายทอดไปให้เ จ้า ข้า ได้ใ ห้มันแก่คนอื่นแล้ว ”
ราชครูสันตินิรันดร์สะท้านใจอย่างรุนแรง แต่ก็พลันตระหนักรู้ ขึ้นมา เขามองไปยังฉินมู่และถามด้วยเสียงเบา “กษัตริย์มนุษย์คน ใหม่อย่างนั้นหรือ”



