Skip to content

Tales of Herding Gods 337

Tales of Herding Gods
BC

ตอนที่ 337 รายละเอียดของกายาจ้าวแดนดิน

C

กายาจ้าวแดนดิน?”

ราชครูสันติค่อนข้างงงงัน เมื่อมาคิดๆ ดูแล้ว เขาไม่เคยได้ยิน กายาประเภทนี้มาก่อน ดังนั้นเขาจึงมองไปที่ผู้ใหญ่บ้านด้วยความ กังขา กายาจ้าวแดนดินฟังดูดีกว่า 4 มหากายาวิญญาณมาก แต่ใน โลกนี้จะมีกายาชนิดอื่นนอกจาก 4 มหากายาวิญญาณอีกหรือ

ถ้ามี ทําไมเขาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับมันมาก่อน และจากที่ฟังดูแล้ว ดูเหมือนจะมีกายาจ้าวแดนดินเพียง 2

ร่างในโลกใบนี้!

กล้ามเนื้อบนใบหน้าผู้ใหญ่บ้านกระตุกจนเขารู้สึกราวกับว่า หน้าจะหลุดล่อนออกไป มันกระตุกแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง ราวกับว่ารอ จังหวะจะร่วงหล่นทันทีที่มีโอกาส กายาจ้าวแดนดินอีกแล้ว! มู่อ๋อ

เจ้าเด็กนี่ ยู่นิ่งม่เป็นเลย…

เขาได้แต่ถอนหายใจอย่างสะทกสะท้อน เขานั้นแก่ตัวไปแล้ว จริงๆ คําโกหกเล็กน้อยแค่นี้กลับทําเขาแตกตื่นหัวใจหวั่นไหวด้วย กลัวว่าจะถูกเปิดโปง แต่ทว่า ใครล่ะจะเปิดโปงเขาได้

ในฐานะกษัตริย์มนุษย์รุ่นก่อน เขาก็แค่โกหกด้วยเจตนาดี ทําไมเขาต้องมาทนทรมาทรกรรมแบบนี้ด้วย ทําไมเขาต้องมานั่ง เค้นสมองคิดหาวิธีปิดบังคําโกหกอยู่ตลอดเวลา

ตั้งต่มื่อข้าปั้นนํ้าเป็นตัวเรื่องกายาจ้าวแดนดิน ข้าก็ต้องโกหกบ่อยกว่าจำนวนครั้งทั้งหมดที่ข้าเคยทํามาตลอด 800 ปี!

ผู้ใหญ่บ้านปลุกปลอบใจตนและส่ายหน้า “มู่เอ๋อ ไม่มีทางมีกา ยาจ้าวแดนดินร่างที่ 2 อีกเป็นอันขาด! ซวีเซิงฮวาผู้นี้มิใช่กายา จ้าวแดนดินอย่างแน่นอน!”

ฉินมู่ฉงนฉงายพอๆ กับราชครูสันตินิรันดร์ เฒ่าเป๋กําหมัดแน่นด้วยความตื่นเต้น คนเดียวที่ล่วรู้ว่ากายา

จ้าวแดนดินมีอยู่ในโลกอย่างผู้ใหญ่บ้าน ปกติแล้วไม่ค่อยจะยอม

ปริปากบอกเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับมันให้คนอื่นได้ฟัง ต่ในที่สุด เขาก็จะเผยความลับออกมาบ้าแล้ว!

สีหน้าผู้ใหญ่บ้านดูเยือกเย็น และเขากล่าวอย่างไม่ช้าไม่เร็ว “ในรุ่นก่อนๆ นั้นดูเหมือนว่าจะเป็นลิขิตสวรรค์ที่กําหนดให้มีกายา จ้าวแดนดินเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น คนผู้อื่นที่ดูเหมือนมีกายาจ้าว แดนดินในรุ่นเดียวกันล้วนแต่เป็นกายาจ้าวแดนดินปลอม มิใช่ของ จริงเป็นอันขาด ในหนึ่งยุคสมัย มีได้เพียงผู้เดียวที่เป็นกายาจ้าว แดนดินที่แท้จริง! เจ้าจะต้องจดจําความข้อนี้เอาไว้!”

ราชครูสันตินิรันดร์ไม่อาจระงับความแตกตื่นในสีหน้าของเขา ได้ กายาจ้าวแดนดินเพียงหนึ่งเดียวในโลกหล้า? ที่เหลือล้วนแต่ เป็นกายาจ้าวแดนดินปลอม?

ความลึกลับของโลกใบนี้นั้นนับว่าลึกลํ้าเกินกว่าที่เขาจะคิดฝัน!

คําพูดของผู้ใหญ่บ้านทําให้เขาทั้งสะดุ้งและตื่นตะลึง ลิขิต สวรรค์ กายาจ้าวแดนดินเพียงหนึ่งเดียว กายาจ้าวแดนดินปลอม ดูเหมือนจะมีพลังอํานาจอันเร้นลับที่ควบคุมเรื่องพวกนี้ไว้ทั้งหมด!

เฒ่าเป๋ไม่คิดอะไรมากมายและกล่าวอย่างคึกคัก “อย่างที่ข้า คิดไว้เลย มีกายาจ้าวแดนดินเพียงหนึ่งเดียวในโลกใบนี้!”

ฉินมู่นั้นก็ตื่นเต้นเล็กน้อย แต่ความฉงนพลันผุดขึ้นมา “แต่ พลังวัตรของซวีเซิงฮวาและข้าไม่มีความแตกต่างกันเลย ในเมื่อเขาก็อยู่ในขั้นวรยุทธ์เดียวกันกับข้า เช่นนั้นเขาก็มีแต่จะต้องเป็น

กายาจ้าวแดนดินด้วยเช่นกัน”

เรื่องนี้มีเหตุผลเพียงหนึ่งเดียว” ผู้ใหญ่บ้านกล่าวด้วยสีหน้า เคร่งขรึม “นั่นเพราะว่าเจ้ายังไม่พากเพียรมากพอ! กายาจ้าว แดนดินอย่างเจ้า กลับจะถูกกายาวิญญาณทั้ง 4 หรือกายาจ้าวแดนดินปลอมไล่ตามทัน เจ้าต้องละอายและทบทวนตัวเองใหม่!”

ฉินมู่ผงกหัวหนักแน่น และกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ท่านปู่ผู้ใหญ่บ้าน ไม่ต้องห่วง ข้าจะต้องขยันหมั่นเพียรหนักกว่าเดิมแน่นอน! เมื่อคิดๆ ดูแล้ว ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ข้าก็หย่อนยาน

ไปจริงๆ นั่นแหละ หากว่าข้าก้าวหน้าไป ซวีเซิงฮวาก็จะก้าวหน้า เช่นกัน แต่หากข้าเกียจคร้าน เขาก็จะอาจจะก้าวลํ้านําหน้าข้าได้!”

ผู้ใหญ่บ้านคลายใจลง คิดกับตนเอง มู่เอ๋อยังร้เดียงสาอยู่มาก ถูกข้าหลอกให้ขยันมั่นเพียรมากขึ้นช่นนี้เสียได้ หากเจ้าเด็กดื้อ นี่ถูกซวีเซิงฮวาเอาชนะได้ เขาก็จะต้องคิดว่าตนเองยังพากเพียรไม่ พอแน่นอน ดังนั้นคราวหน้า ข้าก็จะมีข้ออ้างเพิ่มเติมล่ะ

ราชครูสันตินิรันดร์สายตาเป็นประกายวูบวาบ และเขาถาม อย่างจริงจัง “พี่ทางเต๋า ท่านกล่าวว่ามีกายาจ้าวแดนดิน และกายา จ้าวแดนดินปลอม ดังนั้นมันดูเหมือนกับว่าจะมีความสัมพันธ์ข้อง เกี่ยวกัน ไม่ทราบว่าท่านจะอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมได้หรือไม่”

ดวงตาของผู้ใหญ่บ้านพลันโป่งพองขึ้นมา ฉินมู่นั้นง่ายที่จะตบ ตา เฒ่าเป๋ก็ซื่อบื้อพอๆ กัน ในเมื่อเขานั้นชมชอบแต่การลักขโมย แต่ไม่ค่อยรู้อะไรมากมายในยุทธจักร แต่ราชครูสันตินิรันดร์นั้น เป็นบุคคลที่แตกต่างออกไปราวฟ้ากับเหวเมื่อเทียบกับเฒ่าเป๋

แค่กแค่ก ระหว่างกายาจ้าวแดนดิน และกายาจ้าวแดนดิน ปลอมนั้นคือการต่อสู้แย่งชิงชะตา” ผู้ใหญ่บ้านกล่าวอย่างเคร่ง ขรึม “มีกายาจ้าวแดนดินในโลกนี้เพียงหนึ่งไม่มีสอง แต่ทว่า มันสามารถมีกายาจ้าวแดนดินปลอมเป็นจํานวนมาก ครั้งหนึ่งข้าเคยได้ยินตํานานคําเล่าขาน หากว่ากายาจ้าวแดนดินปลอมสังหารกายาจ้าวแดนดินได้สําเร็จ พวกเขาก็จะสามารถแย่งชิงชะตาวาสนามาได้ เปลี่ยนจากกายาจ้าวแดนดินปลอมกลายเป็นกายาจ้าวแดน ดินที่แท้จริง ส่วนว่าตํานานนี้จะจริงหรือไม่ ข้าก็ไม่ทราบได้”

ราชครูสันตินิรันดร์จมลึกในห้วงคิด ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้น มาแล้วกล่าว “การต่อสู้แย่งชิงชะตาระหว่างกายาจ้าวแดนดินและ กายาจ้าวแดนดินปลอมนี่ช่างทําให้ผู้คนสะท้านใจ แต่ทว่า กายา จ้าวแดนดินปลอมจะล่วงรู้ได้อย่างไรว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นกายาจ้าว แดนดินแท้ หากว่าพวกเขาไม่รู้ว่าใครคือกายาจ้าวแดนดินแท้ พวกเขาจะไปสังหารได้อย่างไร”

ผู้ใหญ่บ้านเดือดปุดๆ ไอ้เปรตนี่ยังไม่จบอีกหรือ จะให้เขาคิด เรื่องราวต่อขึ้นมาอย่างไรหา

กายาจ้าวแดนดินและกายาจ้าวแดนดินปลอมมี ความสัมพันธ์อันเกินจินตนาการ เมื่อทั้งคู่พบกัน พวกเขาสามารถ รู้สึกสัมผัสซึ่งกันและกันได้” ผู้ใหญ่บ้านสงบใจและกล่าว “ตั้งแต่

วินาทีที่พวกเขาพบเจอกัน ทั้งคู่จะมีความรู้สึกชื่นชมยกย่องใน พรสวรรค์และความสามารถของอีกฝ่าย แต่กระนั้นพวกเขาก็คือ ศัตรูที่ถูกลิขิตมา อันจะต้องต่อสู้กันยิบตาจนกว่าจะตายไปข้าง…”

ขณะที่เขากําลังจนปัญญาว่าจะด้นต่อจากนี้ไปอย่างไรนั่นเอง ดวงตาของฉินมู่ก็พลันลุกวาบและปรบมือขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ “ตั้งแต่ตอนแรกที่ข้าพบซวีเซิงฮวา ข้ามีความรู้สึกเช่นนี้ มิน่าล่ะ มิน่าล่ะ! พวกเราพบกับบนแม่นํ้าขณะที่เขากําลังนั่งอยู่บนเรือสําราญ ในตอนนั้นเขาพลันหยุดเรือ และเชื้อเชิญข้าขึ้นเรือ! ที่แท้นั่นก็คือความเชื่อมโยงลึกลับระหว่างกายาจ้าวแดนดิน และกายาจ้าวแดนดินปลอมนี่เอง”

ราชครูสันตินิรันดร์สิ้นสงสัย และเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าด้วย ใจลอย “ซวีเซิงฮวามาจากเหนือฟ้า และเทพเจ้าผู้ส่งภัยพิบัติมาอัน ข้าได้พบเจอก็มาจากเหนือฟ้าเช่นกัน สถานที่นั้นเป็นอย่างไรกัน แน่ ถึงกับมีทั้งเทพเจ้าและกายาจ้าวแดนดิน? พี่ทางเต๋า ท่านน่าจะ

รู้จักสถานที่นั้นใช่หรือไม่”

พวกเขาเป็นแค่เทพเจ้าเทียมเท็จ”

ผู้ใหญ่บ้านเองก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีไพลิน ในทิศ ตะวันตกมีศึกสงครามอันดุเดือดเร่าร้อน แต่พวกเขาไม่หันไปดู ไร้ ความสนใจสถานการณ์ทางด้านนั้นโดยสิ้นเชิง

เหนือฟ้าไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าสถานที่รวมตัวของพวกลิ่ว ล้อ พวกเขาคือหูและตาที่ทวยเทพวางเอาไว้เพื่อเฝ้ามองโลกนี้” ผู้ใหญ่บ้านกล่าวอย่างแผ่วเบา “ภัยพิบัติหิมะของจักรวรรดิสันตินิ

รันดรของเจ้าได้ทําให้ผู้คนตกอยู่ในสถานการณ์ยํ่าแย่ แม้แต่บัดนี้ ผืนแผ่นดินก็ยังไม่ฟื้นคืนมา แต่ภัยพิบัติที่เหนือฟ้าส่งมานั้นเป็น เพียงการโจมตีภูมิอากาศ หากว่าเทพเจ้าที่แท้จริงส่งภัยพิบัติมา

ทางพวกเจ้าล่ะก็ ฮี่ๆ…”

เขาละสายตาจากท้องฟ้าแล้วกล่าว “ทะเลตะวันออกลึก 150 วา และมันจมลึกลงไปขนาดนั้นภายใน 1 คืน ทิศ ตะวันออกของแดนโบราณวินาศเคยเป็นมหาสมุทร แต่มันก็กลายเป็นผืนดินและเทือกเขาภายใน 1 คืนเช่นกัน”

ราชครูสันตินิรันดร์ขนหัวลุกจนสุดเหยียด

ข้าได้ต่อสู้ยิบตากับเหนือฟ้ามาตลอดทั้งชีวิต และพวกเขาก็ ไม่ใช่ว่าจะรับมือง่าย แต่ทว่าตัวตนเบื้องหลังเหนือฟ้ายังยากที่จะ ตอแยยิ่งกว่า”

ผู้ใหญ่บ้านมองไปยังแขนและขาของเขาที่ถูกสะบั้นออกไปและ จมอยู่ในห้วงคิด เขาพึมพํา “เจ้าจะได้เจอพวกนั้น มู่เอ๋อก็จะได้เจอ เช่นกัน…”

ราชครูสันตินิรันดร์มองไปยังจุดที่แขนขาของชายชราผู้นี้ขาด หายไป รอยแผลเป็นที่เกิดจากกระบี่อาจจะดูธรรมดาสามัญใน สายตาของผู้คน แต่ในสายตาของเขา สายตาของกระบี่เทวะรุ่น ปัจจุบัน เขาเห็นแง่อัศจรรย์อันไร้ขอบเขตอยู่ในนั้น

เขารู้ดีว่าผู้ที่สะบั้นแขนขาของผู้ใหญ่บ้านนั้น น่าสะพรึงกลัวเพียงไหน

เหนือฟ้าจะส่งภัยพิบัติมายังสันตินิรันดร์อีกครั้ง” ผู้ใหญ่บ้าน ระบายลมหายใจสะท้านและกล่าว “แต่ถึงอย่างไร ศัตรูอันดับหนึ่ง ของเหนือฟ้าก็ยังคงเป็นกษัตริย์มนุษย์ ข้าได้ต่อสู้กับพวกเขามา ตลอดหลายร้อยปี แต่ตัวข้าในตอนนี้เหลืออายุขัยเพียงแค่สองสาม ปี ทว่าก็ยังมีเจ้าที่ตรึกตรองบรรลุมรรคาเต๋ากระบี่ ดังนั้นเจ้าในตอนนี้ก็สามารถต่อกรกับพวกเขาได้ ในอนาคต ก็จะมีมูเอ๋อรับช่วงต่อ บัดนี้เมื่อข้าเดินออกมาจากแดนโบราณวินาศ ก็คงจะมี อาคันตุกะมาตามหาตัวข้าภายในไม่กี่วันข้างหน้า และข้าก็จะต่อสู้ กับพวกเขาอีกครั้งหนึ่ง”

เขากล่าวอย่างไม่ยินดียินร้าย แต่ผู้ฟังทั้ง 3 สัมผัสได้ถึง ความเด็ดขาดดุดันในนํ้าเสียงของเขา

กษัตริย์มนุษย์ไม่อาจตายบนเตียงนอน” ผู้ใหญ่บ้านเผย รอยยิ้มและกล่าวด้วยเสียงนุ่ม “เตียงนอนไม่ใช่ที่เอนกายของข้า”

ราชครูสันตินิรันดร์เงยหน้าขึ้นอีกครั้งและกล่าวอย่างแผ่วเบา “เหนือฟ้า…สักวันหนึ่ง กองพลทหารม้าของข้าจะไปเหยียบที่นั่นให้ ราบเป็นหน้ากลอง! แต่ก่อนอื่น เราจะกระทืบด่านเฮ่อหลาน!”

เขาลุกขึ้นและกล่าว “ทุกท่าน โปรดร่วมทางไปด่านเฮ่อหลาน”

รถสมบัติวิเศษม้วนลอยขึ้นและมายังยอดป้อมปราการเมือง ฉินมู่อุ้มผู้ใหญ่บ้านขึ้นและวางเขาลงในรถสมบัติ ส่วนราชครูสันติ นิรันดร์ขึ้นไปนั่งที่คนขับด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “พวกเราไป

สนทนากันต่อที่ด่านเฮ่อหลาน”

เฒ่าเป๋หยิบหนังสือทองคําบนโต๊ะขึ้นมาและโยนให้กับฉินมู่ พลางกล่าว

หนังสือของผู้สูงศักดิ์ ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นวิชาชั่วร้ายผีสางที่ ไหนเขียนไว้ข้างใน”

ฉินมู่รับหนังสือทองคํามาและส่ายหน้า “นี่ไม่ใช่ของผู้สูงศักดิ์ นี่คือหนังสือจากตระกูลฉินของข้าที่เขาขโมยไป”

เฒ่าเป๋แค่นเสียงเฮอะ “มู่เอ๋อ เจ้านี่ยังขยันขันแข็งไม่พอ เจ้าถูกไอ้เด็กนั่นขโมยของไปได้อย่างไรทั้งๆ ที่เรียนมือสวรรค์สลับตะวันของข้าไปแล้ว เจ้าตกกระป๋องลงไปเป็นโจรเทวะอันดับสองของโลกต่อจะดีกว่า”

ข้าก็บอกแล้วว่าข้าอยากเป็นแค่ที่สอง ท่านปู่นั่นแหละที่ดัน ข้าขึ้นมาเอง” ฉินมู่พลิกหนังสือทองคําเปิดและร้องด้วยความตื่น ตะลึง “ผานกงสั่วถึงกับเปิดหนังสือเล่มนี้ได้! แต่เดิมมันถูกปิดผนึก เอาไว้ จริงสิ ท่านปู่ผู้ใหญ่บ้าน ข้าได้พบกับพ่อของข้าในที่สุด!”

จิตใจผู้ใหญ่บ้านปั่นป่วนขึ้นมาทันที เขารํ่าร้อง “เจ้าได้พบกับ อาคันตุกะจากหมู่บ้านไร้กังวล?”

ฉินมู่วางหนังสือทองคําลงด้วยแววแห่งความโศกเศร้าที่ฉาย อยู่บนใบหน้า “ข้าได้พบเขาในเรือสมบัติที่หุบเขาภูตผี แต่ก่อน หน้านั้นเขาได้ใช้วิชาต้องห้ามและกลายเป็นมนุษย์ต้นไม้…เขาลง นามในสัตยาบันภูติบดีกับเทพครองดาวเสาร์ ดังนั้นเขาจึงไม่

สามารถลืมตาขึ้นมามองดูข้าได้ เขาสอนข้าหลายสิ่งหลายอย่าง แต่สุดท้ายพวกเราก็ยังต้องจากกันอยู่ดี…”

ฉินมู่จ้องไปข้างหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า จากนั้นเขาก็สลัด ศีรษะไปมา ไล่ความคิดสับสนล่องลอยในหัวออก เขาบอกเล่าทุกๆ คนถึงประสบการณ์พิสดารที่เขาพานพบในหุบเขาภูตผีและแดนใต้ พิภพ อันทําให้ทุกคนต้องอ้าปากค้าง ประสบการณ์พิลึกกึกกือเห ล่านั้น ทําให้พวกเขานึกอยากเข้าไปสัมผัสด้วย แต่ก็ผสมผสานไป ด้วยความสะพรึงกลัว ความลับน่าหวาดผวาสะเทือนขวัญมากมาย ในเรือสมบัติได้ทําให้พวกเขาตะลึงลาน

ราชครูสันตินิรันดร์สะะท้านสะเทือนอย่างแรง ไม่เพียงแต่ฉินมู่ จะเป็นกายาจ้าวแดนดิน แต่เขายังมีบิดาที่ราวกับเทพเจ้าองค์หนึ่ง!

ผู้คนจากหมู่บ้านไร้กังวลบรรลุเป็นเทพได้อย่างไร”

ราชครูสันตินิรันดร์พลันระลึกได้ว่าสะพานเทวะของผู้คนจาก

หมู่บ้านไร้กังวลไม่ขาดสะบั้นและเชื่อมต่อไปยังวิมานสวรรค์!

หรือว่าสะพานเทวะฉินมู่ก็เชื่อมต่อพาเขาไปยังวิมานสวรรค์ เช่นกัน

เขาหันกลับไปมองฉินมู่ แต่เด็กหนุ่มผู้นี้ไม่รู้ว่าราชครูกําลังคิด อะไรอยู่ และกําลังหยิบหนังสือทองคําขึ้นมาอีกครั้งเพื่อพลิกดู เนื้อหาข้างใน

ข้างหน้าพวกเขา กองเรือเหาะได้บดขยี้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ ขวางทางพวกมัน และกําลังจะไปถึงด่านเฮ่อหลาน เขตลิ้นเป็ดก่าย กองไปด้วยซากศพของผู้ฝึกวิชาเทวะจักรวรรดิคนเถื่อนตี้ซึ่งถูกสังหารด้วยปืนใหญ่แก่นกําเนิด!

หัวหน้าโถงกระบี่เจี้ยนซานเซิงและแม่ทัพนําบัญชาอวี๋เยียนชูอวิ๋นใช้เรือเหาะแทนกระบี่  2 ยอดฝีมือเชิงกระบี่ควบคุมเรือเหาะ เพื่อกวาดล้างสังหารกองทัพแห่งท้องทุ่งหญ้า และหลังจากเวลา  1 ก้านธูป กองทัพอนารยชนก็กระเจิดกระเจิงไป จิตใจฮึกเหิม ของพวกเขาถูกบดขยี้ด้วยปืนใหญ่แก่นกําเนิด 14,000 กระบอก พวกเขาหนีตายกลับไปยังด่านเฮ่อหลานราวกับนํ้าหลาก

ที่ตามมาหลังจากนั้นคือการเข่นฆ่าสังหารเพียงฝ่ายเดียว แม้ว่าราชาหมอผีและข่านทั้งหลายจะพยายามทําทุกอย่าง ก็ไม่อาจ หยุดยั้งคลื่นมหาชนของไพร่พลที่หนีตายกลับเข้าไปที่ด่านได้

ราชครูสันตินิรันดร์ขับรถสมบัติอย่างแช่มช้า คํานวณจากเวลาแล้ว คงเข้าเมืองด่านเฮ่อหลานตอนที่หัวหน้าโถงกระบี่ทลาย ด่านนี้ได้พอดี

ฉินมู่อ่านหน้าแรกของหนังสือทองคําด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ทันใดนั้นเขาก็แผ่พุ่งปราณชีวิตออกจากปลายนิ้ว แปรเปลี่ยนเป็น ไม้บรรทัดทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบวงกลม แบบสี่เหลี่ยม แบบ สามเหลี่ยม และแบบครึ่งวงกลม พวกมันมีมุมทุกขนาดและระบบมาตรวัดเพื่อใช้วัดองค์ประกอบต่างๆ บนพิมพ์เขียวของหน้าแรก สุด

มู่เอ๋อ เจ้าทําอะไรน่ะ” เฒ่าเป๋อย่างอย่างสนใจใคร่รู้

วัดสะพานนกกางเขน” ฉินมู่ตอบโดยไม่เงยหน้าขึ้นจาก หนังสือ “วิชาฝึกปรือในหนังสือทองคําตระกูลฉินของข้านี้ค่อนข้าง แปลกอยู่เล็กน้อย หากว่าข้าต้องการฝึกปรือมัน ข้าจะต้องคิด คํานวณปราณชีวิตทุกมุมของแปลนแผนภาพอย่างละเอียดถี่ถ้วน ไร้ที่ติ ภาพนี้อาจจะเป็น…อาจจะเป็น…”

AC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!