Skip to content

Tales of Herding Gods 347

Tales of Herding Gods
BC

ตอนที่ 347 เครื่องจักรสังหารในร่างมนุษย์

C

ฉินมู่ละสายตาจากหวางมู่หรันไปมองคนที่เหลืออีก 2 คน ทั้ง ชายและหญิงคู่นี้มีท่วงท่ากิริยาอันงามสง่า แต่เขาจําได้ที่หวางมู่ หรันกล่าวว่ามีคนไม่กี่คนที่อายุไล่เลี่ยกับเขาอยู่ในนครหยกน้อย ดังนั้น 2 คนนี้น่าจะเติบโตมาด้วยกันกับหวางมู่หรัน แม้ว่าพวก เขาจะอายุมากกว่าเสียหน่อย

เด็กสาวนั้นราวๆ 17-18 ปี และนางนั้นทั้งน่ารัก นุ่มนวล เปี่ยมด้วยมารยาท และสง่างาม นางสวมใส่ชุดสีเขียวคราม ปกเสื้อและแขนเสื้อนางปักไว้ด้วยลายสีนํ้าเงินที่เข้มกว่าเสื้อ สาย รัดเอวของนางเป็นสีเขียวสลับขาว และบนหน้าผากของนางห้อยไว้ ด้วยสร้อยบางๆ อันร้อยเม็ดหยกไว้กลางหน้าผาก 1 เม็ด และที่หลังมวยผมนางอีก 1 เม็ด

นางดูจะชื่นชอบหยกเป็นพิเศษ ในเมื่อเครื่องประดับของนาง ล้วนแต่ประดับประดาด้วยหินมีค่าชนิดนี้

ยากที่จะกล่าวว่าเป็นสายลมบนภูเขาหรือเป็นปราณชีวิตของ นางที่ทําให้สายคาดของนางปลิวไสวอยู่ข้างหลัง พวกมันยาวเป็น อย่างยิ่งและโบกบิดไปมาราวกับงูวิเศษสีเขียวและสีขาว

นางผอมไปนิดหนึ่ง และไม่น่ารักท่ากับวี้จิว หน้าอกอวี้จิวนั้นต่งตึงกว่านาง

ฉินมู่ละสายตาออกไปและหันไปมองผู้ชาย เขาดูเหมือนจะเป็น ผู้ใหญ่มากกว่าสาวน้อยหยก เขาไม่ได้ใส่ใจกับเครื่องกายและ รูปร่างหน้าตาของตนเองมากมาย สวมใส่ชุดยาวอันมีแขนเสื้อยาว ห้อยจี้หยกไว้ที่เอว ทว่าเขามีบรรยากาศอันเด่นชัดของความเป็น ฤๅษี

สายตาของเขาลึกลํ้า บางครั้งก็เหมือนกับแสงดาว และบางที มันก็แปรเปลี่ยนเป็นดวงตะวันอันร้อนแรงที่พวยพุ่งเพลิงไฟออกมา

นครหยกน้อยเป็นผู้นำของแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในโลกหล้า วิชาฝึกปรือที่พวกเขาบำเพ็ญดูจะไม่เหมือนกันเลยสักย่างเดียว และแต่ละวิชานั้นก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าของวัดใหญ่ฟ้าคำรามหรือสำนักเต๋า ฉินมู่คิดในใจ

“ศิษย์พี่ฉิน”

เมื่อหวางมู่หรันเห็นเขา ดวงตาสีดําขลับของเขาก็เผยแววมี ชีวิตชีวาขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนที่จะหรี่ลงไป เห็นได้ชัดว่าการพบเจอ ฉินมู่เตือนให้เขาหวนนึกถึงอาจารย์ของเขา ผู้พเนจรเจิ้น

เมื่อเขาไปยังจักรวรรดิสันตินิรันดร์กับผู้พเนจรเจิ้นเพื่อ ขัดขวางราชครูมิให้ลงไปปราบปรามกบฏที่แดนใต้ เขาได้พบกับ ฉินมู่ ในเมื่ออายุของพวกเขา รวมทั้งเฉินหว่านอวิ๋น เยว่ชิงหง และ

คนอื่นๆ นั้นใกล้เคียงไล่เลี่ยกัน ความทรงจําที่เขามีต่อพวกฉินมู่จึง ประทับฝังลึกในจิตใจของเขา แม้ว่าจะได้มีปฏิสัมพันธ์กันเป็นเวลาไม่นานก็ตาม

หลังจากที่ผู้พเนจรเจิ้นถูกราชครูสันตินิรันดร์สังหาร หวางมู่ห รันก็นําศพกลับไปยังนครหยกน้อย และหลังจากนั้นพวกเขาก็ ไม่ได้พบกันอีก

“พี่มู่หรัน” ฉินมู่ทักทายและถาม “ศิษย์พี่หญิงและศิษย์พี่ชาย ท่านนี้คือ?”

“นี่คือศิษย์พี่หญิงของข้า มู่ชิงไต้ และนี่คือศิษย์พี่ชายของข้า หลงอวี๋” หวางมู่หรันแนะนํา “ศิษย์พี่หญิงมู่เป็นศิษย์ของผู้พเนจรติง ซี และหลงอวี๋เป็นศิษย์ของผู้สันโดษเทียนอวิ๋น”

ฉินมู่ใจไหววูบหนึ่ง มีมรดกสืบทอดมากมายในนครหยกน้อย และพวกเขาอาจจะควักวิชาฝึกปรือระดับพระสูตรมหายานยูไลแห่ง วัดใหญ่ฟ้าคําราม หรือวิชาเซียนเถียนบรมปริศนาแห่งสํานักเต๋า มาได้เป็นสิบๆ วิชาเลยด้วยซํ้า

ผู้อมตะทั้งหลายแห่งนครหยกน้อยล้วนแต่เชี่ยวชาญในหนึ่งวิชาหรือมากกว่านั้น แต่จะมีสุดยอดวิชาใดหรือไม่ในนครหยกน้อย ที่เหนือลํ้าไปอีกระดับขั้นจากวิชาฝึกปรือพวกนี้

หากว่าไม่มี ไม่ว่าวิชาฝึกปรือที่นครหยกน้อยครอบครองจะ มากมายเพียงใด พลังงานของผู้ฝึกก็มีขอบเขตจํากัด ไม่สามารถ ฝึกปรือทุกวิชาให้ถึงสุดขีดขั้วได้ เพราะอย่างไรก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะ เป็นกายาจ้าวแดนดินแบบเขา

ทันใดนั้น ผู้สันโดษชิงโยวก็กล่าวอีกครั้ง “กําลังฝีมือของซวี เซิงฮวานั้นวิเศษเหนือธรรมดา และมู่ชิงไต้พ่ายแพ้ให้แก่เขาภายใน 27 กระบวนท่า หลงอวี๋พ่ายแพ้ให้แก่เขาใน 24 กระบวนท่า

ส่วนหวางมู่หรันพ่ายแพ้ให้แก่เขาภายใน 23 กระบวนท่า แต่ทว่า อย่าเพิ่งคิดไปว่าหวางมู่หรันมีฝีมืออ่อนด้อยที่สุด อันที่จริงแล้ว ท่ามกลาง 3 คนนี้ หวางมู่หรันมีกําลังฝีมือลํ้าเลิศที่สุด แต่ เมื่อต้องต่อสู้กับซวีเซิงฮวา ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดกลับจะยิ่งพ่ายแพ้เร็ว

กว่าใครๆ”

ฉินมู่ตกตะลึงเล็กน้อย เขาก้มหัวลงมองดูหลุมและพบว่าผู้ สันโดษชิงโยวไม่ได้นอนแผ่อยู่ในนั้นแล้ว

บัดนี้ ผู้สันโดษชิงโยวยืนอยู่ข้างๆ ผู้ใหญ่บ้านราวกับว่าไม่มี อะไรเกิดขึ้น บนร่างเขาไม่มีร่องรอยบาดแผล และเสื้อผ้าเขาก็ไม่ เปรอะเปื้อนและไม่ยับย่น ราวกับว่าเขาเป็นคนละคนกับที่โดนฉินมู่ ซัดจนจมดินไปเมื่อครู่

“เซียนเฒ่านับว่าไม่ธรรมดา ความเร็วของเจ้านี่น่าอัศจรรย์” ฉินมู่กล่าวชม “ข้าไม่ทันเห็นด้วยซํ้าว่าเจ้าขึ้นมาจากหลุมและแต่ง เนื้อแต่งตัวใหม่ตั้งแต่ตอนไหน”

ผู้สันโดษชิงโยวหน้าเขียวหน้าดําขึ้นมาเล็กน้อย แต่ฉินมู่ไม่ใส่ ใจ “ไฉนผู้สันโดษชิงโยวจึงกล่าวว่า เมื่อต่อสู้กับซวีเซิงฮวา ผู้ที่ยิ่งแข็งแกร่งก็จะยิ่งพ่ายแพ้เร็วกว่า”

ผู้สันโดษชิงโยวมองไปที่หวางมู่หรันและกล่าว

“มู่หรัน ให้เจ้าอธิบาย”

หวานมู่หรันรับคําแล้วกล่าว “วิชาของซวีเซิงฮวานั้นประหลาด พิสดาร มันจะแข็งแกร่งขึ้นเพื่อปะทะกับวิชาอันแข็งแกร่ง และทักษะ เทวะของเขาก็ยิ่งประหลาดพิลึก มันน่าจะเป็นประเภทที่แปรผันไปได้ตามสถานการณ์ ทักษะเทวะมากมายของเขาดูเหมือนจะ ปรับเปลี่ยนพลิกแพลงอย่างทันใด ถูกสร้างขึ้นมาในเสี้ยววินาที สุดท้าย ยิ่งกําลังฝีมือของคู่ต่อสู้แข็งแกร่งเท่าใด กําลังฝีมือของเขา ก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น ยิ่งทักษะเทวะของคู่ต่อสู้เพริศแพร้วพิสดารมาก เท่าใด ทักษะเทวะของเขาก็ยิ่งเพริศแพร้วพิสดารมากขึ้น”

ฉินมู่สีหน้าเคร่งเครียด “เขาได้ออกไปพ้นเขตขั้นวิชาฝึกปรือ และบรรลุเขตขั้นของทักษะ”

“ข้ามองไม่ทะลุ มันดูเหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับวิชาฝึกปรือของ เขา แต่ก็ดูคล้ายกับว่าเขาได้เข้าสู่เขตขั้นบางอย่างแบบนั้น” หวางมู่หรันกล่าว

ฉินมู่เหม่อคิด หากว่ามีวิชาฝึกปรือประเภทนี้ มันคงเป็นวิชา ฝึกปรือที่น่าสนใจอย่างยิ่ง วิชาฝึกปรือที่พัฒนาสรรค์สร้างนั้นยาก ที่จะพบเจอ แต่เมื่อวิชากายาจ้าวแดนดินของเขาไม่สมบูรณ์ใน

อดีต เขาก็จําต้องพัฒนาสรรค์สร้างวิชาของเขาขึ้นมา คําสอนของ คนตัดไม้นั้นก็เป็นวิธีในการพัฒนาสรรค์สร้างวิชาเช่นกัน

แต่ทว่า วิชากายาจ้าวแดนดินที่แท้จริง ถูกเก็บรักษาเอาไว้ใน ตระกูลฉินแห่งหมู่บ้านไร้กังวล เมื่อฉินมู่ได้รับวิชาอันครบสมบูรณ์ จากบิดาของเขาฉินหานเจิน เขาก็ไม่จําเป็นต้องสร้างสรรค์เองอีก ต่อไป

หากว่าวิชาฝึกปรือของซวีเซิงฮวาสามารถพัฒนาสรรค์สร้าง ได้ นั่นก็จะเป็นอีกระดับชั้นหนึ่ง

ด้วยบุคคลเช่นนี้ กี่กระบวนท่าถึงจะสามารถตัดสินแพ้ชนะได้ 1 กระบวนท่า?

หรือว่า 100 กระบวนท่า?

“เขานั้นเป็นศัตรูที่น่ากลัวจริงๆ สมแล้วที่เป็นกายาจ้าวแดนดิน ปลอม” ฉินมู่พึมพํา

ผู้สันโดษชิงโยวสีหน้าแข็งค้าง และเขามองไปยังผู้ใหญ่บ้าน ถามด้วยเสียงเบา “พี่ทางเต๋า อย่าว่าแต่กายาจ้าวแดนดินเลย ไอ้กา ยาจ้าวแดนดินปลอมนี่มันโผล่มาจากไหน”

ผู้ใหญ่บ้านสีหน้ามืดคลํ้าลงเล็กน้อย และเขาแค่นเสียงเฮอะ “ความรู้ของเจ้ายังตื้นเขิน อย่ามาถามจะดีกว่า”

ผู้สันโดษชิงโยวแค่นเสียงกลับแล้วมองไปที่หวางมู่หรันและคน อื่นๆ “กษัตริย์มนุษย์ฉินเป็นทั้งจ้าวลัทธินักบุญสวรรค์และกษัตริย์ มนุษย์ ครอบครอง 2 สุดยอดมรดกยุทธพร้อมๆ กัน ยิ่งไปกว่านั้น วิชาฝึกปรือและทักษะเทวะของเขาล้วนแต่ประหลาดพิสดาร พลัง วัตรของเขาเข้มข้นยิ่งกว่าเข้มข้น ดังนั้นอย่าไปวัดกับเขาด้วยพลัง วัตรเพียงอย่างเดียว เพราะเจ้าจะถูกเขาสยบจนโงหัวไม่ขึ้น”

เมื่อเขากล่าวถึงนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะอับอายเล็กน้อย เมื่อครู่นี้เขา พยายามงัดกับฉินมู่ด้วยระดับพลังวัตร อันจบลงด้วยเขาถูกถล่ม จนตั้งตัวไม่ติด ไม่มีเวลาร่ายรํากระบวนท่าอันพิสดารเพริศแพร้ว ของตน

หวางมู่หรัน มู่ชิงไต้ และหลงอวี้รีบจดจําคําแนะนําของเขาจน ขึ้นใจ

“การโจมตีของเขามีความหลากหลายสูงมาก วิชาตัวเบาและ ท่าเท้าของเขาพิลึกประหลาด ความเร็วของเขาก็เร็วยิ่งยวด ดังนั้น อย่าโดนเขาตามติดได้ เพราะเจ้าจะสลัดเขาไม่หลุด”

ผู้สันโดษชิงโยวยังคงชี้แนะแก่ทั้ง 3 คนนี้ เขากล่าว “วิชาหมัดของเขาคือฟ้าคํารามแปดจู่โจมของวัดใหญ่ฟ้าคําราม มันเป็นเพลงหมัดทักษะเทวะในขั้นท้าวสักกะ และมีพลานุภาพสูงลํ้า หากว่าเจ้าใช้วิชาหมัดต่อสู้กับเขา เจ้าก็จะถูกโถมทับด้วยทั้งพลังวัตร

และพละกําลัง ดังนั้นเจ้าต้องระวังให้ดี เขายังฝึกปรือวิชา 9 มังกร ราชันย์ของตระกูลหลิง ดังนั้นเวทมนตร์ทักษะเทวะของเขาก็ไม่อ่อน ด้อยเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น เขายังผสานวิชาหลอมสร้างสมบัติวิเศษ เข้าไปในวิธีการต่อสู้ พวกเจ้าทั้ง 3 ต้องระวังให้ดี!”

อย่างสุดท้ายทําให้เขาปวดใจที่สุด ฉินมู่ได้ถอนเสาทองแดง ออกมาและใช้มันต่างคันทวนเพื่อจู่โจมอย่างเกรี้ยวกราดดุดัน จากนั้นเขาก็ใช้ปราณชีวิตหลอมละลายแท่งเสา ก่อรูปทองแดงให้เป็นกระบี่

การโจมตีนั้นได้ยัดเยียดความพ่ายแพ้ให้เขาโดยสิ้นเชิง และที่ฉินมู่ใช้นั้นมิใช่วิชาอะไรอื่น นอกเสียจากวิชาหลอม

สร้างสมบัติวิเศษ

ผู้สันโดษชิงโยวไม่เคยพบเห็นใครที่จะหลอมสร้างสมบัติวิเศษ ระหว่างการต่อสู้และใช้พวกมันโจมตี!

มู่ชิงไต้เผยสีหน้ายุ่งยากใจ “อาจารย์ลุง แล้วพวกเราจะสู้อย่างไร”

ผู้สันโดษชิงโยวตะลึงไป เขาพลันตระหนักถึงปัญหา กษัตริย์ มนุษย์น้อยผู้นี้เก่งกาจดุดันเหลือเกิน ศิษย์หลานทั้ง 3 ของเขาจะ ไปสู้ความหนาแน่นของพลังวัตร วิชาตัวเบาและท่าเท้าร้อยเปลี่ยน พันแปลง ความเร็วยิ่งยวด เพลงหมัดเลิศลํ้า ทักษะเทวะอัน แข็งแกร่ง และแม้กระทั่งการผสานวิชาหลอมสร้างเข้ามาในการ ต่อสู้ได้อย่างไร

3 ศิษย์แห่งนครหยกน้อยไม่มีโอกาสเอาชัยเลยสักนิด!

“เอาชนะเขาด้วยเพลงกระบี่!” หลงอวี๋กล่าวอย่างเคร่งขรึม ผู้สันโดษชิงโยวเหลือบมอง ‘มนุษย์แท่งไม้เฒ่า’ ข้างๆ เขาที่

เต็มไปด้วยรอยยิ้มกริ่ม จนเกือบจะระเบิดหัวเราะอยู่มะรอมมะร่อ

ผู้ใหญ่บ้านพยายามกลั้นหัวเราะในพุงของเขาไว้อย่างเต็มที่ และเตือนพวกเขาเล็กน้อย “สําหรับเพลงกระบี่ มู่เอ๋อได้บรรลุถึง เขตขั้นทักษะแล้ว”

ผู้สันโดษชิงโยวกัดฟันกรอด เป็นครั้งแรกที่เขาปวดเศียรเวียน เกล้าขนาดนี้ เมื่อซวีเซิงฮวามายังนครหยกน้อย เขานั้นมาถามเพื่อ ชมดูวิชาฝึกปรือและทักษะเทวะ หรือก็คือเขากําลังท้าทายนครหยก น้อย แต่ผู้สันโดษชิงโยวก็ไม่ได้รู้สึกปวดหัวมากนั้นในตอนนั้น

ฉินมู่นี่นับว่าเป็นเครื่องจักรสังหารในร่างมนุษย์ชัดๆ อันเก่งกาจไปเสียทุกด้าน เขาสามารถบดขยี้คู่ต่อสู้ในขั้นวรยุทธ์ เดียวกันได้เมื่อใดก็เมื่อนั้น

ยิ่งไปกว่านั้น ความมั่นใจของเจ้าหมอนี่ยังขึ้นขั้นป่วยไข้ ด้วย ความมั่นใจเกินร้อย เขาคิดว่าเขาคือ ‘กายาจ้าวแดนดิน’ อันมหัศจรรย์ ไร้ผู้ทัดเทียม

ความมั่นใจสูงลํ้าและกําลังฝีมือเลอเลิศ ศิษย์ทั้ง 3 นับว่าอยู่ ในสภาพที่ยากจะดิ้นรนเอาชนะได้

แล้วความอดทนของเขาล่ะเป็นอย่างไร หางตาของผู้สันโดษ ชิงโยวกระตุก หากว่าความอดทนของเขาไม่โดดเด่น พวกเรา อาจจะลากถ่วงการต่อสู้เพื่อเผาผลาญพลังงานของเขาให้แห้ง เหือด…

แต่ทว่า เมื่อเขามองไปยังร่างกายของฉินมู่ เห็นได้ชัดว่าเด็ก หนุ่มผู้นี้คือเด็กเลี้ยงวัวร่างกํายําชัดๆ หลังจากกระทืบผู้สันโดษชิง โยวจนจมดิน เขาก็กล่าวว่านี่เป็นเพียงการยืดเส้นยืดสาย เขายังคง เต็มเปี่ยมไปด้วยพละกําลังอันคึกคัก

ประสบการณ์ต่อสู้ของเขาล่ะ

ผู้สันโดษชิงโยวคิดจนถึงตรงนี้ก็ส่ายหัวอีกครั้ง ประสบการณ์ ต่อสู้ของฉินมู่นับได้ว่าเป็นระดับหัวกะทิ วิธีการสู้ศึกของเขานั้น ดุเดือดเถื่อนร้าย แม้กระทั่งวิชาหลอมสร้างก็ยังเอาผสานเข้าไปใช้

ในกระบวนท่า เขานั้นเป็นตัวคลั่งศึกชัดๆ!

ประสบการณ์ต่อสู้ของเขามากมายอย่างเห็นได้ชัด ส่วนนคร หยกน้อยอันเลื่อนลอยเหนือโลกีย์วิสัย ประสบการณ์ต่อสู้ของศิษย์ หลานทั้ง 3 ของเขาจึงไม่อาจเทียบได้กับฉินมู่อย่างแน่นอน

แล้วความสามารถรับมือพลิกผันตามสถานการณ์ของเขา? หากว่าเขาไม่มีความสามารถนั้น ต่อห้มีวรยุทธ์ล้ำเลิศก็จะพ่ายแพ้ ล้มเหลวได้… ช้ากอ่น! ไอ้เด็กเปรตนี่อวดโอ่โหังขนาดนี้แต่กลับ ยังม่ถูกผู้คนทุบตีจนตาย ความสามารถในการรับมือพลิกผันตาม สถานการณ์ของเขาต้อล้ำเลิศอย่างไม่ต้องสงสัย!

ผู้สันโดษชิงโยวมองไปยัง ‘มนุษย์แท่งไม้เฒ่า’ ข้างๆ เขาที่หลุด พ้นจากเงามืดของความเชื่ออันพังทลายของตนไปแล้ว เขามีสีหน้า กระหยิ่มยิ้มย่องราวกับจะรอดูความอับอายขายหน้าของนครหยก

น้อย

ผู้สันโดษชิงโยวกัดฟันกรอดและกล่าวกับหวางมู่หรันและคน อื่นๆ “รับมือตามสถานการณ์!”

ทั้ง 3 คนหันไปมองหน้ากันไปมา และบ่นพึมในใจ อาจารย์ลุง พูดมาตั้งมากมาย แต่ก็เหมือนไม่ได้บอกอะไรเลย เขากลับร้าง แรงกดดันทางจิตใจแก่พวกเขาเสียอีก ถ้าเขาไม่พูดอะไรเลยคงจะ ดีกว่านี้

หลงอวี๋สายตาวูบไหว และเขาเดินไปข้างหน้าพลางกล่าว “กษัตริย์มนุษย์น้อย ข้าต้องการท้าทายเจ้าในเชิงกระบี่”

ผู้สันโดษชิงโยวแทบกระอักเลือดดําออกมากองหนึ่ง จากวิชาทั้งปวงไอ้เจ้าหลงอวี๋ดันไปท้าทายเขาในเชิงกระบี่เสียนี่!

‘มนุษย์แท่งไม้เฒ่า’ ข้างๆ เขาก็เพิ่งบอกไปหยกๆ ว่าวิชากระบี่ ของฉินมู่ได้บรรลุถึงเขตขั้นทักษะแล้ว อันหมายความว่าฉินมู่กําลังริเริ่มสรรค์สร้างเพลงกระบี่ของตน ปฏิภาณความเข้าใจเชิงกระบี่ ของเขาได้บรรลุถึงระดับปรมาจารย์ หรือมิเช่นนั้นก็ปริ่มๆ

แน่ล่ะว่า หากขอบฟ้าวิสัยทัศน์ของเขาตํ่าต้อย จุดเริ่มของเขา ก็จะตํ่าต้อยเช่นกัน และเพลงกระบี่ที่เขาคิดค้นก็จะธรรมดาสามัญ แต่ทว่าประเด็นสําคัญที่สุดคือจุดเริ่มต้นของเพลงกระบี่ฉินมู่ไม่ตํ่า

ต้อยเลย ไม่ใช่แค่ว่ามันไม่ตํ่าต้อย แต่สูงลิบถึงขั้นที่ว่าเพลงกระบี่ ของนครหยกน้อยไม่มีทางทัดเทียมอาจารย์ผู้สอนเพลงกระบี่ให้ ฉินมู่!

กระนั้นในเมื่อหลงอวี๋กล่าวออกไปแล้ว ผู้สันโดษชิงโยวก็ไม่ อาจยับยั้งเขาได้อีกต่อไป

ฉินมู่เผยสีหน้าตกใจและกล่าว “ศิษย์พี่หลงอวี๋ ข้าได้เรียนเกี่ยวกับเพลงกระบี่สํานักเต๋า ดังนั้นเมื่อเทียบกับสํานักเต๋าแล้ว เพลงกระบี่ของนครหยกน้อยอยู่ในระดับใด”

หลงอวี๋แย้มยิ้ม “14 นิพนธ์กระบี่เต๋าอาจจะไม่สามารถ ทัดเทียมเพลงกระบี่ของนครหยกน้อยของพวกข้าได้”

ฉินมู่ระบายลมหายใจโล่งอก ในเมื่อเขานั้นฝีมือไม่ด้อยไปกว่า กระบี่เต๋า เขาก็คงไม่ถูกกระบี่ฉินมู่สังหารในกระบวนท่าเดียว

“กระบี่ของข้าค่อนข้างหนัก และบางครั้งข้าก็ชอบที่จะใช้ นํ้าหนักของมันมาลอบทําร้ายฝ่ายตรงข้าม แต่ทว่าในเมื่อพวกเรา แข่งขันกันด้านเพลงกระบี่ ดังนั้นข้าก็จะไม่ใช้นํ้าหนักกระบี่มาลอบ

ทําร้ายศิษย์พี่หลงอวี๋” ฉินมู่บอกเตือนเขา “ศิษย์พี่ ระวัง”

ฟิ้ว!

ฝนกระบี่พรั่งพรูไปทั่วฟ้าเมื่อกระบี่ 8,000 เล่มพวยพุ่งออกมา จากถุงเต๋าตี้และปักลงไปบนพื้นดิน

“เชิญ” ฉินมู่ยิ้มกล่าว

AC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!