Skip to content

Tales of Herding Gods 351

Tales of Herding Gods
BC

ตอนที่ 351 กระบี่โลกตะลึง

C

ผู้ใหญ่บ้านกะพริบตาปริบแล้วถามหยั่ง “หรือว่าเขาก็แซ่ฉิน เช่นเดียวกัน…”

ผู้สันโดษชิงโยวยิม้ หยัน “ใช่แล้ว แซ่ของเขาคือฉินจริงๆ หรือ ฉินฉงหมิงก็จะเป็นกายาจ้าวแดนดินเช่นเดียวกัน? พี่ทางเต๋า เจ้า นั้นทําให้ข้าฉงนเล็กน้อย แม้แต่พวกเรานครหยกน้อยยังไม่รู้อะไร เกี่ยวกับกายาจ้าวแดนดินเลยสักนิด แล้วเจ้ามั่นใจได้อย่างไรว่ามี สิ่งที่เรียกว่ากายาจ้าวแดนดินอยู่ในโลกหล้า”

ผู้ใหญ่บ้านลอยขึ้นลอยลง เขาไม่อธิบายอะไรทั้งสิ้นและส่าย หัว “ข้าสงสัยว่า ไฉนเทพเจ้าจากหมู่บ้านไร้กังวลถึงมาที่นครหยก น้อย”

“ผู้อาวุโสท่านนี้เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งนครหยกน้อย” ผู้สันโดษชิง โยวอธิบาย “ข้ารู้จากปูมบันทึกว่าเขาได้ลงนามสัตยาบันภูติบดีกับ ใครบางคน แต่ในภายหลังเขาตัดสินใจที่จะละเมิดมัน มันมีเหตุผล บางอย่างที่ทําให้เขาต้องทําเช่นนั้นอย่างไม่มีทางเลือก ดังนั้นจิต วิญญาณดั้งเดิมของเขาจึงภูติบดีพรากเอาไป เหลือไว้แต่ร่างเนื้อ ก่อนที่เขาจะตาย เขาได้เปลี่ยนแปลงสมบัติเทวะทั้งหมดของเขา เป็นโถงเทวะ 7 โถง เขาลงเรี่ยวแรงและความคิดไปเยอะมาก เพื่อให้หลังจากที่เขาตายไป ก็จะยังหลงเหลือโถงเทวะทั้ง 7 เพื่อ บ่มเพาะฝึกปรือชนรุ่นหลัง”

ผู้ใหญ่บ้านมองไปที่โถงแห่งสามกําเนิดและถามอย่างกังขา “โถงเทวะทั้ง 7? หรือว่าจะมีโถงแห่ง 7 ดาว โถงแห่งชาวสวรรค์ และโถงแห่งสะพานเทวะด้วยนอกจากสามโถงที่ข้ารู้อยู่แล้ว แต่ ทําไมพวกเราถึงไม่เห็นโถงพวกนั้น”

“7 มหาสมบัติเทวะในร่างกายมนุษย์นั้นเป็นหนึ่งเดียว ดังนั้น แล้ว 7 โถงเทวะย่อมเป็นหนึ่งเดียวเช่นกัน โถงทั้งหมดที่เหลืออยู่ ในโถงแห่งสามกําเนิด”

ผู้สันโดษชิงโยวกล่าว “ในเมื่อข้าเปิดโถงให้ 2 โถง เจ้าก็ขอให้ข้าเปิดโถงแห่งหกทิศด้วย แต่จริงๆ แล้วนครหยกน้อยของ พวกเราไม่มีความสามารถที่จะเปิดโถงหกทิศ เทพเจ้าจากหมู่บ้าน ไร้กังวลมีปริศนาลึกลับมากมาย และข้าไม่อาจตัดสินได้ว่าข้าจะสามารถเปิดโถงหกทิศได้หรือไม่ พวกเรามีกําลังคนในนครหยก

น้อยไม่เพียงพอ แม้ว่าบัดนี้เจ้าสํานักเต๋าเฒ่าและยูไลเฒ่าจะมาอยู่ ที่นี่ ก็อาจจะพออยู่ แต่ทว่าพวกเขาเพิ่งมาถึงนครหยกน้อย ดังนั้น ยังคงต้องการเวลาในการปรับตัวและทําความคุ้นเคยกับโถงแห่งหกทิศ”

ในนครหยกน้อยมีผู้อมตะอยู่เพียง 10 กว่าคน และการจะเปิด โถงแห่งหกทิศนั้นต้องอาศัยยอดฝีมือขั้นสูงสุด 6 คน เมื่อมาถึงโถงแห่ง 7 ดาว ก็จะต้องการยอดคนระดับนั้น 7 คน ซึ่งนครหยกน้อยจะยิ่งไม่มีกําลังคนเพียงพอ

“ข้าก็ว่าแล้ว แม้ว่าเจ้าจะขี้เหนียวขี้ตืด แต่ไม่จําเป็นต้องขี้เหนียวกับผู้คนจากหมู่บ้านไร้กังวล ที่แท้ก็มีเหตุผลอย่างนี้” ผู้ใหญ่บ้านยิ้ม

ผู้สันโดษชิงโยวแค่นเสียง “เทพเจ้านั้นได้ฝึกปรือทุกอย่างถึง เขตขั้นเทวะ เขามีเนตรเทวะ มือเทวะ ขาเทวะ ร่างเนื้อเทวะ และไม่ เพียงเท่านั้น จิตวิญญาณดั้งเดิมเขาก็บรรลุถึงขั้นอันพิสุทธิ์สุดขีด ความเข้มข้นของพลังวัตรของเขาก็ถึงขั้นเทวะ เช่นเดียวกับ ปัญญาญาณ! พี่ทางเต๋า ข้าเกรงว่าเขาคงคว้านํ้าเหลวกลับมา!”

ผู้ใหญ่บ้านครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง และกล่าวอย่างแช่มช้า “พลังวัตรของเขาก็ถึงขั้นเทวะด้วยหรือ ถ้าอย่างนั้น มู่เอ๋อก็ได้พบกับคู่ต่อสู้แล้ว”

ผู้สันโดษชิงโยวไม่เข้าใจความหมายของเขา

“พวกเรา ตาแก่ยายแก่แห่งหมู่บ้านพิการชรา มีความ เชี่ยวชาญเฉพาะตนแตกต่างกันไป และพวกเราทั้งเก้าได้บรรลุถึง เขตขั้นเทวะในความเชี่ยวชาญเหล่านั้น แต่ทว่า ไม่มีใครในหมู่พวกเราเลยที่บรรลุเขตขั้นเทวะในด้านพลังวัตร ในทางกลับกัน พลังวัตรของมู่เอ๋อกลับหนาแน่นเป็นพิเศษจนถึงเขตขั้นเทวะ แม้ว่า ขั้นวรยุทธ์ของเขาจะยังไปไม่ถึงก็ตาม แต่ความเข้มข้นของพลัง

วัตรของเขาเป็นสิ่งที่บุคคลอื่นไม่มีทางไปถึง หากข้าจะกล่าวว่ามี ใครที่มีพลังวัตรประดุจเทพเจ้าในโลกนี้ ย่อมไม่ใช่ราชครูสันตินิ รันดร์ แต่เป็นมู่เอ๋อเท่านั้น!” ผู้ใหญ่บ้านกล่าวอย่างไร้อารมณ์

ผู้สันโดษชิงโยวก็รู้ดีว่าพลังวัตรของฉินมู่แข็งแกร่งปานไหน และกล่าว “เจ้าบอกว่าเพลงกระบี่ของเขายังเต็มไปด้วยจุดอ่อน และ หากเขาพบกับคนที่มีความรู้มากกว่าเขา เขาก็จะตายอย่างไม่รู้เหนือรู้ใต้ ข้าคิดว่าเขาได้พบกับบุคคลผู้นั้นแล้ว”

ผู้ใหญ่บ้านหัวใจสั่นสะท้าน “เทพเจ้านี้ก็ยังเป็นกระบี่เทวะอีก หรือ”

ผู้สันโดษชิงโยวพยักหน้า และยิ้มแบบไม่เชิงยิ้ม “พี่ทางเต๋า บัดนี้เจ้าบอกข้าได้หรือยังว่ากายาจ้าวแดนดินคืออะไร”

ผู้ใหญ่บ้านแย้มยิ้ม แล้วกล่าวด้วยนํ้าเสียงเรียบเรื่อย “กายา จ้าวแดนดินนั้นเป็นกายาอันพิเศษเฉพาะและเหนือลํ้ากว่า 4 มหากายาวิญญาณ มันเป็นกายาที่หายากที่สุดในโลกหล้า ตราบเท่าที่มีกายาจ้าวแดนดินหนึ่งปรากฏขึ้นมาในโลก ก็จะไม่มีกายาจ้าวแดน

ดินที่ 2 แต่ทว่า ก็จะมีกายาจ้าวแดนดินปลอมปรากฏขึ้นเพื่อต่อสู้ แย่งชิงชะตาวาสนาของกายาจ้าวแดนดิน…”

ในโถงแห่งสามกําเนิด ฉินมู่ย่างเท้าไกลขึ้นเพื่อไล่ตามเทพเจ้า เยาว์ ฝีเท้าของเขาหนักหน่วง แต่ความเร็วนั้นเร็วเหลือแสน เมื่อเท้าของเขาเหยียบลงไปบนพื้นแต่ละที ดินหินก็ปลิวว่อนขึ้นไปบน

อากาศ และพื้นพสุธาก็สั่นสะท้านเป็นคลื่น

ดินและหินที่ปลิวขึ้นไปเบื้องบน ถูกหลอมละลายในพริบตา บางพวกกลายเป็นกระบี่ดินเผา ส่วนอีกพวกก็กลายเป็นกระบี่ศิลา หินบางก้อนมีโลหะอยู่ข้างใน อันละลายและแปรเปลี่ยนเป็นกระบี่ บินอันคมกล้า!

ผสานการหลอมสร้างสมบัติเข้าไปในการต่อสู้นั้นเป็นสุดยอด วิชาของฉินมู่อันเฒ่าใบ้มิได้สอน แต่เป็นการประยุกต์ใช้สิ่งที่เรียนรู้ ของตัวฉินมู่เอง

ในเมื่อเขาไม่อาจใช้อาวุธวิญญาณที่เขาพกติดตัวมาด้วยได้ เขาก็มีแต่ต้องหลอมสร้างขึ้นมาใหม่เดี๋ยวนั้น!

เมื่อทั้ง 2 ฝ่ายอยู่ห่างจากกันเพียง 150 วา ฉินมู่ก็มี กระบี่บิน 100 เล่มโบยบินรอบๆ ตัวเขา ในเสี้ยววินาทีนั้น เขา ร่ายรําเพลงกระบี่ตน

กระบวนท่าที่เขาใช้คือ กระบี่ย่างไปในทิวทัศน์! ฉินมู่เอื้อนลํานํานามกระบี่ด้วยความห้าวหาญที่อัดอก จักสังหารเทพยดาได้หรือไม่? ตอบ : ได้! แสงกระบี่ของเขาพวยพุ่งไป และกระบี่บินโจมตีเทพเจ้าเยาว์

แสงกระบี่สาดประกายวาบ แต่ในเมื่อกระบี่บิน 100 เล่มนั้นน้อย เกินไป แสงกระบี่จึงพุ่งออกมาจากร่างของฉินมู่เพิ่มเติมเพื่อเสริม ส่วนที่ขาดหาย

เขาพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และกระบี่ย่างไปในทิวทัศน์ก็ คลี่วางภูเขาและแม่นํ้ามากมายราวกับม้วนภาพถูกคลี่ออก เพลงกระบี่นี้ใช้ทุกสิ่งทุกอย่าง ปฏิภาณความเข้าใจของฉินมู่ การสั่งสอนของผู้ใหญ่บ้าน การตื่นรู้ของราชครูสันตินิรันดร์ และการชี้แนะของฉินหานเจิน เขาได้หลอมรวมทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้เรียนรู้ เข้าไปในกระบี่!

พลานุภาพของแสงกระบี่เพิ่มพูนอย่างทวีคูณ! นี่คือกระบวนท่าที่ทรงอานุภาพที่สุดของฉินมู่ แม้แต่กระบวน

ท่าที่ 2 กระบี่จักรพรรดิก่อตั้ง ทะเลโลหิต ก็ยังมิอาจเทียบได้ในแง่พละกําลัง นี่เพราะว่าฉินมู่ทุ่มจิตและใจทั้งหมดเข้าไปในกระบี่ย่าง ไปในทิวทัศน์ พัฒนายกระดับกระบวนท่านี้มากที่สุด

เทียบกับกระบี่ย่างไปในทิวทัศน์ที่ผู้ใหญ่บ้านได้สอนเขา ฤทธิ์ เดชของกระบวนท่านี้ยังเหนือลํ้ากว่าหลายต่อหลายเท่า!

ขณะที่เขาใช้เพลงกระบี่ของเขา ก็มีแสงกระบี่ปะทุออกมาจาก ฝ่ามือของเทพเจ้าเยาว์ แสงกระบี่จํานวนนั้นไม่ถ้วนโบยบินมา และ ฉินมู่ตะลึงไปแวบหนึ่ง เขาพลันเห็นกฎเกณฑ์อันลึกลับเบื้องหลัง แสงกระบี่เหล่านั้น

เพลงกระบี่ของหมู่บ้านไร้กังวล! เขามาจากหมู่บ้านไร้กังวล!

ฉินมู่ไม่มีเวลาขบคิด เพลงกระบี่ทั้ง 2 ปะทะกัน และแสงกระบี่ จํานวนนับไม่ถ้วนก็โถมทับใส่ทั้งคู่ พลานุภาพที่อัดแน่นใน เทือกเขาอันยิ่งใหญ่ และมวลแม่นํ้าทั้งหลายถูกปลดปล่อยออกมา และพลานุภาพของเพลงกระบี่จากหมู่บ้านไร้กังวลก็เพิ่มพูนขึ้นไป อีกหลายเท่า!

ผู้อาวุโสกําเนิดทั้ง 3 ยืนอยู่บนดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และ ยอดเขา มองลงไป พวกเขาเห็นว่าในพริบตาที่ภูเขาและแม่นํ้าแตก ปะทุออก พลังงานอันไร้ขอบเขตก็ระเบิดราวกับลูกกลมแสงขาว ยวงที่ขยายวงออกไปมากทุกที

“ไม่ธรรมดา” อาจารย์วิญญาณกําเนิดฟ้าผู้ซึ่งอยู่ในดวงตะวัน อุทานออกมา

พลานุภาพของกระบวนท่าทั้ง 2 ระเบิดทําลายล้างจนกระทั่ง ไม่มีอะไรหลงเหลือ ฉินมู่และเทพเจ้านั้นกระเด็นไปข้างหลังและร่วงลงสู่พื้น ร่างของพวกเขาถูกแรงปะทะถีบให้กลิ้งหลุนๆ ไปตามพื้น

และร่วงลงไปตามเนินเขาราวกับตุ๊กตาแตกหักอันไม่อาจบังคับแขน ขาของตนเองได้

ปั่ก!

ฉินมู่ถูกซัดเข้าไปยังผนังผาด้วยแผลกระบี่ทั่วร่าง สร้างรอยดอกไม้บนหน้าผากด้วยโลหิตสด

“เพลงกระบี่ของข้า…” ฉินมู่กระอักเลือดและร่วงไถลลงจาก หน้าผาก เขานั่งลงไปกับพื้นด้วยเสียงตึบ ไม่อาจจะลบเลือนความ แตกตื่นบนใบหน้า “ข้าแพ้…”

เป็นครั้งแรกที่เขาได้ร่ายรําเพลงกระบี่อันเพริศแพร้วระดับนี้ และพ่ายแพ้โดยสิ้นเชิงหลังจากนั้น เพลงกระบี่ของเขาถูกทําลายด้วยนํ้ามือคู่ต่อสู้

เทพเจ้าเยาว์ถูกกระแทกอัดเข้าไปในภูเขาด้วยเสียงปังเช่นกัน ก้อนหินง่อนแง่นก้อนใหญ่ร่วงลงสู่พื้น บนร่างของเขาไม่มีแผล กระบี่ แต่พละกําลังในกระบวนท่าของฉินมู่นั้นมหาศาลจนเกินไป เกินกว่าที่เขาจะต้านทานรับไว้ได้

เมื่อเทียบเพลงกระบี่ล้วนๆ เพลงกระบี่ของเขาเหนือกว่าฉินมู่ แน่ แม้ว่าฉินมู่จะควบคุมกระบี่บิน 100 เล่มและมีแสงกระบี่อีก มากมายร่ายรํากระบี่ย่างไปในทิวทัศน์ แต่ไม่มีอันไหนเลยที่โจมตี โดนเขา

กระนั้นพลังมหาศาลจากกระบวนท่าของฉินมู่ก็ได้ทําให้เขา บาดเจ็บอย่างรุนแรง เมื่อพลานุภาพของเพลงกระบี่ระเบิดออกมา

พลังงานอันน่าสะพรึงกลัวก็ถาโถมใส่เขา แม้ว่าจะไม่โดนเข้าจังๆ แต่ก็ทําซี่โครงเขาหักจนเสียงดังลั่น

เทพเจ้าเยาว์ดูเหมือนจะไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด เขาขยับแขน ของตนเองเพื่อปลดปล่อยออกจากหินภูเขา จากนั้นเขาก็ไถลลง มา 10 กว่าวาไปข้างหน้า เพื่อลงเหยียบยืนกับพื้นอีกครั้ง

ในรักแร้ของเขา กระดูกซี่โครงแตกได้ทะลุหนังเผยให้เห็นเนื้อ กระดูกข้างนอก แต่สีหน้าของเขาก็เฉยชาไร้ความรู้สึก เขายกมือ ขึ้นมาดึงกระดูกแตกออกแล้วโยนมันลงไปกับพื้น

ข้างใต้หน้าผา ฉินมู่ยืนขึ้นทั้งที่ยังสั่นโงนเงน เขากู่ร้องและโคจรวิชาราชมนุษย์เสกสรรเพื่อปิดผนึกบาดแผลบนร่างกาย

เขามิได้ใช้นํ้าลายมังกรเพื่อสมานแผลเพราะว่าเพลงกระบี่ของ ฝ่ายตรงกันข้ามนั้นซ่อนอยู่ในบาดแผลของเขา หากว่าไม่ขับพวก มันออกไป นํ้าลายมังกรก็จะไม่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บเขาได้

อีกอย่าง ฝ่ายตรงข้ามก็ไม่เยียวยาตนเองเช่นกัน และฉินมู่ก็ อยากจะต่อสู้อย่างขาวสะอาดมากกว่า!

กายาจ้าวแดนดินไร้เทียมทานในโลกหล้า หากว่าข้าเอาชนะ เจ้าไม่ได้ แปลว่าข้ายังม่พากเพียรพอ!

ฉินมู่ขับเคลื่อนวิชากายาจ้าวแดนดินสามอมตะ และพลันจําแลงเป็นคนศีรษะวัวที่ยืนอยู่บนมังกรคู่ ดวงตาวัวเปิดลืมขึ้นมาที่กลางหน้าผากของเขา และกลอกมองรอบๆ

เพลิงไฟโหมกระพือท่วมร่างเขา และมังกรคู่ใต้เท้าของเขาก็พุ่ง ทะยานเข้าใส่เทพเจ้าเยาว์

การช่วงใช้กระบี่ย่างไปทิวทัศน์ได้เผาผลาญพลังงานของฉินมู่ ไปอย่างมหาศาล และหากว่าเขาต่อสู้แบบนั้นต่อไป ก็คงจะยืนหยัด ต่อได้ไม่นาน เขาจึงต้องเปลี่ยนรูปแบบการต่อสู้

ร่างกายของเทพเจ้าเยาว์ก็แปรเปลี่ยน แต่เขาเลือกเทวาจําแลง เทพครองดาวศุกร์ผู้ซึ่งยืนอยู่บนมังกรคู่เช่นกัน แต่ทว่าพวกมันก่อ รูปขึ้นมาจากปราณทอง ขณะที่มังกรคู่ใต้เท้าฉินมู่ก่อรูปขึ้นมาจากปราณไฟ

มังกรคู่ใต้เท้าของพวกเขาตะบึงไปข้างหน้า และพวกเขาพลัน เปลี่ยนทิศทางและพุ่งทะยานสู่ท้องฟ้าไปยังภูเขาใกล้ๆ มังกรยักษ์ เกาะเกี่ยวกรงเล็บกับหน้าผาและเคลื่อนไหวไปราวกับว่าโบยบิน ไต่ภูเขา ในขณะเดียวกัน ทั้ง 2 คนที่อยู่ในร่างเทวาจําแลง ต่างก็ ปลดปล่อยทักษะเทวะอันร้ายกาจของแต่ละคนโจมตีซึ่งกันและกัน!

ภูเขาใหญ่นี้สูงเยี่ยมเทียมฟ้า และมันคือลูกที่อาจารย์วิญญาณ กําเนิดดินยืนอยู่

แม้ว่ามันจะสูงกว่า 1,500 วา แต่ฉินมู่และเทพเจ้าเยาว์ก็ ต่อสู้โรมรันกันตลอดทางจนถึงยอดเขา ทั้ง 2 คนเปลี่ยนวิชาของ ตนวิชาแล้ววิชาเล่า และเทวาจําแลงทั้ง 5 ของขั้นห้าธาตุก็ถูกพวก เขาขุดมาสลับเปลี่ยนหมุนเวียนใช้จนหมดสิ้น บางครั้งพวกเขาก็ จําแลงเป็นเทพครองดาวพฤหัสบดีซึ่งมีศีรษะคนและร่างนก และบาง ทีพวกเขาก็กลายเป็นเทพครองดาวเสาร์อันมีร่างงู หรือมิเช่นนั้นก็เป็นเทพครองดาวพุธผู้มีเส้นผมสีแดงฉาน ระหว่างที่ทุ่มซัดกระบวน ท่าใส่กันด้วยกําลังทั้งหมด

อาจารย์วิญญาณกําเนิดดินยกมือขึ้น ภูเขาลูกนี้พลันยืด สูงขึ้นไป เทือกเขาขยายออกไปกลายเป็นใหญ่กว้างและสูงส่ง กว่าเดิม

ฉินมู่และเทพเจ้าเยาว์ยังคงทะยานขึ้นมาข้างบนระหว่างที่ก้อน หินกระจุยกระจายไปหมดจากฤทธิ์เดชของพวกเขา

พลังวัตรของเขาก็ไม่ด้อยไปกว่าข้าเช่นกัน! เขาต้องเป็นกายา จ้าวแดนดินแน่!

ฉินมู่แตกตื่นซํ้าแล้วซํ้าอีก เขานั้นได้เผลอไผลตกเป็นรองโดย ไม่รู้ตัวและได้แต่ป้องกันการโจมตีของคู่ต่อสู้ พลางหลอมละลาย หินและศิลาเพื่อสร้างกระบี่หิน กระบี่เหล็ก และกระบี่ทองแดง โดย มุ่งหมายที่จะกําความได้เปรียบจากการครอบครองอาวุธ

แต่ทว่า ในเมื่อใจเขาไขว้เขว เขาก็ถูกข่มเอาไว้ แม้ว่าเทพเจ้า เยาว์นั้นจะอยู่ข้างล่างเขา เขาก็ถูกรุกไล่ให้ถอยร่นขึ้นไปบนยอด เขา กระบี่บินที่ฉินมู่หลอมสร้างขึ้นถูกซัดกระเด็นไปอย่างต่อเนื่อง

กระทั่งสามารถมองเห็นเส้นทางที่พวกเขาสู้รบปรบมือผ่านเศษ กระบี่แตกหักที่เกลื่อนกลาดไปตามทาง

2 เงาร่างนี้ เคลื่อนไหวเรียดผนังผาแทบจะแบนติดกับผนัง ระหว่างที่พวกเขาตะบึงขึ้นไปข้างบน ไม่มีทีท่าว่าจะเชื่องช้าลงเลย แม้แต่น้อย

ภูเขางอกสูงไปกว่านี้ม่ด้แล้ว หากว่ายังยืดมันขึ้นอีกก็จะต้อล่มทลายลงมาเป็นแน่

อาจารย์วิญญาณกําเนิดดินขมวดคิ้วและกําลังจะออกจากยอดเขา เพื่อปล่อยให้พวกเขาสู้กันให้สาสมใจ แต่ในจังหวะนั้น ฉินมู่ก็ขับเคลื่อนพลังวัตรทั้งหมดของตน

“กษัตริย์มนุษย์นั้นยังอ่อนประสบการณ์นัก เขาหลอมสร้าง กระบี่บินมากมายเกินไปและสูญเสียพลังวัตรไปมาก บัดนี้เมื่อเขา ต่อสู้กับเทพเจ้าเยาว์ด้วยกําลังเถื่อน เขาอาจจะไม่ชนะ”

ขณะที่อาจารย์วิญญาณกําเนิดดินกําลังกล่าวอยู่นั่นเอง พวก เขาทั้ง 2 ก็ถูกแรงสั่นสะเทือนถีบกระเด็นออกจากภูเขา ฉินมู่ กระเด็นขึ้นไปเบื้องบน ส่วนเทพเจ้าเยาว์นั้นกระเด็นลงล่าง

ฉินมู่พยายามยหยุดยั้งร่างกายของตนเอง และแผลทั้งหมดใน ร่างก็ปริออก กระอักเลือดออกมา

“แพ้ชนะก็ตอนนี้!” เขาตะโกนออกมา และพุ่งลงไปข้างล่าง ทุก ที่ที่เขาผ่านไป กระบี่หิน กระบี่เหล็ก และกระบี่ทองแดงทั้งหลายก็จะ โบยบินขึ้นมาโจมตีเทพเจ้าเยาว์!

ทั้งภูเขานั้นเต็มไปด้วยกระบี่ที่เขาหลอมสร้าง ฉะนั้นในพริบตา ดังกล่าว ก็มีศาสตราวุธมากมายนับไม่ถ้วนภายใต้การควบคุมของ ฉินมู่

คมกระบี่ล้วนพุ่งโจมตีเทพเจ้าเยาว์ซึ่งไม่มีเวลาหลบเลี่ยง ดังนั้นเขาจะแผ่พุ่งปราณชีวิตออกมาเพื่อร่ายรําเพลงกระบี่ของตน แสงกระบี่อันเข้มข้นของเขาราวกับพายุซัดเข้าปะทะกับกระบี่บินทั้งหลาย เพลงกระบี่ของเขาลึกลํ้าก็จริง แต่เขาก็ยังคงตกเป็นรอง ดังนั้นเขาจึงถูกถล่มลงไปยังตีนเขาด้วยพลานุภาพจากเบื้องบน!

ขณะที่บนผนังผา ยิ่งมีกระบี่หิน กระบี่เหล็ก กระบี่ทองแดงพรั่ง พรูเข้ามาสมทบในฝูงกระบี่ไหลหลาก ความเร็วของแต่ละคมกระบี่ นั้นแตกต่างกันไป บางครั้งพวกมันก็เชื่องช้า บางทีพวกมันก็ว่องไว บางครั้งก็รุกไปข้างหน้า และบางคราก็ถอยกลับ!

ที่ฉินมู่ร่ายรําออกมายังคงเป็นกระบี่ย่างไปในทิวทัศน์ กระบวน ท่าอันมีฤทธิ์เดชรุนแรงที่สุด แสงกระบี่ของเทพเจ้าเยาว์จะฉีกทึ้ง แม่นํ้ากระบี่ได้เป็นพักๆ สร้างรอยแผลกระบี่บนร่างของเด็กหนุ่ม

ฉินมู่ดูจะไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด เมื่อเขาใช้เพลงกระบี่ของ เขากดทับเทพเจ้าเยาว์เพื่อซัดหวดเขาลงไปข้างล่าง

พื้นดินเข้าใกล้มาทุกขณะ “เจ้าแพ้แล้ว!”

ฉินมู่เผยยิ้ม เมื่อกระบี่จํานวนนับไม่ถ้วนโถมทุ่มซัดเทพเจ้า เยาว์จมลงไปในดินอย่างไร้ปรานี

ตูม!

พื้นดินสะเทือนเลื่อนลั่นอย่างรุนแรง และสายลมก็ซัดเอาหิน ภูเขาก้อนยักษ์ปลิวไปทั่วทิศ หลุมใหญ่และลึกพลันปรากฏบนพื้น อันล้อมเกลื่อนไปด้วยใบกระบี่หัก

ฉินมู่ร่วงลงมาเช่นกัน และสร้างหลุมใหญ่ที่เล็กกว่านิดเดียว เท่านั้น เสียงอันอ่อนระโหยของเขาดังมาจากในนั้น “เจ้าคือ…กายา จ้าวแดนดินปลอม ฮี่ ฮี่ๆ…”

ในตอนนั้นเอง เสียงการเคลื่อนไหวดังมาจากอีกหลุม ฉินมู่รู้สึกเลือดในร่างเย็นเฉียบ “เจ้ายังไม่ตายอีก”

AC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!