ตอนที่ 358 เคี่ยวให้เหนื่อยจนตาย
ไม่ใช่แค่พลังวัตร ทักษะเทวะ และวิชาฝึกปรือเท่านั้นที่มีผลใน ศึกชี้เป็นชี้ตาย จิตใจและความรู้ก็มีผลด้วย
จากแง่มุมนี้ ฉินมู่มีประสบการณ์มาเป็นอย่างดี ก่อนที่พวกเขาจะสู้ศึกเป็นตาย ยอดฝีมือหลายคนในสํานักเต๋า
มักจะสงบจิตใจของตนเอง เผาธูปหอม และอาบนํ้า บางคนถึงกับ
นั่งสมาธิเป็นเวลา 3 วันเพื่อขจัดความคิดวอกแวกทั้งหมดในหัว เพื่อไม่ให้ความคิดเหล่านั้นส่งผลกระทบต่อความคิดของพวกเขา ในการต่อสู้ พวกเขาจะปล่อยให้มันไหลไปตามครรลอง
แม้ว่าซวีเซิงฮวาจะกล่าวว่าเขาได้เอาชนะยอดฝีมือรุ่นเยาว์ทั้ง เหนือฟ้าและไม่มีผู้ใดต่อต้านในขั้นวรยุทธ์เดียวกัน แต่การต่อสู้ใน เหนือฟ้าแทบทั้งหมดไม่ใช่การต่อสู้หมายชีวิตกัน
เขามีประสบการณ์ในด้านนี้น้อยเกินไป และกล่าวได้ว่าเป็น กระดาษขาวๆ แม้สําหรับเขาแล้วโลกมนุษย์จะเป็นสถานที่อัน ‘แปด เปื้อน’ แต่มันก็เต็มไปด้วยการต่อสู้ชิงเป็นชิงตาย ไม่ว่าจะเป็นเจ้า สํานักเต๋าหลินเสวียน ผู้คนที่อยู่จุดสูงส่งอย่างผานกงสั่ว ยอดฝีมือ เยาว์อย่างหลิงอวี้จิว ซีอวิ๋นเซี่ยง เฉินหว่านอวิ๋น หรือแม้กระทั่งผู้ กระเดื่องนามอย่างราชครูสันตินิรันดร์ และจักรพรรดิเอี้ยนเฝิง พวก เขาทั้งหมดล้วนแต่ผงาดขึ้นมาเหนือคนอื่นๆ ด้วยการเคี่ยวกรําตัวเองในการต่อสู้ชิงเป็นชิงตาย
ในด้านความรู้ของการต่อสู้ พวกเขาเหนือลํ้ากว่าซวีเซิงฮวา ไปหลายขุม
หากว่าเป็นฉินมู่ เขาจะไม่มีทางไปสํารวจตรวจดูชิ้นส่วนปืน ใหญ่เทวะยิงตะวันของศัตรูก่อนการต่อสู้หมายชีวิต นั่นเพราะว่าจะ ทําให้เขาเปลืองสมองมากเกินไป
ในการออกแบบปืนใหญ่เทวะยิงตะวัน ฉินมู่ได้เชื้อเชิญ ผู้เชี่ยวชาญพีชคณิตหลายร้อยคนและแม้กระทั่งมืออาชีพผู้เปี่ยม ความสามารถในการหลอมสร้างสมบั ติ เขาได้ออกแบบ โรงงานผลิตใหม่และรวบรวมเอาความรู้ของทุกๆ คนที่เขาเชิญมา เพื่อหลอมสร้างปืนใหญ่เทวะยิงตะวัน หากว่าซวีเซิงฮวาต้องการจะเข้าใจแง่อัศจรรย์ในนั้น เขาก็จะต้องจดจําความรู้ทั้งหลายทั้งมวล ในระยะเวลาอันสั้น ความเหนื่อยล้าของจิตจากการทําเช่นนั้นย่อมพอจะคาดเดาได้
ความเหนื่อยล้าของจิตก็จะนําไปสู่ความเหนื่อยล้าของกําลัง ฝีมือเขาด้วยเช่นกัน การพลิกแพลงรับมือของเขาในการต่อสู้ก็จะ ลดน้อยถอยลง
สําหรับยอดฝีมืออย่างฉินมู่ ต่อให้การพลิกแพลงรับมือของซวี เซิงฮวาเชื่องช้าลงไปเพียงเสี้ยวของเสี้ยววินาที นั่นก็เพียงพอที่จะชี้ ขาดแพ้ชนะ!
ซวีเซิงฮวาตรวจตราดูรอยฝังพยุหะบนชิ้นส่วนต่างๆ ในโรงงานผลิตและคิดคํานวณรูปร่างและพลานุภาพของปืนใหญ่เทวะยิงตะวัน มันมีชิ้นส่วนอยู่เป็นหมื่นชิ้น และชุดอักษรรูนบนแต่ละชิ้น
นั้นแตกต่างกันไป เช่นเดียวกับรอยฝังพยุหะ โดยไม่รู้ลําดับการเรียงที่ถูกต้อง สมองของเขาก็ต้องประมวลผลอย่างหนักเพื่อ ประกอบเรียงพวกมันเข้าด้วยกัน และยิ่งทําให้จิตของเขาเหนื่อยล้า มากยิ่งขึ้น
ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกโงนเงนและสะดุ้งขึ้นมา เขารีบหลับตาลง ไป พักหนึ่งเขาถึงลืมตาขึ้นมาและมองไปยังฉินมู่
ฉินมู่เผยอยิ้มและพยักหน้าให้แก่เขา รอยยิ้มของเขาแจ่มจ้าเหมือนแสงตะวัน และดูเหมือนเด็กชาย
ตัวโข่งที่ไม่รู้จักคําว่าแผนร้าย แต่ทว่าในสายตาของซวีเซิงฮวา
รอยยิ้มเจิดจ้านี้ดูชั่วร้ายอย่างสุดขั้ว
“ขอบคุณมากพี่ฉิน ข้าได้เรียนรู้กระบวนท่าใหม่แล้ว” ซวีเซิงฮวาตั้งตัวแล้วจึงเดินไปหา ระหว่างที่เขาทําเช่นนั้น เขา
พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะลืมเลือนอักษรรูนทั้งหลายที่ จดจําไปก่อนหน้านั้น แม้ว่าจะเป็นความพยายามเร่งด่วนในวินาที สุดท้าย ก็ยังดีกว่าไม่ทําอะไรเลย
ฉินมู่ยิ้มน้อยๆ ระหว่างที่เดินออกจากโรงงานผลิต เขากล่าว ด้วยนํ้าเสียงเรียบเรื่อย “พี่ซวี ท่านคิดว่าอยู่ในเหนือฟ้าดีกับตัวท่าน หรือ”
ซวีเซิงฮวาส่ายหัว “ระหว่างที่อยู่ในเหนือฟ้า ข้าไม่เคยผ่าน ประสบการณ์ต่อสู้เป็นตาย และนั่นทําให้ข้าเติบโตช้า โลกมนุษย์ นับว่าเป็นสถานที่ที่ผู้คนจะได้เติบโตจริงๆ และในเมื่อพี่ฉินเติบโต
ขึ้นที่นี่ ท่านจึงเป็นคู่ต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดที่ข้าเคยพบพาน”
ทั้ง 2 คนเดินเคียงข้างกันไปบนแม่นํ้าโคลน
ข้างหลังพวกเขา ฮู่หลิงเอ๋อ หลิงอวี้จิว อวี้หลิ่ว และจิงเอี้ยน ติดตามมาและเดินไปบนผิวนํ้า ในตอนนั้นเอง นักพรตมากมายก็ เดินออกมาจากโรงงานผลิต นําโดยเจ้าสํานักเต๋าหลินเสวียน พวก เขาเดินตามกลุ่มของฉินมู่มาทีละก้าวๆ และมาถึงแม่นํ้า
เจ้าสํานักเต๋าหลินเสวียนมองไปที่พวกเขาด้วยสีหน้าตกตะลึง เขามองข้ามเด็กสาวทั้ง 4 ไป สายตาของเขาจับไปที่ฉินมู่และซวี เซิงฮวาผู้เดินไปบนผิวแม่นํ้า
“เจ้าสํานักเต๋า เด็กหนุ่มทั้ง 2 นั้นแข็งแกร่งอย่างมาก!” นักพรตเฒ่าผู้หนึ่งกล่าวด้วยเสียงเบา “พวกเราล้วนรู้จักจ้าวลัทธิ ฉินดี ฝีมือของเขาลํ้าลึก แต่ว่าเด็กหนุ่มอีกคนมีที่มาอย่างไร”
“ซวีเซิงฮวาแห่งเหนือฟ้า ข้าได้พบเขาระหว่างที่ติดตาม อาจารย์ไปยังนครหยกน้อย” เจ้าสํานักเต๋าหลินเสวียนสายตาวูบ ไหว “เขาเอาชนะข้าภายใน 5 กระบวนท่า”
จิตใจของนักพรตมากมายแห่งสํานักเต๋าสั่นสะท้าน แม้แต่ฉินมู่ก็ยังยากที่จะเอาชนะหลินเสวียนได้ใน 5 กระบวนท่า หลายปีที่ผ่านมานี้ เจ้าสํานักเต๋าหลินเสวียนได้ติดตามฝึกปรือกับเจ้าสํานัก เต๋าเฒ่าและความสําเร็จเชิงพีชคณิตของเขาก็ยิ่งลึกลํ้า ความ เข้าใจของเขาในกระบี่เต๋ายิ่งสูงส่งขึ้นและสูงส่งขึ้น
กําลังฝีมือของเขาไม่ด้อยไปกว่าเจ้าสํานักเต๋าเฒ่าในครั้งกระโน้น และอาจจะเหนือกว่าเสียด้วยซํ้า!
ฝีเท้าของเจ้าสํานักเต๋าหลินเสวียนไม่หยุดยั้งและเดินนํานักพรตทั้งหลายไปต่อ เขากล่าวด้วยเสียงเบา “วิชาฝึกปรือของ เขาจะแข็งแกร่งขึ้นเมื่อพบเจอกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งขึ้น ที่น่ากลัวที่สุดคือยิ่งคู่ต่อสู้แข็งแกร่งมากขึ้นเท่าไร วิชาฝึกปรือและทักษะเท
วะของเขาก็จะเปล่งพลานุภาพรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น ในนครหยก น้อย เขาเอาชนะหลายคน ข้าอยากรู้ว่าจะมีใครที่สามารถต้านรับ ทักษะเทวะของเขาได้หรือไม่ จะมีใครไหมที่สามารถบีบให้เขา ทลายขีดจํากัดของวิชาฝึกปรือและทักษะเทวะของเขา เพื่อไปถึง สุดเขตขั้น!”
“กษัตริย์มนุษย์อาจจะเป็นคนผู้นั้น” จิตวิญญาณฮึดสู้ของเจ้า สํานักเต๋าพลันเร่าร้อนขึ้นมา แต่เขาควบคุมมันเอาไว้เพื่อมิให้ไปขัดขวางนักสู้ทั้ง 2
นํ้าในแม่นํ้าเชี่ยวกราก
ฉินมู่และซวีเซิงฮวาไม่หยุดยั้งเท้า และยังคงมุ่งต่อไปข้างหน้า ไม่นานนัก พวกเขาก็ข้ามไปยังอีกฝั่งแม่นํ้า แต่เท้าของพวกเขาก็ ยังก้าวต่อไป
เขาให้โอกาสข้าพักผ่อน ซวีเซิงฮวาเรียนรู้อีก 1 กระบวน ท่า เขานำข้าไปยังโรงงานผลิตเพื่อให้ข้าเผาผลาญพลังสมองและ ได้ความเป็นต่อ แต่บัดนี้เขาให้โอกาสข้าพักผ่อน อันแสดงว่าเขา ไม่ใส่ใจว่าพลังสมองของข้าจะเหนื่อยล้าหรือไม่ ตั้งแต่แรกเริ่ม เขายืนอยู่สูงกว่า! ข้าเผาผลาญพลังสมองไปเมื่อครู่ และบัดนี้เขาก็สร้างแรงกดดันทางจิตใจ เขาทำให้ข้ารู้สึกด้อยกว่าเขา!
แม้ว่าซวีเซิงฮวาจะเข้าใจวิธีคิดของฉินมู่ แต่เขาได้จมลงไปใน หลุมพรางแล้วและไม่อาจสลัดหลุดออกมาได้
เมื่อเขาพบกับฉินมู่และรํ่าสุรากับที่หอฟังเสียงฝน การต่อสู้ก็ ได้เริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนนั้น!
จากนั้นเป็นต้นมา เขาก็ได้ตกลงไปในจังหวะของฉินมู่ และแผนการของฝ่ายตรงข้ามก็ทํางานไปอย่างราบรื่น หากว่าทั้ง 2 คนลงมือโจมตี ก็คงนึกภาพออกได้ว่าการจู่โจมของฉินมู่จะกร้าว แกร่งดุดันเพียงใด!
กายาจ้าวแดนดินไม่ธรรมดาจริงๆ ซวีเซิงฮวาตั้งสติ สายตาของเขาวูบวาบ แต่ทว่า ข้าก็เป็นกายาจ้าวแดนดินเหมือนกัน! ในฐานะกายาจ้าวแดนดิน ข้าต้องไม่อ่อนด้อยไปกว่าเขา!
ฝีเท้าของพวกเขาเริ่มเข้าจังหวะกัน แต่คนหนึ่งก้าวนําหน้า ส่วนอีกคนก้าวถัดไป เมื่อใดที่ฉินมู่ย่างเท้าไปข้างหน้า ซวีเซิงฮวาก็ จะทําดุจเดียวกัน เขาเหมือนกับเงาตามตัว ให้ความรู้สึกแปลกพิกล แก่ผู้คน
เด็กสาวทั้ง 4 ที่ติดตามพวกเขาไปเห็นภาพนี้ เด็กหนุ่มทั้ง 2 เดินตามกันติดๆ เมื่อคนที่อยู่ข้างหน้าเผยตําแหน่งหัวใจด้านหลัง ของเขาให้แก่คนที่เดินตามหลัง แต่คนที่เดินตามหลังก็ก้าวตามเขา
ไปทุกจังหวะก้าวโดยไม่ฉวยโอกาสลงมือโจมตี ในทางกลับกัน เขา เหมือนโดนเอาเชือกผูกแล้วจูงไปข้างหน้าอย่างไม่เป็นไปตามใจ ตน
คุณชายตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบ!
อวี้หลิ่วและจิงเอี้ยนสะท้านใจ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นซวีเซิงฮวา ตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบตั้งแต่ยังไม่ลงมือต่อสู้
ในเหนือฟ้า ซวีเซิงฮวานั้นยิ่งกว่าคําว่าโดดเด่นเหนือธรรมดา และทําให้เทพเจ้าทั้งหลายที่นั่นต้องตื่นใจไม่รู้จบ เขานั้นได้รับการ ชื่นชมยกย่องว่าเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ลํ้าเลิศที่สุดในรอบ 500 ปี
และเมื่อซวีเซิงฮวาลงมาในโลกมนุษย์ เขาก็สมกับกิตติศัพท์
ผานกงสั่วแห่งวังทองโหรวหลันได้หลบเลี่ยงการต่อสู้ วัดใหญ่
ฟ้าคํารามไม่ต้องการสู้ เต๋าจื่อหลินเสวียนถูกท้าสู้และพ่ายแพ้ไป พร้อมๆ กับยอดฝีมือแห่งนครหยกน้อย ขณะที่ด่านทดสอบในโถง แห่ง 3 กําเนิดและโถงแห่ง 5 ปราณก็สําเร็จไปได้ด้วยดี
แต่ทว่าในตอนนี้ ซวีเซิงฮวาได้พบกับคู่ต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัว ที่สุด!
ฉินมู่นําซวีเซิงฮวาเดินไป 100 ลี้ แต่เขาเองก็แตกตื่น เล็กน้อย จนกระทั่งบัดนี้ ย่างเท้าของซวีเซิงฮวาก็ยังคงไม่ปั่นป่วน สับสน และการเคลื่อนไหวของเขาก็ไม่มีช่องโหว่!
นี่เป็นสิ่งที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ แม้แต่ผานกงสั่ว ตัวประหลาด เฒ่าที่ดํารงชีวิตมาเป็นหมื่นปี ก็ไม่อาจเดินอย่างมั่นคงได้นาน ขนาดนี้!
ผานกงสั่วนั้นเชี่ยวชาญในวิชาฝึกปรือและทักษะเทวะแห่งวัด ใหญ่ฟ้าคําราม และลัทธิมารฟ้า แต่หากว่าเขาถูกฉินมู่สะกดข่ม และนําเดินไป เขาก็จะต้องเดินโขยกเขยกหลังจากผ่านไป 10 ลี้ เปลี่ยนแปลงท่าร่างของตนไปมาเพื่อประกันว่าเขาจะไม่เผยจุดอ่อน
และเมื่อมาถึง 20 ลี้ ผานกงสั่วก็จะเริ่มเผยจุดอ่อนทั้งพบว่า ยากที่จะเปลี่ยนแปลง เมื่อมาถึง 21 ลี้ ผานกงสั่วก็จะลงมือจู่ โจมฉินมู่ก่อน หมายที่จะช่วงชิงจังหวะสําคัญ มิเช่นนั้นเขาจะต้อง ตายอย่างแน่นอน!
หากว่าผานกงสั่วยังคงเดินตามฝีเท้าของฉินมู่ต่อไปและไม่จู่ โจม เขาก็จะตายในลี้ที่ 24 เขาจะถูกฉินมู่สังหารในกระบวนท่า เดียวอย่างแน่นอน!
กระนั้นซวีเซิงฮวาก็สามารถตามติดฝีเท้าของฉินมู่ได้ และต่อ ให้เขาถูกนําเดินไป ฝีเท้าของเขาและวิชาตัวเบาก็ไม่ไหวเอน ดังนั้นเขาจึงยังไร้ช่องโหว่!
จากแม่นํ้าโคลนจนไกลเกิน 100 ลี้ เขาไม่เผยจุดอ่อน!
หวางมู่หรันกล่าวว่าวิชาฝึกปรือและทักษะเทวะของเขานั้นล้วนแต่แปลกพิสดาร แข็งแกร่งขึ้นเมื่อเจอคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่าเดิม ยิ่งคู่ต่อสู้ทรงพลังมากแค่ไหน ก็จะยิ่งพ่ายแพ้ในเงื้อมมือเขาเร็วยิ่งขึ้น
เท่านั้น! ทักษะเทวะของเขาทั้งหมดล้วนเป็นการพลิกแพลงรับมือ อย่างปัจจุบันทันด่วน สร้างสรรค์พวกมันขึ้นมาในระหว่างการต่อสู้
วิชาฝึกปรือเช่นนี้ต้องมีระดับอันล้ำเลิศสุดขีด มันจะต้องก้าวข้าม วิชาฝึกปรือและเข้าไปสู่เขตขั้นของทักษะเมื่อสำเร็จวิชา!
ฉินมู่ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นไปทุกที เขาไม่หันหลังกลับ แต่ยังคงก้าวต่อไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่เพิ่มพูน!
วิชาฝึกปรือของซวีเซิงฮวาลึกลับอัศจรรย์ ทําให้เขาก้าวข้าม วิชาฝึกปรือและตรงไปยังการสรรค์สร้างทักษะเทวะ
ฉินมู่อยากจะลองทดสอบขีดจํากัดของวิชาฝึกปรือนั้น และดู ว่ามันจะเป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับวิชากายาจ้าวแดนดินสามอมตะ!
ฝีเท้าของเขาเร็วยิ่งขึ้น
ขณะที่รัศมีของเขาก็ยิ่งแก่กล้าและแก่กล้า เขาทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วประดุจส่ายฟ้า แต่ฝีเท้า ของเขายังมีจังหวะอันเยือกเย็นดุจเดิม ไม่มีบรรยากาศของ ความเร่งร้อนเลยแม้แต่น้อย
ซวีเซิงฮวาตามติดไป แต่ฝีเท้าของเขายังคงมั่นคง ไม่มีวี่แวว ของความผิดพลาด
ความเร็วของพวกเขาเร็วขึ้น ทุกขณะจิต และทันใดนั้น สีหน้า ของซวีเซิงฮวาก็ซีดเผือด ใบหน้าของเขาเริ่มดูขาวไร้เลือดหล่อ เลี้ยงมากขึ้นไปทุกที เขาถูกฉินมู่นําวิ่งไปอีก 100 ลี้ และไม่อาจ อดทนได้อีกต่อไป เขากระอักเลือดออกมากําหนึ่ง
ฉินมู่ยังคงเคลื่อนที่ต่อไปข้างหน้า และซวีเซิงฮวาก็วิ่งไปด้วย กับเขาระหว่างที่สําลักโลหิตออกจากปาก
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น เขาก็ยังไม่เผยช่องโหว่ในการเคลื่อนไหว แต่หากว่าเขายังคงกระอักเลือดออกมาอย่างนี้ ไม่นานโลหิตเขาก็ จะหมดตัวและเสียชีวิต!
ตั้งแต่ต้นจนจบ ฉินมู่มิได้ลงมือกับเขาเลยแม้แต่นิด เขานั้นเป็นผู้ที่ทําให้ตนเองบาดเจ็บเอง
เมื่อฉินมู่เดินไป รัศมีของพวกเขา วิชาตัวเบา และทักษะเทวะ นั้นจริงๆ แล้วกําลังสัประยุทธ์กัน แม้ว่ามันจะดูเหมือนไร้อันตราย
แต่การต่อสู้ได้เริ่มต้นตั้งแต่แรกและไม่มีช่องว่างให้สําหรับความ ผิดพลาด
วิชาฝึกปรือและทักษะเทวะของซวีเซิงฮวาล้วนแต่อิงอยู่กับการ พลิกแพลงตามสถานการณ์และการสรรค์สร้างขึ้นมาใหม่ ดังนั้นมันจึงจําต้องใช้พละกําลังทางจิตอย่างมหาศาล
เขาได้ทําให้จิตของตนเหนื่อยล้าในโรงงานผลิต และแม้ว่า ฉินมู่จะให้เวลาเขาพักผ่อน แต่พลังสมองที่แห้งเหือดไปนั้นไม่ได้ ฟื้นฟูกลับมาได้โดยง่าย
ตั้งแต่วินาทีที่เขากระอักเลือดจากความเหน็ดเหนื่อย แรงตึง เครียดในสมองของเขาก็มีแต่จะเพิ่มพูนขึ้นไปเมื่อเขาติดตามฉินมู่ ต่อ ไม่มีความจําเป็นที่ฉินมู่จะต้องลงมือโจมตี เขาก็สามารถเคี่ยวซ วีเซิงฮวาให้เหนื่อยจนตายได้!
หากว่าเขายังเดินต่อไป สมองเขาจะต้องเหนื่อยล้าขาดใจ เส้นผมด้านหลังของซวีเซิงฮวาเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีเทาซีด
เขาตามฝีเท้าของฉินมู่ไป และกระอักเลือดไป ความเหนื่อยล้าของ
พลังสมองเขานั้นได้กระทบร่างกายแล้ว หากว่ายังไม่มีอะไร เปลี่ยนแปลง เขาก็จะเหนื่อยจนตาย!
ทันใดนั้น ฉินมู่ก็หยุดเท้าและแย้มยิ้ม “หากว่าข้าสังหารท่าน เสียแบบนี้ ท่านต้องไม่ยินยอมพร้อมใจเป็นแน่ และข้าเองก็จะไม่ได้ สัมผัสความสาสมใจในการต่อสู้ พี่ซวี เยียวยาอาการบาดเจ็บและ ฟื้นฟูปราณชีวิตของท่านเถอะ พวกเราค่อยมาสู้ศึกชี้ชะตาในคราวหน้า”
ซวีเซิงฮวาหยุดเท้า และอ้าปาก เขาหมายจะกล่าวอะไร บางอย่าง แต่พลันล้มควํ่าลงกับพื้นและหมดสติไป
“ช่างเป็นคู่ต่อสู้ที่น่านับถือและน่าสะพรึงกลัวจริงๆ” ฉินมู่กล่าวชม เขาปล่อยซวีเซิงฮวาที่สลบไปไว้ที่นั่น และหันกายเดินกลับไป
โลหิตสายหนึ่งไหลออกจากมุมปากของฉินมู่ แต่เขากลืนกลับ
เข้าไปทันทีและเงยคอขึ้น เขาแทบจะเคี่ยวซวีเซิงฮวาให้เหนื่อยจน
ตายได้ แต่เขาเองก็เกือบจะทนไม่ไหวเช่นกัน แต่ทว่า ผู้คนที่หมู่บ้านบอกเขาว่า เจ้าพ่ายศึกได้ แต่ต้องไม่แพ้มาด



