ตอนที่ 360 หัวใจเปลี่ยนแปลง
ซวีเซิงฮวาฉงนฉงายและกล่าว “นอกจากมีศักดิ์ฐานะเป็น กษัตริย์มนุษย์แล้ว ท่านก็ยังเป็นจ้าวลัทธิแห่งลัทธินักบุญสวรรค์ แน่นอนว่าข้าย่อมต้องเคยได้ยินเกี่ยวกับมันมาก่อน ไฉนพี่ฉินถึง ถามเรื่องนี้ล่ะ”
ฉินมู่ยิ้มกว้างให้เขา “หากพี่ซวียินยอมเข้าร่วมลัทธินักบุญ สวรรค์ของพวกเรา ท่านก็จะไม่ต้องจ่ายเงินคืนแก่ข้า แม้ว่าข้าจะ เป็นกษัตริย์มนุษย์ แต่ข้าก็ยังเป็นจ้าวลัทธินักบุญสวรรค์ โถงแห่ง กษัตริย์มนุษย์อาจจะมีความแค้นลึกลํ้ากับเหนือฟ้า แต่ลัทธินักบุญ สวรรค์ไม่มี ใช่หรือไม่ หากว่าพี่ซวีเข้าร่วมลัทธินักบุญสวรรค์ ก็จะ เป็นสถานการณ์ที่สมประโยชน์กันทั้ง 2 ฝ่าย”
อวี้หลิ่วและจิงเอี้ยนมีสีหน้าประหลาด พฤติการณ์ของกษัตริย์ มนุษย์นั้นนับว่าทั้งพิลึกกึกกือและไร้กฎเกณฑ์ เหนือฟ้าและโถง แห่งกษัตริย์มนุษย์เป็นศัตรูคู่อาฆาต กระนั้นเขาก็ยังเชื้อเชิญศัตรู คู่อาฆาตเข้าร่วมลัทธินักบุญสวรรค์!
กษัตริย์มนุษย์นี่คงไม่คิดหรอกนะว่าบะหมี่เพียง 9 ชามและ การรักษาเพียงหนเดียวจะทำให้คุณชายซวีเข้าร่วมลัทธินักบุญ สวรรค์น่ะ? จะบอกว่าเขาไร้เดียงสาหรือกลอกกลิ้งดีล่ะ จิงเอี้ยนคิดในใจ
ซวีเซิงฮวานิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าว “พี่ฉิน อย่าล้อข้าเล่น เลย ไม่ต้องกังวล ข้าจะจ่ายคืนท่านให้เร็วที่สุด”
ฉินมู่ไม่ได้ปักใจตั้งความหวังไว้ว่าเขาจะตกปากรับคําเข้าร่วม ลัทธินักบุญสวรรค์ แม้ว่าลัทธินักบุญสวรรค์จะมิใช่ศัตรูคู่อาฆาต กับเหนือฟ้า แต่นักบุญคนตัดไม้แห่งลัทธินักบุญสวรรค์กับกษัตริย์ มนุษย์รุ่นแรกแห่งโถงแห่งกษัตริย์มนุษย์ล้วนมาจากยุคสมัยจักรพรรดิก่อตั้ง พวกเขามีเป้าหมายเดียวกัน เพียงแต่วิธีการแตกต่างกันเท่านั้น
โถงแห่งกษัตริย์มนุษย์อาศัยการต่อสู้เพื่อสําเร็จเป้าหมาย ขณะที่ลัทธินักบุญสวรรค์อาศัยอยู่บนหลักปรัชญาแห่งคนธรรมดา ทั่วไปเพื่อผลักดันโลกหล้าให้บรรลุเป้าหมายของพวกเขา
จุดหมายปลายทางของแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 2 คือการล้มล้าง การปกครองของเทพเจ้า และสร้างโลกใหม่อันอยู่ในหัวใจของพวก เขา
และด้วยประเด็นนี้ หลักปรัชญาของพวกเขาย่อมขัดแย้งกับ เหนือฟ้า
ผู้ฝึกวิชาเทวะจํานวนนับไม่ถ้วนออกมาจากโรงงานผลิต พวก เขาขับเคลื่อนปราณชีวิตของตนและยกส่วนประกอบมหึมาหลาย ชิ้นนั้นขึ้น เมื่อพวกมันลอยอยู่ในอากาศ ฉินมู่ก็เดินไปรอบๆ บน ท้องฟ้า เพื่อปรับตําแหน่งของพวกมัน
แม้ว่าจะเป็นเพียงส่วนฐานของปืนใหญ่เทวะยิงตะวัน รอยพยุหะ ในนั้นก็สลับซับซ้อนอย่างถึงที่สุด โดยเฉพาะเตาหลอมยาทั้ง 56 เตาที่ฉินมู่ออกแบบด้วยตนเอง แต่ละเตานั้นทั้งใหญ่มหึมาและ ยากที่จะหลอมสร้างทั้งเตาในทีเดียว มันจะต้องประกอบชิ้นส่วนกว่า ร้อยชิ้นเข้าด้วยกัน และการเชื่อมต่อวงจรพยุหะนั้นไม่อาจจะ ผิดพลาดได้
ฉินมู่ใช้โครงสร้างแบบเดือยเพื่อจะได้ไม่จําเป็นต้องใช้ค้อนทุบ ตีเพื่อประกอบพวกมันเข้าด้วยกัน อันจะกลายเป็นแข็งแกร่ง ทนทานต่อแรงกระแทกสูง
ยิ่งไปกว่านั้น หากว่าปืนใหญ่เทวะยิงตะวันได้รับความเสียหาย จากการโจมตีของศัตรู และส่วนหนึ่งส่วนใดหยุดทํางาน มันก็จะสามารถถอดออกไปได้ และเปลี่ยนชิ้นส่วนใหม่อย่างรวดเร็ว หลังจากเปลี่ยนชิ้นส่วน ปืนใหญ่เทวะยิงตะวันก็จะสามารถใช้งาน ได้ใหม่อีกครั้งโดยไม่ลดน้อยถอยพลัง
เมื่อเชื่อมต่อฐานปืนใหญ่เทวะเข้าด้วยกัน ขุนนางเจ้าหน้าที่ จํานวนมากก็มารวมตัวกันข้างนอกโรงงานผลิต จักรพรรดิเอี้ยน เฝิงก็ออกมาด้วย เห็นได้ชัดว่าเขาให้ความสําคัญแก่ปืนใหญ่เทวะ
นี้เป็นอย่างยิ่ง
“โครงสร้างแบบเดือยของเจ้ากรมฉินสามารถนําไปใช้กับอาวุธ วิญญาณและเรือเหาะในสนามรบได้” จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงชมอย่าง ไม่หยุดปากเมื่อกล่าวกับเสนาบดีปกครองกระทรวงการงาน “ข้าคิด
ว่าเราสามารถสนับสนุนวิธีการนี้ให้กับทั้งกองทัพ หากว่ากระบี่บิน และเรือเหาะล้วนแต่สร้างขึ้นมาในโครงสร้างรูปเดือย พวกเราก็จะ สามารถลดความสูญเสียระหว่างการศึกสงครามได้เป็นอย่างมาก”
เสนาบดีปกครองกระทรวงการงานผงกศีรษะ “แต่ทว่า การ หลอมสร้างขึ้นมานั้นคงยาก”
“ด้วยโรงงานผลิตใหม่ที่เจ้ากรมฉินออกแบบ การหลอมสร้าง ชิ้นส่วนแต่ละชิ้นของเรือเหาะคงไม่ยากขนาดนั้น”
จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าวเสริม “หากเราให้โรงงานผลิตทั้งหมดผลิตส่วนประกอบจํานวนมากเพื่อ มาใช้เปลี่ยนแทนส่วนที่ชํารุดสึกหรอของอาวุธวิญญาณ เรือเหาะ และรถเมฆาทลายเมือง เช่นนั้นแล้ว ต่อให้ก่อสงครามใหญ่ การ สูญเสียก็จะไม่มากเลย! กระทรวงการงานของเจ้าควรรีบไปเรียนรู้ เพื่อจะได้เผยแพร่โรงงานผลิตเช่นนี้ให้เป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง”
ขณะที่เขากล่าวอยู่นั่นเอง ฉินมู่ก็ออกคําสั่งให้ประกอบทุกสิ่ง เข้าด้วยกัน ผู้ฝึกวิชาเทวะหลายร้อยคนเชื่อมต่อชิ้นส่วนใจกลาง เข้าด้วยกัน และแผ่นกลมขนาดใหญ่กินพื้นที่กว่า 36 ไร่ก็ ก่อรูปขึ้นมา
หลังจากนั้น คณบดีป้าซานที่ได้กลับมาจากแนวหน้าชายแดน เหนือก็ไปข้างใต้นั้น เขาใช้ 2 มือยกขึ้นและพลังวัตรอันหนาแน่น ของเขาก็ยกแผ่นกลมหนาใหญ่นี้ขึ้นมา
ผู้ฝึกวิชาเทวะอีกหลายร้อยคนเดินออกมาจากโรงงานผลิตอีก ข้างๆ พวกเขา มีคนที่คอยขานตัวเลข ด้วยตัวเลขแต่ละตัวที่เขา ขาน ผู้ฝึกวิชาเทวะคนหนึ่งก็จะก้าวไปข้างหน้าและเพิ่มชิ้นส่วนเข้า ไปในแผ่นกลมนั้น
ยิ่งประกอบชิ้นส่วนเข้าไปมากเท่าใด แผ่นกลมนี้ก็ยิ่งหนาและ ใหญ่มหึมามากขึ้น เมื่อชิ้นส่วนกว่าหมื่นชิ้นเชื่อมต่อกัน ขาของคณบดีป้าซาน บุรุษทรงพลังผู้นี้ ก็เริ่มจะสั่นเทิ้ม นํ้าหนักที่เขาแบกเอาไว้ทําให้เขายากที่จะยืนตรงได้
กู่ลี่หนวนก้าวเข้าไป และทั้ง 2 คนก็ช่วยกันยกแผ่นกลมนี้ไว้ ด้วยพลังวัตรอันเข้มข้นมหาศาล จากนั้นแผ่นกลมก็มีขนาด 160 ไร่
เมื่อจํานวนชิ้นส่วนถึง 27,000 ชิ้น แผ่นกลมนี้ก็ขยาย ไปจนถึงขนาด 400 ไร่ ข้างล่างมันคือยอดยุทธ์ฝีมือแกร่งระดับจ้าว ลัทธิ 4 คนที่กําลังใช้ปราณชีวิตของพวกตนยกส่วนฐานของปืน ใหญ่เทวะขึ้นไปบนท้องฟ้า
บนแผ่นกลมนี้ ฉินมู่และขุนนางกระทรวงการงานมากมาย เคลื่อนที่ไปรอบๆ อย่างฉับไวเพื่อตรวจสอบดูอักษรรูนบนแต่ละจุด เชื่อมต่อระหว่างชิ้นส่วนต่างๆ เมื่อพวกเขามั่นใจว่าไม่มีปัญหาแล้ว
ฉินมู่ก็ออกคําสั่ง และสัตว์ยักษ์หลายตัวก็ลากรถมหึมามา นักปรุง ยาจํานวนมากบนรถเหล่านั้นรีบกระโดดลงมาและเคลื่อนย้ายหินยา ในรถลงไปบนส่วนฐานทรงกลม
“สันดาปเตาหลอม” ฉินมู่สั่ง “สันดาปเตาหลอม!”
เตาหลอมยา 56 เตาถูกจุดสันดาปเมื่อหินยาเทลงไปในนั้น นักปรุงยาแต่ละคนขับเคลื่อนปราณชีวิตของตนเพื่อจุดมัน และ เพลิงไฟก็พลันโหมกระพือ เพลิงไฟเหล่านั้นแปรเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีขาว ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นสีเขียว และในที่สุดก็กลายเป็นสีนํ้าเงิน
พลังงานอันน่าสะพรึงกลัวนี้ไหลบ่าไปตามวงจรพยุหะและอักษรรูนบนแผ่นกลมนี้อย่างรวดเร็ว กระตุ้นพยุหะขนาดใหญ่โต มโหฬารให้ขับเคลื่อนทํางานอย่างเต็มรูปแบบ!
ข้างใต้แผ่นกลม ยอดยุทธ์ระดับจ้าวลัทธิ 4 คนก็พลันรู้สึกถึงแรงกดดันที่ลดลง แหล่งจ่ายพลังงานปืนใหญ่มหึมานี้ไม่จําเป็นต้องให้พวกเขาคอยยกอีกต่อไป มันสามารถลอยขึ้นมาได้ด้วยตนเอง!
ขุนนางเจ้าหน้าที่คนหนึ่งกล่าวชื่นชมกับภาพที่เห็น “สมแล้วที่ เป็นงานวิศวกรรมประสิทธิ์ สมกับเป็นงานช่างภูตเทพรังสรรค์จริงๆ!”
สีหน้าของจักรพรรดิเอี้ยนเฝิงไม่สู้ดี ฉินมู่เพียงแต่ต้องการ ประกอบส่วนฐานของปืนใหญ่เทวะเพื่อทดสอบการทํางานของเตา หลอมยาและวงจรพยุหะ แต่ทว่า เพียงทดสอบการทํางานของเตา หลอมยา ก็ต้องใช้หินยาในปริมาณเท่ากับที่ใช้ในสงครามขนาด กลาง!
“ที่เขาละลายอยู่ ไม่ใช่เงินของเขาเสียหน่อย…” จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงรวดร้าวใจอย่างยิ่ง
ฉินมู่สิ้นสุดการตรวจสอบและกระโดดลงมาจากแท่นฐาน จากนั้นเขากล่าวด้วยเสียงอันดัง
“ดับเครื่องเตาหลอมและนําฐานลง”
เตาหลอมยาต่างๆ ค่อยๆ ดับเครื่อง และสัตว์ยักษ์ที่เหาะอยู่บน ฟ้าก็ค่อยๆ ร่อนลงจอดกับพื้น แม้กระนั้น หอบลมแรงก็พัดพรูใส่ทุก คนในบริเวณอย่างรุนแรง เสื้อผ้าของพวกเขาปลิวสะบัด และใบหน้าของพวกเขาก็ถูกแรงอากาศกดดันกระแสอากาศค่อยมลายไป
ฉินมู่ตะโกนบอก “นักปรุงยาทั้งหลาย เตรียมหินยาเอาไว้ เมื่อ โครงปืนใหญ่และส้อมรวมแสงประกอบเสร็จ พวกเราจะขับเคลื่อน เตาหลอมอีกครั้ง”
จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงสีหน้าซีดเผือด และเขาใช้ให้คนไปเรียก ฉินมู่มา เขาถามฉินมู่ด้วยสีหน้ายิ้มแจ่มใส “เจ้ากรมฉิน ทําไมเจ้า ยังต้องขับเคลื่อนเตาหลอมอีกล่ะ”
“ฝ่าบาท ปืนใหญ่เทวะยิงตะวันมีส่วนประกอบมากเกินไป จึง ยากที่จะป้องกันความผิดพลาด ดังนั้นหลังจากที่โครงปืนใหญ่และ ส้อมรวมแสงประกอบเสร็จแล้ว ข้าก็จําเป็นจะต้องขับเคลื่อนมันอีก ครั้งเพื่อตรวจดูว่ามีอะไรผิดพลาดหรือไม่”
จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงฉีกยิ้มให้แก่เขาและกล่าว “เจ้ายังต้องทดสอบมันอีกกี่ครั้งล่ะ”
“หากไม่มีอะไรผิดพลาด สองสามครั้งก็น่าจะเพียงพอ” ฉินมู่ คํานวณอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าว “หากว่ามีบางอย่างผิดพลาด พวกเรา ก็จําเป็นต้องต้องตรวจดูว่าปัญหาอยู่ที่ไหน และในกรณีนั้น ข้าเอง ก็บอกไม่ได้ว่าเราจะต้องสันดาปเตาอีกกี่ครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ ตําแหน่งเนตรเทวะ อันใช้โครงสร้างเดือยและโครงสร้างสลัก 3 มิติ นี่ทําให้มันซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นโอกาสที่จะเกิดความ ผิดพลาดก็จะยิ่งสูงขึ้น”
“ฝ่าบาทไม่ต้องกังวล มีผู้เชี่ยวชาญพีชคณิตมากมายขนาดนี้ พวกเราจะต้องค้นพบข้อผิดพลาดในเวลาอันสั้นที่สุดเป็นแน่ ข้าจะ ลองพยายามควบคุมจํานวนของการขับเคลื่อนเตามิให้เกิน 10 ครั้ง และไม่ใช้จ่ายเงินทองมากเกินไปนัก ฝ่าบาท ครั้งต่อไปที่จะสันดาป เตาใหม่ ก็คงจะเป็นครึ่งเดือนให้หลัง ไม่ทราบว่าฝ่าบาท…”
“ถ้าอย่างนั้น ก็ดีแล้ว ก็ดีแล้ว ข้าคงไม่มาแล้ว ให้เจ้าจัดการ ทุกอย่างเองทั้งหมดล่ะกัน… เสนาบดีปกครองกระทรวง พาข้ากลับ วังหลวง”
ฉินมู่เห็นจักรพรรดิกลับไปด้วยร่างสั่นเทิ้มโดยมีขุนนางหลาย คนช่วยพยุง เขาพิศวงในใจ หรือจักรพรรดิจะยังไม่หายบาดเจ็บ แต่ไม่น่าจะใช่นะ ราชาพิษน้อยและข้าได้เยียวยาเขาไปแล้วชัดๆ…
ซวีเซิงฮวามองไปยังแท่นกลมแผ่นใหญ่นั้นด้วยสีหน้าเครียดขรึม
ฉินมู่เดินไปหาเขาด้วยรอยยิ้มและถาม “พี่ซวี ท่านคิดว่าอย่างไรกับปืนใหญ่นี้ล่ะ”
“มันเป็นงานของภูตเทพวิศวกรรมอันเหนือธรรมชาติ”
ซวีเซิงฮวาปรายตามองเขาแล้วกล่าว “พี่ฉินอุทิศพลังงานทั้งหมดลงไปในเรื่องจําพวกนี้ ดังนั้นข้าคิดว่าไม่นานเจ้าก็คงจะถูก ข้าเอาชนะได้ ท่านนั้นเป็นหมอเทวดา และทั้งยังเป็นช่างวิศวกรรม ในเวลาเดียวกัน อันทําให้ท่านมิอาจอุทิศเวลาทั้งหมดในการฝึก บําเพ็ญได้ เมื่อเวลาผ่านไป วรยุทธ์ของท่านก็จะถูกข้าแซงหน้า และท่านก็จะต้องประสบความพ่ายแพ้ย่อยยับ!”
“พี่ซวีรู้กลยุทธทางจิตวิทยาแล้วสินะ” ฉินมู่ยิ้มแล้วกล่าว “ท่าน ไม่ต้องการให้ข้าหลอมสร้างปืนใหญ่เทวะนี้ และหมายที่จะทําลาย ความมั่นใจของข้า แต่สําหรับข้าแล้ว ไม่ว่าจะเป็นวิชาแพทย์หรือ วิศวกรรม มันก็ล้วนแต่เป็นการฝึกบําเพ็ญรูปแบบหนึ่งที่ข้า สามารถประยุกต์กําลังฝีมือของข้าได้ จริงๆ แล้ว หากว่าข้า ต้องการเอาชนะท่าน ก็ง่ายนิดเดียว เพียงแค่วางยาพิษท่าน หรือ แม้กระทั่งหลอมสร้างอาวุธอันทรงมหิทธานุภาพที่เป่าท่านให้กระจุย เป็นผุยผง ก็เพราะว่านี่ก็คือกําลังฝีมือของข้าเช่นกัน”
ซวีเซิงฮวาใจตกวูบ และกล่าว “นั่นไม่ใช่วิธีอันเที่ยงแท้” ฉินมู่หัวเราะด้วยเสียงอันดังและตบบ่าเขา “พวกเราคือกายา
จ้าวแดนดิน ไม่ว่าสิ่งใดที่พวกเรารํ่าเรียน ก็ไม่ควรจดจ่ออยู่เพียงแค่ การฝึกวิทยายุทธ์ ในครั้งหน้าที่ท่านท้าสู้ข้า ท่านจะรู้หรือว่าข้าคิด จะเอาชนะท่านอย่างไร ด้วยมือเปล่า ยาพิษ หรือเป่าท่านด้วย สมบัติวิเศษ? ค่าธรรมเนียมในการรักษาของข้านั้นคือ 1,000 เหรียญสมบูรณ์พูนสุข ดังนั้นจ่ายคืนให้ข้าโดยเร็วที่สุด เพื่อจะไม่ได้ติดค้างหนี้บุญคุณข้า หลังจากนั้น ท่านค่อยมาท้าสู้อีกครั้ง ข้าจะรอ”
ซวีเซิงฮวาตะลึงไป ทันใดนั้น เด็กหญิงน้อยก็กระโดดหยอง แหยงเข้ามาด้วยหางฟู 3 หางที่แกว่งไกวอยู่ข้างหลังนาง นาง เขียนสัญญาหนี้อย่างรวดเร็วก่อนที่จะกล่าวด้วยเสียงอันดังกังวาน
“คุณชายซวี โปรดลงนาม!”
ซวีเซิงฮวาลงชื่ออย่างงุนงง และเด็กหญิงผู้นั้นก็ม้วนสัญญาหนี้ เก็บอย่างระมัดระวังเป็นที่สุด ก่อนจะติดตามฉินมู่เดินจากไป
“ข้าได้ลงมาจากเหนือฟ้า และไม่เพียงแต่ข้าไม่อาจสังหาร กษัตริย์มนุษย์ได้แล้ว ข้ายังตกเป็นลูกหนี้ของเขาอีกต่างหาก เป็น หนี้เขาถึง 1,000 เหรียญสมบูรณ์พูนสุข…” ซวีเซิงฮวาส่ายหัวไป มา และถอนหายใจอย่างสะทกสะท้อน “แล้วข้าจะกลับไปทั้งอย่างนี้ได้อย่างไร อวี้หลิ่ว จิงเอี้ยน ข้าจะหาเงินได้อย่างไรบ้างหรือ”
อวี้หลิ่วและจิงเอี้ยนก็ไม่มีหนทางเช่นกัน วิธีหาเงินที่รวดเร็ว ที่สุดคือการขายสมบัติวิเศษ และพวกนางก็นําติดตัวมาจํานวนหนึ่ง จากเหนือฟ้า ดังนั้นขายไปสี่ห้าชิ้นก็คงไม่เป็นไร
แต่ทว่า เมื่อซวีเซิงฮวาล้มป่วย พวกนางก็ได้ขายของที่ สามารถขายได้จนหมดสิ้น เหลือก็แต่แจกันหยกและปี่แป้ ซึ่งเป็น สมบัติของเทพครองดาวเฉียว ดังนั้นนางจึงไม่อาจขายพวกมันได้ อย่างเด็ดขาด
“ข้าเชี่ยวชาญในดนตรี นั่นสามารถเอาไปแลกเงินได้ไหม” ซวี เซิงฮวาถาม
“คุณชายจะเป็นวณิพกหรือ” จิงเอี้ยนร้องออกมา “จะทําอย่าง นั้นได้อย่างไร อีกอย่างร้องเพลงหาเงินได้ไม่มากเลย!”
“ข้ายังมีความรู้ในด้านการหลอมสร้างอาวุธวิญญาณ บางที ข้าอาจจะสามารถหลอมสร้างอาวุธวิญญาณจํานวนหนึ่งมาแลก เงินทอง…” ซวีเซิงฮวาพึมพํา
“คุณชายหมายจะเป็นช่างตีเหล็กหรือ”
ซวีเซิงฮวาแย้มยิ้มแล้วกล่าว “ข้าคือกายาจ้าวแดนดิน ถ้าข้า ไม่เรียนก็ว่าไปอย่าง แต่หากว่าข้าเรียนรู้ ข้าก็จะต้องเป็นสุดยอด ฝีมือ! ไม่ต้องห่วง แม้จะเป็นช่างตีเหล็ก ข้าก็จะเป็นช่างตีเหล็กที่เก่ง
ที่สุด ข้าจะต้องไม่ด้อยไปกว่ากษัตริย์มนุษย์ฉิน กายาจ้าวแดนดิ นคนนั้นอย่างแน่นอน!”
จิงเอี้ยนและอวี้หลิ่วเผยสีหน้ากังวลพลางมองตากันไปมา พวก นางคิดในใจ คุณชายซวีคงจะไม่กลับเหนือฟ้าอีกต่อไป หัวใจของ เขานั้นไม่ใช่ดวงเดิมกับที่เขามีตอนอยู่ในเหนือฟ้า…
เมื่อฉินมู่พบกับซวีเซิงฮวาอีกครั้งใน 1 เดือนให้หลัง นั่นก็ เป็นการพบกันในร้านตีเหล็ก ศิษย์ที่โดดเด่นลํ้าเลิศที่สุดของเหนือ ฟ้ามิได้มีภาพลักษณ์อันสมบูรณ์แบบและไร้ราคีเหมือนที่เคยเป็นมา เขานั้นกําลังควงค้อนยักษ์เพื่อทุบทองคําทมิฬอยู่



