ตอนที่ 364 เทพครองแดนเลี้ยงมังกร
หวางมู่หรันขี่กวางของเขาเข้ามาหาแล้วส่ายหัว “คนเฒ่าคน แก่ช่างน่าห่วงกังวลเสียจริง”
ฉินมู่ตะลึงไป “ทางเจ้าก็เหมือนกันหรือ”
หวางมู่หรันผงกหัวแล้วกล่าว “มีผู้เฒ่าแบบนี้ 13 คนใน นครหยกน้อย ถ้ารวมทั้งนักพรตเฒ่าและยูไลเฒ่าที่มาใหม่ พวกเรา ก็มีผู้เฒ่า 15 คนแล้วตอนนี้”
ฉินมู่ยิ้มแล้วกล่าว “หมู่บ้านข้ามี 8 กับอีกครึ่งคน เช่นนั้นข้า คงเรียกได้ว่าโชคดีกว่า”
“โชคดีที่ข้ามีศิษย์พี่หญิงชิงไต้ และศิษย์พี่หลงอวี๋ช่วยแบ่งเบา ภาระ” หวางมู่หรันกล่าว
ฉินมู่สีหน้ามืดคลํ้าทันที เขาเป็นคนอายุน้อยคนเดียวใน หมู่บ้าน ท่านยายซีก็ยังไม่แก่เช่นกัน แต่ทว่านางชอบทําตัวแก่เฒ่า
ทั้ง 2 คนเดินไปข้างหน้าด้วยฝีเท้าอันคงที่ ระหว่างที่รอมู่ชิง ไต้ตามหาตัวหลงอวี๋ ไม่นานนัก นางก็ลากหลงอวี๋กลับมา ผู้ซึ่งดูสะ โหลสะเหล เขาได้ถอดเสื้อผ้าออกจนหมด และเมื่อมู่ชิงไต้ไปพบตัว เขา เขากําลังวิ่งสะเปะสะปะไปรอบๆ เมืองหลวงในกางเกงในตัว เดียว เต้นรําและร้องเพลงพลางพล่ามคําพูดไม่ได้ศัพท์
ในตอนนั้น มู่ชิงไต้ได้มอบตบ 3 ฉาดให้แก่ศิษย์พี่ของนาง เพื่อปลุกสติของเขา หลงอวี๋กระอักเลือดที่อุดตันในหัวใจของเขา ออกมากองหนึ่ง และติดตามนางกลับมาด้วยหัวที่โงไม่ขึ้น
หวางมู่หรันให้ทั้ง 2 คนนั้นนั่งบนหลังกวาง แม้ว่าหลงอวี๋จะ มิได้เสียสติอีกต่อไป แต่เขาก็ยังพังทลาย
ฉินมู่ยิ้มแล้วกล่าว “ศิษย์พี่หลงอวี๋ มีความแตกต่างอะไรระหว่าง ที่ท่านรู้หรือไม่รู้ความสูงและความหนาของท้องฟ้าอย่างนั้นหรือ ท้องฟ้าอยู่ที่นั่น ไม่ว่าท่านจะรู้หรือไม่รู้ มันก็ยังอยู่ที่นั่น รักษาใจของท่านให้เป็นปกติและพากเพียรฝึกปรือ ท่านควรมุ่งเป้าไปที่การ ทลายฝ่าท้องฟ้าและออกไปข้างนอกเมื่อท่านแข็งแกร่งเพียงพอ”
“ข้าเข้าใจสิ่งที่กษัตริย์มนุษย์ต้องการจะสื่อ แต่ข้าไม่เคยคิดมา ก่อนเลยว่าทุกสิ่งนี้จะปลอมไปหมด ข้าจึงสูญเสียจิตฮึดสู้ไปโดยไม่ อาจห้ามตนเองได้” หลงอวี๋กล่าวอย่างเศร้าโศก
ฉินมู่เข้าใจความรู้สึกประเภทนี้ มีไม่กี่คนที่สามารถเดิน ออกมาจากเงามืดได้เร็วเท่ากับเจ้าสํานักเต๋าหลินเสวียน
ปรากฏการณ์บนฟากฟ้าจอมปลอม และเหตุการณ์นี้ได้หวด ฟาดเจ้าสํานักเต๋าหลินเสวียนอย่างรุนแรง แต่ทว่า หลงอวี๋มิได้มี ตําแหน่งฐานะและความรับผิดชอบของเจ้าสํานักเต๋าหลินเสวียน ดังนั้นความสามารถของเขาในการจัดการความตระหนกตกใจจึง ด้อยกว่าเล็กน้อย
แต่ทว่า หากให้เวลามากพอ หลงอวี๋ก็จะเดินออกจากเงามืดได้
“ในเมื่อศิษย์พี่หลงอวี๋มาถึงแล้ว เช่นนั้นพวกเรารีบเดินทางกัน เถอะ”
หวางมู่หรันออกคําสั่ง และเมฆพลันรวบรวมขึ้นมาใต้เท้ากวาง ตัวผู้นี้และยกมันลอยขึ้นเพื่อเหาะไป กิเลนมังกรรีบตามไปทันที และกวางนั้นหันกลับมามองด้วยสายตาเหยียดหยาม เร่งความเร็ว ของมัน
กิเลนมังกรโมโหขึ้นมาและพยายามอย่างที่สุดที่จะตามให้ทัน หลังจากวิ่งไปได้ร้อยลี้ กิเลนมังกรก็เริ่มหอบหายใจอย่างรุนแรง ด้วยดวงตาเหลือกขาว “ข้าไม่จําเป็นต้องลดตัวลงไปตํ่าเท่ากับ กวางโง่นั่นหรอก ใช่ไหม จ้าวลัทธิ ข้าพูดถูกไหม พวกเราไม่ได้ แข่งวิ่งเร็วกันสักหน่อย แต่แข่งความอดทน!”
ฉินมู่ตอบอืมด้วยสีหน้ามืดดํา กิเลนมังกรผ่อนความเร็วลงและมองไปยังกวางที่พาหวางมู่หรัน
และคนอื่นๆ หายลับไปลิบตา
กิเลนมังกรวิ่งไป 5,000 ลี้ และเหนื่อยจนลิ้นห้อย เขาร้องขอหยุดพัก ดังนั้นฉินมู่จึงให้เขาหยุดวิ่ง ฉินมู่ก่อไฟประกอบอาหาร ขณะที่กิเลนมังกรกําลังกรนและนอนพุงอืดอยู่กับพื้น
เมื่อฉินมู่กินและดื่มเสร็จแล้ว เขาก็เรียกกิเลนมังกรอยู่นานสอง นาน กิเลนมังกรถึงคลานลุกขึ้นมาและวิ่งต่อไปอย่างอิดออด เขาวิ่ง ทั้งวันทั้งคืนแต่กระนั้นก็ยังไม่เห็นกวาง ทั้งไม่เห็นหวางมู่หรันและคนอื่นๆ
“กวางโง่นั่นก็มีนํ้าอดนํ้าทนไม่ใช่ย่อย…” กิเลนมังกรกล่าว อย่างอายๆ
ฉินมู่กล่าวอืมอีกทีด้วยสีหน้ามืดคลํ้าแล้วโยนยาวิญญาณเพลิงฉานให้เขา 1 เม็ด “อาหารของเจ้าวันนี้”
กิเลนมังกรรู้ถึงความกระจอกงอกง่อยของตนเองดี และเลียยา วิญญาณอย่างระมัดระวัง เขาไม่กล้ากินมันเข้าไปในคําเดียว หลังจากเลียมันอยู่ 10 กว่าครั้ง ในที่สุดเขาก็กินมันเข้าไปหมด และ สุดท้าย ฉินมู่ก็หักใจโหดไม่ลง และกํายาวิญญาณเพลิงฉานให้เขา อีกกํา
กิเลนมังกรดีใจจนเนื้อเต้น และเขารีบกินมันทั้งหมด จากนั้นก็ กล่าว “จ้าวลัทธิ ไม่ต้องกังวลนะ ข้าจะวิ่งสุดชีวิต และไล่ตามกวาง โง่นั่นทันแน่นอน!”
“กวางนั่นไม่ได้โง่ กิเลนมังกรของข้าต่างหากที่เอ๋อ” ฉินมู่ติติง
กิเลนมังกรวิ่งตะบึงข้ามฟ้า ไม่นานนัก เสียงหวิวแว่วของขลุ่ยก็
ดังมาถึงพวกเขา และฉินมู่มองไปรอบๆ ด้วยความตระหนกใจ กิเลนมังกรกําลังวิ่งอยู่บนอากาศ และแม้ว่าความเร็วของเขาจะไม่ อาจเทียบได้กับกวางจากนครหยกน้อย แต่ก็ไม่ช้าเลยแม้แต่นิด
เมื่อเขาเคลื่อนที่ไป ลมก็แหวกผ่านหวีดหวิว
การที่เสียงขลุ่ยดังมาถึงพวกเขาได้ นั่นไม่อาจเป็นเสียงขลุ่ย จากคนธรรมดาอย่างแน่นอน
ขณะที่ฉินมู่กําลังคิดอยู่นั้น กิเลนมังกรก็พลันส่ายหัวไปมา ตามเสียงขลุ่ยราวกับว่าเขากําลังเมามาย เขาวิ่งตะบึงไปบนฟ้า
เสียงขลุ่ยน่าหลงใหลเป็นอย่างยิ่ง มันเล่นทํานองเพลงพื้นบ้าน อันบางครั้งก็สูงบางครั้งก็ตํ่า ให้เสียงคึกคักสนุกสนาน ดังนั้นกิเลน มังกรก็เต้นไปมารอบๆ นภากาศ กระโดดทางนี้ทีทางโน้นทีด้วย ความสนุกสนาน หางใหญ่ๆ ของเขาแกว่งไกลไปมาส่งเสียงฟิ้วฟ้าว
ตัวโน้ตยาวเสียงหนึ่งดังมากจากขลุ่ย และกิเลนมังกรก็ตะบึงดิ่ง ลงไปข้างล่าง เข้าไปในป่า
“มังกรอ้วน หยุด!” ฉินมู่รีบตะโกนทันที แต่จะทําอะไรได้ในเมื่อ กิเลนมังกรเหมือนกับตกอยู่ในภวังค์ เขาไม่อาจได้ยินถ้อยคํา เหล่านั้นได้โดยสิ้นเชิง และดูเหมือนกับไม่อาจควบคุมบังคับ ร่างกายตนเองได้ระหว่างที่วิ่งตะลุยไป
ฉินมู่รีบเหินขึ้นไปบนท้องฟ้า และพุ่งวาบไปตรงหน้ากิเลน มังกร เขากด 2 มือลงบนหัวกิเลนมังกรและกดมันลงด้วยกําลังแรง ขณะที่ร้องตะโกน “มังกรอ้วน ตื่นสิ!”
เขาใช้คาถาพุทธ และเสียงของเขากัมปนาทดุจฟ้าคําราม แต่ ทว่ากิเลนมังกรก็ยังคงมุ่งไปข้างหน้าราวกับว่าไม่ได้ยินเสียงอะไร
ฉินมู่ปลดปล่อยพละกําลังทั้งหมดของตน แต่ก็ยังคงไม่อาจ ต่อสู้กับพละกําลังของกิเลนมังกรได้ เขาถูกดันเข้าไปในป่า และ
เหงื่อเย็นเยียบก็เริ่มหลั่งลงมาจากหน้าผากฉินมู่ เสียงของขลุ่ยดัง ชัดขึ้น และดังขึ้น
เขาหันหลังไปมอง และเห็นมังกรไร้เขาสีแดงตัวมหึมาม้วนพัน
รอบภูเขาด้วยหัวของมันที่หมอบลงไปกับพื้น ปากของมันอ้ากว้างเหมือนถํ้าใหญ่ขณะที่ฟันของมันนั้นราวกับหินงอกหินย้อย ซึ่งคม กริบอันเยิ้มหยาดไปด้วยนํ้าลาย
เสียงของขลุ่ยดังมาจากศีรษะของมังกรแดงอันเด็กสาวในชุด ยาวกําลังนั่งอยู่ แม้ว่าเพลงจะคึกคักสนุกสนาน แต่ใบหน้าของนาง นั้นเย็นชา
“หลงเจี่ยวหนัน!”
ฉินมู่แตกตื่นและมองไปรอบๆ อย่างรีบร้อน มังกรไร้เขานี้น่าจะ เป็นของราชามังกร และในเมื่อมันอยู่ที่นั่นกับเด็กสาว หรือแปลว่า ราชามังกรก็อยู่แถวนี้เช่นกัน?
เสียงดนตรีของขลุ่ยฟังคดเคี้ยวเลี้ยวลด และกิเลนมังกรก็วิ่ง อย่างร่าเริงไปทางปากของมังกรไร้เขา
ประกายเย็นเยียบปรากฏในดวงตาของฉินมู่เมื่อกระบี่ไร้กังวล ทะยานขึ้นไปบนอากาศ กระบี่ 8,000 เล่มพลันโบยบินออกมาและ ยิงตรงไปยังหลงเจี่ยวหนันโดยไม่พูดพรํ่าทําเพลง
นางส่งยิ้มหยันมาให้เขา และหางของมังกรไร้เขาแดงก็ซัดตวัด มา กระบี่นับไม่ถ้วนส่งเสียงเคร้งคร้างเมื่อถูกหางฟาดกระเด็น กลับไป
ฉินมู่ใจตกวูบ มังกรไร้เขานี้นั้นเป็นตัวตนระดับจ้าวลัทธิหรือ พูดอีกอย่าง แข็งแกร่งจนเกินไป คงจะยากที่เขาจะหลบหนีไปได้
ในตอนนั้นเอง ก็มีมือใหญ่มหึมาเอื้อมลงมาจากท้องฟ้า พร้อม กับเสียงอันกึกก้องราวอสุนีบาตดังมา “โชคดีอะไรอย่างนี้ เพิ่งลงมา เดินเล่นที่โลกมนุษย์ก็เก็บตกมังกรไร้เขาได้ตัวหนึ่ง”
มือนั้นอันปกคลุมไปด้วยเกล็ดหยาบ คว้าไปยังมังกรไร้เขา สิ่งมีชีวิตมหึมานี้เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก สีหน้าของมันเผยให้ เห็นความหวาดกลัว และร่างก็อ่อนปวกเปียก
กิเลนมังกรก็ล้ ม ฟุ บไปกับพื้ น ไม่กล้าเค ลื่อนไหว หลง เจี่ยวหนันรีบรวบรวมปราณชีวิตของนางเพื่อเป่าขลุ่ย แต่มังกรไร้เขาแดงเอาแต่ขดตัวและไม่กระดุกกระดิก
หลงเจี่ยวหนันรีบเหาะขึ้นไปหลบมือยักษ์นั้น แต่มือดังกล่าวไม่ สนใจนาง มันหยิบมังกรไร้เขาแดงของราชามังกรอย่างนุ่มนวล ก่อนที่จะดึงมันขึ้นไปในชั้นเมฆ
เสียงบนท้องฟ้าหัวเราะร่า “ยังมีมังกรลูกครึ่งกิเลนอีกด้วย แต่ น่าเสียดายที่ยังเด็กไปหน่อย ข้าจะกลับมาเก็บมันหลังจากปล่อยให้ โตอีกสักหลายปี ลงมาโลกมนุษย์นี่ดีจริงๆ ได้มังกรไร้เขา”
ฉินมู่จิตใจกระเจิดกระเจิงเมื่อเขาเงยหัวขึ้นมองไปข้างบน ใน ก้อนเมฆ มียักษ์ตนหนึ่งที่กําลังเหาะเหินเดินอากาศ พลางเหยียบอยู่บนมังกรไร้เขา 2 ตัว ตัวหนึ่งสีเขียวตัวหนึ่งสีแดง บนหูของเขา แขวนห้อยไว้ด้วยมังกรไร้เขาสีเหลือง 2 ตัว
“เทพเจ้า…”
ฉินมู่เขย่าหัวของตนเองและพบว่ายากที่จะปลุกปลอบตั้งสติ เมื่อเขามองไปอีกครั้ง มังกรไร้เขาเขียวและแดงก็เลื้อยเหาะแบก เทพเจ้านั้นไปทางทิศใต้แล้ว
“มังกรของพ่อข้า!” หลงเจี่ยวหนันหวีดร้องและวิ่งตะบึงไปทาง ทิศใต้อย่างไม่คิดชีวิต ฉินมู่สะกดความแตกตื่นในใจและยกมือขึ้น เรียกกระบี่ไร้กังวลกลับมา ด้วยการแทงไป กระบี่ทั้ง 8,000 ก็ แปรเปลี่ยนเป็นเมฆกระบี่อันโถมถล่มลงมาในพริบตา คลี่คลุมพื้นที่ ทั้งเนินภูเขานี้
หลงเจี่ยวหนันครางหนักและเลื้อยไปบนพื้นราวกับงูใหญ่ตัวหนึ่งเพื่อหลบหลีกแสงกระบี่ แต่ทว่ามันก็มีบางอันที่นางหลบไม่ได้ และถูกแทงเข้า
“หลงเจี่ยวหนัน เจ้ายังจําได้หรือไม่ ข้าบอกว่าถ้าเจ้าลงมือกับ ข้าอีกแม้แต่ครั้งเดียว ข้าจะไม่ปรานีเจ้าอีกต่อไป!”
ฉินมู่ปลุกกิเลนมังกรด้วยการเตะหนึ่งทีก่อนจะพุ่งไปข้างหน้า เขาโจมตีหลงเจี่ยวหนันด้วยแสงกระบี่ที่วูบวาบราวคลื่นโถม ร่างของนางคดเคี้ยวไปมาราวงูวิเศษอย่างเร็วจี๋ แต่ในพริบตาถัดมา ความเร็วของฉินมู่ก็ระเบิดส่งให้เขาทะยานไปในอากาศ พุ่งไป ข้างหน้าพร้อมกับเมฆกระบี่ของเขา
หลงเจี่ยวหนันหวีดร้องลอดไรฟันอย่างต่อเนื่องเมื่อนางโคจร พลังวัตรของตนเพื่อขับเคลื่อนทักษะเทวะมาต้านรับแสงกระบี่
กิเลนมังกรตื่นขึ้นมาและรีบพุ่งไปข้างหน้า เมื่อเขาคําราม แรงสั่นสะเทือนก็ทําให้หลงเจี่ยวหนันสับสน
แม้ว่านางจะเป็นยอดฝีมือขั้น 7 ดาว แต่นางก็นับว่ายังขาด พร่องเมื่อเผชิญกับกิเลนมังกร รัศมีของนางกระจัดกระจายจาก เสียงคําราม และฉินมู่ก็ฉวยโอกาสทันที ด้วยนิ้วกระบี่ของเขาที่แทง ลงไป กระบี่บินจํานวนนับไม่ถ้วนก็หมุนวนเวียนรอบกระบี่ไร้กังวล
และพวยพุ่งเข้าใส่หลงเจี่ยวหนันราวกับกระบี่วิเศษเล่มยักษ์! “ใครกล้ารังแกลูกชายข้า”
ทันใดนั้น เสียงเข้มหนักก็ดังมา และฉินมู่ก็สะท้านใจอย่าง รุนแรง ราชามังกรอยู่ที่นี่!
เขารีบเรียกกระบี่ของตนกลับ หมายที่จะหนีไป แต่พลันมีเมฆ ดํารูปมังกรพุ่งมายังพวกเขาด้วยความเร็วสูงลิ่ว หลงเจี่ยวหนันเงย หน้าขึ้นตะโกน “ท่านพ่อ มันคือจ้าวลัทธิมารฟ้า!”
ฉินมู่รีบรุดไปยังหน้ากิเลนมังกรและตะโกน “มังกรอ้วน ข้าขุน เจ้ามาพันวันเพื่อใช้งานในโมงยามเช่นนี้ หนีเร็วเข้า!”
กิเลนมังกรนั้นกําลังจะรีดเร้นพลังทั้งหมดเพื่อวิ่งตะบึงไป แต่แข้งขาเขาอ่อนปวกเปียกอีกครั้ง ทําให้เขาคลานกระเสือกกระสนอยู่กับพื้น เขาตะโกน “จ้าวลัทธิ มันกลับมา!”
“อะไรกลับมา”
ฉินมู่ยกมือ 2 ข้างขึ้นและอุ้มกิเลนมังกรขึ้น เขากําลังจะวิ่งหนี แต่ท้องฟ้ากลับมืดลงไปอีกครั้ง และเสียงกึกก้องราวสายฟ้าดังมา อีกครั้ง “ข้ายังขาดชายบริสุทธิ์หญิงพรหมจรรย์มาใช้เลี้ยงมังกร และบังเอิญว่าใช้พวกเจ้าทั้ง 2 ได้พอดี…”
กิเลนมังกรตัวอ่อนยวบอย่างสมบูรณ์แบบราวกับว่าเขาตายไป แล้ว เขาเป็นอัมพาตโดยสิ้นเชิง
ตอนนั้นเองฉินมู่ถึงรู้ว่าอะไรย้อนกลับมา โลกทั้งโลกรอบตัว เขาหมุนติ้ว และร่างของเขาก็ร่วงลงไปตกบนก้อนเมฆโดยไม่ ยินยอม ข้างๆ เขาคือหลงเจี่ยวหนันที่ยังตื่นตระหนก
“ผีสางมารร้ายมาจากไหน วางลูกชายข้าลง!” เสียงของราชา มังกรดังมาจากที่ไกลๆ เข้าใกล้มาอย่างรวดเร็ว
ฉินมู่เห็นขาอันหนาใหญ่ 2 ข้างอยู่ข้างๆ เขาในก้อนเมฆ ปก คลุมไปด้วยเกล็ดหยาบ ในก้อนเมฆใต้ขานี้คือมังกรไร้เขา 2 ตัวที่ โบยบินไปข้างหน้า แบกพวกเขามุ่งหน้าไปทิศใต้
เขาเงยหัวมองดูและเห็นยักษ์ตนหนึ่งที่สูงกว่า 15 วา เสื้อผ้า ของเขาสะบัดปลิวในสายลม เผยให้เห็นใบหน้าที่ปกคลุมไปด้วย เกล็ด คิ้วของเขาเชิดสูงและบนหัวก็มีเขา 2 ข้าง
“แมลงน่ารําคาญ”
เทพเจ้านั้นดีดนิ้ว และราชามังกรแห่งสํานักขี่มังกรก็กระเด็น ปลิวไปข้างหลัง กระอักเลือดในอากาศ เขากระเด็นเข้าไปอัดใน ภูเขาใหญ่เป็นตายไม่รู้แจ้ง
“ชายบริสุทธิ์ หญิงพรหมจรรย์ รับใช้มังกรของข้าให้ดี” เทพ นั้นก้มหัวลงมาและมองดูพวกเขาในก้อนเมฆพลางฉีกยิ้มเผยปากที่ เต็มไปด้วยเขี้ยวแหลมคม “ไม่อย่างนั้น ข้าจะใช้พวกเจ้าแทนไม้จิ้มฟัน”
ฉินมู่วางกิเลนมังกรลงและกล่าวอย่างกล้าหาญ “ผู้อาวุโส พลังหยางดั้งเดิมของข้าได้ถูกปลดปล่อยออกไปแล้ว และข้ามิใช่ชายบริสุทธิ์อีกต่อไป…”
หลงเจี่ยวหนันก็รีบกล่าวทันที “พลังหยินบริสุทธิ์ของข้าก็ถูก ปล่อยไปแล้วเช่นกัน และข้าก็มิใช่หญิงพรหมจรรย์”
เทพนั้นยิ้มหยันแล้วกล่าว “ถ้าอย่างนั้น เก็บชีวิตเจ้าไว้จะมี ประโยชน์อะไร ข้าจะกินละกัน!”
“ข้าเป็นชายบริสุทธิ์” ฉินมู่กล่าวด้วยท่วงทีองอาจ “แต่เด็กสาว ตัวแสบผู้นี้มิใช่หญิงพรหมจรรย์อีกต่อไป ผู้อาวุโสโปรดสังหาร นาง!”



