ตอนที่ 366 จ้าวแห่งมังกรแท้
จักรวรรดิสันตินิรันดร์นี่มีภัยพิบัติไม่หยุดหย่อนจริงๆ หลังจาก มีกบฏและผู้ทรยศ ก็ยังมีภัยธรรมชาติลงมา ตามมาด้วย สัมพันธมิตรของจักรวรรดิคนเถื่อนตี้และประเทศรังหมาป่าเพื่อ รุกรานสันตินิรันดร์ บัดนี้เทพครองแดนเลี้ยงมังกรก็โผล่มาหมายจะ ช่วงชิงสายแร่มังกรหลักไป
ฉินมู่ลอบถอนหายใจอย่างสะทกสะท้อน จักรพรรดิเอี้ยนเฝิง เป็นจักรพรรดิที่ยากลําเค็ญจริงๆ ทําให้เขาต้องคอยมาเช็ดล้าง เรื่องเละตุ้มเป๊ะซํ้าแล้วซํ้าอีก
ปืนใหญ่เทวะยิงตะวันสามารถใช้สังหารเทพครองแดนเลี้ยง มังกรนี่ แม้ว่าแท่นปืนใหญ่จะยังคงอยู่ที่เมืองหลวง และจักรพรรดิ เอี้ยนเฝิงจะมิได้อยู่ที่นี่ก็เถอะ…
ฉินมู่พลันตะลึงไป เขานั้นไม่เคยเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิ สันตินิรันดร์ ทําไมเขาถึงต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อมันด้วยล่ะ
เมื่อเขาเดินออกมาจากแดนโบราณวินาศ ก็มิใช่เพื่อเหตุผล ใดนอกเสียจากมาแสวงหาประสบการณ์และพัฒนาตนเอง เป้าหมายของเขาไม่เคยเป็นการปกป้องจักรวรรดิสันตินิรันดร์เลย เช่นนั้น ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เจตนาเริ่มแรกของเขาเปลี่ยนแปลงไปโดยไม่รู้ตัว
ไม่นานมานี้เขายังมองจักรวรรดิสันตินิรันดร์ในฐานะศัตรู เนื่องจากพวกเขาปฏิบัติต่อผู้คนแดนโบราณวินาศดังเช่นผู้คนที่ถูกละทิ้งและทาสที่ดี เมื่อใดกันที่มุมมองของเขาเปลี่ยนไป และเขา เริ่มที่จะมองว่าเรื่องของจักรวรรดิสันตินิรันดร์ก็เป็นเรื่องของตนเอง
ไม่ใช่ว่าเขาควรจะเพียงแต่แสวงประสบการณ์เท่านั้นหรอกหรือ
มิใช่ว่าเขาควรจะต่อสู้เพื่อการดํารงอยู่รอดต่อไปของชาวแดน
โบราณวินาศหรอกหรือ
เมื่อใดที่เขาเริ่มต้นปฏิบัติต่อจักรวรรดิสันตินิรันดร์ราวกับว่า เป็นบ้านหลังที่ 2 รับเรื่องราวของจักรวรรดิมาขบคิดวุ่นวายใจ ราวกับเป็นเรื่องของตนเอง?
เขามองลึกเข้าไปในหัวใจของเขา และพบกับข้อเท็จจริงอัน โหดร้ายและชวนให้คลั่งไคล้อยู่ที่นั่น ความซับซ้อนและการ เปลี่ยนแปลงของหัวใจมนุษย์ก้าวไวยิ่งกว่าการปฏิรูปและ เปลี่ยนแปลงมรรคา วิชา ทักษะเทวะใดๆ
ฉินมู่ไตร่ตรองหัวใจของเขา อันสงบเยือกเย็น ในฐานะกษัตริย์ มนุษย์ เขามิได้กระทําสิ่งต่างๆ เพื่อจักรวรรดิสันตินิรันดร์ แต่เพื่อ ผู้คนบนผืนแผ่นดินนั้น หากว่าจักรพรรดิเอี้ยนเฝิงไร้เมตตาและไร้
ความสามารถ เขาก็จะเปลี่ยนตัวจักรพรรดิ หากว่าราชครูสันตินิ รันดร์ล้มเหลวในการปฏิรูป เขาก็จะรับเรื่องมาและสานต่อด้วย ตนเอง
แต่แม้ว่าการปฏิรูปของราชครูสันตินิรันดร์จะดี หากว่า จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงรุกรานแดนโบราณวินาศและทําให้ผู้คนแดนโบราณวินาศต้องกลายไปเป็นทาส เขาก็จะกําจัดจักรพรรดิเอี้ยน เฝิง
ฉินมู่กะพริบตาและรู้สึกว่าเรื่องนี้ช่างเรียบง่ายและบริสุทธิ์ดี จริงๆ
“พวกเรามาถึงแล้ว!”
มังกร 2 ตัวใต้ฝ่าเท้าของเทพครองแดนเลี้ยงมังกรพลันหยุด
เคลื่อนที่ไปข้างหน้า ฉินมู่มองไปรอบๆ ตะลึงเล็กน้อย ที่นี่มีภูเขาไฟ เต็มไปหมด และควันหนาคลุ้งเป่าออกมาจากปากปล่อง ทว่าไม่มี ลาวาทะลักออกมาเลย
ผู้ฝึกปราณมากมาย ต่างก็แวะเวียนกันมาบนภูเขาเพื่อนั่ง ล้อมรอบเปลวไฟจากใต้พิภพอันใช้สําหรับฝึกปรือทักษะเทวะไฟ
นี่คือชนบทภูเขาไฟแห่งจักรวรรดิสันตินิรันดร์ อันได้ชื่อมาจากภูเขาไฟมากมายในเขตแดน ภูเขาไฟกว่า 9 ใน 10 ของจักรวรรดิสันตินิรันดร์มารวมกันอยู่ที่นี่ และมันยังมีภูเขาไฟที่ใหญ่มหึมาที่สุดอันเรียกว่าขุนเขามหาเศวต มันสูงลิบลิ่ว และยอดของมันปกคลุมไปด้วยหิมะ ขณะที่ปากปล่องมันเต็มไปด้วยลาวาที่เดือดปุดๆ
เทพครองแดนเลี้ยงมังกรมองไปรอบๆ และสายตาของเขาจับ จ้องไปยังขุนเขามหาเศวต เขาแย้มยิ้มและกล่าว “เนตรมังกรอยู่ที่ นั่น!”
มังกร 2 ตัวใต้เท้าของเขาเหินขึ้นไปบนอากาศ และพาเขาไป ยังยอดของขุนเขามหาเศวต ที่นั่นมีสํานักหนึ่งตั้งอยู่ อันแตกต่างจาก 3 มหาแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งจักรวรรดิสันตินิรันดร์ สํานักนี้ได้ เผชิญกับแรงกดดันมหาศาลเหมือนกับสํานักอื่นทั่วๆ ไป จํานวน ศิษย์สํานักได้ลดลงอย่างน่าใจหายอันมาจากการที่มีโรงเรียนประถมฐานและวิทยาลัยก่อตั้งขึ้นทุกหนทุกแห่ง
สํานักบนยอดเขามหาเศวตนี้เรียกว่าสํานักกระบี่มหาเศวต จํานวนผู้คนในสํานักนั้นบางเบา และมีศิษย์สํานักอยู่เพียง 100 คนบนภูเขา
เทพครองแดนเลี้ยงมังกรนําฉินมู่และหลงเจี่ยวหนันลงมาตรงๆ ที่บนภูเขา เขามายังพื้นที่ด้านหลังสํานักกระบี่มหาเศวตอันเป็น
ปากทางเข้าปล่องภูเขาไฟ ยอดฝีมือของสํานักต่างตื่นตระหนกและ กรูกันออกมาราวฝูงผึ้ง เมื่อพวกเขาเห็นเทพครองแดนเลี้ยงมังกร และฝูงมังกรอีกจํานวนหนึ่ง พวกเขาก็ตะลึงลานและไม่กล้าลงมือ
มังกรเพลิงไร้เขาใต้เท้าเทพครองแดนเลี้ยงมังกรบินออกมา และมุดลงไปในภูเขาไฟ ผ่านไปสักครู่หนึ่งทางเข้าก็เปิดออก และมี แสงหลากสีสาดส่องขึ้นไปบนท้องฟ้า แปรเปลี่ยนให้เป็นสีทอง
ฉินมู่มองไปข้างในภูเขาไฟและรู้สึกวิงเวียน ข้างในภูเขาไฟนั้น กลับมิได้ก่อขึ้นมาจากลาวา หากแต่เป็นเกล็ดมังกรที่ส่องประกาย ทองคําสุกสกาว มันยืดยาวจากข้างในภูเขาลึกลงไปถึงก้นบึ้งอัน หยั่งไม่ถึง
ผู้คนแห่งสํานักกระบี่มหาเศวตก็ตกตะลึงเช่นกัน สํานักกระบี่มหาเศวตได้ครอบครองพื้นที่แห่งนี้มาหลายพันปี แต่กระนั้นพวก เขาก็ไม่รู้ว่ามีโลกอันแปลกแตกต่างอยู่ข้างในภูเขาไฟ
ทว่าในตอนนี้ พวกเขาไม่กล้าขยับเขยื้อน
“ผู้อาวุโส…” เจ้าสํานักของสํานักกระบี่มหาเศวตรวบรวมความกล้าก้าวไป
ข้างหน้า แต่ขณะที่เขาจะได้เอ่ยปากอะไร มังกรยักษ์ใต้เท้าเทพ ครองแดนเลี้ยงมังกรก็แบกเขา ฉินมู่และหลงเจี่ยวหนันเข้าไปใน ภูเขาไฟ
“เจ้าสํานัก คนพวกนั้นบุกรุกเข้าไปในเขตหวงห้ามของสํานัก กระบี่พวกเรา!” ชายกลางคนผู้หนึ่งตะโกนออกมา “พวกเราจะทํา อย่างไรตอนนี้”
สีหน้าของเจ้าสํานักแห่งสํานักกระบี่มหาเศวตแปรเปลี่ยนไปมา ระหว่างมืดคลํ้าและกระจ่าง “ข้าจดจําเด็กหนุ่มคนนั้นได้ นั่นคือจ้าว ลัทธิมารฟ้า เจ้ามารน้อยนี่ถึงกับพายอดฝีมือน่าสะพรึงกลัวที่เลี้ยง
มังกรมากมายมาที่นี่! แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งฝ่ายมารนับว่าสม กิตติศัพท์ รากฐานของพวกเขาลึกลํ้าจริงๆ สํานักกระบี่มหาเศวต ของพวกเรามิใช่คู่ต่อสู้ของเขา ดังนั้นพวกเราจะทําอะไรได้ แน่นอนว่าพวกเราก็ต้องไปร้องเรียนต่อสภาราชสํานัก!”
ทุกคนในสํานักกระบี่ตะลึงงัน ร้องเรียนต่อสภาราชสํานัก? นี่ มันไม่น่าอับอายเกินไปหน่อยหรือ
“หากว่าเราร้องเรียนต่อสภาราชสํานัก จักรพรรดิและราชครูก็ จะไม่นิ่งเฉย” เจ้าสํานักลุกขึ้นและกล่าว “ข้าจะมุ่งหน้าไปเมืองหลวง และถวายฎีกา และจะต้องให้จักรพรรดิบีบลัทธิมารฟ้าให้ชดเชย พวกเราแน่นอน!”
ในภูเขาไฟ ฉินมู่และหลงเจี่ยวหนันติดตามเทพครองแดนเลี้ยง มังกรไปข้างหลัง มองไปรอบๆ ยังเวิ้งกว้างใต้พิภพ ผนังทั้งหมดล้วน แต่ก่อขึ้นมาจากเกล็ดมังกรอันเปล่งประกายเจิดจรัส ฉินมู่ยื่นมือ ออกไปสัมผัสดูเกล็ดหนึ่ง และพบว่ามันร้อนจัดแสบมือ ราวกับว่า มันคือหินหลอมเหลว แต่ไม่ใช่หินหลอมเหลว
“บางทีนี่อาจจะเป็นสายแร่มังกรเส้นหลัก ปราณมังกรที่เข้ามา รวบรวมอยู่ในนี้เกือบจะแปรเปลี่ยนเป็นมังกรเทพยดาและโบยบิน ออกไปแล้ว!” เทพครองแดนเลี้ยงมังกรกล่าวเสริมอีกด้วยความ ตระหนก “สายแร่มังกรนี้ดูจะวิเศษกว่าสายแร่ภูเขาทั้ง 9 ในเมือง หลวงจักรวรรดินิรันดร์เสียอีก”
ฉินมู่ถามอย่างสงสัยใคร่รู้ “เทพครองแดนเลี้ยงมังกรได้เยี่ยม เยือนสายแร่ 9 มังกรในเมืองหลวงแล้วหรือ ที่นั่นสถานการณ์เป็น อย่างไร”
แม้ว่าฉินมู่จะไปยังเมืองหลวงตั้งไม่รู้กี่หน แต่เขาไม่เคยขึ้นไปดู ภูเขาที่นั่น เมืองหลวงถูกห้อมล้อมไปด้วย 9 มังกร และปราณ มังกรที่นั่นหนาแน่นและเหนือธรรมดา ผู้คนซึ่งอาศัยอยู่ที่นั่นย่อมมี
อายุขัยยืนยาวกว่าคนทั่วไป และสามารถฝึกปรือวรยุทธ์ได้เร็วขึ้น เป็น 2 เท่า โดยเฉพาะในมหาวิทยาลัยจักรวรรดิและในวังหลวง จักรพรรดิ นั่นคือสถานที่อันปราณมังกรรวมตัวกันหนาแน่นที่สุด
“สายแร่มังกรที่เมืองหลวงสันตินิรันดร์คือ 9 มังกรเหลือง ข้า เข้าไปดูข้างในภูเขาและเห็นว่าตรงใจกลางภูเขากลวงโบ๋ พวกมัน ได้แปรเปลี่ยนเป็นปราณที่มีเกล็ดและกรงเล็บแล้ว” เทพครองแดนเลี้ยงมังกรกล่าว “แต่ทว่าพวกมันยังคงเป็นปราณและยังมิได้ก่อ ร่างกายขึ้นมา แต่ที่นี่มังกรอัคคีเกือบจะก่อรูปลักษณ์ขึ้นมาแล้ว”
ฉินมู่ฉงนฉงาย หลงเจี่ยวหนันแตะเกล็ดมังกรเหล่านี้แล้วถาม “ที่บรรพจารย์ก่อตั้งหมายถึงนั้นคือว่าเกล็ดมังกรของสายแร่มังกรนี้ คือเกล็ดมังกรอันแท้จริง และมิใช่เพียงร่องรอยอย่างนั้นหรือ”
“แน่นอน พวกมันคือเกล็ดมังกรแท้” เทพครองแดนเลี้ยงมังกร กล่าว “มังกรไร้เขาไม่นับว่าเป็นมังกรแท้ พวกมันเป็นเพียงงูยักษ์ที่ ปราณมังกรเข้าไปและเปลี่ยนแปลงรูปร่าง มังกรแท้นั้นกําเนิด
ขึ้นมาจากปราณและแปลงร่างมาจากสายแร่มังกร ทุกสิ่งในโลก หล้าล้วนแต่ถือกําเนิดจากไข่ไม่ก็ครรภ์ แต่ทว่ามังกรแท้ถือกําเนิด จากปราณ”
“ปราณให้กําเนิดมังกรแท้ อันจะให้กําเนิดแก่ไข่หรือตัวอ่อน ต่อ พวกเจ้าเคยไปที่แดนโบราณวินาศมาแล้วใช่หรือไม่ ที่นั่นมีซากโบราณของราชามังกรมากมาย เช่นนั้นทําไมถึงมีราชามังกรมากมายในแดนโบราณวินาศ นั่นก็เพราะว่าในยุคสมัยนั้น มีสายแร่มังกรอยู่หลายร้อยเส้น และโชควาสนาของพวกเขานั้นเจริญรุ่งเรือง ถึงขนาดที่ว่าสายแร่เหล่านั้นแปลงร่างเป็นมังกรแท้! ”
ฉินมู่จิตใจสั่นสะท้าน สายแร่มังกรหลายร้อยเส้น โชควาสนา อันรุ่งเรือง สายแร่มังกรแปลงร่างเป็นมังกรแท้!
เขาเคยได้เห็นวิหารราชามังกรในแอ่งทะเลตะวันออกจริงๆ! ไม่ เพียงแค่นั้น มันยังมีวิหารราชามังกรในแม่นํ้าหย่ง และแม้กระทั่ง วิหารราชามังกรอื่นอย่างราชามังกรบ่อนํ้า!
“มังกรแท้แปลงร่างมาจากสายแร่มังกรแห่งแดนโบราณวินาศ ศิโรราบและสวามิภักดิ์แก่…ฮี่ๆ!” เทพครองแดนเลี้ยงมังกรดูราวจะ กริ่งเกรงผลที่ตามมาจากการคิดจนจบประโยคและไม่กล่าวต่อ เขา กลับพูดว่า “จักรวรรดิสันตินิรันดร์ในตอนนี้ยังนับว่าเล็ก มีสายแร่ มังกรเพียงสิบยี่สิบสาย แต่ทว่าเพื่อป้องกันความยุ่งยากในอนาคต ข้าก็จะต้อ งค้น หาสายแร่มังกรหลักให้พ บ”
“มิเช่นนั้น หากปล่อยให้จักรวรรดิสันตินิรันดร์เติบโตต่อไป มันอาจจะนําพามหาวินาศภัยระลอกใหม่มา เสาะหาสายแร่มังกร เส้นหลักและสังหารมันโดยเร็วที่สุดนั้นจึงนับว่าเป็นหนทางที่ถูกต้อ ง”
พวกเขามองลงไปลึกข้างในและได้ยินเสียงคํารามทึบๆ ของ มังกร ฉินมู่จิตใจฟ่องฟูขึ้นมา หรือว่าสายแร่มังกรอัคคีนี้กำลังจะ แปลงร่างเป็นมังกรแท้จริงๆ?
เมื่อเขาก้าวไปข้างหน้าเขาถึงเพิ่งพบว่าเสียงคํารามนั้นมิได้มา จากมังกรแท้ แต่มันกลับมาจากแม่นํ้าหินหลอมเหลวใต้พิภพที่ กว้าง 10 กว่าลี้ ผนังทั้ง 4 ด้านรอบๆ มันล้วนแต่ปกคลุมไปด้วยเกล็ด
มังกรอันเปล่งแสงทองละลานตา!
ฉินมู่สัมผัสได้ถึงปราณมังกรอันแข็งแกร่งเป็นพิเศษ เขาได้ฝึกปรือวิชา 9 มังกรราชันย์ของตระกูลหลิง และความสําเร็จของเขาในวิชานี้ค่อนข้างสูงส่ง ดังนั้นเขาจึงรู้ทันทีว่า ปราณมังกรที่นี่ไม่ด้อยไปกว่าในเมืองหลวง!
ที่เมืองหลวงมีปราณมังกรของสายแร่ 9 มังกรรวมเข้าด้วยกัน ขณะที่ที่นี่มีเพียงสายแร่มังกรอัคคีเส้นเดียว กระนั้นปราณมังกรก็ แข็งแกร่งพอๆ กัน หรือว่าที่นี่จะเป็นสถานที่สถิตของสายแร่มังกร เส้นหลักของจักรวรรดิสันตินิรันดร์?
“แปลก…” เทพครองแดนเลี้ยงมังกรขมวดคิ้วและตรวจตราดู ทางต้นสายและปลายสายของแม่นํ้าหินหนืด[1] “แปลกมาก… เส้นทางของสายแร่มังกรนี่ดูจะผิดพลาด…”
[1] หินหนืด หรือ แม็กม่า (magma)
เทพครองแดนเลี้ยงมังกรเดินลงจากหลังของมังกรไร้เขาทั้ง 2 ฉินมู่มองไปที่เท้าของเขาและพบว่ามิใช่เท้าของมนุษย์ แต่เป็น กรงเล็บมังกรคู่หนึ่ง
เทพครองแดนเลี้ยงมังกรนําหม้อทองคําใบเล็กและบอบบาง ออกมาใบหนึ่ง หรือมิเช่นนั้นมันก็เล็กและบอบบางสําหรับเขา แต่ สําหรับฉินมู่แล้ว หม้อนี้ใหญ่พอที่จะเอาคนลงไปต้มได้สองสามคน โดยไม่มีปัญหา
เทพครองแดนเลี้ยงมังกรตักหินหนืดขึ้นมาด้วยหม้อนั้น ก่อนที่ จะนําผงทองหยิบหนึ่งมาโรยลงไปในหม้อ จากนั้นเขาก็รออย่าง เงียบเชียบ
ฉินมู่ก้าวไปข้างหน้าเพื่อดูด้วย และพบว่าผงทองนั้นผสานเข้า ไปในหินหนืด ค่อยๆ แปรเปลี่ยน
เทพครองแดนเลี้ยงมังกรโยนหนังสือทองคําเล่มหนึ่งและถุง เต๋าตี้ให้แก่เขาพลางกล่าว “สายแร่มังกรที่นี่แปลกพิลึก นี่ดูไม่เหมือนสายแร่มังกรธรรมดา ข้ากะจะร่ายเวทมนตร์เพื่อสืบสาวว่ามีอะไรผิดปกติที่นี่ เจ้าจงหลอมปรุงยาสักหลายหม้อเพื่อเลี้ยงมังกร พวกนี้ มันมีตํารับยาอยู่ในหนังสือ ดังนั้นอย่าทํามั่วๆ”
ฉินมู่รับทราบและนําหนังสือทองคําอันเรียกว่าคัมภีร์เลี้ยงมังกร ไป เขาพลิกดูและพบว่ามันบันทึกทุกวิธีการในการเลี้ยงมังกร มัน ยังคงบันทึกประเภทของมังกรทั้งหมด ลักษณะนิสัย คุณสมบัติ และวิธีในการควบคุมพวกมัน และท้ายที่สุดก็คือสิ่งที่มังกรเหล่านั้นกิน
ฉินมู่ไม่ใส่ใจยาวิญญาณที่บันทึกอยู่ในนั้น ที่ทําให้เขาใคร่รู้ก็ คือวิธีการในการหลอมปรุงมัน นักปรุงยาได้สอนเขาถึงวิชามือ จํานวนมากมายเพื่อหลอมปรุงยา แต่กระนั้นในคัมภีร์เ ลี้ยงมังกรเล่มนี้ เขาก็ได้พบกับวิชามือหลายวิชาที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน
สมแล้วกับที่เป็นเทพผู้เลี้ยงมังกร มีวิธีการหลอมปรุงยามากมายจากตํ ารับยาและวิธีการห ลอมปรุงยาพวกนี้ ความสามารถของเทพครองแดนเลี้ยงมังกรในมรรคาแห่งการหลอมปรุงยานั้นอาจจะด้อยกว่าข้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ฉินมู่ระแวดระวังขึ้นมาในใจ หากว่าเขาหมายจะหลอมปรุงยา พิษมาแพร่ใส่เทพครองแดนเลี้ยงมังกร นั่นคงไม่ง่ายนัก
เขาลอบไล่ความคิดนั้นทิ้งไปและศึกษาหนังสือต่อ มังกรที่มีคุณสมบัติต่างๆ กันก็จะกินยาวิญญาณที่แตกต่างกันไป ยกตัวอย่างเช่น กิเลนมังกรเป็นคุณสมบัติธาตุไฟ ดังนั้นยาวิญญาณ เพลิงฉานจึงเหมาะกับเขา แต่ทว่าหลังจากที่ฉินมู่ ตรวจสอบดูแล้ว เขาก็พบว่ายาวิญญาณเพลิงฉานมิใช่ตํารับ ที่เหมาะสมที่สุดสําหรับกิเลนมังกร เพียงแค่สําหรับกิเลนมังกรแล้ว รสชาติของมันอร่อยที่สุด
ถ้าว่าเรื่องความเหมาะสมต่อกิเลนมังกร ยาชีวาเทพธาตุไฟดี เยี่ยมที่สุด มันสามารถช่วยให้เขาเติบโต เพิ่มความเร็วการวิ่งของ เขาได้อย่างยิ่งยวด
แต่ทว่า ยาชีวาเทพไม่มีรสชาติอร่อย มันค่อนข้างเผ็ด
“มิน่าล่ะ เจ้าตะกละนี่ถึงเอาแต่จะอยากกินยาวิญญาณเพลิง ฉาน แถมกินเยอะอีก!”
ใบหน้าฉินมู่มืดคลํ้า และเขาปรายตามองกิเลนมังกรที่มองไป รอบๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขากล่าวด้วยสีหน้าบึ้งตึง “สาว ใช้ มานี่ มาช่วยข้าหลอมปรุงยา”
หลงเจี่ยวหนันกัดฟันแล้วเดินเข้ามา อยากที่จะกัดเขากร้วม เข้าไปในคําเดียว
ฉินมู่เตะกิเลนมังกร “มังกรอ้วน เจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับยาชีวา เทพธาตุไฟมาก่อนหรือไม่”
“ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน” กิเลนมังกรกล่าวอย่างมีพิรุธ ฉินมู่แค่นเสียงและเปิดถุงเต๋าตี้ของเทพครองแดนเลี้ยงมังกร
ข้างในนั้นมีสมุนไพรวิญญาณทุกชนิด ฉินมู่จําแนกแยกแยะพวก มันก่อนที่จะโยนไปให้กับหลงเจี่ยวหนัน บอกให้นางจัดสมุนไพร ออกมาตามสัดส่วนที่กําหนดไว้ในตํารับยา จากนั้นเขาก็สั่งให้
กิเลนมังกรพ่นไฟระหว่างที่เขาขับเคลื่อนวิชาหลอมปรุงยา เขาช่วง ใช้วิชามือทุกประเภทและมันละลานตาผู้คน ด้วยแบบนั้นเอง ไม่นานเขาก็หลอมปรุงยาวิญญาณออกมาได้ชุดหนึ่ง
มังกรน้อยมากมายบนร่างของเทพครองแดนเลี้ยงมังกรได้กลิ่น หอม และรีบวิ่งลงจากร่างของเทพเจ้าเพื่อมาห้อมล้อมฉินมู่ ตัวที่
ใหญ่หน่อยนั้นยาวเพียงแค่วาครึ่ง ส่วนตัวเล็กนั้นก็สั้นไม่ถึง 1 นิ้ว เสียอีก พวกมันเป็นมังกรทุกขนาด ทุกสีสัน และแม้แต่สายพันธุ์
ของพวกมันก็แตกต่างกัน อันล้วนแต่โงหัวขึ้นมองเขา
ฉินมู่หนังหัวชาดิกจากความหวาดผวา เขาไม่กล้าขยับเลย แม้แต่น้อย มังกรส่วนใหญ่นั้นเป็นมังกรไร้เขา แต่พวกมันแข็งแกร่ง อัศจรรย์ ถ้าพวกมันจะกําจัดเขานั้นก็ง่ายราวกับเป่าฝุ่นผง!
เทพครองแดนเลี้ยงมังกรนั้นกําลังร่ายเวทมนตร์อยู่ และเป่า ปราณชีวิตเต็มปากของตนเข้าไปในหม้อทองคํา ทําให้ผงทองอัน ผสานเข้าไปในหินหนืดนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลง เขากล่าว “วางยา
วิญญาณไว้ในอ่าง พวกเขาจะกินมันด้วยตนเอง”
ฉินมู่มองไปที่หลงเจี่ยวหนันซึ่งรีบค้นข้างในถุงเต๋าตี้และดึงอ่าง ใหญ่ออกมา มันมีเส้นผ่านศูนย์กลางกว่า 15 วา และนี่จะยังเป็น อ่างอีกหรือ นี่มันสระนํ้าชัดๆ!
ฉินมู่เทยาวิญญาณทั้งหมดลงไปในอ่าง และมังกรหลายสิบตัว ก็กระโจนลงไปในอ่างทันที พวกมันแหวกว่ายไปรอบๆ ยาวิญญาณ โลดเต้นและละเล่นไปรอบๆ
กิเลนมังกรได้แต่มองไปยังฉินมู่อย่างอดรนทนไม่ไหว กวัดแกว่งหางไปมา ฉินมู่นําอ่างใหญ่ออกมาอีกอ่างและเทยาวิญญาณ
เพลิงฉานจํานวนหนึ่งลงไป อันมียาชีวาเทพธาตุไฟสิบกว่าเม็ดปะปนอยู่ในนั้น
กิเลนมังกรลิงโลดดีใจและรีบพุ่งตรงไปกินทันที จากนั้นฉินมู่ก็ เห็นเขาแอบเลือกหยิบยาชีวาเทพธาตุไฟออกไป และลอบโยนพวก มันทิ้งลงไปในแม่นํ้าหินหลอมเหลวข้างๆ ตัว
ฉินมู่โมโหและตะโกน “สาวใช้ เจ้าหมอนี้เลือกกินอาหาร ทุบตี เขาให้ข้า!”
หลงเจี่ยวหนันโกรธจัดและซัดฉินมู่ควํ่าลงไปด้วยหมัด นางขึ้น คร่อมเขาและเริ่มต่อยตี “ข้าทนเจ้ามานานแล้ว! ข้าจะทุบเจ้าให้ ตาย!”
เทพครองแดนเลี้ยงมังกรดีดนิ้ว และซัดหลงเจี่ยวหนันกระเด็น ไป นางปะทะเข้ากับเกล็ดมังกรและกระอักเลือดออกมาจากแรง กระแทก เทพครองแดนเลี้ยงมังกรส่ายหัวแล้วกล่าว “เจ้าเป็นนาย ทําไมถึงถูกสาวใช้ทุบตีล่ะ จะมีอะไรอีกคราวหน้า”
ฉินมู่ไต่ลุกขึ้นมาและกล่าวด้วยความละอาย “วรยุทธ์ของข้ายัง อยู่แค่ขั้นหกทิศ ส่วนนางอยู่ที่ขั้นเจ็ดดาว เทพครองแดนเลี้ยงมังกร ยังให้ลูกแก้วมังกรกับนางอีก ทําให้นางเต็มไปด้วยกําลังเถื่อน ข้า เอาชนะนางไม่ได้”
“ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้” เทพครองแดนเลี้ยงมังกรนําลูกแก้วมังกร ออกมาอีกหนึ่งลูกและโยนให้เขา พลางกล่าว “เรื่องขั้นวรยุทธ์เจ้า ข้าคงทําอะไรไม่ได้ แต่ข้ามีลูกแก้วมังกรอยู่ถมถืด ข้าจะให้ลูกที่ดีกว่านางกับเจ้าเสียด้วย ลูกแก้วมังกรที่ข้าให้นางนั้นเป็นเพียงแค่ของเล่นเล็กๆ มาจากมังกรเลือดผสมในขั้นสะพานเทวะ แม้ว่า ลูกแก้วมังกรลูกนี้จะมาจากสัตว์ร้ายในขั้นสะพานเทวะเช่นกัน แต่สายเลือดของมันบริสุทธิ์ยิ่งกว่าและเข้าใกล้มังกรแท้ หากว่านางจะ ต่อยตีเจ้าอีกครั้ง เจ้าสามารถซัดนางกระเด็นได้ด้วยหมัดเดียว”
ฉินมู่รับลูกแก้วมังกรมาและพลันรู้สึกถึงพละกําลังอันป่าเถื่อน เติมเต็มทั้งร่างกายเขา พละกําลังของเขาเพิ่มพูนอย่างเท่าทวี และ เขาก็อดไม่ได้ที่จะลิงโลดยินดี
หลงเจี่ยวหนันสีหน้าซีดเผือด นี่ยังเป็นบรรพจารย์ก่อตั้งของ นางอยู่อีกไหม เขาลําเอียงให้คนนอกอย่างหนักราวกับว่าเขาเป็น บรรพจารย์ก่อตั้งของฉินมู่แทน!
“ข้าค้นพบเล่ห์กลในสายแร่มังกรนี้แล้ว” เทพครองแดนเลี้ยง มังกรเก็บหม้อทองคําขึ้นมาด้วยสีหน้าเครียดขรึม “นี่มิใช่สายแร่ มังกรเส้นหลัก เป็นเพียงแขนงของมัน ซึ่งมาที่นี่เพื่อปกปักษ์มังกร ตัวอื่นๆ ยิ่งไปกว่านั้นสายแร่มังกรหลักนี้ดูเหมือนจะมีสายสัมพันธ์ กับสายแร่มังกรในแดนโบราณวินาศ…”
ฉินมู่ก้าวไปข้างหน้าและเห็นฝูงมังกรทองแหวกว่ายไปมาใน หินหนืดในหม้อทองคํา ห้อมล้อมมังกรที่ถูกกักเอาไว้ใจกลางหม้อ มังกรใหญ่มหึมาตัวนั้นม้วนพันขนดอยู่และหลับใหล!
“ซากทัพแห่งแดนโบราณวินาศนับว่ามีวิธีการอันชาญฉลาด เหนือธรรมดา!” เทพครองแดนเลี้ยงมังกรยิ้มหยัน “พวกเขา ถ่ายทอดโชควาสนาของแดนโบราณวินาศไปยังจักรวรรดิสันตินิ รันดร์ หมายที่จะใช้โชควาสนาของ 2 รัชสมัยเพื่อให้กําเนิดจ้าว แห่งมังกรแท้! ฮี่ๆ ข้าจะช่วงชิงสายแร่จ้าวแห่งมังกรแท้เส้นนี้ ทําลายแผนการหลักที่พวกเขาวางหมากเอาไว้หลายหมื่นปีภายใน วันเดียว และจะดูว่าพวกมันจะไปตีอกชกหัวต่อฟ้าและดินที่ไหน”



