ตอนที่ 371 หีบของเฒ่าใบ้
“สมบัติที่ฝังอยู่ของสํานักกระบี่ของพวกเราเพียงแค่กําลังผุด ขึ้นจากพื้นก็น่าตื่นตระหนกขนาดนี้!”
แทบทุกคนในสํานักกระบี่มหาเศวตกําลังหนีลงไปจากภูเขา แต่ทว่าผู้อาวุโสทั้ง 3 ไม่ถอยทัพ และกลับรุกคืบไปยังปากปล่อง ภูเขาไฟแทน พวกเขาตะโกน “จ้าวลัทธิมารฟ้าไม่อาจขุดสมบัติใน ภูเขาออกมาได้ ดังนั้นเขาจึงได้แต่เบี่ยงเบนความสนใจพวกเรา! ทุกคน ไม่ต้องหนี!”
“นี่คือการดลบันดาลของบรรพจารย์ก่อตั้งเพื่อเสริมความแข็งแกร่งของสํานักกระบี่มหาเศวตพวกเรา ถ่ายทอดสมบัติวิเศษ ในขุนเขามหาเศวตมาให้พวกเรา นี่คือสัญญาณว่ามหาเศวตของ พวกเราจะรุ่งเรือง!” หญิงเฒ่าอีกคนร้องออกมา
“สวรรค์เมตตาพวกข้า!” ผู้เฒ่าผมหงอกขาวคนหนึ่งเงยขึ้น มองท้องฟ้าและถอนหายใจยาว เขากล่าวด้วยเสียงอันดัง “บรรพ จารย์ก่อตั้งของสํานักกระบี่มหาเศวตเรากล่าวว่านี่คือทําเลมังกรมั่ง คั่ง และพวกเราก็จะต้องเจริญรุ่งเรืองอย่างในสถานที่นี้อย่างแน่นอน จนในวันนี้คําทํานายดังกล่าวถึงได้กลายเป็นจริง ศิษย์ทุกคนจงฟัง วันนี้คือวันที่สํานักกระบี่มหาเศวตพวกเราจะรุ่งเรืองและเหนือลํ้ากว่า 3 มหาแดนศักดิ์สิทธิ์ จงกลับมาและร่วมมือกันต่อสู้เพื่อสยบ สมบัติวิเศษนี้!”
ศิษย์สํานักกระบี่มหาเศวตมากมายได้ยินคําพูดของเขาและยั้ง เท้าในทันที พวกเขาไม่หนีอีกต่อไปและวกกลับมา
สํานักกระบี่มหาเศวตไม่มีผู้คนมากมาย มีเจ้าสํานักที่ไปถวาย ฎีการ้องเรียนที่เมืองหลวง มีผู้อาวุโส 3 คน และมียอดฝีมือ ระดับกลาง 10 กว่าคนที่ถูกทิ้งไว้บนภูเขา พวกเขาล้วนแต่รับหน้าที่ ในการสั่งสอนศิษย์กว่าร้อยคน
ในตอนนั้นเอง ผู้คนมากมายแห่งสํานักกระบี่มหาเศวตเลือกที่ จะรั้งรออยู่ และไปเก็บกล่องกระบี่ทั้งหลายที่ถูกเป่ากระเด็นไป กล่องกระบี่สีดําส่งเสียงตึงๆ เมื่อมันวางปักลงรอบๆ ขุนเขามหา เศวตที่เกือบจะพังทลายแล้ว กล่องกระบี่ยักษ์อันยาวกว่า 10 วาเปิด ออก และกระบี่บินจํานวนนับไม่ถ้วนไหลบ่าออกมาราวกับแม่นํ้า
กลางอากาศ ฉินมู่ยืนอยู่บนมังกร 2 ตัวที่รีดเร้นพละกําลังวิ่ง ตะบึงไป มังกรตัวอื่นๆ มากมายติดตามไปข้างๆ เขา และพากันเหาะเหินไปยังทิศไกล ฉินมู่หันกลับไปดูและเห็นกระบี่บินคลุมฟ้าเป็น ก้อนเมฆลอยเหนือขุนเขามหาเศวตด้วยปลายของพวกมันทั้งหมด ชี้ลงล่าง กระบี่ทั้งหมดยิงลงไปใส่ภูเขาไฟอันพ่นลาวาออกมาไม่ หยุดยั้ง
ฉินมู่ตกตะลึง เขาตะโกนไปทันที “ทําไมพวกเจ้าไม่หนีกัน พวกเจ้ารนหาที่ตายหรืออย่างไร”
บนยอดเขา ผู้อาวุโสทั้ง 3 ยิ้มหยันใส่เขาเป็นเสียงเดียว “เจ้า จะหลอกพวกข้าเพื่อฮุบสมบัติวิเศษไว้คนเดียวสินะ? จิตใจจ้าวลัทธิ มารฟ้าช่างชั่วร้ายจนน่าแตกตื่น หากว่าพวกเราไม่รู้มาก่อนว่าขุนเขามหาเศวตคือทําเลมังกรมั่งคั่ง พวกเราก็คงถูกเจ้าหลอกไปแล้ว”
ฉินมู่ถอนหายใจและรีบเดินทางต่อไป
เทือกเขามหาเศวตตั้งอยู่บนเนตรมังกรของสายแร่มังกร แต่ทว่าสายแร่มังกรเส้นนี้นั้นเป็นเพียงสายแร่มังกรบริวารของจ้าวแห่งมังกรแท้ ไม่เพียงแต่นี่จะมิใช่ทำเลมังกรมั่งคั่งแล้ว มันยังเป็นทำเลอันดูดกลืนโชควาสนาอีกด้วย สำนักกระบี่มหาเศวตถูกดูดกลืนโชควาสนาไปเป็นเป็นเวลาหลายปี ดังนั้นตอนนี้เวลาของพวกเขา
คงหมดลงแล้ว ฉินมู่คิดในใจ โชคยังดีที่มีผู้คนเพียงร้อยกว่าคนใน สำนักกระบี่นี้ เช่นนั้นก็คงไม่เป็นภัยพิบัติร้ายแรงอะไร…
ขณะที่เขาคิดอยู่นั่นเอง ขุนเขามหาเศวตก็ระเบิดออกมาดัง สนั่น ภูเขาไฟมหึมาแหลกทลายเป็นเสี่ยงๆ
ในพริบตาที่มันเกิดขึ้น พยุหะร้อยกล่องกระบี่ก็พังทลาย และกระบี่บินจํานวนนับไม่ถ้วนก็หลอมละลายบนท้องฟ้า กลายเป็นเหล็กหลอมเหลว ศิษย์สํานักกระบี่มหาเศวตก็ระเหิดหายกลายเป็น ไอโดยไม่ทันได้กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
วรยุทธ์ของ 3 ผู้อาวุโสนั้นสูงลิ่ว แต่ภายใต้พลานุภาพอันน่า สะพรึงกลัวนี้ มันก็ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง พวกเขากระอักเลือด จากคลื่นกระแทกและเซแซ่ดๆ ไปข้างหลัง เห็นก็แต่กระบี่บิน ทั้งหลายที่หลอมจนเป็นเหล็กอันร่วงลงมาใส่เขาด้วยความเร็วที่ยิ่ง กว่าตอนยิงเข้าไปเสียอีก
ก่อนวาระสุดท้าย พวกเขาก็เห็นร่างมหึมาผุดขึ้นมาจากซาก พังทลายของขุนเขามหาเศวต
“จ้าวลัทธิมารฟ้าไม่ได้โกหกพวกเรา ข้างในภูเขามีตัวร้ายกาจ ใหญ่จริงๆ…”
ผู้อาวุโสทั้ง 3 เงยหัวขึ้นมองดูเทพเจ้าที่ร่างใหญ่โตมโหฬาร อย่างน่าตระหนก เทพนั้นค่อยๆ ลุกขึ้น และมังกรเขียวกับมังกรแดง อย่างละตัวใต้เท้าเขาก็เปล่งเสียงคํารามสะท้านพิภพ
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!
ร่างของผู้อาวุโสทั้ง 3 แผดเผาเมื่อพวกเขาถูกเหล็ก หลอมเหลวซัดใส่ ศพของพวกเขาร่วงลงจากท้องฟ้าพร้อมๆ กับ เศษซากของขุนเขามหาเศวต แม้แต่ศิษย์สํานักมหาเศวตทั้งหลาย ก็ถูกกลบฝังสิ้น
บรรพจารย์ก่อตั้งแห่งสํานักกระบี่มหาเศวตไม่ควรจะเลือกที่นี่ เป็นที่ตั้งสํานักตั้งแต่แรก
ในตอนนั้นเอง ร่างของเทพครองแดนเลี้ยงมังกรใหญ่มหึมา กว่าแต่ก่อนเป็น 10 เท่า ราวกับมังกรขนดมหึมาที่มีกล้ามเนื้อบึกบึน ข้างใต้ก รงเล็บของเขาคือมังกรยักษ์ 2 ตัวที่แบกเขาไปด้วย ความเร็วปานสายฟ้าในทิศทางที่ฉินมู่หนีไป ทว่าบนฟากฟ้านั้นไม่
มีร่องรอยของเด็กหนุ่มเลยแม้แต่น้อย
ยังมีมังกรไร้เขาอีกจํานวนหนึ่งที่ห้อยอยู่บนหูของเทพเจ้าตนนี้ และพวกมันไต่เข้าไปในเสื้อของเขาเพื่อซุกหัวหนี
มังกรไร้เขาพวกนี้หลงเหลืออยู่เพราะต้องช่วยเขาขัดเกลารัง มังกร ด้วยเหตุนี้เขาจึงสามารถขัดเกลารังมังกรได้ด้วยความเร็วสูง
เทพครองแดนเลี้ยงมังกรแผ่รัศมีเพลิงพุ่งไปท้องฟ้าขณะที่เขา มองไปรอบๆ แต่ก็ยังมองไม่เห็นฉินมู่ เขาพลิกฝ่ามือมา นําเอาสมบัติวิเศษหยกอันใหญ่เท่ากับโต๊ะตัวหนึ่งออกมา เขายิ้มหยัน “เจ้าตัวจ้อย คิดหรือว่าเจ้าจะหนีไปได้”
ฐานของสมบัติวิเศษหยกนี้ราวกับโต๊ะกลมตัวใหญ่อันถูกผิวมา อย่างเรียบกริบ แต่ทว่าบนโต๊ะนั้น มีหลังคาโดมครึ่งวงกลม ข้างใต้ โดม พื้นผิวแยกออกเป็น 9 ชั้น แต่ละชั้นมีเสาหยกและเขี้ยวหยก มากมายอันดูเหมือนจะไขว้สานกันไปมา บนชั้นที่ 9 มีวงแหวน กลมๆ ที่มีรูตรงกลาง
นั่นมิใช่ใดอื่น นอกเสียจากรังมังกรของเจ้าแห่งมังกรแท้! เมื่อฉินมู่มายังรังมังกร ส่วนใหญ่ของมันจมอยู่ใต้หินหนืด มันร้อนฉ่า และที่เผยออกมาให้เขาเห็นด้วยตานั้นเป็นเพียงยอดภูเขานํ้าแข็ง
เทพครองแดนเลี้ยงมังกรได้รีดเร้นพละกําลังมหาศาลเพื่อขุด เอารังมังกรขึ้นมาและขัดเกลามันจนเล็กพอที่เขาจะนํามันไปได้
จากนั้นเขาก็กระตุ้นให้สมบัติวิเศษนี้ทํางาน อาศัยมันเพื่อระบุ ทิศทางของฉินมู่ แต่ทว่าเด็กหนุ่มดูจะหายวับไป แม้กระทั่งรังมังกร ก็ไม่อาจค้นพบจ้าวแห่งมังกรแท้ได้
เทพครองแดนเลี้ยงมังกรแตกตื่น เขาเพิ่มพูนพลังวัตรที่ถ่ายเท เข้าไปและกระตุ้นรังมังกรอีกครั้ง แต่เขาก็ยังไม่อาจสัมผัสได้ว่าห่วง หยกจักรพรรดิอยู่ที่ไหน
เขาซ่อนจ้าวแห่งมังกรแท้ได้หรือ ไม่ ไม่ ไม่ว่าเขาจะไปซ่อนที่ ไหน ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะตัดการเชื่อมต่อระหว่างจ้าวแห่งมังกรแท้ และรังมังกร!
เขากระตุ้นรังมังกรซํ้าแล้วซํ้าอีก แต่ก็ยังคงไม่อาจตรวจจับ พิกัดของฉินมู่ได้
เหงื่อเม็ดเป้งผุดขึ้นมาบนหน้าผากของเทพครองแดนเลี้ยงมังกร ฉินมู่ได้ ‘ลักพาตัว’ มังกรของเขาไป 10 กว่าตัว และพวกมันก็ล้วนแต่แข็งแกร่งทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง มังกรแดงไร้เขาของราชา มังกรเป็นเพียงแค่ทารกเมื่อเทียบกับมังกรของเขา มังกรเหล่านั้น
ถูกเลี้ยงดูด้วยความใส่ใจ และกําลังต่อสู้ของแต่ละตัวน่าตื่น ตระหนก!
หากว่าพวกมันถูกฉินมู่ลักพาตัวไปหมดจริงๆ ไม่ต้องบอกก็รู้ ว่าเขาจะสูญเสียมากแค่ไหน
ยิ่งไปกว่านั้น เป้าหมายในการเดินทางของเขาในครั้งนี้ คือเสาะหาสายแร่มังกรเส้นหลักของจักรวรรดิสันตินิรันดร์ หากว่ากําจัดสายแร่เส้นนั้นไม่สําเร็จ เขาจะบากหน้ากลับไปที่เหนือฟ้าได้อย่างไร
“ดูท่าข้าคงต้องเอาหม้อมังกรทองของข้าออกมาเพื่อร่ายเวท มนตร์ตามหามังกรของข้า”
เทพครองแดนเลี้ยงมือกรเอื้อมมือออกไปหยิบถุงเต๋าตี้ของเขา แต่ไม่พบมันอยู่ที่นั่น ใบหน้าของเขากลายเป็นดําคลํ้าราวกับถ่าน
เขาได้ส่งถุงเต๋าตี้ให้ฉินมู่ เพื่อให้ใช้ปรุงยาเลี้ยงมังกร ดังนั้นถุง เต๋าตี้ของเขาย่อมอยู่ในมือของไอ้เด็กนั่น!
หม้อมังกรทองของเขาอยู่ในถุงเต๋าตี้!
“ไอ้เด็กหน้าซื่อตาใส…” เทพครองแดนเลี้ยงมังกรขบเขี้ยว เคี้ยวฟันจนเสียงบาดหู และถึงกับมีประกายไฟกระเด็นออกจาก ปากของเขา “หากว่าข้าเจอใครหน้าซื่อๆ แบบนี้อีก ข้าจะต้องฉีก
กระชากมันออกเป็นชิ้นๆ ทันที! เจ้าคิดว่าข้าจะหาเจ้าไม่พบเพียง แค่เจ้าเอาถุงเต๋าตี้ข้าไปอย่างนั้นหรือ เจ้ายังอ่อนหัดนัก!”
เทพครองแดนเลี้ยงมังกรยกมือขึ้น และดึงเอาเส้นผมกระจุก หนึ่งออกจากบนหัวของตน แต่ละเส้นหยิกงอ ไม่มีเส้นใดตรงเลย
ไม่เพียงแค่นั้น เส้นผมของเขายังแตกแขนงอีกด้วย บนแต่ละ เส้นนั้นมีแขนงแพลมออกมา 4 ข้าง 2 ช่วงเส้นผม
บนเส้นผมแต่ละเส้นที่ถอนออกมาจากหนังศีรษะของเขานั้น ตรงรากผมดูราวกับจะอ้าปากหัวคล้ายกับว่าพวกมันเป็นมังกรเยาว์ ที่อ้าปากหายใจด้วยดวงตาหรี่ปรือ
เทพครองแดนเลี้ยงมังกรท่องคาถาอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ เปิดฝ่ามือออกเป่าเส้นผมเหล่านั้นออกไป พวกมันถึงกลับมีชีวิต ขึ้นมาและกลายร่างเป็นมังกรตัวเล็กๆ ที่ลงเหยียดยืนด้วยขาทั้ง 4
พวกมันขยายร่างขึ้นมากลางอากาศ และในพริบตาเดียว ก็กลายเป็นมังกรสีดําไร้เขาอันยาวกว่า 5 วา พวกมันมีร่างอันผอม เพรียว ไม่ว่าบั้นเอว คอ และขาทั้ง 4 ของมันล้วนแต่เรียวบาง พวก มันวิ่งตะบึงไปท่ามกลางเทือกเขาและทุ่งราบ
“ในเมื่อเจ้าไม่ได้อยู่บนท้องฟ้า เจ้าต้องหนีไปไม่ไกล” สีหน้าของเทพครองแดนเลี้ยงมังกรเดี๋ยวคลํ้าเดี๋ยวดี เขาถอน
เส้นผมออกมาอีกกระจุก และทําเช่นเดิม ส่งมังกรดําไร้เขาร่างเรียว ยาวหลายร้อยตัวออกไปยังที่ไกลๆ
เขาถอนออกมาอีกหลายครั้ง ดึงเอาเส้นผมบนหัวของเขาจน เกือบโล้นเลี่ยนถึงได้หยุด
ความเร็วของมังกรดําไร้เขานับพันตัวนี้ว่องไวเป็นอย่างยิ่ง พวกมันแต่ละตัวรับผิดชอบดูแลพื้นที่รัศมี 1 ลี้ และไม่นานพวกมันก็สร้างขบวนค้นหากินรัศมีกว้างพันลี้
มังกรดําไร้เขาสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นมังกร ดังนั้นไม่ว่าเด็ก หนุ่มจะซ่อนห่วงหยกจักรพรรดิไว้อย่างไรก็ไร้ผล ตราบเท่าที่มี มังกรไร้เขาอยู่ข้างๆ เขา หรือแม้แต่กิเลนมังกร มังกรดําไร้เขา เหล่านี้ก็จะสามารถได้กลิ่นพวกมันและเสาะหาร่องรอยของเขาได้!
“ไม่มีใครเคยตบตาข้าได้แบบนี้มาก่อน ถ้าข้าเจอเจ้า ข้าจะให้ เจ้าทรมานยิ่งกว่าตาย!”
ในชนบทเงาแม่นํ้า ฉินมู่มองไปยังหีบไม้ เขาถามด้วย ความรู้สึกว้าวุ่น “เทพครองแดนเลี้ยงมังกรจะสัมผัสไม่ได้จริงๆ หรือ หากว่าเก็บห่วงหยกจักรพรรดิเอาไว้ในนี้? เขาขัดเกลารังมังกรและห่วงหยกจักรพรรดิคือจ้าวแห่งมังกรแท้ที่ถูกหล่อเลี้ยงเอาไว้ใน รังนั้น ดังนั้นพวกมันจึงพิสดารสุดๆ!”
“อะบา! อา อา อา?” บุคคลที่ถือหีบไม้อยู่นั้นคือชายชราร่าง กํายําคนหนึ่งซึ่งดูตรากตรําจากการเดินทางไกล เขาโบกไม้โบก มือและยิ้มแฉ่ง ในปากของเขาไม่มีลิ้น
ฉินมู่ผงกหัวแล้วกล่าว “ข้ารู้ ข้าจะกล้าสงสัยความสามารถ ของท่านปู่ใบ้ได้อย่างไร ข้าเพียงแต่กังวลว่าต่อให้หีบนี้จะสามารถ ปิดบังรังมังกรได้ เทพครองแดนเลี้ยงมังกรก็จะยังเสาะหาวิธีมาถึง ที่นี่ได้อยู่ดี เขานั้นเป็นเทพเจ้าแห่งเหนือฟ้าผู้เลี้ยงมังกรด้วย ดังนั้น พวกมันล้วนแต่ทรงอํานาจ!”
เมื่อเขาหนีตายอยู่เมื่อครู่ เขาได้พบเจอกับเรือสีเงินเหาะอยู่บน ท้องฟ้าราวกับดาวตกเงินยวง เขารีบร้องเรียกท่านปู่ใบ้ทันที และเห็นเรือสีเงินนั้นวกกลับมา แน่นอนว่าเฒ่าใบ้นั่งอยู่ในนั้น
ฉินมู่รีบอธิบายทุกอย่างแก่เขา และเฒ่าใบ้เก็บเรือเงินของ ตนเอง มันแปรเปลี่ยนเป็นกองลูกกลมเงินที่ไหลกลับเข้าไปในหีบ ไม้ และเขายังคงให้ฉินมู่เอาห่วงหยกจักรพรรดิเก็บเข้าไปไว้ในนั้น
“อา” เฒ่าใบ้กล่าวอย่างไม่ยี่หระ
“ท่านปู่ใบ้ อย่าดูเบาเขาไป” ฉินมู่สีหน้าเคร่งเครียดเมื่อเขา รู้สึกว่าเฒ่าใบ้นั้นประมาทศัตรูอยู่เล็กน้อย “จริงสิ ผู้ใหญ่บ้านกล่าว ว่าท่านวิ่งไล่ตามเรือเหาะไป เรือเหาะอะไรหรือ แล้วท่านตามทัน
ไหม ข้าเองก็ไปเจอเรือเหาะ และถึงกับได้เจอท่านพ่อของข้าอยู่บนเรือลํานั้น”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเฒ่าใบ้เหือดหายไป และเขาดูราวจะห่อ เหี่ยวเล็กน้อย เขาแบกหีบไปโดยไม่ปริปาก
ฉินมู่รีบตามเขาไปและกล่าว “ท่านปู่ใบ้หาเรือนั้นไม่พบหรือ” ท่านปู่ใบ้ยังคงคอตก เขาส่งสัญญาณมือว่าเรือลํานั้นเข้าไปใน
โลกมิติอันเขาติดตามไปไม่ได้ เขาถูกยอดฝีมือในโลกมิตินั้นซัดกลับมา
ผ่านไปสักพัก เสียงอันประหลาดใจแกมยินดีก็ดังขึ้นมา “กษัตริย์มนุษย์ฉิน ทําไมท่านถึงอยู่ที่นี่ กิเลนมังกรของท่านนี้ไม่ ธรรมดาจริงๆ ถึงกับวิ่งนําหน้าพวกเรามาได้!”
ฉินมู่มองไปยังที่มาของเสียงและตะลึงไปเล็กน้อย เขาเห็น หวางมู่หรัน หลงอวี๋ และมู่ชิงไต้นั่งอยู่บนหลังกวางเขาตัวใหญ่ วิ่ง ตะบึงมาด้วยความเหนื่อยล้าตรากตรํา
กิเลนมังกรเชิดอกภูมิใจและหางของมันพลันชูขึ้นราวกับเสา ธง เขาส่งสายตาหยามเหยียดไปให้กวางยักษ์แห่งนครหยกน้อย
กวางใหญ่มองไปด้วยสายตาเบิกกว้างและปากที่อ้าค้าง หางเล็กๆ ของมันที่ตอนแรกเชิดอยู่ก็ตกลู่ ถูกหนีบไว้ที่ก้น กวางใหญ่แสดงสีหน้าเลื่อมใสนับถือ
จากนั้นมันก็เห็นมังกรไร้เขาทุกขนาดมากมายข้างๆ ฉินมู่ล้วน ติดตามกิเลนมังกร สีหน้าเลื่อมใสของมันก็ยิ่งมากเข้าไปใหญ่
ฉินมู่ตระหนกใจ “พวกเจ้าเพิ่งมาถึงที่นี่หลังจาก 3 วันอย่างนั้นหรือ”
เขาได้เดินทางไปจากเมืองหลวงไปยังสํานักกระบี่มหาเศวต ก่อนที่จะเดินทางข้ามแผ่นดินไป 80,000-90,000 ลี้ไปยังใจกลาง แดนโบราณวินาศ ก่อนที่จะวิ่งหนีกลับมาภายในเวลา 3 วัน เท่ากัน!
แต่ว่า หากเขาบอกไปเช่นนั้น ทั้ง 3 คนนี้ก็คงไม่เชื่อแน่นอน



