ตอนที่ 375 ถูกต้องและเหมาะสม
“ไม่ใช่ยิ้มแบบนี้” เทพครองแดนเลี้ยงมังกรจ้องดูใบหน้าของ ฉินมู่แล้วส่ายหัว “ก่อนนั้น รอยยิ้มของเจ้านั้นเป็นแบบที่ทําให้ใคร ทุกคนละวางการป้องกัน แม้ว่ามีดจะอยู่ในมือของเจ้า และเจ้ากําลัง
แทงมีดเข้าไปในหัวใจของเขา เขาก็ยังคงไม่อาจระแวงสงสัยเจ้าได้ แต่ตอนนี้ เจ้านั้นยิ้มฝืนให้กับข้า รอยยิ้มจอมปลอมนี้ไม่ใช่รอยยิ้ม ใสซื่อจากหัวใจ”
เมื่อได้ยินคําพูดของเขา หวางมู่หรัน มู่ชิงไต้ และหลงอวี๋ที่อยู่ ข้างๆ ฉินมู่ตัวสั่นเทิ้ม แม้แต่กวางยักษ์ก็เบิ่งตาถลนด้วยความกลัว
พวกเขาไม่มีปฏิสัมพันธ์กับฉินมู่มากมาย แต่ก็ยังนับได้ว่าเป็น สหายนํ้ามิตร เมื่อพวกเขาอยู่ด้วยกันกับฉินมู่ ก็ทําให้ง่ายที่จะลืม เลือนศักดิ์ฐานะอื่นๆ ของเขานอกจากกษัตริย์มนุษย์ เขานั้นยังเป็น จ้าวลัทธิมารฟ้า!
มารร้ายอันดับ 1 แห่งลัทธิมารฟ้า!
ง่ายนักที่จะลืมตัวตนนี้ของเขาเมื่ออยู่ใกล้ชิดกัน ไม่ว่าเขาจะ
เป็นจ้าวลัทธิมารฟ้าหรือกษัตริย์มนุษย์ พวกเขากลับรู้สึกแต่ว่า
ฉินมู่เป็นสหายที่ควรแก่การคบหา
ทว่า เมื่อฟังคําพูดของเทพครองแดนเลี้ยงมังกร พวกเขาก็ หนาวเยือกไปถึงสันหลัง
สมแล้วที่เป็นจ้าวลัทธิมารฟ้า มิน่าล่ะผู้คนถึงเรียกเขาว่ามารน้อย… หลงอวี๋คิดในใจ กษัตริย์มนุษย์รุ่นนี้นับว่ายากจะตอแย แม้แต่เทพเจ้าอย่างเทพครองแดนเลี้ยงมังกรก็ยังเคยเพลี่ยงพล้ำในน้ำมือของเขา
ฉินมู่ส่ายหัวแล้วกล่าว “เทพครองแดนเลี้ยงมังกร ท่านบรรยาย ข้าได้น่าสะพรึงกลัวเกินไป ข้าไม่เคยวางแผนร้ายต่อมิตรสหาย”
สีหน้าของเขานั้นจริงใจอย่างยิ่งขนาดที่ว่าใครก็ตามที่เห็นก็จะ เชื่อว่าเขาเป็นคนน่าเชื่อถือ เมื่อหวางมู่หรันและคนอื่นๆ เห็นสีหน้า นี้ ความไม่สบายใจในหัวใจของพวกเขาก็มลายไป
“นี่แหละ ใช่แล้ว” เทพครองแดนเลี้ยงมังกรยิ้มหยันและกล่าว “ความจริงใจจากก้นบึ้งหัวใจของเจ้า! เจ้ายังสามารถเผยสีหน้า สัตย์ซื่อจริงใจแบบนี้ออกมาได้ ทั้งยังแซมความเอียงอายนิดๆ! น่า ขําอะไรอย่างนี้ ขโมยมังกรทั้งฝูงของข้าในพริบตาเดียว!”
รัศมีของเขาพลันแผ่พุ่งออกมาอย่างดุเดือด กระพือคลื่น อากาศซัดโถมไปทั่วทุกทิศทาง เมื่อพวกมันไปปะทะกับผนัง เสียง ปังดังสนั่นก็ดังออกมาราวกับคลื่นคลั่งโถมฝั่งสมุทร!
ฉินมู่ตระหนก เขาโคจรวิชากายาจ้าวแดนดินสามอมตะ และ ร่างเนื้อของเขาพลันเขม็งเกร็งอย่างที่สุด ในเวลาเดียวกัน ฝักกระบี่ ของเขาก็เปิดออก และกระบี่ไร้กังวลก็พุ่งออกไปขวางตรงตําแหน่ง อกของเขา
ในชั่วขณะถัดมา มีเสียงปังกึกก้อง และฉินมู่กระเด็นถอยหลัง ไปพร้อมกับกระบี่ไร้กังวล เท้าของเขาขยับไปมาอย่างเร็วจี๋ในอากาศเมื่อเขาขับเคลื่อนวิชาขาเทวะขโมยสวรรค์ของเฒ่าเป๋ เพื่อ ขจัดแรงถีบจากการปะทะ แต่ทว่าพละกําลังของเทพครองแดนเลี้ยง มังกรนั้นมหาศาลเกินไป แม้แต่วิชามหัศจรรย์อย่างขาเทวะขโมย สวรรค์ก็ไม่เพียงพอที่จะขจัดแรงถีบนั้นได้ และสุดท้าย ฉินมู่ก็ถูก
ซัดเข้าไปปะทะกับผนังข้างหลังเขา!
หวางมู่หรัน มู่ชิงไต้ และหลงอวี๋ไม่ลังเลอีกต่อไป พวกเขาล้วน ใช้กระบวนท่าของตน ปลดปล่อยการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของแต่ ละคนไปยังเทพครองแดนเลี้ยงมังกร
ทั้ง 3 คนเป็นศิษย์ของนครหยกน้อย อันเป็นสํานักที่ใช้ วิธีการเลือกสรรศิษย์อันเป็นขนบดั้งเดิมที่สุด พวกเขาจะลงไป เดินทางท่ามกลางโลกปุถุชนเพื่อเลือกสรรค์ผู้เยาว์ที่มีพรสวรรค์เลิศลํ้าที่สุด ก่อนที่จะเฝ้าสังเกตการณ์นิสัยใจคอของพวกเขาเช่น
ความอดทน ปฏิภาณความเข้าใจ การปรับเปลี่ยนพลิกแพลง และ ความสามารถอื่นๆ จากนั้นพวกเขาก็จะทดสอบด้วยบททดสอบ อื่นๆ อีกมากมายกว่าที่จะรับมาเป็นศิษย์
ทั้ง 3 คนนี้ถูกนําไปยังนครหยกน้อยด้วยวิธีการดังกล่าว และ สิ่งที่พวกเขารํ่าเรียนล้วนแต่เป็นสุดยอดวิชาฝึกปรือและทักษะเทวะ ดังนั้นพลังวัตรของพวกเขาจึงแข็งแกร่งเป็นธรรมดา กล่าวได้ว่าใน ทุกย่างก้าวที่พวกเขาฝึกปรือไปล้วนแต่มีพื้นฐานอันหนาแน่น และ
พวกเขาแทบจะไม่มีจุดอ่อนเลยในทุกๆ ขั้นวรยุทธ์ ในขั้นหกทิศนั้น มีน้อยคนนักที่จะเหนือลํ้าพวกเขาไปได้!
สิ่งที่หลงอวี๋ยิงออกไปนั้นเป็นเนตรสวรรค์หัวใจกระบี่ และแสง กระบี่ 2 เส้นก็ถูกยิงออกไปจากดวงตาของเขา หนึ่งนั้นพุ่งผ่าขวาง อีกหนึ่งพุ่งตั้งฉากสู่ฟ้าเมื่อพวกมันผ่าฟันเข้าใส่เทพครอง แดนเลี้ยงมังกร
มู่ชิงไต้ขับเคลื่อนคัมภีร์เต๋าพิสดารศากยมุนี มันเป็นวิชาฝึกปรือที่ฝึกทั้งเต๋าและพุทธ มันทั้งนิ่งสงบราวกับพฤกษาโพธิสัตว์ และเคลื่อนไหวราวกับเซียนเหินหาว เมื่อนางยกมือขึ้น รังสีแสงนับ หมื่นก็ก่อรูปขึ้นเป็นฝ่ามือขนาดยักษ์ที่เต็มไปด้วยความสง่างาม
ทั้ง 2 คนชํานาญในการฝึกปรือวิชาแห่งนครหยกน้อย และ พวกเขาได้อุทิศแรงกายแรงใจลงไปในวิชาฝึกปรือเดียวนี้อย่างเต็มที่ แต่ทว่าหวางมู่หรันนั้นมีมรรคาที่แตกต่างออกไป เพราะ ความตายของอาจารย์ของเขาผู้พเนจรเสิน เขาจึงได้ขบคิดใคร่ครวญประสบการณ์อันเจ็บปวดนี้ และหมายที่จะทวงความแค้นต่อจักรวรรดิสันตินิรันดร์อยู่ตลอดเวลา เขานับราชครูสันตินิรันดร์ เป็นศัตรูในหัวใจของเขา ดังนั้นเขาจึงฝึกปรือวิชามากมาย
เขารู้ว่าเพียงวิชาฝึกปรือของผู้พเนจรเสินอย่างเดียว เขาไม่ อาจก้าวข้ามผู้พเนจรเสินไปได้ไม่ว่าจะฝึกหนักแค่ไหนก็ตาม กระนั้นอาจารย์ของเขาก็ยังเสียชีวิตในนํ้ามือของราชครูสันตินิรันดร์ ดังนั้นเขาจึงได้แต่กรุยหนทางมรรคาใหม่ นั่นล่ะถึงจะพอมีโอกาสที่จะเอาชนะราชครูสันตินิรันดร์ได้
ผู้สันโดษชิงโยวและคนอื่นๆ ก็รู้ว่าเขาคิดอะไร ดังนั้นพวกเขา จึงใส่ใจหวางมู่หรันเป็นพิเศษ พวกเขาสอนหวางมู่หรันด้วยตนเอง และถ่ายทอดสุดยอดวิชาของแต่ละคนให้แก่เขา ดังนั้น แม้ว่าหวางมู่หรันจะเป็นศิษย์ที่อายุเยาว์ที่สุดในนครหยกน้อย กําลังฝีมือของเขากลับสูงลํ้าที่สุด
แต่ทว่าทักษะเทวะจากทั้ง 3 คนนี้ ไม่อาจแตะต้องเทพครอง แดนเลี้ยงมังกร
ความเร็วของเทพเจ้านั้นรวดเร็วจนเกินไป ที่พวกเขาโจมตี โดนนั้นเป็นเพียงภาพเงาค้างที่หลงเหลือจากการเคลื่อนที่ เมื่อภาพ เงานั้นแตกทําลายไป พวกเขาถึงรู้ว่าทักษะเทวะของตนได้พลาดเป้า
เทพครองแดนเลี้ยงมังกรไม่ใส่ใจทั้ง 3 คนนี้และวิ่งตะบึงตรง ไปที่ฉินมู่ซึ่งกําลังปลิวกระเด็น ความเร็วของเขานั้นเร็วเหลือล้นทํา ให้ทั้ง 3 คนไม่อาจตามติดเขาทันได้!
ฝีเท้าของกวางผู้นั้นเร็วอย่างยิ่งยวด และกีบเท้าทั้ง 4 ของมันก็ พาร่างเข้าไปขวางหน้าเทพครองแดนเลี้ยงมังกร มันขวิดเขาของ มันออกไปราวกับว่าเป็นอาวุธวิญญาณ 2 ชิ้น
“สัตว์เลี้ยง ไสหัวไป!”
หลังจากตะโกนด้วยเสียงอันดัง ร่างของกวางเขาก็กระเด็นทะลุ กําแพงไปยังฝนหนาหนักข้างนอก
“ปลุกเนตรของพวกเจ้า!” หวางมู่หรันตะโกนเสียงเข้ม มู่ชิงไต้และหลงอวี๋พลันตระหนักได้ ความเร็วของเทพครอง
แดนเลี้ยงมังกรสูงเกินไป ถึงขั้นที่ว่าเพียงตาเนื้อของพวกเขาไม่
อาจจับร่องรอยได้ มีแต่เพียงปลุกทักษะเทวะวิชาเนตรเท่านั้นถึงจะ สามารถมองตามทัน
เมื่อเทพครองแดนเลี้ยงมังกรถูกกวางยักษ์ขวางทาง ความเร็ว ของเขาก็ชะลอลงไปเล็กน้อย แต่ไม่นานมันก็เพิ่มพูนขึ้นอีกครั้ง และอากาศในโถงนั้นก็ถูกอัดเข้าเป็นกําแพงเสียงด้วยการเคลื่อนที่ ของเขา
ข้างหลังเทพครองแดนเลี้ยงมังกร หวางมู่หรันและพวกพ้อง พลันรู้สึกถึงแรงดูดมหาศาลที่ดึงพวกเขาไปข้างหน้า ดังนั้นพวก เขาจึงอาศัยแรงดูดดังกล่าวถีบตัวเข้าใกล้เทพครองแดนเลี้ยงมังกร
ในขณะเดียวกันที่ข้างหน้าเขา ฉินมู่กลืนก้อนเลือดที่กระอัก มาถึงคอ กระบี่บินจํานวนนับไม่ถ้วนโบยบินออกมาจากถุงเต๋าตี้ ของเขาขึ้นไปบนท้องฟ้า ในพริบตานั้น เขาใช้กระบี่ย่างไปใน ทิวทัศน์!
กระบวนท่าแรกที่ผู้ใหญ่บ้านถ่ายทอดให้เขาเปล่งประกายวาบ ด้วยรังสีกระบี่ พลานุภาพของกระบวนนี้ยังไม่ทันปลดปล่อย แต่ภูเขาและแม่นํ้าก็ถูกทําลายแหลกยับ
เทพครองแดนเลี้ยงมังกรฉีกฝ่าเข้ามาด้วยกําลังเถื่อน ฉินมู่ตาเป็นประกายวาบ และกระบี่ไร้กังวลแทงไปข้างหน้า เขารอจังหวะนี้อยู่แล้ว!
วรยุทธ์ของเขานั้นเพียงแค่ขั้นหกทิศ และหวางมู่หรันกับคน อื่นๆ ก็เหมือนกัน กวางยักษ์ไม่อาจเอาชนะกิเลนมังกรได้ ส่วนกิเลนมังกรและมังกรไร้เขาตัวอื่นๆ ก็หวาดกลัวกลิ่นอายของเทพ
ครองแดนเลี้ยงมังกร ดังนั้นพวกมันจึงไม่กล้าขยับเขยื้อน ทั้งหมดนี้ จึงทําให้พวกหนุ่มสาวที่นี่มิใช่คู่ต่อสู้ของเทพครองแดนเลี้ยงมังกร
ในกรณีนั้น โอกาสเดียวที่จะสังหารเทพครองแดนเลี้ยงมังกร นั้นก็คือการใช้ภาพกระบี่มาบดบังสายตาของเขา และซุ่มกระบี่ไร้ กังวลเพื่อลอบจู่โจมสังหาร
ในพริบตาที่เทพครองแดนเลี้ยงมังกรบุกทะลวงผ่านภาพกระบี่ นั่นคือวินาทีที่กระบี่ไร้กังวลจะแทงเขาให้ตาย!
ฉินมู่ไม่อาจเอาชนะเขาอย่างเปิดเผยได้ จึงมีแต่ต้องวางแผน ร้าย!
ในพริบตาที่เทพครองแดนเลี้ยงมังกรทําลายกระบวนท่าแรก ของภาพกระบี่ เขาเห็นรังสีเย็นเยียบพุ่งมาหา เขารีบยกมือขึ้น ป้องกันหว่างคิ้วของตนเอง แต่กระบี่ไร้กังวลแทงทะลุฝ่ามือของเขา มันพุ่งทะลวงผ่านหน้าผากของเขาทะลุก้อนสมอง
กระบี่ไร้กังวล กระบี่เทพเจ้าของฉินหานเจิน เพียงแค่ความคม ของกระบี่นี้ก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจมีใครป้องกันเอาไว้ได้
เทพครองแดนเลี้ยงมังกรตกตะลึง และกระบี่ไร้กังวลข้างหลัง เขาก็เปลี่ยนทิศทางเพื่อแทงเข้าไปยังหัวใจของเขาจากด้านหลัง จนกระทั่งปลายกระบี่ทะลุโผล่มาที่หน้าอกของเขา
ฉินมู่แผ่พุ่งพลังวัตรทั้งหมดของตน เขาเหนี่ยวนําพลังงานเทวะ ในกระบี่และกู่ร้องในเวลาเดียวกัน กระบี่ทั้ง 8,000 เล่มทะยานขึ้นสู่ ท้องฟ้าและตกลงไปใส่กระบี่ไร้กังวล
ในพริบตานั้น เทพครองแดนเลี้ยงมังกรหายไป แทนที่ด้วยไจ กระบี่มหึมาลูกกลมดิก ด้ามกระบี่ทั้งหลายเกาะเกี่ยวซึ่งกันและกัน
ทําให้พวกมันเชื่อมต่อกันแนบสนิท พวกมันดูเหมือนกับลูกกลม ทองคําที่กลมอย่างสมบูรณ์แบบและไร้ที่ติ
ฉินมู่ระบายลมหายใจโล่งอก และถ่มโลหิตที่อยู่ในปากของเขา หวางมู่หรันและคนอื่นๆ มาหาเขาและเห็นลูกกลมขนาดใหญ่นี้
พวกเขาก็ถอนหายใจโล่งอกเช่นกัน
ในตอนนั้นเอง ลูกกลมใหญ่พลันเคลื่อนที่ และรอยแตกร้าว ปรากฏที่ข้างๆ มัน มันเกิดขึ้นจากการที่ด้ามกระบี่หลวมคลอน และ เป็นสัญญาณว่าไจกระบี่กําลังจะแตกออกจากกัน
“หลบเร็ว!” ฉินมู่ตะโกนและวิ่งหนีออกไปจากโถงวังอย่างไม่คิด ชีวิต หวางมู่หรัน และพรรคพวกก็รีบหันกลับไปเมื่อเห็น สถานการณ์ข้างหลังพวกเขา ไจกระบี่มหึมาระเบิดออกด้วยเสียง เคร้งคร้างบาดหู เมื่อกระบี่บินทั้งหลายพุ่งปลิวออกไปทุกทิศทาง!
ร่างอันน่าเกรงขามของเทพครองแดนเลี้ยงมังกรปรากฏที่ใจ กลางกระบี่บินทั้งหลาย สายตาของเขาเย็นเยียบ ตรงนั้นมีกอง โลหิตเน่าเสียเล็กๆ อันเกิดจากการที่พลังงานเทวะในกระบี่ไร้กังวล โจมตีใส่โลหิตเทวะของการจู่โจมเมื่อครู่
การโจมตีของฉินมู่นั้นทั้งกลอกกลิ้งและน่าสะพรึงกลัว หากว่า เทพครองแดนเลี้ยงมังกรไม่ได้ปกคลุมร่างตนเองเอาไว้ด้วยบ่อโลหิต เขาก็คงจะถูกปลิดชีวิตไปในบัดนั้น ภายใต้คมกระบี่ของไอ้ เด็กเจ้าเล่ห์
ร่างของฉินมู่และคนอื่นๆ พุ่งวูบวาบไปมาเมื่อพวกเขาพยายาม หลบหลีกแสงกระบี่ที่ยิงมาจากข้างหลังพวกเขา กระบี่เหล่านั้นหนาแน่นถี่ยิบและมีจํานวนถึง 8,000 เล่ม และรังสีกระบี่เหล่านั้นยัง พุ่งด้วยความเร็วสูงเสียยิ่งกว่าตอนที่ฉินมู่ใช้สอยมันไปหลายเท่า
ฉึก!
มู่ชิงไต้ถูกแสงกระบี่แทงและปักเอาไว้บนเสาสําริด แม้ว่านางจะ เป็นศิษย์ที่ภาคภูมิใจของนครหยกน้อย อันมีพลังวัตรลํ้าเลิศ และ ได้ฝึกปรือวิชาตัวเบา แต่นางก็ทําอะไรไม่ได้เมื่อกระบี่บินมีจํานวน
มากมายขนาดนี้ และแสงกระบี่ยิ่งรวดเร็วอย่างมหันต์ นางไม่อาจ หลบหลีกทั้งหมดได้โดยสิ้นเชิง
โชคยังดีว่ากระบี่นั้นเป็นของฉินมู่ และเทพครองแดนเลี้ยง มังกรก็มีเพียงแต่กําลังร่างเนื้อ ไม่มีพลังวัตรในร่างกายของเขา ดังนั้นเขาจึงไม่อาจขับเคลื่อนพลานุภาพกระบี่บินของฉินมู่ให้ถึง ขั้นที่จะปลิดชีวิตเด็กพวกนี้ได้
กระนั้น มู่ชิงไต้ก็บาดเจ็บสาหัส
เมื่อนางเพิ่งโดนแทง หลงอวี๋และหวางมู่หรันก็ร้องโหยหวน หนึ่งนั้นถูกแทงปักกับผนัง อีกหนึ่งถูกแทงปักไว้ที่พื้น
ฉินมู่ครางหนักเมื่อแสงกระบี่แทงทะลุอกของเขา เขาเคลื่อน หัวใจหลบไปให้กระบี่พลาดจุดตายของเขาไปอย่างเฉียดฉิว เขา ถูกปักไว้กับคานประตูราชวังและถูกแขวนห้อยในอากาศ
ข้า งนอกโถง กวางเขาที่รีบรุดเข้ามาถูกกระบี่นับ 10 แทงเข้าใส่ในเสี้ยววินาที และมันก็กระเด็นออกไป
“เจ้าก็แค่อยากได้จ้าวแห่งมังกรแท้ไม่ใช่หรือ ข้าจะให้มันกับ เจ้า !”
เลือดไหลย้อยออกจากมุมปากของฉินมู่เมื่อเขากัดฟันโคจร ปราณชีวิต ห่วงหยกจักรพรรดิลอยออกมาจากถุงเต๋าตี้ของเขา และเขาก็โยนมันให้เทพครองแดนเลี้ยงมังกรพลางตะโกนด้วย นํ้าเสียงดุดัน “เจ้าจะฆ่าข้าก็ได้ แต่ต้องปล่อยสหายทั้ง 3 ของข้า ไป!”
ศิษย์นครหยกน้อยทั้งหลายรู้สึกตื้นตัน หลงอวี๋คิดในใจ ข้ามีอคติกับกษัตริย์มนุษย์ทั้งๆ ที่เขาภักดีกับสหายถึงขนาดนี้…ข้าเพียงแค่มุ่งเล็งแง่ที่ว่าเขาเป็นจ้าวลัทธิมารฟ้า…
ห่วงหยกจักรพรรดินั้นลอยตรงไปยังเทพครองแดนเลี้ยงมังกร มันกลายรูปลักษณ์เป็นหยกมังกรเรียบร้อยแล้ว ข้อเขียน อักษรรูน และภาพทั้งหลายลอยออกมา แปรเปลี่ยนบนร่างหยกของมันอย่าง ไม่หยุดยั้ง สร้างภาพอันน่าตื่นตา
“จ้าวแห่งมังกรแท้…” เทพครองแดนเลี้ยงมังกรตื่นเต้นขึ้นมา และเขายกมือขึ้นเพื่อคว้าจับห่วงหยกจักรพรรดิ เขายิ้มหยัน “จ้าว แห่งมังกรแท้มันเป็นของข้าตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ต่อให้เจ้าไม่ส่งให้ข้า ข้าก็ไปเอามาได้หลังจากที่เชือดเจ้าแล้ว…หืม?”
สีหน้าเขาแปรเปลี่ยนบิดเบี้ยว และเขาสะบัดมือเขวี้ยงห่วงหยกจักรพรรดิทิ้งไปทันที เขาร้องด้วยนํ้าเสียงดุดัน “เจ้าวางยาพิษในนั้น!”
ร่างของเขาเริ่มจะแตกสลาย กลายเป็นเตี้ยลงอย่างรวดเร็ว ราว กับก้อนนํ้าแข็งที่ร่วงลงไปบนกระทะร้อน ข้างใต้เท้าของเขาคือกอง เลือดเน่าเสียที่แผ่ขยายออกไปอย่างเร็วจี๋
เทพครองแดนเลี้ยงมังกรร้องโหยหวนออกมาเมื่อร่างของเขา เริ่มผุดตุ่มหนอง ตุ่มหนองพวกนั้นแตกออกและกลายเป็นหัวของ มังกรไร้เขาตัวเล็กๆ มากมายที่อ้าปากหวีดร้อง พวกมันดิ้นรน
หมายจะหนีไป และมีไม่กี่ตัวที่หนีไปได้ แต่ทว่าในจํานวนพวกนั้น มากกว่าครึ่งหนีไปได้แค่ครึ่งตัว อีกครึ่งตัวที่เหลือถูกละลายเป็นนํ้า หนอง
หวางมู่หรันและคนอื่นๆ มองตาค้าง จิตพวกเขาว่างเปล่าไป จากภาพที่เห็น
ฉินมู่ดึงกระบี่ที่ปักเขาเอาไว้ด้วยกําลังแรง แต่คานประตูนั้นแข็งจนเกินไป ดังนั้นเขาจึงขยับคลอนกระบี่ไม่ได้เลยสักนิด เมื่อ เขาตระหนักเช่นนั้น เขาก็ล้มเลิกวิธีนี้ และฟาดฝ่ามือใส่คานประตู ด้วยเสียงฉึก กระบี่ทะลวงทะลุร่างของเขา และเขาก็ร่วงลงมาบนพื้น
ฉินมู่ลุกขึ้นยืน และดวงตาของเขาเอ่อท้นไปด้วยนํ้าตาจาก ความเจ็บปวด เขารีบเทนํ้าลายมังกรจํานวนหนึ่งลงไปบนบาดแผล และกล่าวด้วยสีหน้าอันผ่าเผยเที่ยงธรรม “หากข้าเอาชนะไม่ได้ แน่นอนว่าข้าก็จะใช้พิษ!”
หวางมู่หรันและคนอื่นๆ อึ้งไปอีกครั้ง ฉินมู่กล่าวคําพูดพวกนั้น ราวกับว่าการวางยาพิษใส่ศัตรูเมื่อเอาชนะไม่ได้นั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้องและเหมาะสม นํ้าเสียงของเขาเหมือนเป็นเรื่องปกติธรรมดา อย่างการกินและการนอน
ผู้คนที่สังสอนกษัตริย์มนุษย์ผู้นี้มาดูเหมือนจะไม่ใช่คนดีๆ… หลงอวี๋คิด



