Skip to content

Tales of Herding Gods 377

Tales of Herding Gods
BC

ตอนที่ 377 หนึ่งเทพม้วยมรณา

C

ฉินมู่ หวางมู่หรัน มู่ชิงไต้ และหลงอวี๋ ล้ว นแต่ได้รับบาดเจ็บ

สาหัสและเคลื่อนที่ไม่ได้ ขาของหลงอวี๋หักทั้ง 2 ข้าง มู่ชิงไต้สลบ ไปจากอาการบาดเจ็บ กระดูกของหวางมู่หรันหักเกือบทั่วร่าง และ

อาการบาดเจ็บที่สาหัสที่สุดของฉินมู่มาจากหมัดที่เขาได้รับตอนที่ เขาแปลงเป็นเงามืด มันแทบจะทุบเขาจนแหลกเหลวเมื่อเขาอยู่ใน ร่างเงา

ทั้ง 4 คนได้แต่นอนแบ็บอยู่กับพื้น หลงอวี๋ลิ้นจุกปาก คอของเขาบิดงอ อันเขาได้บิดมันไปด้วยตนเอง และแทบจะหักสะบั้น

เขาได้แต่มองไปยังกิเลนมังกรอย่างช่วยตนเองไม่ได้ เมื่อกิเลน มังกรเดินเข้ามาและแลบลิ้นเลียทั่วทั้งตัวเขา กิเลนมังกรพลิกเขา หงายขึ้นมาและเลียเขาอีกรอบ หลงอวี๋ถูกพลิกไปมา แต่ลิ้นเขาก็ยัง ไม่หดกลับไป

กิเลนมังกรเลียอีกรอบ อาบคนผู้คนนี้จนชุ่มไปด้วยนํ้าลาย หลงอวี๋พลันรู้สึกทั้งร่างคันคะเยอ มันเป็นความคันจากการที่

กระดูกแตกหักงอกเงยกลับขึ้นมาใหม่ เส้นเอ็นของเขาเชื่อมต่อ กลับมา และเนื้อหนังเขาก็สมาน เขาโคจรปราณชีวิตของตนและ ใช้มันเพื่อจัดกระดูกมิให้มันเชื่อมต่อกันอย่างบิดเบี้ยว

หากว่าเขาไม่ทําเช่นนั้น ต่อให้หายดีแล้ว เขาก็จะเคลื่อนที่ได้อย่างบิดเบี้ยว

หวางมู่หรันที่นอนควํ่าอยู่ห่างออกไป หัวเราะคิกคักอย่างกลั้น ไม่อยู่เมื่อเห็นศิษย์พี่ชายของเขาท่วมไปด้วยนํ้าลาย ลิ้นใหญ่ๆ ของ กิเลนมังกรเลียแล้วเลียอีกจนน่ากังวลว่าหลงอวี๋จะถูกลิ้นสากบาด จนถลอก

เด็กหนุ่มหัวเราะเสียจนแผลของเขาปริแตก ทําให้เขาเจ็บจน นํ้าตาไหลพราก

กิเลนมังกรเดินมาทางเขาและแลบลิ้นยาวๆ อออกมา หวางมู่ห รันหัวเราะไม่ออกอีกต่อไป เขาเห็นลิ้นของกิเลนมังกรเข้ามาคลุม หน้าเขาเหมือนพรมลื่นๆ ชุ่มนํ้าลายผืนใหญ่ จากนั้นมันก็พลิกตัว เขาไปมาซํ้าแล้วซํ้าอีก

หลังจากที่กิเลนมังกรเสร็จธุระกับหวางมู่หรัน เขาก็ยังไปเลียมู่ ชิงไต้ที่สลบไป และทําให้เด็กสาวเปียกแฉะไปทั้งตัว มู่ชิงไต้ฟื้น ขึ้นมาจากการเลีย แต่ก็ได้แต่แสร้งทําเป็นหมดสติต่อเพื่อหลบเลี่ยง สถานการณ์อันน่าอับอาย

กิเลนมังกรจึงเดินไปที่ฉินมู่ แต่อีกฝ่ายนั้นกล่าวอย่างอ่อนแรง “อย่าเลียข้า ศิษย์พี่หลงอวี๋ อาการบาดเจ็บของท่านเป็นอย่างไร ใน ถุงเต๋าตี้ข้ามีขวดหยกที่บรรจุนํ้าลายมังกรไว้จํานวนหนึ่ง ท่านมาช่วยเอามันออกมาและทาไปตามบาดแผลข้าให้หน่อย…”

“เลียเขา! มังกรอ้ว–มังกรใหญ่ เจ้าต้องเลียเขา!” หวางมู่หรันผงกหัวยํ้าๆ และตะโกนเสริม “พวกเราล้วนแต่โดน

เลียแล้วทั้งนั้น จะปล่อยให้เขารอดอยู่คนเดียวได้อย่างไร มังกรใหญ่ เลียเลย!”

มู่ชิงไต้ก็รีบลืมตาขึ้นมา เลิกแกล้งสลบ นางแย้มยิ้มและกล่าว “มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน พี่ใหญ่มังกร เลียเขาเลย!”

ฉินมู่สีหน้าแปรเปลี่ยนบิดเบี้ยว เขาหมายจะคลานหนี แต่กิเลน มังกรยกอุ้งเท้าขึ้นมาตะปบชายกางเกงของเขาไว้ ฉินมู่โมโหขึ้นมา และกล่าว “มังกรอ้วน บนตัวข้ามีพิษนะ! หากว่าเจ้าเลียข้า รับรอง ว่าเจ้าได้ตายเลือดไหลจากทวารทั้ง 7 แน่!”

กิเลนมังกรลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และศิษย์ทั้ง 3 แห่งนครหยกน้อยก็ หัวเราะ “ใครมันจะทายาพิษบนร่างกายตัวเอง มังกรอ้วน เลียเขาให้ สมใจไปเลย ถ้าเจ้าโดนยาพิษตาย พวกเราจะช่วยฝังศพให้!”

กิเลนมังกรคลายใจในที่สุด เขาเลียฉินมู่จนกระทั่งพลิกกลับ หัวกลับหางไปมา และท่วมนํ้าลายไปทุกกระเบียดนิ้ว เด็กหนุ่มผู้นี้ เป็นเจ้านายมื้ออาหารของเขา ดังนั้นเขาย่อมต้องใส่ใจเป็นพิเศษ

เขาเลียฉินมู่อย่างพิถีพิถันกว่าคนอื่นๆ

ใบหน้าของฉินมู่มืดดําเมื่อเขาถูกพลิกไปมา เขาไม่ขยับและ ดิ้นรนอีกต่อไป ดูราวกับยอมรับชะตากรรม

กิเลนมังกรชักลิ้นกลับ เมื่อเขาเห็นทรงผมของฉินมู่เละเทะไป หมดจากการเลียของเขา เขาก็รีบเลียมันให้เรียบจนกระทั่งเส้นผม ของฉินมู่มันวับเป็นเงาวาว

“พอแล้ว มังกรอ้วน…” จ้าวลัทธิฉินผู้ยิ่งใหญ่กล่าวด้วยเสียง เข้ม “พอแล้ว เลิกเลียได้แล้ว…ตอนนี้ดีแล้ว มันเรียบพอแล้ว…หยุด เลียนะ!”

กิเลนมังกรเห็นว่าเขาโมโห ก็เลยชักลิ้นกลับอย่างอิดออด เขา นั่งจุ้มปุ๊กใช้อุ้งเท้าเหยียบอยู่บนขาหลังของตน

ฉินมู่มีปอยผมเส้นหนึ่งที่ไม่ยอมไปไหนและห้อยตกลงมาที่หาง ตาซ้ายของเขา กิเลนมังกรลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเหลือบมองสี หน้าฉินมู่…สีหน้าของเขาดํายิ่งกว่าถ่าน แต่กิเลนมังกรอดไม่ได้ และรีบตวัดลิ้นออกมาอย่างรวดเร็วเพื่อเลียปอยผมเส้นนั้นกลับขึ้นไป

ฉินมู่คลั่งจนแทบตาย

กวางใหญ่บนพื้นนอนแผ่ด้วยขาที่หักทั้ง 4 ข้างของมัน เมื่อฉินมู่และคนอื่นๆ แปลงร่างเป็นมนุษย์จิ๋วขึ้นมาต่อสู้โรมรันกับเทพ ครองแดนเลี้ยงมังกรบนหลังของมัน พวกเขาก็ได้ทรมานกวางใหญ่

ค่อนข้างหนัก โชคดีว่าไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต เพียงแต่ว่าอาการ บาดเจ็บของมันค่อนข้างจะหนักหนา

เมื่อกวางผู้เห็นกิเลนมังกรเยียวยาอาการบาดเจ็บของฉินมู่ เขาก็รีบตะโกนเรียกทันที “เฮ้ เฮ้! เจ้าอ้วน เลียข้าสิ เลียข้าด้วย!”

“บ๊ะ!” กิเลนมังกรถ่มนํ้าลายมังกรลงไปกองหนึ่งตรงหน้ากวาง ใหญ่และกล่าวอย่างผยอง “ทามันเองสิ!”

กวางยักษ์เดือดดาล แต่การเยียวยาตนเองนั้นสําคัญกว่า เขา จึงได้แต่เคลื่อนไหวไปด้วยความยากลําบากเพื่อกลิ้งเกลือกไปบน กองนํ้าลายมังกรให้ทาบาดแผลของตนเอง ระหว่างกระบวนการนั้น เขาตัวสั่นเทิ้มบิดไปมาด้วยความเจ็บปวด

กิเลนมังกรมองไปที่กวางผู้ซึ่งกําลังกลิ้งเกลือกทานํ้าลายของ เขาและรู้สึกรื่นเริงใจ ไอ้กวางที่น่าตายนี้เอาแต่คอยข่มหัวข้าต่อ หน้าเจ้านายอาหารของข้า ม่ไว้หน้าข้าเลยสักนิด ตอนนี้จะห้เขารู้ว่าข้านั้นทรงพลังมากแค่ไหน และทำให้เขาได้อายต่อหน้า

เจ้านายอาหารของเขาบ้าง!

มังกรอ้วนพลันรู้สึกว่าห้วงเวลาอันสุขสมที่สุดในชีวิตของเขา นั้นมิใช่ตอนที่เขากอดขาปรมาจารย์เยาว์เพื่อขออาหาร แต่คือชั่ว ขณะนี้

ฉินมู่และคนอื่นๆ ค่อยๆ ฟื้นฟูพละกําลังขึ้นมาจํานวนหนึ่ง และ ลุกขึ้นนั่งเพื่อโคจรปราณชีวิตของพวกตน พวกเขารีดเร้นเลือดคั่ง ในร่างกายของตนออกมาเพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บแฝงเร้น

ทั้ง 3 คนจากนครหยกน้อยก็ได้เรียนรู้ศาสตร์วิชาแพทย์มา บ้าง และความสามารถของพวกเขานั้นมิใช่น้อยๆ เพียงแต่เมื่อ เทียบกับฉินมู่แล้วก็ยังนับว่าด้อยกว่าเท่านั้น มีหลายๆ แง่มุมของการเยียวยาที่พวกเขาไม่พิถีพิถันพอ

ฉีดมู่รีดเลือดคั่งออกจากร่างกายและขับเคลื่อนปราณชีวิต ของตนเพื่อบีบเอาเศษกระดูกแตกหักออกจากร่างกายทีละชิ้นสอง ชิ้น เขากู่ร้องเสียงตํ่า จิตวิญญาณดั้งเดิมของเขาโบยบินออกมา จากร่างกายเพื่อตรวจสอบแขนขาและกระดูกทั้งหลายของตน ทั้ง ยังตรวจดูการทํางานอื่นๆ ของร่างกายและอาการบาดเจ็บในสมบัติ เทวะอีกด้วย

เขาตรวจดูอย่างละเอียดรอบคอบทุกกระเบียดนิ้ว จากนั้นจิต วิญญาณดั้งเดิมเขาจึงกลับคืนเข้าไปในร่างกาย เขากลืนกินยาวิญญาณพุทธองค์เข้าไปจํานวนหนึ่งเพื่อฟื้นฟูพลังวิญญาณและ ปราณชีวิตของตนอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็จัดยาให้ตรงตาม อาการของเขาและหลอมปรุงยาเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บแฝงเร้น

“จิตวิญญาณดั้งเดิม!” มู่ชิงไต้อุทาน และความตื่นตระหนกแผ่ ไปทั่วสีหน้าของนาง

หวางมู่หรันและหลงอวี๋ก็จิตกระเจิงไปหมด จิตวิญญาณดั้งเดิม นั้นมิใช่สิ่งที่จะสามารถบ่มเพาะขึ้นมาได้ในขั้นวรยุทธ์ของฉินมู่ ดังนั้นพวกเขาจึงนึกไม่ถึงว่าฉินมู่จะสามารถช่วงใช้มันได้

แม้ว่าจิตวิญญาณดั้งเดิมของฉินมู่จะอ่อนแอและเล็กจ้อย ดู เหมือนกับเงาเลือนราง แต่มันเป็นจิตวิญญาณดั้งเดิมอย่างแน่แท้!

ฉินมู่บ่มเพาะจิตวิญญาณดั้งเดิมในขั้นหกทิศนั้นหมายความ ว่าเขาจะมีความได้เปรียบในการฝึกปรือ ความรุดหน้าของเขานั้น จะเร็วกว่าคนอื่นเป็นอย่างมาก จิตวิญญาณดั้งเดิมนั้นยังเป็นหนึ่ง

ในวิธีต่อสู้สําคัญหลังจากเข้าสู่ขั้นชาวสวรรค์แล้ว และเมื่อตอนนี้ เขาได้สัมผัสการใช้จิตวิญญาณดั้งเดิม การเพิ่มพูนขึ้นของกําลัง

ฝีมือของเขาก็ยังทวีไปอย่างมีนัยสําคัญ!

ในตอนนี้เอง ฉินมู่ได้ปลุกเนตรของจิตวิญญาณดั้งเดิมของ เขาเพื่อตรวจดูร่างกายตน แต่สิ่งที่ทําให้กลุ่มคนฉงนฉงายก็คือว่า เขาฝึกปรือบ่มเพาะมันขึ้นมาได้อย่างไร

“กษัตริย์มนุษย์ทรงพลังจริงๆ ข้ายอมรับนับถือจนหมดใจ” หล งอวี๋ถอนหายใจและกล่าว “สามารถบ่มเพาะจิตวิญญาณดั้งเดิมได้ ที่ขั้นหกทิศและแม้กระทั่งใช้ให้จิตวิญญาณดั้งเดิมออกไปจากร่างกายได้ พรสวรรค์และปฏิภาณของกษัตริย์มนุษย์นั้นนับได้ว่า เลิศลํ้าเป็นอันดับหนึ่งของโลกนี้!”

ฉินมู่ส่ายหัวและเดินไปยังมู่ชิงไต้เพื่อตรวจดูร่างกายของนาง “ปฏิภาณและพรสวรรค์ของข้ามิใช่อันดับหนึ่งในโลกหล้า การบ่ม เพาะจิตวิญญาณดั้งเดิมขึ้นมาในขั้นหกทิศนั้นมิใช่อะไรที่โดดเด่น

เหนือธรรมดาเช่นกัน น้องสาวอวี้จิวก็บ่มเพาะมันได้แล้วเหมือนกัน อันที่จริงแล้วการบ่มเพาะจิตวิญญาณดั้งเดิมนั้นไม่ใช่เรื่องยาก น้องสาวอวี้จิวและข้าได้บ่มเพาะมันขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจและจิต

วิญญาณดั้งเดิมของพวกเราก็เพียงแค่ออกไปจากร่างกายได้เสีย เฉยๆ เท่านั้น” เขากล่าว

หลงอวี๋อึ้ง แล้วก็ส่ายหัว

“องค์หญิงหกแห่งจักรวรรดิสันตินิรันดร์ก็ได้บ่มเพาะจิต วิญญาณดั้งเดิมด้วยหรือ จักรวรรดิสันตินิรันดร์นี้นับว่ามิอาจดู แคลนได้เลยจริงๆ ยอดฝีมือรุ่นเยาว์ก็ฝีมือร้ายกาจมากมาย หากว่า ข้าเอาแต่เก็บตัวอยู่ในนครหยกน้อย ข้ าคงจะถูกทิ้งไว้ตาม

กาลเวลา!” หวางมู่หรันกล่าวด้วยความทึ่งใจ

เขาเริ่มจะกังวล ในนครหยกน้อยมีวิชาระดับเทพเจ้ามากมาย และไม่ว่ายอดวิชาใดก็เพียงพอที่จะใช้ก่อตั้งสํานักขึ้นมา แต่ด้วยการปฏิรูปของจักรวรรดิสันตินิรันดร์ที่เร่าร้อนโหมกระพือราวไฟป่า วิชาเปลี่ยน มรรคาปรับ และทักษะเทวะก็วิวัฒน์รุดหน้า หากว่านคร หยกน้อยไม่ตามให้ทันการปฏิรูปนี้ พวกเขาก็จะถูกขจัดไปจากการแข่งขันอย่างแน่นอน

ฉินมู่และองค์หญิงหกได้บ่มเพาะจิตวิญญาณดั้งเดิมของพวก เขาในวรยุทธ์ขั้นหกทิศนั้นเป็นเพียงแค่สัญญาณหนึ่งของการปฏิรูป

ฉินมู่และหลิงอวี้จิวไม่รู้เลยว่าการกระทํานี้ของพวกเขานั้นมีผลกระทบอันยิ่งใหญ่เพียงใดแก่ผู้ฝึกวิชาฝีมือคนอื่นๆ หากว่าพวกเขาค้นพบวิธีการบ่มเพาะจิตวิญญาณดั้งเดิมแต่เนิ่นๆ และเผยแพร่ออกไป พวกเขาก็จะได้รับการยกย่องเป็นปรมาจารย์ ก้าวขึ้นสู่ ตําแหน่งอันสูงส่งในประวัติศาสตร์วิทยายุทธ์ พวกเขาก็จะได้รับการ จัดวางไว้ในระดับเดียวกันกับราชครูสันตินิรันดร์ และอาจจะเหนือ ลํ้ากว่าเลยด้วยซํ้า!

ราชครูสันตินิรันดร์ได้คิดค้นท่วงท่ากระบี่พื้นฐานเพิ่มอีก 3  ท่วงท่า อันเป็นหนึ่งในสัญญาณของการปฏิรูป และมันได้ก่อร่าง สร้างความสําเร็จของเขาในฐานะปรมาจารย์

ยิ่งไปกว่านั้น ความสําคัญของการบ่มเพาะจิตวิญญาณดั้งเดิม ในขั้นหกทิศยังยิ่งใหญ่เสียกว่า 3 ท่วงท่ากระบี่พื้นฐาน มันจะ อํานวยประโยชน์แก่ผู้ฝึกวิชาเทวะตั้งแต่ขั้นหกทิศขึ้นไปทั้งหมดทุก คน ทําให้พลังวัตรของพวกเขาในแต่ละขั้นวรยุทธ์เพิ่มพูนอย่าง ก้าวกระโดด!

หวางมู่หรันบอกกล่าวความคิดนี้แก่ฉินมู่ และฉินมู่ก็ตะลึงไป เขากล่าว “ข้าไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย…แต่ทว่า ที่เจ้าพูดนั้นมี

เหตุผลอย่างยิ่ง เมื่อข้ากลับไปยังเมืองหลวง ข้าจะไปปรึกษาเรื่องนี้ กับน้องสาวอวี้จิว พวกเราอาจจะสามารถค้นพบได้ว่าการบ่มเพาะ

จิตวิญญาณดั้งเดิมกระทําได้อย่างไร”

เขาใช้เนตรสวรรค์เขียวครามเพื่อพิจารณาร่างกายทั้ง ภายนอกและภายในของมู่ชิงไต้เพื่อตรวจสอบอาการบาดเจ็บแฝง เร้นทั้งหมด จากนั้นเขาก็หลอมปรุงยาวิญญาณให้กับนาง

มู่ชิงไต้นั้นค่อนข้างอายกับสายตาทะลุทะลวงของเขา เขาเป็น หมอเทวดา เขาเป็นหมอเทวดา… นางยํ้าคําพูดนี้ในหัว

จากนั้นนางก็ได้ยินหมอเทวดาฉินพึมพําเบาๆ “โครงสร้าง ร่างกายของผู้หญิงนั้นดูเหมือนจะแตกต่างจากของผู้ชาย หากว่า พวกนางไม่มีของสิ่งนั้น แล้วพวกนางจะฉี่ได้อย่างไร…”

มู่ชิงไต้หน้าแดงฉาน ถลึงตาจ้องเขา ฉินมู่รีบไปทางหลงอวี๋เพื่อตรวจดูอาการบาดเจ็บของเขา ผ่าน

ไปสักพัก เขาก็รักษาอาการบาดเจ็บของสหายทุกคนเรียบร้อยดี

กิเลนมังกรเดินกะเผลกมาแล้วพึมพํา “จ้าวลัทธิ ดูพวกกระบี่ที่ ปักบนตัวข้าสิ…”

ยังคงมีกระบี่บินกว่า 10 เล่มปักอยู่ตามตัวของเขา ฉินมู่ปรายตามองแล้วแค่นเสียงหยัน “ผมเผ้าข้ายังยุ่งเหยิงอยู่อีกไหม”

“ทุกเส้นเรียบกริบ! ช้าก่อน เส้นนี้ดูเหมือนจะไม่เรียบ…” ขณะที่กิเลนมังกรแลบลิ้นออกมานั่นเอง ฉินมู่ก็ยกมือขึ้นและ

ใช้สัญลักษณ์นิ้วกระบี่ กระบี่บินกว่า 10 เล่มถูกถอนดึงออกจากร่าง กิเลนมังกรในรวดเดียว และเลือดก็ไหลปรี๊ดเป็นนํ้าพุเต็มไปหมด

กิเลนมังกรหวีดร้องโหยหวน

“แน่จริงมาเลียอีกสิ!” ฉินมู่บอกเขาอย่างเหี้ยมโหด แม้ว่าเขาจะพูดอย่างนั้น เขาก็ยังเอาขวดนํ้าลายมังกรมาเทใส่

บาดแผลอย่างรวดเร็ว เขาใช้ปราณชีวิตของเขารีดเร้นเลือดคั่ง ออก จากนั้นก็ผนึกสมานแผลกลับคืน

กิเลนมังกรพยายามประจบและกล่าว “จ้าวลัทธิ ในเมื่อตอนนี้ ข้าได้กระทําความดีความชอบอันยิ่งใหญ่ ถ้าอย่างนั้นมื้ออาหาร ของข้า…”

ฉินมู่เมินเขาและเดินไปที่กวางใหญ่อันอยู่ในสภาพยํ่าแย่เสีย ยิ่งกว่ากิเลนมังกร บนร่างของมันมีกระบี่ปักอยู่มากกว่ากิเลนมังกร ถึง 3 เท่า แถมมันยังต้องกลิ้งเกลือกทานํ้าลายมังกรกับพื้นด้วย ตนเอง

ฉินมู่ส่ายหัวและช่วยกวางจัดกระดูกให้เข้าที่เข้าทาง จากนั้น เขาก็นํานํ้าลายมังกรออกมา 10 กว่าขวดเพื่อช่วยห้ามเลือดให้เขา ก่อนที่จะดึงกระบี่บินออกมา

อาการบาดเจ็บของหวางมู่หรันดีขึ้นมาก เขาหยิบเอาเขากวาง กลับขึ้นมาและวิ่งเข้าไปปักมันกลับคืนหัวกวางใหญ่

“นายน้อย เขาที่ท่านปักมันผิดทางนะ” กวางตัวผู้บอกกับเขา

“โอ!”

หวางมู่หรันดึงเขากลับออกมาอีกทันที ทําให้เลือดพุ่งกระฉูด กวางใหญ่หายใจเฮือกด้วยความเจ็บปวด และหวางมู่หรันรีบกลับทิศทางของเขากวางแล้วปักมันกลับคืนลงไป เขาขอขวดนํ้าลาย มังกรจากฉินมู่เพื่อมาเทใส่บาดแผลนี้

จากนั้นฉินมู่ก็ไปรักษาอาการบาดเจ็บของมังกรไร้เขาทั้งหลาย หลังจากยุ่งอยู่ครึ่งค่อนวัน ท้องฟ้าภายนอกก็พลันแปรเปลี่ยนเป็นขาวโพลนราวหิมะ และในชั่วแวบถัดมา มันก็ กลายเป็นมืดมิดเต็มไปด้วยสายฟ้าอีกครั้ง

ทุกคนมองออกไปข้างนอกด้วยความร้อนใจ และเห็นว่าฝน หนักนั้นได้หยุดลงไปแล้ว รอยฉีกปรากฏอยู่บนท้องฟ้าราวกับว่ามี กระบี่เล่มใหญ่เฉือนตัดมัน

“นี่คือ…” ฉินมู่สะท้านใจอย่างรุนแรงเมื่อเขาพึมพํา “ปืนใหญ่ เทวะยิงตะวัน…”

สายเส้นสีแดงร่วงลงมาจากท้องฟ้าที่ฉีกขาด และฉินมู่ยื่นมือ ขึ้นไปเพื่อคว้าจับมัน แต่พลันสีหน้าเขาก็แปรเปลี่ยน และรีบหลบ หลีกมัน

สายเส้นสีแดงฉานเหล่านั้นโปรยปรายลงบนราชวังตรงหน้า พวกเขา ไม่ว่ามันจะตกลงไปที่ใด มวลดอกไม้ก็เบ่งบานชูช่อไปทั่ว เทือกเขา อีกทั้งหญ้าและต้นไม้ก็เติบโตงอกงามอย่างบ้าคลั่ง

โลหิตเทพเจ้าร่วงหล่นลงจากท้องฟ้าราวกับว่าสรวงสวรรค์ โศกาอาดูร

หนึ่งเทพได้ม้วยมรณา

AC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!