ตอนที่ 379 ผู้สืบทอด
ไม่นานนัก ร่างของเทพเจ้าก็ถูกยอดฝีมือหลายคนช่วยกัน ยกขึ้นมา และฤทธานุภาพของมันแผ่ฟุ้งไปทั้งอากาศ แต่กระนั้นมัน ก็เป็นเพียงสิ่งที่แตกทําลายไปแล้ว ฉีกเป็นเสี่ยงๆ โดยไม่อาจเอามา ประกอบต่อกันได้ใหม่
ศีรษะของเทพตนนี้ยังคงสมบูรณ์ และสามารถเห็นใบหน้าของ เขาได้
“นี่คือเทพเจ้าที่ข้าได้พบ เขากล่าวว่ามาจากเหนือฟ้า” ราชครู สันตินิรันดร์กล่าวหลังจากมองดูไปที่เขา “กําลังฝีมือเขาสูงส่งเป็น อย่างยิ่ง เมื่อข้าสู้กับเขา ข้าก็ต้องรีดเร้นทุกอย่างเพื่อขับไล่เขาไป
แต่กระนั้นข้าก็ยังถูกเขาทําลายกําลังฝีมือ”
ผลลัพธ์ของการต่อสู้ครั้งนั้นคือราชครูได้รับบาดเจ็บอย่าง รุนแรงขนาดที่เขาต้องคอตกซ่อนอยู่ในหุบเขาข้างทะเลสาบโลหิต กับภรรยา หากมิใช่ฉินมู่ที่ไปพบเขา เขาคงเร้นกายหายจากโลกหล้าไปตั้งแต่บัดนั้น
ฉินมู่ศึกษาศีรษะนั้นและตะลึงไปเล็กน้อย มีบางอย่างที่คุ้นตา เขาอยู่ในนั้น
มันดูเหมือนสรรค์สร้างขึ้นมาจากหยกเนื้อดี แม้ว่าเทพเจ้าจะ ตายไปแล้ว แต่ก็ยังมองไม่เห็นตําหนิมลทินใด ชายผู้นี้ดูอ่อนวัย เป็นอย่างยิ่ง ไม่เหมือนผู้อาวุโสยอดฝีมือผู้เยี่ยมยุทธ์ แต่ทว่าอายุขัยของเทพเจ้านั้นยาวนานเท่าฟ้าและดิน ดังนั้นจึงยากที่จะ คาดเดาอายุที่แท้จริงของเขาจากรูปลักษณ์ภายนอกเพียงอย่าง เดียว
“ศีรษะของเทพนี้ดูเหมือนกับ…” สีหน้าของฉินมู่แปลกประหลาด เทพเจ้านี้และซวีเซิงฮวา
คล้ายคลึงกัน!
แต่ความคล้ายคลึงมิใช่เพียงรูปลักษณ์ ซวีเซิงฮวานั้นเป็น บุคคลไร้ที่ติอันดูราวกับว่าถูกสลักเสลาขึ้นจากหยกเนื้อดี เขาดูเพริศแพร้วประณีต และศีรษะนี้ก็เป็นเช่นเดียวกัน มันเป็นรูปลักษณ์ของมนุษย์ แต่ดูเหมือนกับรูปสลักหยกเสียยิ่งกว่าคนมีเลือดเนื้อใดๆ!
เทพเจ้าที่ถูกสังหารนี้ หรือว่าจะเป็นเทพครองแดนหยก อาจารย์ของซวีเซิงฮวาที่เขากล่าวถึง?
ฉินมู่จ้องด้วยดวงตาเบิกกว้าง อาจารย์ของซวีเซิงฮวา เทพครองแดนหยก ถูกจักรพรรดิเอี้ยนเฝิงสังหารด้วยปืนใหญ่เทวะยิงตะวัน!
เทพครองแดนหยกเป็นบุคคลที่ส่งภยัพิบัติลงมายังจักรวรรดิ สันตินิรันดร์ ดังนั้นเขาสมควรตาย ข้าไม่รู้ว่าซวีเซิงฮวาจะมี ปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อเขารู้เรื่องนี้
ฉินมู่ครุ่นคิด แต่เขาก็ไม่พูดอะไร เขาไม่คิดที่จะเปิดเผย ความสัมพันธ์นั้น หากว่าจักรพรรดิเอี้ยนเฝิงรู้ว่าเทพครองแดนหยกเป็นอาจารย์ของซวีเซิงฮวา เขาจะต้องกําจัดซวีเซิงฮวาเพื่อ ป้องกันภัยในอนาคตอย่างแน่นอน
จักรพรรดิไม่มีทางจะทําตามกฎกติกาของยุทธจักร ดังนั้น ฉินมู่ซึ่งชื่นชมนับถือซวีเซิงฮวาเป็นอย่างยิ่ง จึงไม่ปริปากเอ่ยอะไร ไม่อยากให้เขาตายไปแบบนั้น
“ขุนนางฉินที่รักได้หลอมสร้างปืนใหญ่เทวะยิงตะวันกระบอกนี้ ดังนั้นความดีความชอบของเขาจึงไร้สิ้นสุด ข้ายังมิได้ตบรางวัล ให้แก่เขาเลย ดังนั้นข้าจะกํานัลศีรษะเทพเจ้านี้ให้แก่เขาเป็น รางวัล” จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงกล่าว
“ไม่ต้องการ!”
จักรพรรดิเอี้้ยนเฝิงสีหน้าเปลี่ยน เขาแค่นเสียงเมื่อรู้สึกเสียหน้า
ฉินมู่จึงรีบแย้มยิ้มและกล่าว “การต่อสู้กับเทพเจ้าครั้งนี้ข้ามิได้
มีความสําเร็จอะไรเลยสักนิด เช่นนั้นข้าจะรับมอบรางวัลได้อย่างไร ฝ่าบาทได้ยิงปืนใหญ่นี้ และหินยาที่เผาผลาญไปคงมากมายเป็น อย่างยิ่ง ดังนั้นรางวัลนี้ควรเก็บไว้ในท้องพระคลังจะดีกว่า”
คําพูดนี้รื่นหูและไว้หน้าจักรรพรดิเอี้ยนเฝิงต่อหน้าขุนนาง ทั้งหลาย
จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงพึงพอใจ เขายิ้มแล้วกล่าว “ขุนนางที่รักมี สายตามองเห็นภาพรวม ดังนั้นข้าย่อมไม่บังคับเจ้า ความดีความชอบที่เจ้าได้หลอมสร้างปืนใหญ่เทวะยิงตะวันนี้ ข้า จะช่วยเจ้าบริจาคเข้าท้องพระคลัง”
สีหน้าฉินมู่กลายเป็นมืดดําทันที
จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงหัวเราะฮาๆ แต่ไม่นานเขาก็จดจําได้ว่าต้อง สูญเสียหินยาไปมากแค่ไหนกับปืนใหญ่เทวะยิงตะวัน และรู้สึกปวด ใจเป็นอย่างยิ่ง ได้ยิงปืนใหญ่มันก็สาสมใจอย่างสุดยอดอยู่หรอก แต่เงินทองที่ต้องใช้นั่นน่าหวั่นผวา
การต่อสู้ของเทพและมารได้ทําให้จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงต้องนํา ยอดฝีมือจากสภาราชสํานักมาพร้อมกับแท่นปืนใหญ่มาจากเมือง หลวงจนถึงเนินเขาแห่งนี้ เขาได้ควบคุมให้ปืนใหญ่เทวะยิงตะวัน
เหาะเหินมาบนท้องฟ้าตลอดทาง ดังนั้นจํานวนหินยาที่หมดเปลือง ไปนั้นย่อมมากมายกว่าที่ใช้ยิงปืนใหญ่ 1 ครั้ง!
แม้ว่าราชครูสันตินิรันดร์ และหลิงอวี้ชู้จะได้นําทรัพย์สมบัติมา จากประเทศรังหมาป่าอย่างมากมาย แต่ปืนใหญ่เทวะยิงตะวันก็ เหมือนเหวลึกที่ไม่อาจเติมให้เต็มได้ เป็นสัตว์ร้ายเขมือบทองคํา หากว่าเขาเล่นกับมันนานกว่าที่จําเป็น จักรวรรดิก็คงจะล้มละลาย
“นี่คือเทพเจ้าตนแรกที่จักรวรรดิสันตินิรันดร์ของพวกเราได้ ปลิดชีวิต!” จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงเงยหัวขึ้นมองไปยังท้องฟ้าและยิ้ม หยัน “มันอาจจะมีตนที่ 2 และแม้แต่ตนที่ 3 นับจากวันนี้เป็นต้น
ไป! ผู้คนของข้าไม่ใช่ผักปลา และข้าไม่ใช่คนขี้ขลาดที่พวกเทพ เจ้าเหล่านั้นจะมาตอแยได้! กลับราชสํานัก!”
ปืนใหญ่เทวะยิงตะวันค่อยๆ เปลี่ยนทิศทาง และฉินมู่ลังเลอยู่ครู่ หนึ่ง เขากล่าว “ฝ่าบาท ข้ายังคงมีเรื่องเบ็ดเตล็ดที่ต้องจัดการ ดังนั้นข้าจะต้องอยู่ที่นี่ต่ออีกสักระยะ…”
จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงมองไปที่เขาและกล่าว “ขุนนางฉินที่รัก หรือว่าเจ้าจะรู้จักยอดคนที่ต่อสู้กับเทพเจ้าเหล่านี้ เจ้าหมายจะอยู่ เพื่อพบพวกเขาหรือ”
ฉินมู่ผงกหัวแล้วกล่าว “พวกเขาเป็นผู้เฒ่าที่บ้านข้า” จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงยิ้มไม่เชิงยิ้ม “บ้านเจ้านี่ก็มีผู้เฒ่าเยอะ
เหมือนกันนะ เจ้าแนะนําพวกเขาให้ข้ารู้จักบ้างได้หรือไม่ จักรวรรดิ
ในตอนนี้ต้องการผู้คนเปี่ยมพรสวรรค์จํานวนมาก และหวังใจว่าจะ ได้พบปะกับยอดฝีมือที่มีพรสวรรค์เลิศลํ้าเหล่านี้”
ฉินมู่รีบชี้ไปยังหวางมู่หรันและกล่าวว่า “ผู้เฒ่าของเขาก็มี หลายคนเหมือนกัน ผู้เฒ่าของข้าไม่ค่อยชอบพบปะคนภายนอก ดังนั้นฝ่าบาทพบกับผู้เฒ่าที่บ้านของเขาจะดีกว่า”
หวางมู่หรันส่ายหัวแล้วกล่าว “ฝ่าบาท ผู้เฒ่าของข้าก็ไม่ค่อย ชอบพบปะบุคคลภายนอกเช่นกัน”
จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงสีหน้ามืดคลํ้า ราชครูสันตินิรันดร์กระแอมไอและสืบเท้าเข้ามาข้างๆ เขาเอียง
เข้าไปกระซิบใส่หูจักรพรรดิ “ผู้เฒ่าของพวกเขาล้วนแต่เป็นยอด
คนเหนือธรรมดา ฟากหนึ่งนั้นมีกษัตริย์มนุษย์คนเก่าผู้ซึ่งอาศัยอยู่ ในแดนโบราณวินาศ และยอดฝีมือลึกลับอย่างดาบสวรรค์ และอีก ฟากหนึ่ง นั่นคือนครหยกน้อย ฝ่าบาทไม่อาจดึงใครมาฟากเราได้ หรอก”
จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงกระโดดโหยงด้วยความตกใจ แตกตื่น เขา ก็รู้จักนครหยกน้อย แม้ว่ามันจะซ่อนตัวเร้นกาย แต่ศักดิ์ฐานะของมันเลิศลอยเหนือ 3 มหาแดนศักดิ์สิทธิ์ และมีผู้อมตะเฒ่าลึกลับ มากมายซุ่มซ่อนอยู่ที่นั่น กระนั้นราชครูก็ยังจัดวางศักดิ์ฐานะของ ครอบครัวฉินมู่เหนือกว่านครหยกน้อย หรือว่ามันจะเป็นแดน ศักดิ์สิทธิ์ที่ซ่อนเร้นอยู่ในแดนโบราณวินาศ
“ราชครู ในเมื่อมีกษัตริย์มนุษย์คนเก่า แล้วกษัตริย์มนุษย์ของ รุ่นนี้…”
ราชครูสันตินิรันดร์ส่ายหัวแล้วกล่าว “ศาลาริมนํ้าย่อมได้ยล แสงจันทร์ก่อน กษัตริย์มนุษย์รุ่นนี้มิอาจเป็นฝ่าบาทได้…”
จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงสะท้านใจ และมองไปที่ฉินมู่ด้วยความ งงงวยมึนหัว
ฉินมู่กล่าวขอตัวอีกครั้ง และจักรพรรดิเอี้ยนเฝิงก็ลังเลอยู่ครู่ หนึ่ง ราชครูสันตินิรันดร์รู้ความคิดของเจ้าผู้ปกครองคนนี้ รู้ว่าเขา ได้ตั้งท่าระวังกษัตริย์มนุษย์คนใหม่
“ฝ่าบาท?” ราชครูสันตินิรันดร์กระแอมไอ จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงได้สติ และโบกมือ “ขุนนางฉินที่รัก จัดการ
ธุระของเจ้าเป็นเรื่องสําคัญ เจ้าสามารถถอยไปได้”
ฉินมู่กระโดดลงจากแท่นปืนใหญ่ หวางมู่หรันและพรรคพวก กระโดดตามลงไป
จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงมองตามหลังเงาร่างแรกที่เคลื่อนกายห่าง ไป ขณะที่ราชครูสันตินิรันดร์ยืนอยู่ข้างหลังเขาอย่างเงียบงัน โพล่งขึ้นมา “ฝ่าบาทมีจิตคิดเข่นฆ่า?”
“นั่นชั่วแวบหนึ่ง” จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงไม่ปิดบังอะไรจากเขาและ ยอมรับโดยไม่ลังเลสักนิด “เขาเป็นจ้าวลัทธิมารฟ้าก็ทําให้ข้า ระแวงมากพอแล้ว แม้ว่าลัทธิมารฟ้าจะมีคําว่ามารอยู่ในนั้น แต่ พวกเขาก็เป็นลัทธิอันดับ 1 แม้ว่าพวกเขาจะเป็นสํานักโดยนาม แต่จริงๆ แล้วพวกเขาคือจักรวรรดิหนึ่ง จักรวรรดิอีกจักรวรรดิในจักรวรรดิของพวกเรา ข้ารู้สึกกระวนกระวายอยู่ตลอดเวลาที่จัดวางเขาไว้ใน ตําแหน่งสําคัญ และในเมื่อบัดนี้ยังก็ยังกลายเป็นกษัตริย์มนุษย์คน ปัจจุบันอีก ทําให้ข้ายิ่งกังวลเข้าไปใหญ่”
เขาถอนหายใจแล้วกล่าว “จ้าวลัทธิมารฟ้าโดดเด่นเลิศลํ้า ขนาดนี้ และคนเช่นนี้ยากที่จะควบคุม บุตรชายและบุตรสาวของ ข้าไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้ ชีวิตของข้าก็คงจะสิ้นสุดไปในสัก วัน และเมื่อนั้น ฮี่ๆ จักรวรรดิสันตินิรันดร์ก็จะกลายเป็นเงินทองใน
กระเป๋าของเขา ดังนั้นจิตคิดเข่นฆ่าของข้าจึงลุกฮือขึ้นมา”
เขายืนอยู่ที่นั่นและมองไปยังฉินมู่และคนอื่นๆ ที่จากไปในทิศ ไกลๆ
“แต่ตอนนี้มันหายไปแล้ว” เขากล่าวด้วยสีหน้านิ่งสงบ
จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงเงยหน้ามองท้องฟ้า และนํ้าเสียงของเขา สงบมากขึ้นอีก “ราชครู แม้ว่าภายนอกพวกเราจะเป็นขุนนางและ ผู้ปกครอง แต่จริงๆ แล้วพวกเรานั้นเป็นพี่น้องที่มีใจสื่อถึงกัน พวก เราทั้งคู่ล้วนแต่เป็นบุคคลที่โดดเด่นและหาได้ยากในโลกหล้า ด้วย
เจ้าและข้าร่วมแรงกันเพื่อปฏิรูปจักรวรรดิแห่งนี้ มันก็ยังคงยากเย็น เข็ญใจ พวกเราเหมือนกับว่ากําลังขับเรือน้อยที่สามารถพลิกควํ่า ได้ทุกขณะจิตด้วยลมแรงและคลื่นใหญ่ ข้าคอยคิดว่า ถ้าหากว่าพวกเราล้มเหลวล่ะ? ถ้าหากว่าพวกเราตายล่ะ? ใครจะสืบทอด ภารกิจชีวิตของพวกเราต่อไป”
เขาหันกลับไปด้วยสีหน้าอันเร่าร้อน เขายกมือขึ้นมาจับไหล่ ของราชครูสันตินิรันดร์อย่างหนักแน่น ดวงตาของเขาเป็นประกาย เจิดจ้า “ข้าจะต้องคิดถึงตระกูลหลิงของข้า คิดถึงจักรวรรดิสันตินิ รันดร์ ถึงอุดมการณ์ของพวกเรา และคิดถึงการปฏิรูป! ดังนั้นข้าไม่ อาจมีจิตคิดเข่นฆ่าต่อเขาได้! ภารกิจของพวกเราต้องมีผู้สืบสาน ใครบางคนที่จะเดินตามรอยเท้าพวกเราหลังจากที่พวกเราล้มเหลว! บุตรชายและบุตรสาวของของข้าไม่มีความสามารถ เช่นนั้น แต่เขามี! ใช่ไหมล่ะ สหายเต๋าของข้า!”
ราชครูสันตินิรันดร์ได้ยินคําว่าสหายเต๋า ก็ตื้นตันใจขึ้นมา เขา ผงกหัวอย่างหนักแน่น “เขามีความสามารถ”
ทุกคนรู้ว่าเขาต่อสู้รณรงค์เพื่อการปฏิรูป ความคิดและความ อุตสาหะของเขาทั้งหมดจดจ่ออยู่ที่นั่น เขาต้องการที่จะเป็นนักบุญ ผู้สถาปนาคุณธรรม กุศล และความคิดของเขาในข้อเขียน แต่ทว่า ไม่มีใครรู้ว่าเขาก็ต้องเผชิญกับห้วงเวลาแห่งความอ่อนแอ ไร้จุดหมาย และเขาก็ก็เคยคิดจะล้มเลิกยอมแพ้เช่นกัน
บุคคลที่ให้การสนับสนุนยิ่งใหญ่ที่สุดแก่เขา และทําให้เขายังคงบากบั่นต่อไปได้คือสหายสนิท
จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงคือมิตรที่ชิดใกล้ที่สุดของเขา สหายร่วมเป็นร่วมตาย!
มิตรภาพเช่นนี้เป็นสิ่งที่ผู้อื่นไม่มีทางเข้าใจ
สหายเต๋า
ได้พบพานสหายเต๋าเช่นนี้ 1 คนในชั่วชีวิตหนึ่งนั้นเพียงพอแล้วสําหรับเขา
“ข้าจะยืนอยู่ข้างท่านเสมอ” ราชครูสันตินิรันดร์มองไปยังทิศ ไกลๆ หัวใจของเขาสงบนิ่ง “ตลอดไป”
ฉินมู่และพวกพ้องกลับไปยังราชวังอาบชุ่มไปด้วยพลังงานและ ปราณวิญญาณ พวกเขาเห็นว่ามีผู้คนจํานวนหนึ่งรอพวกเขาอยู่ ในราชวัง
“มู่เอ๋อ กลับแดนโบราณวินาศกับพวกเราเถอะ” เฒ่าบอด ยืนยันตัวด้วยไม้เท้าอยู่ เขาเดินตรงไปยังฉินมู่และดึงมืออีกฝ่ายมา จับไว้ เขากล่าวอย่างตัดสินใจแน่นหนัก “คนแล่เนื้อ ผู้ใหญ่บ้าน ไม่ต้องปรึกษาหารือกันแล้ว รีบกลับไปแดนโบราณวินาศเดี๋ยวนี้ เถอะ!”
คนแล่เนื้อลุกขึ้นมาและเสียบมีดของเขากลับไปที่หลัง เขา กล่าวอย่างเย็นชา “เฒ่าบอด เจ้ากลัวหรือ”
เฒ่าบอดยิ้มหยันกลับไป “ข้ากลัว? ครึ่งเท้าของข้าก้าวลงหลุม ศพไปแล้ว เช่นนั้นข้ามีอะไรต้องกลัวอีก อีกด้านหนึ่ง เป็นเจ้าต่างหากที่กลัว ไม่ใช่หรืออย่างไร”
คนแล่เนื้อโกรธเกรี้ยวและดูเหมือนสิงโตที่โมโหเดือด “ข้ากลัวเมื่อไหร่กัน”
“เมื่อเจ้าอยู่แค่พอมีลมหายใจไปวันๆ ในครั้งนั้น ไม่ใช่ว่าเจ้า กลัวหรอกหรือ” เฒ่าบอดกล่าวอย่างเย้ยหยัน “เจ้านั้นคลานเกลือก ไปกับโคลนและต้องคลานไปข้างหน้าด้วยแขนของตนเอง! ข้า อาจจะตาบอด แต่มิได้หมายความว่าข้ามองไม่เห็น ข้ารู้ถึงความ กลัวในหัวใจของเจ้า!”
“เฒ่าบอดบัดซบ เจ้าเองมันก็ไม่ได้ดีไปกว่าข้าหรอกในตอน นั้น!”
คนแล่เนื้อชักมีดออกมา และเฒ่าบอดปล่อยมือฉินมู่เพื่อไปกุม กําไม้เท้าของเขาให้แน่นหนามากขึ้น ทั้งคู่ท่วมท้นไปด้วยรังสีเข่น ฆ่า
ฉินมู่รีบแทรกไปขวางกลางระหว่างพวกเขา เพื่อป้องกันมิให้ พวกเขาต่อสู้กันจริงๆ ผู้ใหญ่บ้านที่นอนเอนอยู่บนเก้าอี้โ ยกกล่าวด้วยความปวดเศียรเวียนเกล้า “พอแล้ว เลิกทะเลาะกัน! พวกเจ้าทั้ง 2 สนิทสนมกันมากที่สุด จะมาแตกหักกันแบบนี้มีค่าพอหรือ คนแล่เนื้อเฒ่า สายตาหยั่งรู้ของเฒ่าบอดนั้นยอดเยี่ยมที่สุด และเขา อยากจะให้มู่เอ๋อกลับไปก็เพื่อประโยชน์ของตัวเด็กเอง เฒ่าใบ้ปกติแล้วเจ้าพูดน้อยที่สุด แต่คําพูดของเจ้ามักจะมีนํ้าหนัก เจ้ามีความเห็นว่าอย่างไร”
ผู้สันโดษชิงโยวโบกมือเป็นสัญญาณเรียกหวางมู่หรันและพรรคพวกเข้าไปหา พวกเขารีบไปตรงมุมนั้นและถามด้วยเสียงเบา “อาจารย์ลุง เกิดอะไรขึ้นหรือ”
“จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงสังหารเทพครองแดนหยกแห่งเหนือฟ้า” ผู้ สันโดษชิงโยวกล่าวด้วยเสียงตํ่า
“พวกเราทราบเรื่องนี้ แต่ทว่าทําไมท่านปู่พวกนั้นถึงถกเถียง กันล่ะ” มู่ชิงไต้ถามด้วยความฉงน
ผู้สันโดษชิงโยวถอนหายใจแล้วกล่าว “หากว่าเทพครองแดน หยกแห่งเหนือฟ้าตายในนํ้ามือของพวกเรานครหยกน้อยหรือใน นํ้ามือของกษัตริย์มนุษย์เฒ่า มันก็ไม่มีปัญหามากมาย อย่างมาก พวกเราก็มีความบาดหมางกับเหนือฟ้า แต่ทว่าในเมื่อเขาตายใน นํ้ามือของจักรพรรดิเอี้ยนเฝิง จักรวรรดิสันตินิรันดร์ก็ได้ตอแย ปัญหาอันร้ายกาจ เฒ่าบอดหมายจะให้กษัตริย์มนุษย์กลับไปที่
แดนโบราณวินาศ เพื่อเขาจะมิได้ยืนอยู่ข้างกําแพงอันหมิ่นเหม่ ใกล้พังภินท์ ในทางตรงข้าม ดาบสวรรค์อยากที่จะอยู่ในสันตินิ รันดร์ต่อ และด่าทอว่าเขาเป็นคนขี้ขลาด พวกเขาทะเลาะกันอยู่สัก
พักแล้วในเรื่องนี้”
ในโถงวัง เฒ่าใบ้นั่งอยู่บนหีบไม้ เขานําถุงยาสูบออกมาแล้ว จุดไฟสูบ เขาปล่อยก้อนควันขาวออกออกกลุ่มหนึ่งและหลิ่วตา กล่าว “อา อา อา”
“ที่เฒ่าใบ้กล่าวนั้นมีเหตุผล” ผู้ใหญ่บ้านผงกหัว “ชนรุ่นหลัง ย่อมจัดแจงเรื่องราวของตนเองได้ พวกเราผายลมเฒ่าทั้งหลายไม่ จําเป็นต้องกังวล พวกเราจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกนานแค่ไหนเชียว พวกเราจะปกป้องมู่เอ๋อไปได้ตลอดชีวิตเขาเลยหรือ”
เฒ่าบอดยืนกรานความตั้งใจของตนแล้วกล่าว “ไม่ว่าจะ อย่างไร ข้าก็อยากให้เขากลับไปที่หมู่บ้าน ข้าจะหาผู้หญิงมา ออกลูกให้เขา จะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข! ทําไมพวกเราถึงต้องให้ เขาทําสิ่งที่แม้แต่พวกเราก็ทําไม่ได้ด้วยล่ะ แขนขาเจ้าถูกสะบั้นไป
และเจ้าบ้านี่ก็ถึงกับถูกสับตัวขาดครึ่ง! หากว่ามู่เอ๋อทําสิ่งที่พวกเจ้า ทั้งหมดทํา ทุกอย่างใต้คอของเขาก็จะถูกสับ! มู่เอ๋อ กลับหมู่บ้าน!”



