Skip to content

Tales of Herding Gods 395

Tales of Herding Gods
BC

ตอนที่ 395 องค์ชายหัวรุนแรง

C

นักต้อนตะวันทั้งหลายบนเรือตะวันเหาะขึ้นไปกลางอากาศเพื่อ สํารวจดูม่านคุ้มกันอันห่อหุ้มเขตบ่อตะวันเอาไว้ พวกเขากระสับกระส่ายอย่างมากราวกับว่าศัตรูร้ายกาจกําลังย่างกรายมาถึง

ม่านคุ้มกันของบ่อตะวันนั้นก่อขึ้นมาจากรังสีแสงที่พวยพุ่งจาก ในบ่อ ก่อเป็นโดมขอบฟ้าครอบบริเวณโดยรอบ มันห่อหุ้มบ่อตะวัน เอาไว้ และสร้างพื้นที่แห่งฟ้าและดินอันมีรัศมีกว้างหลายร้อยวา

ฉินมู่ยังไม่เคยมายังบ่อตะวันมาก่อน แต่เขาคะเนว่าจะต้องมีกล อะไรบางอย่างข้างนอกโดมแสงที่ทําให้มันซ่อนตัวเองเอาไว้ได้ โดย ไม่เป็นที่สะดุดตา มิเช่นนั้นด้วยลูกกลมแสงสีทองลูกมหึมาที่ เปล่งแสงเจิดจ้าในแดนโบราณวินาศ สถานที่แห่งนี้คงเป็นที่รู้จัก แพร่หลายไปทั่วแดน และในโลกภายนอกด้วย

ยมโลกเองก็คล้ายคลึงกัน มันจะปรากฏในยามคํ่าคืนเท่านั้น และไม่อาจมองเห็นได้จากภายนอกเลยแม้แต่นิด ผู้คนสามารถเข้า ไปในข้างในยมโลกได้ก็ด้วยโอกาสและความบังเอิญเท่านั้น

บ่อตะวันจะต้องเป็นเช่นนั้นด้วยเช่นกัน หากว่าใครยืนมองจาก ข้างนอกในแดนโบราณวินาศ พวกเขาก็อาจจะมองไม่เห็นบ่อตะวัน

เลยสักนิด นั่นจึงเป็นเหตุให้สถานที่นี้ยากจะเสาะหา มารเทวะหลาย ตนนั้นคงทุ่มเทแรงไปไม่น้อยพยายามที่จะเสาะหามัน

ม่านคุ้มกันฟ้าของบ่อตะวันนั้นฉายส่องด้วยแสงอันเจิดจ้า ราว กับว่ามันประกอบขึ้นมาด้วยทองคําเปลว ทันใดนั้น ใบหน้ามหึมาก็ ปรากฏข้างหลังมัน และพยายามที่จะเบียดแทรกเข้ามาข้างใน มัน ดูเหมือนกระเหี้ยนกระหือรือที่จะบุกเข้ามาในบ่อตะวัน

คางของใบหน้านั้นยาวเป็นอย่างยิ่ง ราวกับด้ามอะไรสักอย่าง และมีปากอยู่ตรงปลายสุดของคาง มันมีดวงตาดวงเดียวอันมหึมา และอยู่ใจกลางใบหน้า ราวกับว่ามีลูกบอลยักษ์ประดับอยู่เหนือสัน จมูก อันดูพิลึกกึกกือ

“มารเทวะนี้มาจากโลกมิติไหน”

ฉินมู่ตะลึงไป เขาไม่เคยเห็นมารเทวะที่หน้าตาเช่นนี้มาก่อน ในเวลานั้น เขาก็พลันได้ยินเสียงฟาดทุบดังมาจากทั่วสารทิศ

เขามองเห็นใบหน้าอันแปลกประหลาดมากมายขึ้นทุกทีที่เข้ามา แนบกับม่านคุ้มกันฟ้า ในชั่วพริบตา ม่านคุ้มกันอันใหญ่โตหลาย ร้อยวาก็แปะเต็มไปด้วยใบหน้า!

พวกมันมีทุกชนิดทุกขนาดและดูแตกต่างกัน แต่ทว่า โครงสร้างของพวกมันเหมือนๆ กัน ด้วยดวงตาใหญ่ดวงเดียวไม่สมส่วนที่อยู่ใจกลางใบหน้า กับปากอันปรากฏอยู่บนปลายคางอันยาวยื่น!

ลูกตาเหล่านั้นกลอกกลิ้งไปมาทางโน้นและทางนั้น มองไปยัง สิ่งที่น่าสนใจในม่านคุ้มกัน พลางแสยะยิ้มประหลาดอันทําให้ผู้คน ขนหัวลุกชูชัน

ทันใดนั้น ลูกตาทั้งหมดก็มองตรงไปยังดวงอาทิตย์ที่ถูกล่าม

เอาไว้ด้วยโซ่กลางอากาศ ด้วยสายตาแห่งความตื่นตระหนก

“พวกนี้คือมารชิงร่าง” หัวหน้าเผ่าเฒ่ากล่าวด้วยสีหน้าเคร่ง ขรึม “เผ่ามารนี้แตกต่างจากเผ่ามารอื่นๆ ในเมื่อพวกมันเก่งกาจ ด้านการแทรกซึม เมื่อพวกมันพบเจอสิ่งมีชีวิต มันก็จะแทรกซึม

เข้าไปในสิ่งมีชีวิตนั้นและเปลี่ยนแปลงเหยื่อไปทั้งหมด เปลี่ยนให้ กลายเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกับพวกมันหรือแม้กระทั่งเป็นชิ้นส่วนของ พวกมันเอง”

ฉินมู่อึ้งไปเล็กน้อย สามารถแทรกซึมเข้าไปในร่างศัตรู และเปลี่ยนเหยื่อให้กลายเป็นเผ่าพันธุ์หรือชิ้นส่วนของมันงั้นหรือ

มีเผ่าพันธุ์ที่พิลึกกึกกือเช่นนี้ด้วย? “จุดที่พิสดารพันลึกที่สุดของเผ่ามารชิงร่างก็คือว่าพวกมันใช้

ดวงจิตดวงเดียวกัน” ความหวาดกลัวเผยขึ้นมาบนใบหน้าของ

หัวหน้าเผ่าชรา แต่ก็ถูกกลบซ่อนไว้ในใจอย่างรวดเร็ว “หากว่า ท่านถูกพวกมันจับได้ จิตของท่านก็จะไปรวมกับพวกมัน มารเทวะ เผ่ามารชิงร่างนั้นมักจะมีร่างแยกเป็นล้านร่าง ดวงจิตของมันทรง พลังไร้เทียมทาน และหาว่าท่านถูกร่างใดร่างหนึ่งของมันจับเอาได้ มันก็จะบดขยี้ดวงจิตของท่านได้อย่างง่ายดาย และแปรเปลี่ยนท่าน ให้กลายเป็นหนึ่งในพวกมัน!”

หลิงอวี้จิว ซีอวิ๋นเซี่ยง และคนอื่นๆ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนาว เยือกถึงกระดูกสันหลัง หากว่ามารเทวะเช่นนี้หลุดออกจากแดน โบราณวินาศและบุกไปยังสันตินิรันดร์ จักรวรรดิสันตินิรันดร์ก็คง จะตกเป็นของเผ่ามารชิงร่างภายในไม่กี่วัน!

ใครกันที่จะสามารถต้านทานพลานุภาพของดวงจิตนับ พันล้านที่มาหลอมรวมเข้าด้วยกันได้

ดูจะจริงอย่างที่หัวหน้าเผ่าเฒ่าแห่งนักต้อนตะวันกล่าว หากว่า นักต้อนตะวันถูกขจัดกวาดล้าง มารเทวะในแดนโบราณวินาศก็จะ สามารถหลุดออกมาเป็นอิสระ และโลกภายนอกก็จะถูกกวาดล้าง ไปเช่นเดียวกัน

ทันใดนั้น ใบหน้าต่างๆ บนท้องฟ้าก็หายวับ และหัวหน้าเผ่า เฒ่าก็กล่าวทันที “เชิญองค์ชายได้โปรดเข้าควบคุมเรือตะวันเพื่อ ช่วยเหลือพวกเราด้วย!”

ฉินมู่รีบเหาะไปยังเสาทั้ง 4 และยื่นมือออกไปจับหนึ่งในนั้น พลังงานอันไร้ขอบเขตของเรือตะวันโถมถั่งเข้ามาในร่างของเขา และทําให้ร่างเนื้อของเขาขยายออกไปอย่างทวีคูณ รัศมีของเขาก็ พุ่งทะยานอย่างบ้าคลั่ง ทลายทะลุขั้นเจ็ดดาว ชาวสวรรค์ เป็นตาย และสะพานเทวะ เพื่อเข้าถึงเขตขั้นที่เขาไม่รู้จัก!

ตูม!

เสียงกัมปนาทดังมาจากร่างของเขา อันเกิดขึ้นมาจากการ ปลุกเปิดสมบัติเทวะ แต่ทว่าในเมื่อความเร็วของการเปิดสมบัติเทวะ ทั้งหลายรวดเร็วเกินไป จนฟังราวกับว่ามีเสียงระเบิดเดียว!

รัศมีเทวะแผ่พุ่งออกไปทุกทิศทางจากร่างกายของเขา และทํา ให้อวกาศโดยรอบบิดเบี้ยวไปชั่วแวบหนึ่ง ที่ตามมาก็คือคลื่น กระเพื่อมอันเกิดจากการสั่นสะท้านของห้วงมิติ

“ทรงพลังอะไรอย่างนี้!”

เสียงกึกก้องสะท้านโลกดังมาจากปากฉินมู่ ในตอนนั้นเขาได้ กลายเป็นหนึ่งกับเรือตะวัน และพลังงานที่มาจากมันนั้นเหนือลํ้า กว่าพลังงานที่เขาได้รับจากเรือจันทราไปหลายเท่า ดวงจันทร์ของ เรือนั้นดับแสงไปแล้วและแทบจะแหลกทําลายไปหมด ส่วนดวง อาทิตย์ของเรือตะวันนั้นถูกจุดสันดาปใหม่อีกครั้งด้วยมือเขา

ดังนั้น พลังงานในเรือจึงเพิ่มพูนขึ้นอย่างยิ่งยวด!

พลังงานนั้นคือปราณหยางพิสุทธิ์อันเกรี้ยวกราดรุนแรง เติม เต็มหัวใจเขาไปด้วยความปรารถนาทําลายล้าง

2 แขนงอกเงยเพิ่มขึ้นมาจากรักแร้ของเขา และคว้าจับเสา อีก 2 แท่ง พลังงานในร่างกายของฉินมู่ยังคงพุ่งสูงปรี๊ดอย่าง ดุเดือด และในตอนนั้น เขาก็ได้ยินเสียงกร๊อบ และเมื่อมองไปข้าง

หลังด้วยใบหน้าตื่นตะลึง ขาหนาแกร่งอีกข้างก็งอกจากกระดูก ปลายสันหลังของเขา

โอ๊ะ หรือน้องสาวจิ่งก็จะงอกขาที่ 3 ด้วยเช่นกัน เขาลอบคิด ในใจ

ยืนอยู่ด้วยขาทั้ง 3 บนพื้น ฉินมู่สามารถยืนได้อย่างมั่นคง และความมั่นใจของเขาก็เพิ่มพูนขึ้นทันที เมื่อเขามองไปยังม่านคุ้ม กันฟ้า

มันเงียบสงัดอย่างผิดปกติ และทันใดนั้นก็เกิดการระเบิดขึ้นมา เมื่อโซ่ยาวแทงทะลุม่านคุ้มกันของบ่อตะวัน ปากหนึ่งอ้ากว้าง และ มารชิงร่างจํานวนนับไม่ถ้วนก็พรั่งพรูออกมาจากในนั้น

พวกมันดูเหมือนแมลงอันนับไม่หวาดไม่ไหว ดําสนิทราวกับ รัตติกาล ดูเหมือนกับเมฆมืดอันบดบังท้องฟ้า และไม่นานก็โถมมา มากมายกลายเป็นมหาสมุทรดําทมิฬ

พวกมันไหลบ่ามาและขยํ้าตรงมายังเรือตะวัน หลิงอวี้จิว ซีอวิ๋ นเซี่ยง และคนอื่นๆ เงยหน้าขึ้นมองด้วยขนหัวลุกชา จํานวน มากมายนับไม่ถ้วนของมารชิงร่างเคลื่อนที่กระเพื่อมขึ้นลงเหมือน คลื่นทะเล พวกมันที่หลั่งไหลมานั้นมากมายพอที่จะท่วมเรือตะวัน ให้จมหายได้ในรวดเดียว

คางอันยาวเหยียดที่แทงทะลุม่านคุ้มกันฟ้านั้นเทเอามารร้ายลง มามากขึ้นทุกที หลิงอวี้จิวและซีอวิ๋นเซี่ยงล้วนเคยไปร่วมศึกมา ก่อน และผ่านประสบการณ์สมรภูมิในประเทศรังหมาป่า ระหว่าง การโจมตีครั้งนั้น การต่อสู้ขยายขนาดกว้างขวางอันมีทหารเป็น

หมื่นๆ เข้ารบราฆ่าฟันกันบนแดนรกร้าง เมื่อผู้ฝึกวิชาเทวะ สัตว์ ยักษ์ และเรือเหาะเข้าประจัญบานซึ่งกันและกัน เลือดและเนื้อก็ไหลหลั่งไปทั่วทิศ

แต่ทว่าภาพที่เห็นตรงหน้านี้แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง สงครามที่พวกนางเคยผ่านนั้นจืดจางเมื่อเทียบกับที่นี่ ไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึง

“โจมตี!”

บนเรือตะวัน นักต้อนตะวันทั้งหลายร้องคํารามด้วยใจฮึกหาญ และงัดอาวุธวิญญาณของตนออกมา พวกเขาพร้อมสู้เต็มที่และ เตรียมรับกับศึกอันศึกอันดุเดือดที่กําลังมาถึง

ฮู่หลิงเอ๋อเองก็ฮึกหาญไปด้วยกับเลือดร้อนระอุของคนอื่นๆ และยกแขนเล็กๆ ของนางพร้อมกับใบหน้าแดงฉ่าจากความตื่นเต้น เสียงของนางยังคงนุ่มและเยาว์วัยเมื่อนางตะโกนไปอย่างดัง “โจมตี!”

มังกรไร้เขาทั้งหลายข้างหลังนางกลายเป็นคึกไปด้วย พวกมัน ยืดเหยียดคอออกไปพลางโหมลุกไปด้วยจิตสังหาร พวกมันอ้าปาก แล้วร้องคําราม “มา ฮา!”

ฮู่หลิงเอ๋อกระโดดขึ้นไปบนหลังมังกรไร้เขาเขียวเข้มและดึงกระบี่เล็กๆ ของนางขึ้นมาเพื่อชี้ไปยังท้องฟ้า นางก็ตะโกนไปพร้อมกับฝูงมังกร “มา ฮา!”

มังกรเหล่านี้คึกคักเป็นพิเศษ และไม่ทันที่สงครามจะเข้าปะทะ กัน พวกมันก็พาจิ้งจอกน้อยทะยานขึ้นไปบนอากาศและบุกตะลุย ผ่านฝูงมารทั้งหลายที่กระโจนขยํ้าเข้าใส่!

“หลิงเอ๋อ เด็กคนนี้ก็บ้าบิ่นพอๆ กับจ้าวลัทธิ!” ซีอวิ๋นเซี่ยงโมโหจนแทบคลั่ง และนางรีบกระโดดขึ้นหลังกิเลน

มังกรพุ่งตามไป เพื่อมิให้จิ้งจอกน้อยตกในเงื้อมมือของศัตรู ขณะที่

กิเลนมังกรจะเหินหาวนั่นเอง หลิงอวี้จิวก็กระโดดขึ้นมาบนหลังของ เขา 2 สาวหันมามองหน้าหน้ากันแล้วกล่าวเป็นเสียงเดียว “ระวังให้ ดี!”

ตูม!

เรือตะวันพุ่งเข้าชนกับฝูงมารชิงร่าง และสั่นสะท้านอย่าง ต่อเนื่องจากแรงปะทะ มีไพร่พลบนเรือตะวันเพียงแสนกว่า ขณะที่ กําลังพลของมารชิงร่างนั้นนับเป็นหลักล้าน!

มาร้ายนับไม่ถ้วนลงมายังเรือตะวัน และการต่อสู้ดุเดือดก็ เริ่มต้นในทันใด นักรบแห่งเผ่านักต้อนตะวันได้ดูดซับเอาปราณห ยางพิสุทธิ์มาตั้งแต่ยังเด็ก และกําลังการต่อสู้ของพวกเขาก็น่า แตกตื่น พละกําลังร่างเนื้อของพวกเขาก็ยังเหนือลํ้ากว่าเผ่าพันธุ์ อื่นๆ แม้แต่ ‘เด็กๆ’ ของพวกเขาที่สูงเพียงหกวาเจ็ดวาก็มีเทวะกําลัง โดยธรรมชาติ

พลังวัตรของพวกเขาบริสุทธิ์เป็นอย่างยิ่ง และพวกเขาฝึกปรือ ไฟแท้หยางพิสุทธิ์และไฟแท้สุริยันมานับตั้งแต่ลืมตาดูโลก ทักษะเท วะของพวกเขาก็มหัศจรรย์ และพวกเขายังมีอาวุธวิญญาณ มากมายหลายหลาก อย่างเช่นระฆัง หม้อ กระบี่ ตึก เจดีย์แก้วผลึก อันแตกต่างไปจากเพียงแค่เต๋ากระบี่และเต๋าดาบในจักรวรรดิสันตินิ รันดร์

ไม่มีใครที่ต้านทานรับการโจมตีของพวกเขาได้ เมื่อพวกเขา ฟาดทําลายมารชิงร่างเป็นชิ้นๆ แต่จํานวนของศัตรูนั้นสูงลิ่ว จนเกินไป มารหลายร้อยตนเหมือนฝูงแตนที่ถูกก่อกวนอันพรั่งพรู เข้าไปกลุ้มรุมพวกนักต้อนตะวันกันทีละคนสองคน

ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว

มารชิงร่างเปิดดวงตากลมใหญ่มหึมาของมันและมีแสงมารยิง ออกมา ระดมถล่มใส่นักต้อนตะวันหลายต่อหลายคนในรัศมีให้ พรุนเป็นพันๆ รู เมื่อพวกเขาได้รับบาดเจ็บ ก็จะทําให้ยากหลีกหนี

จากการควบคุมจิต มารหลายร้อยเหล่านี้เข้ามารวมตัวกัน และแสง ดํามืดในดวงตาของพวกมันก็จะฉายส่องลงไปยังร่างกายที่บาดเจ็บ ของนักต้อนตะวัน คนผู้นั้นก็จะมีใบหน้าอันบิดเบี้ยวเปลี่ยนแปลง และดวงจิตของเขาก็จะถูกล้างสมองอย่างไม่หยุดยั้ง แม้กระทั่งใบหน้าของพวกเขาก็ไม่อาจรักษารูปเดิมเอาไว้ได้

ดวงตาของพวกนักต้อนตะวันที่ตกเป็นเหยื่อจะมารวมเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว และลูกตา 2 ลูกก็เข้ามาหลอมรวมกันเป็น ลูกที่ใหญ่ขึ้นอันอยู่ใจกลางใบหน้า ปากของพวกเขาก็จะเริ่มเลื่อน ลงข้างล่างตามคางที่ยาวยืดลงๆ จนกระทั่งพวกเขากลายเป็นมาร ชิงร่างอีกตนหนึ่ง และตามมารตนอื่นๆ เข้าโจมตีเพื่อนร่วมเผ่า!

หัวหน้าเผ่านักต้อนตะวันนําผู้อาวุโสหลายคนออกไปต่อสู้ด้วย ทุกสิ่งที่พวกเขามี ท่ามกลางเผ่ามารชิงร่างก็ไม่เคยขาดยอดฝีมือที่ แข็งแกร่งเป็นพิเศษ อันเป็นยอดฝีมือที่พวกมันแทรกซึมช่วงชิงร่าง มา กําลังฝีมือของคนพวกนั้นแข็งแกร่งอย่างยิ่งยวดและบางคน ถึงกับควงอาวุธมารเทวะเข้าโจมตี

หัวหน้าเผ่าเฒ่าเงยหน้าขึ้นและเห็นมังกรยักษ์ 10 กว่าตัวสังหารเข่นฆ่าศัตรูอยู่บนท้องฟ้า จนดินครํ่าครวญและสวรรค์รํ่าไห้ มังกร ไร้เขาเหล่านี้ได้ดึงดูดยอดฝีมือกลุ่มหนึ่งท่ามกลางเหล่ามารไปยัง พวกมัน

แต่ทว่า ฝูงมารที่พรั่งพรูมาก็ยังคงมากมายเกินไป

ทำไมองค์ชายถึงยังม่ลงมือ

ขณะที่หัวหน้าเผ่าเฒ่ากําลังคิดอยู่นั่นเอง ขาทั้ง 12 ของเรือ ตะวันก็พลันยกเงื้อขึ้นและเดินไปยังม่านคุ้มกันฟ้า ความเร็วของเรือ ตะวันเร็วขึ้นและเร็วขึ้น

เรือมหึมาอันเหมือนกับผืนปฐพีที่มีเมืองตั้งอยู่นั้นได้เร่งความเร็วของมันอย่างมหัศจรรย์ไปยังม่านคุ้มกันฟ้า

“องค์ชาย ท่านกําลังทําอะไร” หัวหน้าเผ่าเฒ่ารีบฉีกร่างของ ยอดฝีมือเผ่ามารชิงร่างออกเป็น 2 เสี่ยงด้วยความเกรี้ยวกราด จากนั้นเขาก็พุ่งเข้าไปยังใจกลางของเรือตะวันและร้องตะโกน “องค์ ชาย ท่านทําอย่างนั้นไม่ได้นะ!”

ตูม!

ด้วยเสียงระเบิดดังสะท้านพิภพ เรือตะวันก็พุ่งทะลุผ่านม่านคุ้ม กันฟ้า และพุ่งออกไปยังบริเวณอันได้รับการคุ้มกันของบ่อตะวัน

มารเทวะมารชิงร่างใหญ่มหึมากําลังคุกเข่าอยู่ที่พื้นตรงนี้ ด้วย 2 มือคํ้ายันร่างกายของมัน มันได้ปักคางของมันเข้าไปในม่าน คุ้มกันฟ้าแห่งบ่อตะวัน ข้างหลังร่างของมันคือปีกโครงกระดูกที่ สั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง ปีกคู่นั้นจะโบกสะบัดเป็นครั้งคราวเพื่อ กระพือลมดําหอบแล้วหอบเล่าออกไป

ในพริบตาที่เรือตะวันพุ่งทะลุม่านคุ้มกันฟ้า ลมพายุก็ซัดย้อนกลับ มารเทวะนี้รีบโบกกระพือปีก หมายที่จะบินขึ้นไป แต่ฉินมู่พลันเอื้อมมือไปคว้าโซ่และขับเคลื่อนพละกําลังของเขาเพื่อเหวี่ยงดวงอาทิตย์อันลอยอยู่บนอากาศ

หัวหน้าเผ่าชรามองตาค้างเมื่อเขาจ้องไปที่ฉินมู่ ฉินมู่เหวี่ยงดวงตะวันแห่งเผ่านักต้อนตะวันต่างอาวุธ เพื่อฟาดใส่มารเทวะมารชิงร่างอย่างอํามหิต เป่าเขากระจุยเป็นผุยผงในลูกหวดเดียว!

“สวรรค์…” หัวหน้าเผ่าเฒ่าแข้งขาอ่อน และนั่งจํ้าเบ้าลงไปกับ พื้น “องค์ชายหัวรุนแรงเกินไปแล้ว เขามีโอกาสเมื่อไหร่ เขาก็ไม่ สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหมทั้งนั้น…”

AC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!