Skip to content

Tales of Herding Gods 400

Tales of Herding Gods
BC

ตอนที่ 400 ลักพาตัว

C

ฉินมู่หลับตาลง หลังจากนั้นสักพัก ดวงตาของฮู่หลิงเอ๋อและ เอี๋ยนจิงจิงก็ฟื้นฟูกลับมา

“ในบ่อตะวัน ข้าเห็นเนตรเทวะของจื่อชิง” ฉินมู่มิกล้าลืมตาอีก “หลังจากนั้นก็มีหลายสิ่งหลายอย่างปรากฏในดวงตาของข้า ราว กับว่าดวงตาของนางได้ประทับรอยบางสิ่งเอาไว้ในดวงตาของข้า”

“ตาของเจ้ายังมองเห็นได้หรือไม่” เอี๋ยนจิงจิงถามด้วยความ กังวล

“ข้ามองเห็น” ดวงตาของเอี๋ยนจิงจิงได้รับการเยียวยาจากฉินมู่และก็ฟื้นฟูมา

ไม่มากก็น้อย นางสามารถมองเห็นได้ แต่ร่างกายของนางยังคงอ่อนแอและบอบบางอยู่

นางรีบมายังข้างกายฉินมู่และกดลงที่บ่าของเขาพลางกล่าว ด้วยเสียงแผ่วนุ่ม “พวกเรา เผ่านักต้อนตะวัน ก็มีวิชาในการ ฝึกปรือเนตรของเรา มันเรียกว่าวงแหวนตะวันดาวลูกไก่ รอให้ข้า โคจรขับเคลื่อนมันสักประเดี๋ยวแล้วค่อยลืมตาเจ้าขึ้นมา เพื่อที่ข้า จะได้ช่วยเจ้ามองดูได้”

ฉินมู่รออยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเอี๋ยนจิงจิงก็กล่าว “พร้อม”

เขาลืมตาขึ้นมา และแสงเทวะในตาคู่ก็แผ่พุ่งออกไป อาบไล่ บริเวณโดยรอบด้วยแสงขาวโพลนราวหิมะ จากนั้นเขาก็เห็นเด็ก สาวบอบบางตรงหน้าเคลื่อนที่มาใกล้ใบหน้าเขาและมองเข้าไปใน ม่านตาของเขาอย่างจริงจัง วงแหวนดวงดาวหมุนวนอย่างต่อเนื่อง เพื่อต่อต้านฤทธานุภาพของเนตรเทวะของเขา

เอี๋ยนจิงจิงตรวจตราดูเขาอย่างละเอียดและเคลื่อนที่ไปยังเบื้อง หน้าดวงตาเขาเพื่อจําแนกแยกแยะรอยฝังในนั้น

ฉินมู่ไม่กล้าระบายลมหายใจเมื่อเขาเกรงว่าจะเป่าลมไปใส่ ใบหน้านาง

“มันเป็นรอยฝังอักษรรูนทํานองหนึ่งที่เรียงร้อยต่อกันเป็น พยุหะ”

เอี๋ยนจิงจิงหายใจออกและเขาก็ได้กลิ่นกล้วยไม้กับดอกยวน เหว่ยฮวา[1] ระหว่างที่นางครุ่นคิดพลางเพ่งพิศดวงตาของเขาไป พลาง

“ชั้นนอกสุดของรอยพยุหะเหมือนกับวงแหวนตะวันดาวลูกไก่ ของเผ่านักต้อนตะวันพวกเรา แต่มันมีรอยฝังอื่นๆ อยู่ชั้นใน มันมี ทั้งหมด 2…3…4 ชั้น…”

นางตรวจสอบดูม่านตาของฉินมู่อย่างระมัดระวังและเห็นชั้น ของห้วงมิติอยู่ข้างใน อักษรรูนต่างๆ ได้ก่อขึ้นมาเป็นโครงอัน พิสดารราวกับเป็นวงแหวนตะวันที่ยืดไปข้างหลังอย่างไม่มีที่สิ้นสุด นางมองไม่เห็นถนัดว่ามีวงแหวนตะวันในนั้นอยู่มากมายแค่ไหน

“ข้างในดวงตาของเจ้า ในพื้นที่ใจกลางสุดของชั้นวงแหวน ตะวันดาวลูกไก่ มันดูราวกับว่ามีดวงอาทิตย์อยู่ 1 ดวง แต่มันก็ อาจจะเป็นภาพที่ก่อขึ้นมาจากวงแหวนดวงดาว…” นางสิ้นสุดการ วินิจฉัยและกล่าว “ข้าจะสอนทักษะเทวะเนตรวงแหวนตะวันดาว ลูกไก่ให้แก่เจ้า ลองดูว่าเจ้าจะสามารถควบคุมรอยฝังในดวงตา ด้วยทักษะเทวะนี้หรือไม่”

ฉินมู่พยักหน้าด้วยความยากลําบาก ถึงตอนนี้เอี๋ยนจิงจิงถึงเพิ่งตระหนักว่าใบหน้าของเขาอยู่

ใกล้ชิดกับใบหน้าของเขามากเหลือเกินจนแทบจะแตะกัน ฉินมู่ไม่

กล้าผงกหัวเพราะเกรงว่าจะไปชนกับนาง สายตาของพวกเขาสบ กัน และวงแหวนดวงดาวในดวงตาของพวกเขาสาดพริบพราวด้วย แสงอันเจิดจ้า

แต่ทว่า ในตอนนั้นเอง เสียงของฮู่หลิงเอ๋อก็ดังมา “คุณชาย การตรวจดวงตาเสร็จหรือยัง ทําไมข้าไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยล่ะ”

ฉินมู่กล่าว “ยังไม่เสร็จ” เอี๋ยนจิงจิงหัวเราะและลมหายใจของนางเป่าใส่ใบหน้าของเขา

ฮู่หลิงเอ๋อได้ยินและรู้สึกสงสัยตงิดใจ นางว่ายนํ้าด้วยทั้งแขน

ทั้งขาตีนํ้าไปมาลอยเข้าใกล้พวกเขาด้วยหางที่ลอยอยู่บนผิวนํ้า

สายตาของฉินมู่นั้นเจิดจ้าเกินไป ดังนั้นนางจึงมองไม่เห็นเขา แต่ทว่านางมุ่งหน้ามาตามทิศทางเสียง และลอยมาหยุดกึ่งกลาง ระหว่างพวกเขาพอดี ครึ่งหนึ่งของตัวนางโผล่ขึ้นมาจากนํ้า และ นางก็สลัดหางไปมาจนนํ้ากระเซ็นใส่เด็กหนุ่มและเด็กสาว

ฉินมู่และเอี๋ยนจิงจิงรีบแยกออกจากกัน และข่มความคิดเตลิด ไกลในหัวใจพวกเขา ฉินมู่หลับตาลง ฮู่หลิงเอ๋อนั่งอยู่ตรงกลาง กั้น พวกเขาเอาไว้

เอี๋ยนจิงจิงกล่าวทันที “ข้าจะสอนวงแหวนตะวันดาวลูกไก่ให้ เจ้าล่ะ ดังนั้นฟังให้ดีๆ”

จากนั้นนางก็อธิบายวิชาแก่เขา

ฉินมู่ถามประเด็นที่เขาสงสัย และไม่นานก็สําเร็จวงแหวนตะวัน ดาวลูกไก่ เขาลองขับเคลื่อนมันดู และชั้นของวงแหวนดวงดาวใน ม่านตาของเขาก็หายวับไปทีละชั้นๆ แต่ทว่าก็ยังคงมีอักษรรูนบาง ตัวที่ยังคงแหวกว่ายไปมาในแก้วตา

เขาลืมตาขึ้นมา ไม่มีแสงสว่างจ้าน่าตระหนกส่องออกมาอีก ต่อไป แต่ทว่าในส่วนลึกของแก้วตาเขา มันจะมีรังสีแสงพุ่งออกมา เป็นระยะ

วงแหวนตะวันดาวลูกไก่ไม่อาจปิดการทํางานของรอยฝังที่อยู่ แกนกลางลึกสุดได้

เอี๋ยนจิงจิงแหวกว่ายมาจากข้างๆ และตรวจดูแก้วตาเขาอีก ครั้ง ก่อนที่จะครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง “วงแหวนตะวันดาวลูกไก่ น่าจะ

เป็นส่วนหนึ่งของวิชาเนตรเทวะนั้น มันมิใช่วิชาที่สมบูรณ์ รอย ประทับตะวันจึงมิอาจปิดการทํางานได้โดยสิ้นเชิง…”

ฮู่หลิงเอ๋อก็มาที่ข้างๆ ฉินมู่ และเพ่งพิศดูดวงตาข้างขวาของ เขาราวกับว่านางคือผู้เชี่ยวชาญอีกคนหนึ่ง “คุณชาย ในดวงตา ท่านมีดวงดาวหลายดวงแน่ะ!”

ฉินมู่ไม่รู้จะหัวเราะหรือรํ่าไห้ “นั่นคือวงแหวนตะวันดาวลูกไก่ ข้ากับน้องสาวจิงกําลังปรึกษากันอยู่ ดังนั้นอย่าเพิ่งกวน น้องสาว จิง รอยประทับในดวงตาของเทพจื่อชิงถูกสะท้อนไว้ในดวงตาของ ข้า ดังนั้นพวกเราอาจจะสามารถเรียนรู้เนตรเทวะของนางจากภาพ

สะท้อนเหล่านั้น เนตรเทวะของนางนั้นต้องเป็นเนตรเทวะอันดับ หนึ่งในยุคสมัยจักรพรรดิก่อตั้งเป็นแน่ หากว่าพวกเราสามารถ เรียนรู้มันได้ ก็จะเป็นเรื่องวิเศษเหนือธรรมดา!”

เอี๋ยนจิงจิงครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วกล่าว “เป็นไปไม่ได้หรอกที่ จะเรียนรู้เนตรเทวะอันดับหนึ่งได้โดยเพียงดูจากแค่รอยประทับ แม้ว่าข้าจะได้เรียนวงแหวนตะวันดาวลูกไก่ แต่ข้าก็มิอาจอิงอาศัย มันในการอนุมานวิชาฝึกปรือของเนตรเทวะอันดับหนึ่งออกมาได้ มันยากเกินไป…”

“มีบางคนสามารถทําได้!” ดวงตาของฉินมู่ลุกวาบเมื่อเขาเต็ม ไปด้วยความมั่นใจ “ท่านปู่บอดของข้า เขาจะต้องฟื้นฟูวิชา ฝึกปรือของเทพจื่อชิงได้จากเพียงรอยประทับนี้เป็นแน่!”

“ท่านปู่บอด?” เอี๋ยนจิงจิงถามอย่างฉงน “ไม่ใช่ว่าเขาคือ บุคคลที่มิอาจมองเห็นได้อีกต่อไปหรือ”

ฉินมู่มั่นใจในความสามารถของเฒ่าบอดอย่างสุดๆ “แม้ว่าเขา จะตาบอด แต่สายตาเขาดีมากๆ เขานั้นเป็นบุคคลที่มีความสําเร็จ เชิงเนตรเทวะอย่างลํ้าเลิศที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบเห็น!”

เอี๋ยนจิงจิงยิ่งงงหนักเข้าไปใหญ่ นางถามอย่างพิศวง “เขาเป็น คนตาบอด แต่ทําไมสายตาเขาถึงดีมากๆ ไปได้ล่ะ”

“ท่านปู่บอดมีสายตาดีที่สุด ท่านปู่ใบ้พูดไม่ค่อยมาก แต่เวลา ด่าทอผู้คนทําได้เจ็บแสบที่สุด ท่านปู่เป๋วิ่งเร็วที่สุด ท่านปู่หม่าแขน เดียวมีเพลงหมัดที่กร้าวแกร่งที่สุด ท่านปู่คนแล่เนื้อที่มีร่างเพียงครึ่ง ตัวเวลาต่อสู้สู้ได้ดุเดือดที่สุด และแม้ว่าท่านปู่หนวกจะไม่ได้ยินเสียง

แต่เขาก็เข้าใจคําพูดคนอื่นมากที่สุด”

ฉินมู่แย้มยิ้ม “ยังมีท่านยายซีที่เลอโฉมที่สุด ท่านปู่นักปรุงยาที่ น่ารักที่สุดซึ่งยอดเยี่ยมทั้งการเยียวยาและการวางยาพิษผู้คน แต่ ทว่าที่ทรงพลังที่สุดในหมู่พวกเขานั้นก็ยังคงเป็นผู้ใหญ่บ้าน ผู้ซึ่ง

ไม่มีแขนและขา เพลงกระบี่ของเขาเลิศลํ้าที่สุดในโลกหล้า!”

เอี๋ยนจิงจิงอึ้งไป จากนั้นนางก็กล่าวด้วยความตื่นเต้น “ข้า อยากจะออกไปชมดูจัง!”

“เมื่อความป่วยไข้ของเจ้าฟื้นฟู ข้าจะพาเจ้าออกไป!” ฉินมู่กล่าว “นี่ก็ใกล้ปีใหม่แล้ว ข้าคะเนว่าพวกเราคงจะไปเลี้ยงฉลองกันที่บ้านท่านยายในปีนี้ เจ้าอยากจะไปด้วยกันหรือเปล่าล่ะ”

“แน่นอน!” เอี๋ยนจิงจิงตื่นเต้นจนบอกไม่ถูก แต่ไม่นานสีหน้า ของนางก็หดหู่ชืดชา นางส่ายหัวและกล่าว “ข้าต้องอยู่กับชนเผ่า ถ้าไม่มีใครคอยดูแลเรือตะวันเลยไม่ได้หรอก หากว่ามารร้ายมาอีก ครั้ง…”

ฉินมู่แย้มยิ้มแล้วกล่าว “ไม่เป็นไรหรอก ข้าได้ตกดวงอาทิตย์ ดวงใหม่ขึ้นมา และสังหารมารเทวะมารชิงร่างไปแล้ว ดังนั้นคงไม่มี ศัตรูมาโจมตีไปพักใหญ่ๆ แล้วข้าจะส่งเจ้ากลับมาที่นี่หลังปีใหม่”

เอี๋ยนจิงจิงปีติยินดีแต่ก็กระวนกระวายไปด้วยเช่นกัน “ข้าไม่ไปเคยออกไปจากเผ่า และเดินทางตามลําพังเลย…”

“มีข้าอยู่ด้วย เจ้าวางใจได้เลย!”

ฮู่หลิงเอ๋อไม่อาจร่วมวงสนทนา นางจึงได้แต่ทําแก้มตุ่ยในใจ ผ่านไปสักพักหนึ่ง สตรีจากเผ่านักต้อนตะวันหลายคนก็เดินเข้ามา และวางกองเสื้อผ้าไว้ข้างๆ พลางกล่าวอย่างนอบน้อม “องค์ชาย เสื้อผ้าใหม่ตัดเย็บเสร็จสิ้นแล้ว”

ฉินมู่ลุกขึ้นและพลันรู้สึกเย็นวูบที่ก้นอันเปลือยเปล่า เขารีบนั่ง ลงไปในนํ้าและบอก “หลิงเอ๋อ น้องสาวจิง หันหลังไป ข้าจะเปลี่ยน เสื้อผ้าสักหน่อย”

เอี๋ยนจิงจิงและฮู่หลิงเอ๋อทําตามที่เขาบอก ดังนั้นเขาจึงรีบปีน ขึ้นมาจากบ่อ

ฮู่หลิงเอ๋อหันกลับไปแอบดู แต่เอี๋ยนจิงจิงรีบกล่าวทันที “อย่า แอบมอง!”

“ข้าจะดูว่าคุณชายมีหางอะไรหรือไม่” นางกระซิบกลับ

“เจ้าเห็นหางอะไรไหมล่ะ” เอี๋ยนจิงจิงถามด้วยความอยากรู้เหมือนกัน

“ไม่เลย ก้นของเขาโล้นเลี่ยน” เสียงของฮู่หลิงเอ๋อเจือไปด้วย ความผิดหวัง

ฉินมู่แต่งตัวสวมภูษาเสร็จแล้ว และพบว่ามันเป็นสีฟ้าคราม ส่วนที่ซ้อนกันของเสื้อนอกนั้นปักไว้ด้วยลวดลายสุริยันจันทรา ส่วนขอบปกเสื้อยาวลงมาปักลายหงส์และมังกร รูปแบบและการตัดเย็บนั้นเหมาะเจาะกับร่างฉินมู่เป็นอย่างยิ่ง มันมีรายละเอียดบางจุด ที่ทําให้ดูหรูหรา แต่ก็ไม่สะดุดตาจนเกิน มันเรียบง่าย สง่างาม และงําประกาย

“เสื้อผ้าพวกนี้ไม่เลวเลย” ฉินมู่ตกตะลึงเมื่อพบว่าสัมผัสของเนื้อผ้านั้นเบาสบายเพียงไร

เมื่อเขาทดลองขับเคลื่อนวิชา 9 มังกรราชันย์ และกล้ามเนื้อของ

เขาก็ปูดโปนออกมาเหมือนมังกร เสื้อผ้าของเขาก็ขยายตามไป ด้วย และมันยังคงเหมาะเจาะดูดี

“ฝีมือเยี่ยมจริงๆ!”

ฉินมู่ทั้งประหลาดใจแกมยินดี เขาสามารถสัมผัสได้ถึงปราณ ชีวิตที่เคลื่อนโคจรผ่านร่างกายของเขาขยับเคลื่อนไหวไปตามเสื้อผ้าราวกับว่ามันคือผิวหนังของเขาอีกชั้นหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้น เสื้อผ้าชุดนี้ยังสามารถปรับเปลี่ยนเองได้ตามการเปลี่ยนแปลงใดๆ

“นี่เป็นฝีมือของเผ่าขนนกสวรรค์!” ฉินมู่แย้มยิ้มแล้วกล่าว “หากว่าเผ่าขนนกสวรรค์ไปถึงสันตินิรันดร์ พวกเขาก็สามารถหา เลี้ยงชีพได้สบายๆ โดยอาศัยแค่ฝีมือในการตัดเย็บเสื้อผ้า”

เขากระโดดกลับลงไปแช่ในบ่ออีกครั้ง แม้ว่าเสื้อผ้าจะลงไปใน นํ้า แต่มันก็ไม่เปียก เมื่อเขาขึ้นจากนํ้า มันก็ยังคงแห้งอยู่ นี่ทําให้ ฉินมู่ต้องเดาะปากด้วยความทึ่ง

นํ้าในบ่อนั้นควบแน่นขึ้นมาจากปราณหยางพิสุทธิ์ และด้วยการแช่อยู่ในนั้น มันจะฟื้นฟูพลังชีวิตให้ เอี๋ยนจิงจิงนั้นเป็นกายาหยางพิสุทธิ์ ดังนั้นจึงได้รับผลดีมากที่สุด ฉินมู่ก็สามารถดูดซับ ปราณหยางพิสุทธิ์ในนํ้าโดยการโคจรวิชากายาจ้าวแดนดินสาม อมตะ ไม่เพียงแต่เขาจะรู้สึกว่าพลังชีวิตของเขาฟื้นฟูกลับมาอย่าง ต่อเนื่อง ปราณชีวิตของเขาก็บริสุทธิ์ขึ้นเช่นเดียวกัน ทั้ง 2 คนแช่ อยู่ในนํ้าพุร้อนหลายวัน และร่างกายของพวกเขาก็ฟื้นฟูมาเกือบ เต็มที่

อาการบาดเจ็บของฮู่หลิงเอ๋อหายขาดไปนานแล้ว แต่นาง ยังคงแช่อยู่ด้วย ไม่อยากที่จะออกไป ดังนั้นฉินมู่จึงฉวยใช้เวลานี้ ในการสอนทักษะเทวะ มรรคา และวิชาต่างๆ ให้แก่นาง รวมทั้งสอน วิธีการใช้กระบี่อีกด้วย และเขาก็ยังแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเอี๋ย นจิงจิงในด้านความรู้เกี่ยวกับเนตรเทวะ ดังนั้นช่วงเวลาหลายวันก็ ผ่านไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว

แม้ว่าพลังชีวิตของเอี๋ยนจิงจิงจะฟื้นฟูกลับมา แต่นางก็ยังบอบ บางเป็นอย่างยิ่ง เมื่อนางยื่นมือออกมา แขนผอมซูบแทบจะมีแต่ กระดูกของนางก็ทําให้ผู้คนรู้สึกสงสารรักใคร่ เรือตะวันได้ดูดกลืน ร่างเนื้อของนางมาช้านาน เกินกว่าที่นางจะฟื้นฟูทั้งหมดได้ใน ระยะเวลาอันสั้น

ฉินมู่อุ้มฮู่หลิงเอ๋อขึ้นมาจากนํ้า ขณะที่เอี๋ยนจิงจิงปีนขึ้นมา จากบ่อด้วยตนเอง

“หัวหน้าเผ่าคงไม่อยากที่จะให้ข้าไป ข้าไม่เคย ออกห่างไปไกลจากเรือตะวันมาก่อนเลย…” นางกล่าวด้วยความลังเล

“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องบอกเขา พวกเราจะแอบหนีออกไป” ฉินมู่แย้มยิ้ม

เอี๋ยนจิงจิงตื่นเต้นสุดๆ จนใบหน้านางแดงเรื่อ นิ้วของนางกํา เข้าหากันเป็นหมัดแน่น “แบบนั้นอาจจะไม่ดีหรือเปล่า”

ฉินมู่ให้พวกนางรออยู่ใกล้ๆ ส่วนเขาไปตามหาหัวหน้าเผ่านัก ต้อนตะวันกับอวี่เจ้าชิง อวี่เจ้าชิงนั้นได้เสร็จสิ้นการปรึกษาหารือกับ

ชนเผ่าของนางแล้ว และตัดสินใจว่าจะไปลงหลักปักฐานที่ จักรวรรดิสันตินิรันดร์เป็นการชั่วคราว พวกเขาก็รอแต่คําสั่งออก เดินทางของฉินมู่เท่านั้น

เขานําซีอวิ๋นเซี่ยง หลิงอวี้จิว และเรียกกิเลนมังกรกับฝูงมังกร ไร้เขาทั้งหลายที่ละเล่นกันอยู่ในทะเลสาบกลับมา เขากล่าวลา หัวหน้าเผ่านักต้อนตะวันขณะที่ฮู่หลิงเอ๋อพาเอี๋ยนจิงจิงลอบปะปน

ไปกับผู้คนเผ่าขนนกสวรรค์

หัวหน้าเผ่านักต้อนตะวันพาทุกๆ คนมาส่งพวกเขาออก เดินทาง และกล่าว “องค์ชาย ร่างกายของผู้พิทักษ์ตะวันนั้น ค่อนข้างอ่อนแอ ต้องรบกวนองค์ชายช่วยดูแลนางด้วย”

ฉินมู่อึ้งไป หัวหน้าเผ่าเฒ่าโบกมือลา และส่งพวกเขาออก เดินทาง

เมื่อพวกเขาออกมาไกลจากบ่อตะวัน เอี๋ยนจิงจิงก็มายังข้าง กายฉินมู่และกล่าวอย่างเริงร่า “หัวหน้าเผ่าไม่ทันสังเกตเห็นข้า!”

ฉินมู่ไม่รู้จะหัวเราะหรือรํ่าไห้ จิ้งจอกเฒ่าย่างเขาจะไม่ทันสังเกตเห็นนางได้อย่างไร…

หลิงอวี้จิวตกอกตกใจและรํ่าร้องออกมา “เด็กเลี้ยงวัว นี่เจ้าลักพาตัวผู้พิทักษ์ตะวันหรือ เจ้ากล้าอะไรอย่างนี้!”

ซีอวิ๋นเซี่ยงยิ้มหยันแล้วกล่าว “เขายังกล้าลักพาตัวองค์หญิงแห่งจักรวรรดิสันตินิรันดร์เลย”

จากนั้นนางก็มองไปรอบๆ กับภาพ อันอลังการของผู้คนอันงดงามนับล้านๆ ของเผ่าขนนกสวรรค์ที่ติดตามฉินมู่ไปยังจักรวรรดิสันตินิรันดร์ และพึมพํา “จ้าวลัทธิยัง ลักพาตัวเผ่าขนนกสวรรค์อีก…กับทั้งมังกรไร้เขา 10 กว่าตัวนั่น เขานี่นับว่ามีคุณสมบัติโดยสันดานที่จะเป็นจ้าวลัทธิมารฟ้าจริงๆ ปรมาจารย์ตัดสินใจถูกต้องแล้ว หากว่าเป็นข้า ข้าคงไม่อาจลักพาตัวสาวกได้มากมายขนาดนี้…ส่วนหลี่เทียนซิ่งมาเป็นกระดาษเช็ดก้นให้เขายังไม่คู่ควรเลย!”

………….

[1] ดอกยวนเหว่ยฮวา ดอกไอริส

AC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!