ตอนที่ 1038 เสียใจ
วังเจินไปแล้ว เซียวหวงพลิกดูสมุดบันทึกที่เขานำมามอบให้ ล้วนเป็นของขวัญที่วังโส่วฝู่แอบมอบให้กับขุนนางในราชสำนัก ในจำนวนนี้ยังมีเรื่องความลับไม่อาจเปิดเผยของตระกูลวังอีกด้วย
ในห้องรับรอง นางข้าหลวงใหญ่ชิงฉางมองเซียวหวงพลางเอ่ยถามขึ้นเบาๆ ว่า “องค์หญิงคิดลงมือจัดการวังโส่วฝู่หรือเพคะ”
เซียวหวงยิ้มบางพลางส่ายหน้า “เจ้าคิดว่าอาศัยสมุดบันทึกนี่ก็จะล้มวังโส่วฝู่ได้หรือ หากยามนี้ข้าลงมือกับวังโส่วฝู่ ก็คงทำให้ราษฎรใต้หล้ากับขุนนางในราชสำนักผิดหวังต่อราชวงศ์ ที่ข้าต้องการไม่ใช่ความผิดหวังแต่เป็นความเคารพเกรงขาม”
วังเจินนำสมุดบันทึกส่งมามอบให้ง่ายดายเพียงนี้ น่าจะรู้ว่านางจะไม่ใช้สมุดบันทึกนี้ล้มวังโส่วฝู่ คนโง่เท่านั้นที่จะทำเรื่องเช่นนี้ นางใช้สมุดบันทึกข่มขู่วังโส่วฝู่ให้เขาไม่กล้าออกหน้าให้ขุนนางที่เป็นคนของเขา ถึงตอนนั้นคนพวกนั้นก็จะเอาใจออกหากจากวังโส่วฝู่ นี่ก็คือสิ่งที่นางต้องการ
เซียวหวงกล่าวจบก็เก็บสมุดบันทึกลุกขึ้น ชิงฉางรีบกล่าวว่า “กลับเข้าวังตอนนี้เลยไหมเพคะ”
เซียวหวงได้ของที่ตนเองต้องการแล้วก็อารมณ์ดีมาก เอ่ยขึ้นว่า “ไปจวนองค์หญิงใหญ่ เยี่ยมเสด็จพี่หญิงใหญ่กันก่อน”
ตอนเซียวหวงเกิด องค์หญิงใหญ่เซียวฉานรักนางมาก ตอนเด็กมักจะมาพานางไปเล่น ดังนั้นนางสนิทกับองค์หญิงใหญ่มาก ยากจะได้ออกจากวังหลวงสักครั้ง นางคิดไปจวนองค์หญิงใหญ่เยี่ยมเซียวฉาน
“เพคะ องค์หญิง”
ทุกคนเดินทางไปจวนองค์หญิงใหญ่ ปรากฏบรรยากาศในจวนองค์หญิงใหญ่ไม่ค่อยดีนัก องค์หญิงใหญ่เซียวฉานสีหน้าอิดโรย ไร้ความกระปรี้กระเปร่า แม้ได้พบน้องสาวที่รักก็ยังไม่รู้สึกกระตือรือร้น
เซียวหวงรีบถามอย่างห่วงใยนาง “เสด็จพี่หญิงใหญ่ประชวรหรือเพคะ”
เซียวฉานส่ายหน้า “ไม่มีอันใด ก็แค่ไม่มีกะจิตกะใจทำอันใดเท่านั้น น้องสามออกจากวังหลวงมาได้อย่างไร”
กล่าวจบนางก็คิดถึงว่าก่อนหน้านี้ได้ยินราชบุตรเขยบอกว่า เสด็จพ่อคิดแต่งตั้งน้องสามเป็นรัชทายาทหญิง
แม้องค์หญิงใหญ่เซียวฉานแปลกใจแต่ก็มิได้คิดคัดค้าน นางดูแลน้องสามมาแต่เล็ก รู้ดีว่านางฉลาดเพียงใด ในฐานะพี่สาวย่อมรู้ดี เพียงแต่นางรู้ว่าการดำรงตำแหน่งฮ่องเต้นั้นไม่ง่าย
เซียวฉานยื่นมือไปคว้ามือเซียวหวงมากุมไว้ “น้องสาม พี่ได้ยินว่าเสด็จพ่อคิดแต่งตั้งเจ้าเป็นรัชทายาทหญิงหรือ”
เซียวหวงพยักหน้า อมยิ้มกล่าวว่า “เสด็จพี่หญิงใหญ่คงไม่ได้คิดคัดค้านข้าเหมือนผู้อื่นกระมัง”
เซียวฉานส่ายหน้า “ข้าจะไปคัดค้านได้อย่างไร หากเจ้าได้เป็นรัชทายาทหญิง สถานะผู้หญิงในแคว้นต้าโจวก็ย่อมก้าวหน้าไปอีกขั้น ถึงตอนนั้นผู้หญิงอย่างพวกเราก็ไม่ต้องทนรองรับอารมณ์ผู้ชายอีกแล้ว”
เซียวฉานกล่าวด้วยน้ำเสียงคล้ายมีโทสะ องค์หญิงสามเซียวหวงเป็นคนฉลาด ได้ฟังคำพูดเซียวฉานก็คิดได้ทันทีว่าเซียวฉานไม่พอใจ อาจเกี่ยวข้องกับราชบุตรเขย
ราชบุตรเขยพระสวามีองค์หญิงใหญ่เป็นคนจวนอวิ๋นซานป๋อ จวนอวิ๋นซานป๋อตกต่ำมานานแล้ว แต่บุตรชายทั้งสองหน้าตาดีไม่เลว ราชบุตรเขยใหญ่ก็คือบุตรชายรองในจวนอวิ๋นซานป๋อ รูปงามราวหยกสลัก สุภาพเรียบร้อย ความจริงฝ่าบาทไม่ค่อยทรงยินดีจะให้องค์หญิงใหญ่ออกเรือนไปกับเขา แต่ก็จนใจเพราะองค์หญิงใหญ่พึงใจเขา ยืนยันจะออกเรือนให้ได้
ฝ่าบาทจึงได้แต่ปล่อยนาง แต่ก่อนนางออกเรือน ฝ่าบาทเคยเรียกตัวอวิ๋นซานป๋อกับบุตรชายรองอวิ๋นซานป๋อเข้าวังมาบอกกล่าวถึงธรรมเนียม ชายอายุสี่สิบไร้บุตรชายจึงจะรับอนุได้ ก็หมายความว่าราชบุตรเขยใหญ่ห้ามรับอนุ นอกจากองค์หญิงใหญ่ไม่อาจให้กำเนิดบุตรชาย ราชบุตรเขยใหญ่อายุสี่สิบจึงจะรับอนุได้
ตอนนั้นอวิ๋นซานป๋อกับบุตรชายรองอวิ๋นซานป๋อรับปากทันที
ฮ่องเต้เห็นว่าบุตรสาวคิดออกเรือน คนเขาก็รับปากเงื่อนไขนี้จึงได้ยอมตกลง
องค์หญิงใหญ่ออกเรือนกับราชบุตรเขย หลายปีมานี้สองสามีภรรยาก็อยู่ร่วมกันอย่างสามัคคีปรองดอง ทั้งสองคนให้กำเนิดบุตรสาวสองคน แต่องค์หญิงอายุเพียงแต่ยี่สิบกว่า ไม่มีผู้ใดเป็นห่วงว่านางจะไม่อาจให้กำเนิดบุตรชายได้
เพียงแต่วันนี้เห็นได้ชัดว่าองค์หญิงใหญ่สีหน้าไม่ค่อยดีนัก และเรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับราชบุตรเขย
เซียวหวงคิดไปพลางมองไปยังองค์หญิงใหญ่กล่าวว่า “เสด็จพี่หญิงอารมณ์ไม่ดีเพราะพี่เขยหรือ”
เซียวหวงกล่าวจบ เดิมองค์หญิงใหญ่ที่กำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่ ก็พลันรีบเก็บอาการทันที รับส่ายหน้าปฏิเสธ “เปล่า”
แต่แม้ว่านางกล่าวเช่นนี้ แต่สีหน้ามิใช่ดังที่กล่าว เซียวหวงไม่คิดสนใจนาง มองไปยังนางกำนัล ปรนนิบัติองค์หญิงใหญ่
“เจ้าว่ามา เกิดเรื่องอันใดขึ้น”
จินไชนางกำนัลปรนนิบัติองค์หญิงใหญ่ลงคุกเข่าทันที ทูลว่า “องค์หญิงสาม ก่อนหน้านี้ราชบุตรเขย รับปากฝ่าบาทแล้วว่าจะไม่รับอนุ ปรากฏเขากลับมีนางอุ่นเตียงหลายคนข้างกาย ในจำนวนนี้มีหญิงผู้หนึ่งถึงกับตั้งครรภ์”
องค์หญิงใหญ่ตวาดขึ้นทันที “หุบปาก พูดจาเหลวไหลอันใด”
นางกล่าวจบก็หันไปมององค์หญิงสาม “น้องสาม ไม่มีเรื่องเช่นนี้ เจ้าอย่าได้ฟังจินไชเหลว…”
ยามนี้องค์หญิงสามโมโหองค์หญิงใหญ่ที่ไม่ได้เรื่องของตนเองอย่างมากจนพูดอันใดไม่ออก แววตาองค์หญิงใหญ่ค่อยๆ แดงก่ำ สุดท้ายหลั่งน้ำตาอย่างกล้ำกลืน
องค์หญิงสามเห็นนางเช่นนี้ก็อดถอนหายใจไม่ได้ “เสด็จพี่หญิงใหญ่ พี่เป็นองค์หญิง ไม่จำเป็นต้องทนกล้ำกลืนฝืนใจตนเอง พี่เขยกล้าทำกับท่านเช่นนี้ ท่านก็ควรสำแดงอำนาจบารมี ไหนเลยต้องมาแอบหลั่งน้ำตาเพียงผู้เดียวเช่นนี้”
องค์หญิงใหญ่เอ่ยอย่างปวดใจว่า “ล้วนต้องตำหนิข้าเอง ข้าไม่ได้ให้กำเนิดบุตรชาย หากข้าให้กำเนิดบุตรชาย เขาก็คงไม่นอกใจ”
เซียวหวงแค่นหัวเราะขึ้นทันที “วาจานี้ผู้ใดบอกกับเสด็จพี่ พี่เขยหรือ เพราะเสด็จพี่ไม่มีบุตรชาย ดังนั้นเขาจึงได้แตะต้องหญิงอื่นหรือ เสด็จยินยอมเชื่อว่าใต้หล้ามีฝนแดงตกได้ แต่อย่าได้เชื่อวาจาผู้ชายเช่นนั้น อันใดกล่าวว่าเพราะท่านไม่ให้กำเนิดบุตรชาย เขาจึงไปแตะต้องหญิงอื่น เขาเป็นบุตรชายรองตระกูลหยาง มิใช่บุตรชายคนโต บุตรชายคนโตมีบุตรชายถึงสองคนแล้ว เขามีบุตรชายเร็วหรือช้าต่างอันใดกัน พูดไปพูดมาก็เพราะพึงใจหญิงอื่น ต้องการหาข้ออ้างให้ตนเอง เสด็จพี่หญิงเชื่อวาจาชั่วร้ายของเขาได้อย่างไรกัน”
นางกล่าวจบก็มองไปยังเซียวฉาน กล่าวอีกว่า “เสด็จพี่หญิงคิดเช่นไร หรือว่าจะยอมให้หญิงผู้นั้นให้กำเนิดบุตร หากเป็นเช่นนั้น เขาก็คือบุตรชายคนโตที่ถือกำเนิดจากอนุในจวนเสด็จพี่ วันหน้าเสด็จพี่ไม่ให้กำเนิดบุตรชายยังดี แต่หากให้กำเนิดบุตรชาย แม้เป็นบุตรชายจากภรรยาเอก แต่จะไม่ถูกบุตรชายคนโตคิดแย่งชิงหรือ นี่เป็นการทิ้งภัยหายนะไว้ให้บุตรชายตนเองโดยแท้”
เซียวฉานได้ฟังเซียวหวงก็ร้องไห้ขึ้นมา เดิมนางมีนิสัยรอบคอบ เพราะเกิดมาก็ไม่มีเสด็จแม่ เติบโตมาด้วยการเลี้ยงดูจากฮองเฮามารดาเลี้ยง แต่ไรมาไม่เคยก้าวผิดพลาด กลัวจะทำให้เสด็จพ่อไม่พอพระทัย แม้ว่านางรู้ว่าเสด็จพ่อรักนางมาก แต่นางก็ยังคงไม่อาจปล่อยวางปมในใจตนเองได้
ครั้งนี้ราชบุตรเขยโปรดปรานหญิงอื่น ปล่อยให้หญิงผู้นั้นตั้งครรภ์ แม้ว่านางปวดใจแต่ก็คิดจะอดทนต่อไป นางกลัวว่าหากเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา เสด็จพ่อทราบแล้วก็จะโมโห ถึงตอนนั้นย่อมต้องรังเกียจนาง เห็นอยู่ว่าตอนนั้นเสด็จพ่อไม่ชอบราชบุตรเขย แต่นางดึงดันจะออกเรือนให้ได้
นางเห็นว่าราชบุตรเขยสุภาพเรียบร้อยและอ่อนโยนกับผู้อื่น จึงได้พึงใจเขา ปรากฏคนผู้นี้ไม่เพียงอ่อนโยนต่อนาง แต่ยังอ่อนโยนกับผู้อื่นเช่นกัน
ความจริงองค์หญิงใหญ่รู้มานานแล้วว่าข้างกายราชบุตรเขยมีนางอุ่นเตียงหลายคน แต่ก็ทำเป็นปิดตาข้างหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้ถึงกับมีหญิงนางหนึ่งตั้งครรภ์ เด็กคนนี้เกิดมาก็คือบุตรชายคนโตในจวนนาง นางจะทนรับได้อย่างไร
องค์หญิงใหญ่ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่รู้ว่าควรจัดการเรื่องนี้เยี่ยงไร สุดท้ายมองเซียวหวงด้วยดวงตาแดงก่ำ กล่าวว่า “ข้าไม่อยากทำให้เสด็จพ่อร้อนพระทัย เรื่องนี้หากไปถึงหน้าพระพักตร์ เสด็จพ่อจะต้องโมโหมาก ตอนนั้นก็ทรงไม่เห็นด้วยกับราชบุตรเขยผู้นี้ แต่เพราะข้ามุ่งมั่นจะออกเรือน ตอนนี้ปรากฏผลเช่นนี้ ก็ควรให้ข้าแบกรับผลนี้ได้เอง อีกอย่าง หากเสด็จพ่อรู้เรื่องนี้แล้วให้ข้าหย่ากับราชบุตรเขย ข้าเองไม่เป็นอันใด แต่เด็กน้อยสองคนไม่มีบิดาแต่เล็กจะได้อย่างไร”