ศึกชิงคีตกาล
Scramble Ketakan
พระศิวะ VS อสูรตรีปุระ
Chapter 1
(18+)ฝันเสียวซ่าน
ใครกำลังกอดฉัน?
ใคร?
เธอยื่นมือไปสัมผัสตัวคนที่กอดเธอ
คุณคือใคร?
“อืม” เขาครางออกมาแผ่วเบา
ปาราวตี…
ปาราวตี…นึกให้ออกซิ
สัมผัสของมือใหญ่ลูบไล้ผิวของเธอ
แรงเร้าที่โหมใส่เธอ
ผิวสีทอง…ซ้อนอยู่บนผิวขาวผ่องของฉัน ร่างกายที่เบียดกระชับ…
อ้อมกอดร้อนแรง ลมหายใจร้อนผ่าว แรงกระตุ้นที่ถาโถมเข้าหา…
จนถึงกับขยับให้สอดคล้องกัน…
เขาโถมเข้ามาราวกับพายุ ปลุกเร้าฉันให้อารมณ์ลุกโชน…
อา…
“อ๊ะ!” คีตกาลสะดุ้งเฮือก ผุดลุกขึ้นนั่งบนเตียง หันมองไปรอบๆห้องอย่างผวา เมื่อเห็นว่าห้องก็ยังเป็นห้องนอนในโรงแรมจึงคลายใจลง
ฝัน!
อีกแล้ว!
ฉันฝันแบบนี้อีกแล้ว!
เธอลุกออกจากเตียงไปเทน้ำลงแก้ว แล้วยกขึ้นดื่มให้จิตใจคลายความปั่นป่วน แล้วก็เดินไปเปิดผ้าม่าน
7 วันแล้ว นับตั้งแต่ที่มายังประเทศอินเดีย เธอฝันเหมือนเดิมทุกคืน ฝันว่าถูกชายคนหนึ่งกอด…
ในฝันราวกับจะเปิดเผยความกระหายในร่างกายตัวเองออกมา เธอถูกลูบไล้จนทำตัวไม่ถูก
เมื่อยกมือขึ้น สายตาก็ชะงักกับผ้าพันแผลที่ข้อมือ เธอมองผ้าพันแผลบนข้อมืออย่างเจ็บปวดใจ อาจารย์…
เธอคิดถึงอาจารย์ตรีปุระ อันยานัน ศาสตราจารย์หนุ่มหล่อด้านวรรณคดีของมหาวิทยาลัยที่เคยเรียน
3 ปีก่อน ตอนปลายฤดูฝนเริ่มเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง เธอได้มาทัวร์อินเดียที่ถูกจัดขึ้นเพื่อสัมมนาทางวิชาการ เธอได้ไปเที่ยวสถานที่หลายแห่ง ทัชมาฮาล, ป้อมอักรา, ประตูอินเดีย, พระราชวังหลวง, พระราชวังสายลม, ป้อมปราการแอมเบอร์ฯลฯ
ศิวลึงค์ เธอเห็นศิวลึงค์ใหญ่โตก็มองด้วยความตื่นตะลึง เพราะไม่เคยเห็นของจริง เคยเห็นแต่ในรูปภาพทางอินเตอร์เน็ต
โอ…
“ศิวลึงค์เป็นสัญลักษณ์ของศาสนาฮินดู”
เธอหันไปมองคนพูด ก็เห็นอาจารย์ตรีปุระเดินเข้ามาใกล้ “อาจารย์ตรีปุระ…”
“ศาสนาฮินดูสักการะบูชาศิวะลึงค์ และเป็นศาสนาที่มีผู้คนนับถือมากในอินเดีย” ตรีปุระพูดคล้ายกำลังบรรยายอยู่ในคาบเรียน “การบูชาในฐานะเทพเจ้าก็เพื่อขอลูกหลานสืบสกุลและเพื่อความอุดมสมบูรณ์”
คีตกาลหน้าแดงระเรื่อน้อยๆ ตรีปุระเห็นก็ถามว่า “อายอะไรเหรอ?”
คีตกาลไม่ตอบ ได้แต่นิ่งเงียบหน้าแดงระเรื่ออยู่อย่างนั้น
“สิ่งที่ตั้งอยู่โดดเด่นนี้ กับหญิงที่กราบไหว้บูชา นี่แหละสภาพที่แท้จริงของมนุษย์ล่ะ” ตรีปุระ ขยับเข้าไปใกล้คีตกาลจนแทบชิด พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่มข้างริมหูว่า “สภาพที่เป็นธรรมชาติที่สุดของมนุษย์”
คีตกาลรู้สึกปั่นป่วนหัวใจ มีบางสิ่งปั่นป่วนอยู่ในตัว ลมหายใจร้อนผ่าวปัดผ่านข้างหู…ทำให้ชีพจรเธอเต้นแรง พลัน! ก็รู้สึกเหมือนมีแขนโอบอยู่ข้างเอว ไอร้อนจากแขนข้างนั้นทำให้รู้สึกปั่นป่วนในตัวอย่างประหลาด
ครั้นกระพริบตา ก็พบว่าตัวเองยืนอยู่คนเดียว คนอื่นๆเดินไปทางอื่นกันหมดแล้ว เธอจึงรีบเดินตามไป
ตรีปุระลอบยิ้มเล็กน้อย แล้วก็หันไปตอบคำถามของนักศึกษาสาวคนหนึ่ง
เมื่อกลับถึงห้องพัก ศีตากาลก็อาบน้ำเข้านอน คืนนั้นเธอก็เห็นว่า อาจารย์ตรีปุระเข้ามากอดเธอ…
เธอยืนเปลือยเปล่า อาจารย์ตรีปุระแนบชิดกับเรือนร่างของเธอจนแนบสนิท เขาจับหน้าอกอันอวบอัดล้นไม้ล้นมือคลึงเค้นไปมา เธอชอบเขามานานแล้ว ด้วยความที่เขาหล่อเหลาหุ่นดีชนิดนายแบบยังชิดซ้าย ที่มหาวิทยาลัยเขาป๊อปฯมากในหมู่นักศึกษาสาว แต่ว่าเขามีภรรยาแล้ว เป็นคนที่เธอได้แต่แอบชอบ เพ้อฝันเหมือนเด็กสาวบ้าดาราเท่านั้น เธอเตือนใจตัวเองเสมอว่าไม่ควรคิดกับเขาเกินกว่า ‘มโน’
ทั้งๆที่ควรจะห้ามใจตัวเอง แต่พอถูกเขากอด ก็อ่อนระทวยมือไม้ไร้เรี่ยวแรงขึ้นมา เขาซุกไซ้ต้นคอขาวผ่อง โอบรัดเธอไว้ อ้อมมือไปสัมผัสอกอวบข้างหนึ่งคลึงเค้นปลุกเร้าอารมณ์ อีกมือก็เลื่อนไปสัมผัสกับกลีบดอกไม้กลางลำตัว
นิ้วเขาแหวกกลีบนุ่มลงไป แตะสัมผัสกับเกสรข้างในจนเธอเสียวซ่านไปหมดทั้งร่าง สมองไร้ความคิดอ่านไปชั่วขณะ ดอกไม้ของเธอชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำหวานจนเยิ้มเต็มมือเขาไปหมด
เธอควรจะห้ามเขา แต่ตอนนั้นเธอถูกปลุกเร้าจนสุดจะห้ามใจได้ นิ้วเขาแยงเข้าออกในร่องจนเธอคราง “อา…”
บางครั้งปลายนิ้วก็เลื่อนมาถูไถเกสรจนเธอเสียวสุดๆ “ซี๊ดดดด…”
เขาจับมือเธอไปจับแก่นกายของเขา เธอสะดุ้ง! “อ๊ะ!”
“นี่ไงล่ะ ของๆเธอ มันเป็นของเธอ”
“โอ…”
แล้วเขาก็ขยับแก่นกายเข้ามาในตัวเธอ เธอตะลึงพรึงเพริดไปเมื่อถูกเขาสอดแทรกแก่นกายเข้ามา เธอเสียวซ่านไปทั้งตัวเนื้อตัวสั่นสะท้านจนหยุดไม่อยู่ เขาขยับเข้าๆออกๆอยู่ในตัวเธอ
“คีตกาล อา…คีตกาล” เขาครางเรียกอย่างเสียวแก่นกาย
“อาจารย์…”
เธอจมจ่อมอยู่ในความเสียวซ่านหฤหรรษ์ที่เขามอบให้จนเธอเสร็จครั้งแล้วครั้งเล่า
ครั้นลืมตาตื่นก็พบว่าเป็นเพียงความฝันเท่านั้น
จากนั้นมา เธอก็ฝันเช่นนี้ทุกค่ำคืน เธอฝันซ้ำๆอยู่อย่างนี้ไม่ว่างเว้น ส่วนในความเป็นจริงอาจารย์ตรีปุระก็พยายามจะชวนเธอไปไหนต่อไหนด้วยตลอด เข้ามาสนิทชิดเชื้อกับกลุ่มเพื่อนๆของเธอ พยายามจะเข้ามาใกล้ชิดเธอ
ครั้งหนึ่งในห้องสมุด ขณะที่เธอกำลังหาหนังสือวรรณคดีมาทำรายงาน เผอิญหนังสือเล่มที่เธอต้องการก็อยู่ซะสูงเกินเอื้อม กำลังพยายามเขย่งหยิบก็ยังไม่ถึง แล้วจู่ๆก็รู้สึกว่ามีคนมายืนซ้อนอยู่ข้างหลัง ยื่นมือไปหยิบหนังสือให้ เธอหันไปมองก็พบว่าเป็นอาจารย์ตรีปุระสุดฮอตนั่นเอง ตัวเขาแนบชิดกับแผ่นหลังของเธอจนรู้สึกถึงไอร้อนผ่าวๆจากเรือนกายล่ำๆ ชวนให้ใจเต้นปั่นป่วนแปลกๆ เธอยืนนิ่งไม่กล้าขยับตัวเพราะกลัวจะไปถูกเนื้อต้องตัวเขาเข้า หากใครมาเห็นคงได้เอาไปเม้าส์กันสนุกปาก
ช่วงเวลานั้นเธอรู้สึกเหมือนเนิ่นนานปานเวลาหยุดนิ่ง เขาไม่ขยับออกไปสักที นิ้วก็แตะสันหนังสืออยู่อย่างนั้น จะหยิบก็ไม่หยิบจนเธอต้องส่งเสียงเรียก “อาจารย์คะ”
“ครับ” เขาขานรับเสียงนุ่มทุ้มชวนให้อยากซบอกถูไถประดุจแมวออดอ้อนทาส
เธอปรายตาบอก “อาจารย์ช่วยเขยิบไปหน่อยได้ไหมคะ?”
เขากลับเขยิบแนบชิดเข้ามาจนรู้สึกได้ว่าก้นอวบๆของเธอสัมผัสกับต้นขาของเขา
“อาจารย์ คีหมายถึงให้อาจารย์เขยิบออกไป ไม่ใช่เขยิบเข้ามา!” เธอบอกน้ำเสียงดุๆ
นิ้วเรียวยาวก็จับหมับ! คีบหนังสือดึงออกมา พร้อมกับตัวเขาเขยิบถอยออกไป
คีตกาลรีบสไลด์ขาไปด้านข้าง ก้าวออกไปให้พ้นสภาพล่อแหลมชวนวาบหวิว หมุนตัวไปเผชิญหน้ากับเขา
เขาหยิบหนังสือลงมาแล้วก็ดูหน้าปก “ตรีมูรติ” สายตาคมก็ก้มมองนักศึกษาสาว “ทำรายงานเรื่องนี้เหรอ?”
“ค่ะ” คีตกาลพยักหน้ารับ
เขายิ้มให้ จนคีตกาลรู้สึกคล้ายหลงวนอยู่ในวังวนแห่งรอยยิ้มพิฆาตใจนั่น เธอสะบัดๆศีรษะตั้งสติแล้วก็พูดว่า “หนังสือค่ะ” สายตาก็มองหนังสือที่อยู่ในมือเขา
ตรีปุระปรายตามองหนังสือแล้วก็ยื่นส่งให้ คีตกาลรีบรับหนังสือมา “ขอบคุณค่ะ” แล้วก็รีบเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะซึ่งเพื่อนๆนั่งกันอยู่
ตรีปุระยิ้มเล็กน้อย แววตามาดหมายอย่างที่ตัวเขารู้อยู่คนเดียว คีตกาลเจ้าเป็นของข้า
เมื่อคีตกาลกลับถึงห้องพักซึ่งเป็นคอนโดระดับล่างพื้นที่ขนาด 25 ต.ร.ม.ที่พ่อแม่ซื้อ(ผ่อน)ให้ไว้ให้พักอยู่ใกล้ๆกับมหาวิทยาลัย เธออาบน้ำเสร็จก็ทำนู้นนี่ตามปกติ แล้วจึงเข้านอน เธอนอนโดยไม่ใส่เสื้อผ้าสักชิ้นด้วยเหตุผลที่ว่า เมื่อก่อนเคยใส่ แต่หลังกลับจากทัวร์อินเดียแล้วตื่นเช้ามาเสื้อผ้าที่ใส่เข้านอนเป็นต้องถูกถอดจนเธอตัวเปลือยล่อนจ้อนทุกที จะมีใครถอดล่ะถ้าไม่ใช่เธอละเมอลุกขึ้นมาถอดเองน่ะ
จนเดี๋ยวนี้เธอชักติดนอนไม่ใส่เสื้อผ้าซะแล้ว ครั้นหลับตาลงสักพัก เธอก็รู้สึกถึงไออุ่นที่โอบกอดรอบตัว เธอลืมตาขึ้นก็เห็นใบหน้าคุ้นเคยของอาจารย์ตรีปุระขยับเข้ามาจูบปาก เธออ้าปากให้เขาสอดลิ้นเข้ามา
ลิ้นต่อลิ้นพัวพันกันไปมา เธอรู้สึกถึงน้ำหนักมือที่คลึงเค้นอกอวบ คลึงบี้ยอดอกสีชมพูระเรื่อที่ไม่เคยต้องมือชาย เรือนกายก็เบียดเสียดถูไถกับร่างนุ่มๆขาวผ่อง
เขาจูบเนิ่นนานแล้วก็ผละออก เลื่อนใบหน้าลงไปซุกไซร้ลำคอขาวผ่อง
“อา…อาจารย์ คีเสียว…”
เขาขบผิวเนื้อขาวผ่องเบาๆ ยิ่งทำให้คีตกาลเสียวซ่านมากขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาค่อยๆเลื่อนลงไปคลุกเคล้าอยู่กับสองเต้าอวบอิ่ม เลื่อนปากไปครอบครองยอดอกข้างหนึ่ง มืออีกข้างก็คลึงอกอีกข้าง อีกมือก็เลื่อนลงไปหาดอกไม้กลางตัว สอดนิ้วเข้าไปเขี่ยเกสร จนเกสรแข็งสู้นิ้ว น้ำหวานเริ่มเยิ้ม
ฝ่ามือใหญ่ตะปบบนดอกไม้งาม ปลายนิ้วคลึงบีบสร้างความหฤหรรษ์ นิ้วชี้ก็กระดิกเขี่ยเกสรจนคีตกาลครวญคราง “อาจารย์…อูยยยย…”
สองขากางแบะออกให้นิ้วซุกซนได้ละเลงเต็มที่
“ซี๊ดดดด…”
ยิ่งนิ้วกระดิกระรัว คีตกาลก็ยิ่งเสียวจนแทบเสร็จ
พลัน! นิ้วก็แทรกลงไปในรู “อู๊ว…” คีตกาลห่อปากคราง
นิ้วยาวชักเข้าชักออกจนมีเสียงเจาะแจะๆ น้ำหวานเปียกชุ่มเต็มนิ้วจนเสียงเจาะแจะยิ่งดังชัดถนัดหู คีตกาลอ้าขาถ่างมากยิ่งขึ้น ให้นิ้วยาวทำการได้สะดวก “อาจารย์ คีเสียว…”
ยิ่งเธอคราง นิ้วยาวก็ยิ่งชักเข้าชักออกรัวเร็ว “อ๊าาาาา…” เธอเสร็จจนสั่นระริกๆ สมองโล่งไปหมด
เธอยังไม่ทันจะคิดอะไร ริมฝีปากร้อนๆก็ผละจากยอดอกเลื่อนลงไปตามหน้าท้องแบนๆไร้ไขมัน ปลายลิ้นวนเวียนหยอกเย้ากับสะดือครู่หนึ่งแล้วก็เลื่อนต่ำลงไปอีก
มืออุ่นๆจับต้นขากลมกลึงแบะอ้า แล้วก็ฝังริมฝีปากประกบกับดอกไม้กลางลำตัว ตวัดลิ้นเลียน้ำหวานดูดกินอย่างหิวกระหาย “อ๊า…อาจารย์ คีเสียวมากค่ะ”
ยิ่งเธอร้องคราง ลิ้นอุ่นๆก็ยิ่งระรัวใส่เกสร กลีบดอกไม้ของเธอไม่มีขนหยาบปกคลุมเหมือนของคนอื่นๆ จึงดูสะอาดน่าเลียเป็นที่สุด
คีตกาลเสียวซ่านจนน้ำหวานไหลเยิ้ม แต่ก็ถูกลิ้นร้อนๆเลียกลืนกินจนคล้ายกับยิ่งกินยิ่งหลงไหลคลั่งใคล้ กินเท่าไหร่ก็ไม่อิ่มไม่พอ กินแล้วก็อยากกินอีก
ปลายลิ้นร้อนๆจึงยิ่งระรัวใส่เกสร หมายมั่นปั้นมือให้ดอกไม้งามหลั่งน้ำหวานออกมาให้ดื่มกิน
“อ๊า…คีเสียว…”
ริมฝีปากอุ่นร้อนประกบกับดอกไม้งามแนบแน่น ส่งลิ้นแยงเข้าไปในรู หมายดูดน้ำหวานข้างในให้เหือดแห้ง
คีตกาลรู้สึกเหมือนลิ้นเขาแยงเข้าแยงออกในรูตัวเองจนเสียวสยิวไปทั้งตัว คล้ายๆลิ้นเขาจะยาวพอๆกับนิ้วเลยเชียว แยงเข้าแยงออกจนเธอเสร็จอีกครั้ง “อ๊าาาาา…”
ร่องรูตอดรัดลิ้นเขาแน่นจนเขาแทบชักลิ้นไม่ออก นี่ถ้าแก่นกายได้เข้าไปข้างในคงเสียวจนเสร็จเลยล่ะมั้ง จนร่องคลายตัวเขาจึงชักลิ้นออกมา แล้วขยับตัวยันขึ้น จับแก่นกายสอดเข้าไปในร่องนุ่ม
แก่นกายใหญ่แทรกกลีบนุ่มจนคีตกาลรู้สึกแน่นตึงไปหมด ความเสียวซ่านยังไม่ทันจางหาย ความเสียวระลอกใหม่ก็พุ่งขึ้นมา “ซี๊ดดดด…อาจารย์…คีเสียวจะตายแล้ว…”
เขาขยับชักออกช้าๆ
คีตกาลเสียววาบจนต้องผวากอดเขาไว้ “อาจารย์…คีเสียว”
เขากดเข้าไปใหม่ช้าๆ
“ซี๊ดดดด…” คีตกาลครางออกมา อ้าขารัดรอบเอวเขา
เขากดเข้าไปจนสุด คีตกาลรู้สึกเหมือนมันสอดเข้าไปถึงมดลูก เธอได้แต่คิดว่า ทั้งยาวทั้งใหญ่จริงๆ อูยยยย แบบนี้จะหาผัวใหม่คงต้องให้ได้ยาวใหญ่กว่านี้ล่ะมั้ง
ตรีปุระหน้าทะมึนทันที “เจ้ายังจะคิดหาผัวใหม่อีกรึคีตกาล!” แล้วเขาก็กระแทกกระทั้นอย่างรุนแรงด้วยความโมโห
“อ้า! อาจารย์ คีเจ็บ” คีตกาลร้องออกมา
“เจ้ากล้าคิดหาผัวใหม่ ข้าจะกระแทกร่องเจ้าให้แหกเยินไปเลย ดูซิ ใครมันจะเอาเจ้าอีก!” ตรีปุระเข่นเขี้ยวเสียงต่ำ กระหน่ำใส่ร่องนุ่มอย่างไร้ความปราณี
“อาจารย์ คีเจ็บ เบาๆซิคะ” คีตกาลเอาสองมือยันหน้าท้องเขาไว้ หน้าสวยเหยเกอย่างเจ็บปวด
“เจ็บซิดี เจ้าจะได้ไม่กล้าคิดหาผัวใหม่อีก” ตรีปุระเข่นเขี้ยวเสียงต่ำ กระแทกใส่ร่องนุ่มรุนแรง
ปั๊บ ปั๊บ ปั๊บ…
“อาจารย์ คีเจ็บ” คีตกาลร้อง สองมือยันไว้แต่ก็เหมือนไร้ผล เขายังคงกระหน่ำใส่เธอจนเธอเจ็บร่องไปหมด รู้สึกเหมือนของเขามันจะขยายใหญ่ขึ้นอีกจนเธอจุกแน่นไปหมด “อาจารย์ คีเจ็บจริงๆนะคะ อึก…” เธอเริ่มร้องไห้ออกมา
เขาหยุดชะงัก “เจ็บมากหรือ?”
คีตกาลพยักหน้า “อึก…อึก…”
เขาเลื่อนมือมาปาดน้ำตาออก “เจ้าอย่าได้คิดเช่นนั้นอีก เจ้าเป็นของข้า ของข้าคนเดียว จำเอาไว้ให้ดีล่ะคีตกาล”
“อาจารย์ใจร้าย อึก…” คีตกาลต่อว่าปนร้องไห้
ตรีปุระขยับเข้าไปจูบซับน้ำตา “ไม่ร้องนะ ไม่ร้อง ข้าโกรธจนลืมตัวไป ทำเจ้าเจ็บมากหรือ?”
“อึก…อึก…” คีตกาลพยักหน้า
“ไหนดูซิ เจ้ายังเจ็บอยู่หรือไม่?” เขาพูดแล้วก็ขยับตัวออกช้าๆ จนแก่นกายครูดกับผิวเนื้อนุ่มนิ่ม
“อี๊…” คีตกาลห่อปากครางทั้งเจ็บทั้งเสียว
เขาดันตัวกลับเข้าไป
“อู้…” คีตกาลห่อปาก เสียวซ่านไปหมด
เขาขยับตัวออกเชื่องช้า
“อูยยยย…”
แล้วก็ดันกลับเข้าไปอีก
คีตกาลเริ่มลืมความเจ็บ ห่อปากครางด้วยความเสียวปนเจ็บเล็กๆ
เขาขยับเข้าออกช้าๆอยู่พักใหญ่ จนมือเล็กจับสะโพกเขาขยับดันเข้าผลักออกเร่งจังหวะ เขาจึงค่อยๆเพิ่มความเร็วขึ้นทีละน้อยๆ จนได้ยินเสียงคราง “ซี๊ดดดด…”
เขาจึงเร่งความเร็วจนเกิดเสียง ตับ ตับ ตับ…
“อาจารย์ คีเสียว…ซี๊ดดดด…”
เขายิ่งเร่งความเร็วขึ้นอีก ตับ ตับ ตับ…
“อ๊าาาาา…” คีตกาลครางเสร็จ ตัวสั่นระริกไปทั้งร่าง ร่องรัดแน่นจนเขาขยับตัวไม่ได้ ถูกบีบรัดจนเสียวไปหมด จนเขาเสร็จตามไปด้วย “อู้วววว…”
ครั้นเสร็จแล้ว เขาก็นอนทับเธออยู่อย่างนั้น
คีตกาลเสร็จแล้วก็รู้สึกง่วงนอนขึ้นมาทันที เธอจึงหลับตาลงอย่างอ่อนล้า
ตรีปุระขยับจูบหน้าผากอย่างรักใคร่
คีตกาลสะดุ้งตื่นเพราะรู้สึกหนาว เมื่อลืมตาขึ้นก็เห็นว่าตัวเองถีบผ้าห่มออกไปจนนอนตัวเปลือยๆตากแอร์ ยังจำความฝันได้จนติดอยู่ในความรู้สึก เธอได้แต่ถอนหายใจกับตัวเองที่ ‘มโน’ มากไปจนเก็บเอาอาจารย์มาทำผัวได้ทุกค่ำคืน เฮ้อ…เห็นทีคงต้องหาอะไรทำให้มากขึ้นจะได้เลิกฟุ้งซ่านเสียที
ครั้นตื่นเช้าไปมหาวิทยาลัย เธอก็ทำทุกอย่างเหมือนเช่นปกติดังเดิม
เหตุการณ์วนเวียนซ้ำไปซ้ำมา เช้าไปเรียน ตกเย็นชวนเพื่อนไปกินข้าว ค่ำกลับห้อง นอน ในฝันก็ซั่มกับอาจารย์อย่างเมามัน วันหยุดก็ชวนเพื่อนไปกินข้าว ดูหนัง เดินห้าง เป็นเช่นนี้จนกระทั่งเรียนจบ
แต่แล้วอยู่มาวันหนึ่ง ขณะเธอกลับจากสอบสัมภาษณ์งาน ก็เจอกับอาจารย์ตรีปุระโดยบังเอิญ ซึ่งอาจารย์เข้ามาทักทายเธออย่างเป็นกันเอง “อ้าว…คีตกาล มาทำอะไรแถวนี้เหรอ?”
“มาสมัครงานค่ะ” เธอตอบพร้อมกับยกมือไหว้
“อ่อ” เขาพยักหน้ารับรู้แล้วก็พูดว่า “เออ จริงซิ คุณสนิทกับอุมาพรนี่น่า ช่วงนี้ยังเจออุมาพรอยู่ไหม?”
“เจอค่ะ วันนี้ก็นัดกันไว้ตอนเย็นค่ะ อาจารย์มีอะไรเหรอคะ?”
“ผมจะฝากหนังสือไปให้อุมาพรหน่อยนะ”
“อ่อ” คีตกาลพยักหน้ารับรู้ “ได้ค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวตามผมไปเอาหนังสือล่ะกัน” ตรีปุระบอก “คอนโดผมอยู่ตรงนี้เอง” เขาชี้มือไปที่อาคารติดๆกัน
คีตกาลมองตามแล้วพยักหน้า “ค่ะ”
ตรีปุระจึงหมุนตัวเดินไป
คีตกาลเดินข้างๆ เว้นระยะห่างพอประมาณ ให้ดูไม่น่าเกลียดและไม่ห่างเหินเกินไป
“เป็นยังไงมั่งหลังเรียนจบแล้ว?” ตรีปุระชวนคุย
“ก็ดีค่ะ แต่รู้สึกเหงาๆหน่อย ทุกทีเจอเพื่อนเยอะแยะทุกวัน พอจบแล้วไม่ค่อยได้เจอกันเลย”
“เดี๋ยวก็ชิน” เขายิ้มให้
คีตกาลมองรอยยิ้มอบอุ่นกระชากใจ แล้วก็หลุบตาลงมองพื้นทางเดิน เพราะไม่อยากเก็บเอาอาจารย์ไป ‘มโน’ อีก ท่องไว้ไอ้คี เขามีภรรยาแล้ว ท่องไว้ๆ
ตรีปุระหุบยิ้มฉับ! ครั้นคีตกาลเงยหน้ามามองเขาก็รีบยิ้มให้
จนถึงคอนโด คีตกาลก็รีบบอกว่า “คีนั่งรออยู่ตรงนี้ล่ะกัน” นิ้วก็ชี้ไปทางร้านคอฟฟี่ช็อปในอาคารด้านล่างของคอนโดแห่งนี้
“ขึ้นไปเอาข้างบนเถอะ พอดีผมเจ็บขาเลยไม่อยากเดินลงมาแล้ว” ตรีปุระบอกพลางชี้ขาข้างซ้าย
“อ้าว…อาจารย์ไปทำอะไรมาคะ?”
“ตกบันไดน่ะ”
“อ่อ งั้นก็ได้ค่ะ” คีตกาลพยักหน้า
ตรีปุระยิ้มอบอุ่นให้แล้วก็เดินไปทางลิฟท์
Chapter 2
(18+)ลวงพาขึ้นคอนโด
คีตกาลเดินตามไป
ตรีปุระกดลิฟท์ ลิฟท์เปิดออกเขาก็เดินนำเข้าไปแล้วล้วงคีย์การ์ดออกมาแตะกับระบบรักษาความปลอดภัย แล้วก็กดชั้น
ประตูลิฟท์ปิด
ทั้งสองยืนอยู่คนละด้านของลิฟท์
คีตกาลมองไปรอบๆลิฟท์ มองดูระบบรักษาความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน คอนโดแบบนี้คงแพงไม่ใช่น้อย
ตรีปุระลอบยิ้มอย่างหมายมั่นปั้นมือ วันนี้แหละ คีตกาล เจ้าจะเป็นของข้าจริงๆเสียที หึๆๆๆ
เมื่อคีตกาลมองมา เขาก็ยิ้มอบอุ่นให้
ลิฟท์เลื่อนไปถึงชั้นที่ตรีปุระอยู่ก็หยุดแล้วเปิดออก
ตรีปุระเดินนำหน้าไป
คีตกาลเดินตามไป
ตรีปุระกดรหัสเปิดประตูห้องแล้วก็เปิดประตูอ้า ผายมือเชิญด้วยท่าทางสุภาพ “เชิญครับ”
“ขอบคุณค่ะ” คีตกาลถอดรองเท้าส้นสูงไว้ตรงหน้าประตูแล้วก็ค้อมตัวเดินผ่านเขาไปอย่างมารยาทงาม
ตรีปุระปิดประตู เขาหันไปมองคีตกาลแล้วผายมือไปทางโซฟารับแขก “นั่งก่อนซิ”
“ขอบคุณค่ะ” คีตกาลเดินไปพลางมองไปรอบๆห้องด้วย แล้วนั่งลงที่โซฟารับแขก วางกระเป๋าไว้ด้านข้าง
ห้องสะอาดสะอ้านดูเป็นระเบียบเรียบร้อยดี ดูท่าภรรยาอาจารย์คงเป็นคนรักความสะอาดแน่เลย
ตรีปุระเดินไปเปิดตู้เย็นรินน้ำส้มกล่องใส่แก้วแล้วถือไปวางตรงหน้าคีตกาล “ดื่มน้ำก่อนนะ”
“ขอบคุณค่ะ” คีตกาลยกมือไหว้ แล้วก็ยกแก้วน้ำส้มขึ้นดื่ม
ตรีปุระก็เดินเข้าห้องนอนไป เขาเปิดประตูห้องนอนอ้ากว้างเอาไว้ หยิบเก้าอี้ไปวางข้างตู้เก็บของซึ่งสูงจรดเพดานห้อง เปิดประตูตู้อ้าออก ฉวยจังหวะที่คีตกาลหันไปมองทางอื่น เขาก็แกล้งดึงกล่องใส่ของให้หล่นลงมา โคร้ม! แล้วก็แกล้งลงไปนั่งกับพื้นร้องว่า “โอ๊ย!”
คีตกาลได้ยินเสียงร้องก็รีบลุกไปดู เห็นอาจารย์นั่งอยู่บนพื้นห้อง ของตกกระจายเป็นหนังสือหลายเล่ม “อาจารย์! เป็นอะไรคะ?” เธอรีบเดินเข้าไปหาเขาอย่างเป็นห่วง
“ตกเก้าอี้น่ะ” เขาบอกแสร้งทำหน้าเจ็บปวด มือกุมข้อเท้าข้างซ้ายเอาไว้
“ลุกไหวไหมคะ?” คีตกาลถาม ยื่นมือไปช่วยพยุง
“น่าจะได้” เขาตอบแล้วก็จับมือเล็กเอาไว้ ขยับตัวยันลุกขึ้นยืน
คีตกาลช่วยดึงเขาลุกขึ้น
ตรีปุระพอยืนขึ้นได้ก็แสร้งทำเป็นเจ็บขาเซ “โอ๊ย!” ดันคีตกาลไปทางเตียงนอน
“ว๊าย!” คีตกาลรับน้ำหนักเขาไม่ไหวก็เซแซ๊ดๆถอยไปล้มบนเตียง
ตรีปุระฉวยจังหวะทับตัวคีตกาลเอาไว้ เขาสู้อุตส่าห์หาโอกาสมาตั้งนานหลายปีเพื่อจะได้ครอบครองคีตกาลเสียที
คีตกาลมัวแต่ตกใจจึงไม่ทันมองว่าสภาพตัวเองล่อแหลมขนาดไหน เมื่อขยับจะลุกก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาของอาจารย์อยู่แค่คืบ ดวงตาคู่สวยเบิกโตอย่างตกใจจนประหม่าทำอะไรไม่ถูก “เอ่อ…อาจารย์”
ตรีปุระจ้องเข้าไปในดวงตาคู่งาม ที่ได้มีโอกาสมองชัดๆอย่างใกล้ชิดเป็นครั้งแรก เขาถูกดวงตาคู่งามดึงดูดจนไม่อาจละสายตาได้ ช่างงดงามเสียยิ่งกว่าในความฝัน อา…
“คีตกาล…” เขาขยับเข้าไปจูบปาก
คีตกาลกำลังตกใจจึงไม่ทันปัดป้อง “อื้อ…”
ริมฝีปากถูกล่วงล้ำสอดลิ้นเข้ามา คีตกาลเคลิ้มไปกับรสจูบที่เหมือนในความฝัน แต่แล้วสายตาเธอก็เห็นรูปถ่ายแต่งงานของอาจารย์คู่กับภรรยาบนผนังตรงปลายเตียง ความรู้สึกพลัน! มลายสิ้น
เธอผลักเขาสุดแรง จนเขาเซไป
เธอรีบถลันตะกายลุกขึ้นจากเตียงแล้ววิ่งออกไปจากห้องนอนทันที
แต่ยังไม่ทันจะพ้นห้องนอน แขนก็ถูกกระชากอย่างแรง “ว๊าย!”
“จะหนีไปไหนคีตกาล!” ตรีปุระพูดน้ำเสียงเยียบเย็น กระชากแขนคีตกาลกลับมา แขนอีกข้างก็คว้าเอวเล็กเข้ามาโอบรัดแล้วดันกลับไปที่เตียง
คีตกาลตกใจหน้าซีดเผือด “อาจารย์จะทำอะไร? อย่านะ! ปล่อยคีนะ!”
“เจ้าต้องเป็นของข้าเท่านั้นคีตกาล” ตรีปุระพูดเสียงต่ำเยียบเย็น
“อาจารย์เป็นบ้าไปแล้วรึไง! ปล่อย!” คีตกาลตวาดดิ้นหนีสุดแรง แล้วก็ตะโกนลั่น “ช่วยด้วย!”
ตรีปุระกดคีตกาลลงบนเตียง ใช้ตัวทาบทับเอาไว้ “ร้องไปก็ไม่มีใครช่วยได้หรอกคีตกาล ห้องนี้เก็บเสียง ต่อให้ร้องจนเสียงแหบก็ไม่มีใครได้ยินหรอก เก็บเสียงเอาไว้ร้องครางดีกว่านะ” เขาพูดจบก็ก้มหน้าลงไปซุกไซร้ทรวงอกอวบใหญ่
“ช่วยด้วย!” คีตกาลกรี๊ดลั่น สองมือตะกุยใส่เขาไม่ยั้ง ได้แต่โทษตัวเองที่ไม่น่าหลวมตัวขึ้นห้องเขาเลย ทั้งๆที่สัญชาตญาณก็เตือนตัวเองอยู่เสมอว่า อาจารย์มักจะมองตัวเองด้วยสายตาแปลกๆ เธอจึงพยายามเลี่ยงโอกาสที่จะอยู่กับเขาสองต่อสองตลอดมา
เขาจับข้อมือทั้งสองข้างกดลงกับเตียง แล้วใช้ปากกัดกระชากสาบเสื้อเชิ้ตดึงออกจนกระดุมหลุดกระเด็น
คีตกาลยิ่งตื่นกลัวที่ท่าทางอาจารย์คล้ายคนโรคจิตซาดิสท์ “ช่วยด้วย!” เธอแหกปากร้องลั่น ดิ้นสุดชีวิต
ตรีปุระยิ่งกดสองแขนเล็กเอาไว้กับเตียงนุ่ม บีบจนคีตกาลรู้สึกเจ็บข้อมือ
ข้อมือเธอเล็กจนเขาสามารถใช้มือเดียวจับกำรวบได้สบายๆ แต่เพราะเธอดิ้นสุดแรง เขาจึงไม่อาจใช้มือข้างเดียวกำรวบข้อมือเธอทั้งสองข้างไว้ได้
ใต้เสื้อเชิ้ตสีขาวยังมีเสื้อสายเดี่ยวสีขาวสวมไว้อีกชั้น แต่เนินอกอวบที่โผล่ออกมาล่อตาทำให้ตรีปุระยิ่งหื่นกระหาย เขาอยากสัมผัสเนื้อตัวคีตกาลจริงๆไม่ใช่เป็นเพียงแค่ห้วงฝันเหมือนอย่างที่ผ่านมา เขาก้มลงฝังหน้ากับอกอวบซุกไซร้หวังให้เธอเกิดอารมณ์จะได้โอนอ่อนผ่อนตาม
“ช่วยด้วย!” คีตกาลพยายามดิ้นสู้ ปากก็ร้องลั่น น้ำตาไหลเป็นสาย พรหมจรรย์ที่ยังมีอยู่จะต้องมาเสียให้ผู้ชายคนนี้น่ะเหรอ…ไม่! เธอไม่ยอม! ความฝันก็เป็นแค่ความฝัน แต่นี่คือความจริง เธอกำลังจะถูกข่มขืน! เขาไม่ใช่คนดีอย่างที่คิด เขากำลังจะข่มขืนเธอ!
ขณะที่ตรีปุระกำลังปลุกปล้ำคีตกาลอยู่นั้น พลัน! ประตูห้องก็เปิดออก ปาราวตีภรรยาของตรีปุระเปิดประตูเดินเข้ามา เมื่อเห็นรองเท้าส้นสูงของผู้หญิงถอดอยู่หน้าห้องก็นึกฉงน “เอ๊ะ! ใครมา?”
ขณะกำลังสงสัยก็ได้ยินเสียงตะโกน “ช่วยด้วย!” ดังออกมา เธอรีบเดินไปดูทันที กระเป๋าเดินทางถูกทิ้งเอาไว้ตรงหน้าประตูนั่นเอง เธอไปดูงานต่างประเทศเพิ่งกลับมา โดยไม่บอกสามีเพราะต้องการจะเซอร์ไพร้สเขา แต่ภาพที่เห็นอยู่ในขณะนี้เซอร์ไพร้สเธอยิ่งกว่า สามีกำลังปลุกปล้ำผู้หญิงคนหนึ่งอยู่!
“คุณตัน!” เธอตะโกนเรียกอย่างตกตะลึง
ตรีปุระชะงักกึก! หันไปมองก็เห็นภรรยากำลังยืนอยู่ หน้าตาตะลึง!
“ปรา!” เขาเรียกอย่างตกใจ รีบผุดลุกขึ้นทันที
คีตกาลรีบลุกจากเตียง ถอยไปจนติดผนังห้องอย่างขวัญเสีย ร้องไห้สะอึกสะอื้น
ตรีปุระตั้งสติ รีบพูดว่า “มันไม่ใช่อย่างที่ปราคิดนะ เด็กนี่มายั่วผมถึงห้องเองนะปรา”
คีตกาลตะลึงงัน! หยุดร้องไห้ทันควัน ไม่คิดเลยว่าคำพูดสุดระยำจะออกมาจากปากคนที่เป็นถึงด็อกเตอร์เช่นนี้ โยนขี้มาให้ตรูชัดๆไอ้เลวเอ้ย!
ปาราวตีหึงหวงสามีอยู่เป็นทุนเดิมแล้ว พอได้ยินสามีพูดอย่างนั้นก็สติแตกถลาเข้าไปหาผู้หญิงที่ใจกล้าหน้าด้านบังอาจมายั่วสามีตัวเองถึงรังรักเช่นนี้ “ตาย!” มันต้องตายกันไปข้างหนึ่ง!
เธอปราดเข้าไปคว้ากรรไกรขึ้นมา แล้วถลันเข้าหา ‘นังหญิงชั่วช้า’ ทันที
คีตกาลผวาเฮือก! เห็นผู้หญิงคนนั้นกระโจนเข้ามาด้วยท่าทางมุ่งร้าย เธอก็รีบวิ่งหนีทันที แต่ห้องก็ไม่ได้ใหญ่นัก จะหลบไปทางไหนได้เล่า!
“ปรา!” ตรีปุระรีบถลันเข้าไปจับตัวภรรยา
ปาราวตีเงื้อกรรไกรจ้วงแทง!
คีตกาลร้องลั่น “เหวอ!” เธอเบี่ยงตัวหลบแต่ปลายกรรไกรก็ยังเฉี่ยวข้อมือจนได้แผลเลือดอาบทันที
ตรีปุระรีบกระโจนเข้าไปยื้อยุดจับตัวภรรยาเอาไว้ “ปรา! ใจเย็นก่อน” หากไม่ใช่เพราะภรรยากำลังตั้งครรภ์ เขาคงถีบกระเด็น ตบให้คว่ำไปแล้ว ที่บังอาจทำร้ายคีตกาล
คีตกาลกุมบาดแผลเอาไว้ ทั้งตกใจทั้งตื่นกลัว ถูกปลุกปล้ำไม่พอ ยังจะถูกฆ่าอีก! แมร่งเอ้ย! วันนี้มันวันซวยอะไรวะ!
“ปล่อยปรา! ปราจะฆ่ามัน!” ปาราวตีดิ้นสุดแรง จนกรรไกรพลาดไปปักต้นแขนสามี ฉึก!
“โอ๊ย!” ตรีปุระร้องออกมา เลือดทะลักอาบแขนเป็นทาง
ปาราวตีตกตะลึงชะงักงัน! “คุณตัน!” เธอหน้าซีดมือสั่นสะท้านที่เผลอทำร้ายสามีเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ
คีตกาลรีบฉวยโอกาสที่ภรรยาอาจารย์มัวแต่ตกใจ วิ่งไปคว้ากระเป๋า คว้ารองเท้า แล้วก็รีบวิ่งออกจากห้องไปทันที
“คีตกาล!” ตรีปุระเรียกเสียงหลง รู้สึกเหมือนดวงใจหลุดหาย
ครั้นวิ่งไปถึงหน้าลิฟท์ก็กดลิฟท์อย่างร้อนใจจิ้มปุ่มจนปุ่มแทบพัง
เมื่อลิฟท์เปิดออกก็รีบเข้าไปในลิฟท์กดปุ่มปิดรัวๆ หน้าซีดตัวสั่น เลือดหยดเป็นทาง เธอกอดกระเป๋า หิ้วรองเท้าไว้แน่น ครั้นลิฟท์เลื่อนลงไปถึงชั้นล่าง ลิฟท์เปิดออก เธอก็รีบวิ่งออกไปทันที
ผู้คนได้แต่มองอย่างงงๆที่จู่ๆก็เห็นผู้หญิงวิ่งไปเหมือนหนีอะไรสักอย่าง
คีตกาลวิ่งเท้าเปล่าไปจนเหนื่อยก็หยุดหอบข้างกำแพง
ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาได้แต่มองดูอย่างงงๆ มีแม่ค้าคนหนึ่งซึ่งนั่งขายของอยู่บริเวณนั้นก็ถามว่า “หนู เป็นอะไรรึเปล่า?” แม่ค้าถามด้วยความเป็นห่วง เพราะตัวเองก็มีลูกสาวอายุอ่อนกว่านี้สักหน่อย
คีตกาลส่ายหน้า ทั้งๆที่ตัวยังสั่นๆหน้ายังซีดๆ หันไปเห็นผู้คนแถวนั้นมองมาเป็นตาเดียว จึงรู้สึกตัวว่าไม่ได้ใส่รองเท้า ก็รีบก้มลงวางรองเท้าแล้วสวมอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เดินกอดกระเป๋าแน่น เดินต่อไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย แผลที่ข้อมือยังมีเลือดไหลก็ไม่ได้สนใจ
เธอเดินไปจนถึงหน้าศิวะสถาน(ตำหนักพระศิวะมหาเทพ) ซึ่งอยู่ใกล้กับ MRT หัวลำโพง ด้วยความที่ต้องการหาที่พึ่งทางใจจึงเดินเข้าไปยกมือไหว้เทวรูปพระศิวะ กล่าวในใจว่า พระศิวะช่วยลูกด้วย!
คล้ายจิตใจจะสงบขึ้นมาหน่อย กลิ่นควันธูปเทียนหอมๆช่วยทำให้จิตใจที่กำลังสั่นกลัวค่อยๆสงบลง เธอเดินไปนั่งที่ม้านั่งแถวๆนั้น มองเทวรูปพระศิวะอย่างหาที่พึ่งทางจิตใจ
นั่งจนกระทั่งตัวหายสั่นแล้วจึงก้มลงมองตัวเอง เห็นข้อมือเลือดยังไหลซึมจึงล้วงผ้าเช็ดหน้ามาพันปิดแผลเอาไว้แล้วก็ลุกขึ้นเดินไปหาคลีนิคเพื่อทำแผล เดินออกมาจากศิวะสถานได้หน่อยก็เจอคลินิกรักษาโรค จึงเดินผลักประตูเข้าไป
พยาบาลในคลินิกก็ลุกขึ้นต้อนรับ “ยินดีต้อนรับค่ะ ป่วยเป็นอะไรมาคะ?”
คีตกาลชูข้อมือข้างที่พันผ้าเช็ดหน้าเอาไว้ มีเลือดซึมออกมา
พยาบาลก็รีบบอกว่า “เชิญทางนี้เลยค่ะ”
พยาบาลเดินนำไปพบหมอทันที คีตกาลเดินตามไป
เมื่อเข้าไปในห้องตรวจ หมอก็ถามว่า “เป็นอะไรมาครับ?”
“โดนกรรไกรค่ะ” คีตกาลตอบแล้วก็วางกระเป๋าลงแกะผ้าเช็ดหน้าออก
หมอตรวจดูแผลเห็นว่าไม่ลึกมากก็หันไปสั่งพยาบาลว่า “เตรียมอุปกรณ์เย็บแผล เตรียมยาชา”
“ค่ะ” พยาบาลเดินไปหยิบของจากในตู้ออกมา
“ย้ายไปนอนบนเตียงเลยครับ” หมอบอกเสียงนุ่ม
คีตกาลก็ลุกไปที่เตียงตรวจ ถอดรองเท้า นอนลงรอให้หมอฉีดยาชา ทำแผลให้
หมอก็จัดแจงล้างแผลทันที
คีตกาลเม้มปากกลั้นเสียงร้องเอาไว้
หลังจากล้างแผลแล้ว หมอก็จิ้มยาชาไปสองจึ๊ก แล้วก็รอเวลาให้ยาชาออกฤทธิ์ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ลงมือเย็บแผลอย่างรวดเร็ว เย็บไป 3 เข็มแล้วก็เช็ดคราบเลือดออก ปิดผ้าก๊อซพันเอาไว้ เป็นอันเสร็จ
“เสร็จแล้วครับ เดี๋ยวเชิญรับยาจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ด้านนอกนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ” คีตกาลยกมือไหว้ แล้วก็ลุกขึ้นนั่ง ลงจากเตียง ใส่รองเท้า หยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วเดินตามพยาบาลออกไป
“เชิญค่ะ” พยาบาลเปิดประตูให้
คีตกาลเดินไปจ่ายเงินรับยาแล้วก็ออกจากคลินิก เดินไปสถานีรถไฟ MRT หยิบบัตรออกมาแตะกับเครื่องแล้วก็เดินเข้าสถานีไป
ยืนรอรถไฟอยู่ครู่ใหญ่ รถไฟก็มา เธอเดินขึ้นรถไฟไปอย่างอ่อนล้า ครั้นถึงสถานีปลายทางเธอก็เดินออกไปต่อวินมอเตอร์ไซต์กลับคอนโด
เมื่อถึงห้อง เธอก็ถอดรองเท้าออก วางกระเป๋าไว้บนโต๊ะคอมแล้วก็นอนลงบนเตียงทั้งอย่างนั้น ปิดตาหลับลงอย่างอ่อนล้าทั้งกายและใจ เธอไม่ได้ส่องกระจกจึงไม่ได้เห็นละอองทองเปลวติดอยู่บนหน้าผากเป็นละอองจางๆ
ด้านตรีปุระ หลังจากปาราวตีตั้งสติได้ก็รีบพาสามีไปโรงพยาบาลทันที เมื่อหมอถาม ตรีปุระก็ตอบว่า “หกล้มไปทับกรรไกรครับ”
หมอก็จัดแจงผ่าตัดเอากรรไกรออกแล้วเย็บแผลให้
หลังจากทำแผลเสร็จ ทั้งสองก็กลับคอนโด ปาราวตียังโกรธสามีจึงนอนแยกห้องกัน ปล่อยให้สามีนอนคนเดียวไป
เมื่อได้นอนหลับ ตรีปุระก็ใช้พลังของตัวเองเข้าไปในห้วงฝันของคีตกาล แต่เขากลับเข้าไปในห้วงฝันของคีตกาลไม่ได้ มีม่านพลังขวางกั้นเอาไว้ ไม่ว่าจะพยายามอย่างไรก็ไม่อาจเข้าไปในห้วงฝันได้เลย จนเขาสงสัยว่าพลังของตัวเองมีปัญหาหรืออย่างไร จึงลองเข้าไปในห้วงฝันของภรรยา
ปาราวตีเห็นสามีก็แง่งอนใส่ ไล่ว่า “จะไปไหนก็ไป”
ตรีปุระเดินเข้าไปกอดเอวภรรยาไว้ “จะให้ไปไหนล่ะ ผมรักปรานะ ผมรักลูกของเราด้วย” มือเลื่อนไปลูบหน้าท้องที่ยังไม่ค่อยนูนเท่าไหร่
“รัก แต่กลับนอนกับผู้หญิงอื่นในบ้านของเรา บนเตียงของเรา แบบนี้น่ะเหรอเรียกว่ารัก เรียกว่ามักง่ายมั่วไม่เลือกถูกต้องที่สุด” ปาราวตีพูดประชดประชัน มือก็แกะมือเขาออกจากเอวตัวเอง
ตรีปุระก้มลงซุกไซร้ต้นคอภรรยา
“อื๊อ” ปาราวตีหดคอหนีด้วยความขนลุกปนจั๊กจี้น้อยๆ
ตรีปุระจึงยิ่งซุกไซร้หนัก มือก็เลื่อนขึ้นไปกอบกุมเต้าอวบอิ่ม
“อื๊อ คุณตัน…” ปาราวตีเอนตัวพิงอกเขา ไม่รู้ว่าเสื้อผ้าหลุดออกจากตัวไปตั้งแต่ตอนไหน รู้แต่ว่าตัวเองเปลือยเปล่าอยู่ในอ้อมกอดสามี
ตรีปุระเลื่อนริมฝีปากไปขบใบหูหยอกเย้า มือหนึ่งเค้นเต้า อีกมือหนึ่งก็เลื่อนลงไปหาดงหญ้าดกดำรกทึบกลางลำตัวภรรยา
“อื้ม…คุณตัน ปราอยาก…” ปาราวตี เบียดสะโพกเข้าหาต้นขาสามี
ตรีปุระส่งนิ้วเข้าไปสำรวจช่องทางเห็นว่าเยิ้มฉ่ำจึงจับแก่นกายเสียบเข้าไปในรูของภรรยาดังสวบ!
“อื้ม…” ปาราวตีครางอย่างพึงพอใจ ที่ได้แก่นกายใหญ่ๆของสามีมุดเข้าไปช่วยเการ่องที่อดอยากแห้งแล้งมานานเกือบสองอาทิตย์เพราะบินไปดูงานที่ไต้หวันซึ่งทางกรมจัดไป ด้วยความอยากเซอร์ไพร้สสามีจึงบินกลับมาโดยไม่บอก แต่ไม่คิดว่าจะได้มาเจอเซอร์ไพร้สของสามีจนเจ็บปวดหัวใจไปหมด
ตรีปุระกระแทกเต็มแรงอย่างไม่ต้องกลัวว่าจะกระทบกระเทือนถึงลูกในครรภ์เพราะนี่คือห้วงฝัน ร่างของภรรยาไม่ใช่ร่างจริง แต่ความรู้สึกทุกอย่างจะถูกจดจำไว้ จำได้บ้างไม่ได้บ้างตามแต่สภาพของสมองแต่ละคน
“อ๊า คุณตันขา แรงอีก” ปาราวตีครางเร่ง โก่งสะโพกสวนแก่นกายใหญ่ยาวด้วยสีหน้าถึงอกถึงใจ
ตรีปุระก็กระแทกกระทั้นจนเกิดเสียงดัง ตับ ตับ ตับ…
“อื้ม…คีตกาล คีตกาล” เขาครางเรียกชื่อ
ปาราวตีชะงักงัน! อีกแล้ว! คุณตัน ครางเรียกชื่อนังคนนี้อีกแล้ว! มันเป็นใคร!? กล้ามายุ่งกะผัวฉัน! มันต้องตาย! สะโพกก็ส่ายอัดสวนแก่นกายสามีสุดที่รักอย่างแค้นเคืองปนน้อยอกน้อยใจ โมโหหึงหวง
“อู้…คีตกาล ร่องเจ้าวันนี้ไม่ฟิตเลย ข้าต้องขยายให้ใหญ่ขึ้นอีกหน่อยแล้ว” ตรีปุระพูดจบ แก่นกายเขาก็ขยายใหญ่ขึ้นจนแน่นร่อง “อา…ต้องอย่างนี้ซิ เสียวดีจัง”
“อู้วววว…คุณตันขา ปราเสียวจะขาดใจแล้ว ของคุณช่างเอาถึงใจเมียเหลือเกิน” ปาราวตีครางสีหน้ามีความสุขจนเอ่อล้น “อ๊า…กระแทกเมียแรงๆเลยค่ะ กระแทกให้รูแหกไปเลยค้า”
“อ๊า…เจ้าอยากรูแหก ข้าจะจัดให้เอง คืนนี้รูเจ้าได้แหกสมใจแน่”
ปั๊บ ปั๊บ ปั๊บ…
เขากระแทกกระหน่ำไม่ยั้ง มือก็เค้นเต้าอวบที่เริ่มคล้อยยานเล็กน้อย “อา…คีตกาล คีตกาลของข้า”
“อูย…ผัวขา แรงอีก แรงอีก เมียเกือบจะเสร็จแล้ว”
ปั๊บ ปั๊บ ปั๊บ…
ตรีปุระกระหน่ำแทงจนปาราวตีตัวสั่นตัวคลอน
“อ๊าาาาาา…ผัวขา เมียเสร็จแล้ว” ปาราวตีครางลั่นอย่างสุขสม น้ำเยิ้มจนไหลทะลักลงมาตามขา
ตรีปุระจับตัวภรรยาหมุนให้หงายขึ้นมา
ตัวปาราวตีก็หมุนจากท่ายืนโก้งโค้งเปลี่ยนเป็นท่าเบสิกแต่ตัวลอยอยู่กลางอากาศ ดูคล้ายกับปาราวตีนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่มองไม่เห็น ส่วนตรีปุระก็ยังยืนอยู่เช่นเดิม เขาจับขาเธอถ่างออกจนชี้ฟ้าเป็นรูปตัว V แล้วก็กระหน่ำแทงจนสุดความยาว จนเนื้อแนบเนื้อดัง ปั๊บ ปั๊บ ปั๊บ…
“อ๊า ผัวขา เมียเสียวจะตายแล้ว” ปาราวตีครางลั่น ร่องกระตุกยังไม่คลาย สามีก็กระแทกกระหน่ำไม่ยั้งจนความเสียวพุ่งอีกระลอก “อ๊าาาาาา…ผัวขา เมียเสร็จอีกแล้ว”
ตรีปุระกระหน่ำแทงไปพลางมองหน้าภรรยาไปด้วย เขาโบกมือวูบ จากใบหน้าปาราวตีก็กลายเป็นใบหน้าของคีตกาล “อา…คีตกาล เจ้าเสียวดีไหม? ข้าจะเอาเจ้าทั้งคืนให้ร่องเจ้าแหกเลยดีไหม?”
“อ๊า ผัวขา แรงๆเลยค่ะ ปราเสียวจะเสร็จอีกแล้ว” ปาราวตีเร่งเร้า กระเด้งสะโพกสวนแก่นกายสามีอย่างถึงพริกถึงขิง
ตรีปุระกระแทกใส่ ตับ ตับ ตับ มือก็ขย้ำเต้าอวบไปด้วย เขาแต่งงานกับเธอก็เพราะคิดว่าเธอคือปาราวตีกลับชาติมาเกิด จนเมื่อเขาได้พบคีตกาล เขาจึงรู้ว่าเขาแต่งงานกับคนอื่นที่ไม่ใช่ ปาราวตี
“อา…คีตกาล เจ้าต้องเป็นของข้า ของข้าคนเดียว ชาตินี้เจ้าอย่าหมายเลยว่าศิวะจะได้เจ้าไป จะกี่ชาติกี่ภพข้าก็จะตามไปรับเจ้ามาเป็นเมียข้า คีตกาลของข้า” เขาพร่ำพูดไป เอวก็กระแทกใส่ภรรยาไม่ยั้ง
“อ๊าาาาาา…ผัวขา เมียเสร็จอีกแล้ว”
“อา…คีตากาลของข้า ข้าจะทำให้เจ้ารักข้าให้ได้ ข้าจะทำให้เจ้าลืมศิวะให้ได้”
ตับ ตับ ตับ
ปาราวตีเสียวจนร่องรัดแน่นยังไม่ทันคลายตัว สามีก็กระหน่ำกระแทกไม่หยุดไม่หย่อน อา…สะใจจริงๆ
“ผัวขา เมียเสียวเหลือเกิน อ๊า…มันส์รูเหลือเกินผัวขา” เธอครวญครางดังระงม เสร็จเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็จำไม่ได้ จำได้แต่ความมันความเสียวที่ถูกกระหน่ำแทงจนกลีบปลิ้นเข้าปลิ้นออก นมก็โดนขย้ำขยี้จนเสียวไปทั้งตัว
“คีตกาลเมียข้า ข้าจะทำให้เจ้าจำได้แต่ข้า จำได้ว่าร่องเจ้าเนื้อตัวเจ้าเป็นของข้าเท่านั้น หาใช่ของศิวะไม่”
“อ๊า ผัวขา เมียเสียว…”
“อา…เมียรักของข้า เจ้าเสร็จเยอะๆเลยนะ ข้าจะกระแทกร่องเจ้าทั้งวันทั้งคืนให้แหกสมใจเจ้าเลยดีไหม?”