ตอนที่ 193-2
เริ่มตะลุมบอน ความสามารถที่ไม่คาดคิด ขององครักษ์เขี้ยวมังกร!
เขตหวงห้ามของวังหลวงที่อยู่ด้านนอก จิ่งเทียนกับฮวาฉินฉินในตอนที่ออกมา ก็เป็นตอนที่หวงฝู่เฮ่าเทียนกับตระกูลใหญ่ทั้งสามกำลังเตรียมจะฝืนเปิดช่องว่างแห่งการทดสอบ
พวกเขาทุกอย่างก็เตรียมเสร็จหมดแล้ว ก็รอเพียงแค่ผู้อาวุโสเจ็ดไปนำกุญแจจากตระกูลหลานมา
แต่ว่าผู้อาวุโสเจ็ดก็ไปอยู่นานไม่ยอมกลับมาเสียที เกรงว่าที่ฝั่งนั้นก็จะไม่ราบรื่นนัก
ในตอนที่เห็นจิ่งเทียนกับฮวาฉินฉินปรากฎออกมา ประมุขตระกูลฮวากับประมุขตระกูลจิ่งก็พากันเผยสีหน้ายินดีขึ้น พุ่งเข้าไปทางพวกเขา
ส่วนทั้งสองคนนั้นก็มองหน้ากันอย่างงงๆ ราวกับกำลังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“เทียนเอ๋อร์เหตุการณ์ด้านในเป็นเช่นไรบ้าง?” ประมุขตระกูลจิ่งร้องถามกับลูกชายของตัวเอง
ประมุขตระกุลฮวาก็ดึงเอาฮวาฉินฉินมาที่ข้างกายของตัวเอง กวาดมองอย่างละเอียด
“พวกเราก็ไม่ใช่ว่าฉีกยันต์เคลื่อนย้ายออกมาพร้อมกันหรอกรึ? ทำไมถึงมีแค่พวกข้าสองคนที่ออกมา?”จิ่งเทียนกล่าวว่าอย่างประหลาดใจ
อะไรนะ!
เหตุการณ์ด้านในก็ร้ายแรงถึงขนาดที่ต้องฉีกยันต์เคลื่อนย้ายหนีออกมาพร้อมกันแล้วรึ
ประมุขของทั้งสามตระกูลก็มองไปยังจักรพรรดิหยวน หวงฝู่เฮ่าเทียนที่หน้าดำครํ่าเคร่งพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
“จิ่งเทียน เจ้าเอาเรื่องราวด้านในเล่าออกมาตามความจริงให้หมด ห้ามตกหล่นแม้แต่นิดเดียว” หวงฝู่เฮ่าเทียนกล่าวกับจิ่งเทียน
จิ่งเทียนมองไปทางบิดาตนหนหนึ่ง หลังจากเห็นบิดาของตนพยักหน้าขึ้นเบาๆ ก็ถึงค่อยกล่าวออกมา “ตระกูลหลานสมคบคิดกับสำนักหมื่นอสูร หอหลอม ศาสตราเตรียมจะรุมสังหารคุณชายมู่ พวกกระหม่อมแต่เดิมก็ตัดสินใจว่าจะรั้งอยู่ต่อ ช่วยคุณชายมู่อีกแรงหนึ่ง แต่คิดไม่ถึงว่าฝ่ายตรงข้ามจะใช้กระเป๋าจัดเก็บอสูรของสำนักหมื่นอสูรนำพาเหล่าปีศาจเฒ่าขั้นกักเก็บที่ไม่ปรากฏตัวสู่ใต้หล้ามานานเข้ามาในช่องว่างด้วย ภายใต้สถานการณ์ที่อันตรายเช่นนี้ คุณชายมู่ก็ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดฉีกยันต์เคลื่อนย้าย แต่พวกเราก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงมีแต่ข้ากับคุณหนูฮวาที่ออกมาได้”
ระหว่างที่เขาพูดก็ยังแสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่าตนเองมีใจอยากช่วยเหลือโดยไม่มีพิรุธ นี่ก็ทำให้ประมุขตระกูลจิ่งพึงพอใจเป็นอย่างมาก
แต่ว่าการปรากฏตัวของพวกเขาสองคนกลับทำให้หวงฝู่เฮ่าเทียนคิ้วขมวดเข้าหากัน นายน้อยตระกูลจิ่งกับตระกูลฮวาล้วนจากมาแล้ว ทั้งสองตระกูลเกรงว่าในภายหลังก็จะไม่ลงทุนลงแรงมากเท่าไร
“เช่นนั้นเฉินปี้เฉิงเล่า?” หวงฝู่เฮ่าเทียนกล่าวเสียงขรึม
จิ่งเทียนยังไม่ตอบวาจา ประมุขตระกูลเฉินที่เข้าใจนิสัยใจคอของลูกชายตัวเองดีก็พลันยิ้มขมขื่นพลางเอ่ยขึ้น
“คาดว่าลูกชายของกระหม่อมก็จะไม่ได้ไปฉีกยันต์เคลื่อนย้ายแต่อย่างใด”
“ปีศาจเฒ่าพวกนั้นก็มีคนที่เจ้ารู้จักบ้างหรือไม่?” หวงฝู่เฮ่าเทียนร้องถามขึ้นอีกครั้ง
จิ่งเทียนยิ้มขมขื่นขึ้นมา “ที่กระหม่อมรู้จักก็มีหลานกัง แล้วก็หลานเสวียนเฟิงของตระกูลหลาน คนอื่นๆ กระหม่อมไม่รู้จัก แต่ว่าระดับพลังก็ไม่ได้ตํ่าไปกว่าพวกเขา”
สำนักหมื่นอสูรกับหอหลอมศาสตราก็อยู่ไกลถึงแคว้นหรง จิ่งเทียนส่วนมากก็อยู่ฝึกปรุงโอสถที่โรงโอสถกลาง แน่นอนว่าไม่มีทางไปรู้จักเหล่าปีศาจเฒ่าของทั้ง สองขุมกำลัง
ส่วนหลานกังกับหลานเสวียนเฟิงนั้นก็เป็นเพราะเป็นคนของสี่ตระกูลใหญ่ด้วยกัน เขาที่อยู่ภายใต้การบ่มเพาะของบิดาก็เลยรู้จักอยู่บ้าง
หลานกัง! หลานเสวียนเฟิง!
หวงฝู่เฮ่าเทียนกับประมุขของทั้งสามตระกูลใหญ่พากันตกตะลึงขึ้น
ทั้งสองคนนี้ก่อนหน้านี้ก็ได้ก้าวเข้าสู่ผู้เยี่ยมยุทธ์ขั้นกักเก็บไปอย่างเงียบๆ แล้ว มู่ชิงเกอต่อให้ร้ายกาจยังไงแต่เขาก็เป็นเพียงผู้เยี่ยมยุทธ์ระดับสีม่วงขั้นสูงสุด ระดับสีม่วงขั้นสูงสุดกับขั้นกักเก็บ ตรงกลางก็ยังมีช่องว่างอยู่ช่วงหนึ่ง ยากที่จะก้าวข้ามไปได้
สองคนนี้ไม่ว่าคนไหนก็เพียงพอแล้วที่จะสังหารมู่ชิงเกอ อีกอย่างนอกจากสองคนนี้ก็ยังมีคนอื่นๆ อยู่อีก แววพระเนตรของหวงฝู่เฮ่าเทียนทอประกายวาววับ เร่งกล่าวว่า “เช่นนั้นเรื่องการช่วยคนก็ไม่อาจชักช้าได้อีกต่อไป”
กล่าวจบเขาก็หันไปกล่าวกับประมุขตระกูลจิ่งกับประมุขตระกูลฮวา “ประมุขทั้งสองท่านถึงแม้ว่าตอนนี้คนในตระกูลของพวกท่านจะออกมาแล้ว แต่คุณชายมู่ก็ยังอยู่ด้านใน เหตุการณ์ที่นายน้อยจิ่งกล่าวมาก็ไม่อนุญาตให้พวกเราอาศัยโชคได้อีก คิดดูชิว่าด้านในมีผู้เยี่ยมยุทธ์ขั้นกักเก็บมากถึงเพียงนั้น ขอเพียงประมือกัน ขึ้นมา ช่องว่างแห่งการทดสอบก็จะต้องพังทลายเป็นแน่ ช่องว่างแห่งการทดสอบก็เกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ของพวกเราทุกคน ดังนั้นขอให้ทั้งสองท่านเห็นแก่ส่วนรวมเป็นหลัก”
คำกำชับเตือนอย่างครุมเครือของเขาก็ทำให้พวกเขาจำได้ว่าพวกเขายังต้องออกแรง
ประมุขตระกูลจิ่งเร่งตอบรับขึ้น “จักรพรรดิหยวนโปรดวางใจ ตระกูลจิ่งเราไม่ว่ายังไงก็ล้วนแต่ยืนอยู่ฝั่งจักรพรรดิหยวน จัดการกับพวกกบฏ”
“ท่านแม่ ท่านจะต้องช่วยคุณชายมู่!” ฮวาฉินฉินกล่าวอย่างร้อนใจ ก็พูดเอาไว้แล้วว่าจะเป็นตายไปด้วยกัน แต่มาตอนนี้นางกลับจากมาก่อน นี่ก็ยังไม่รู้ว่ามู่ชิงเกอจะคิดกับนางเช่นไร
ประมุขตระกูลฮวาส่งสายตาปลอบปะโลมไปทางนางสายหนึ่ง กล่าวรับประกันขึ้นกับจักรพรรดิหยวน “พวกเราตระกูลฮวาก็จะทำตามประสงค์ของจักรพรรดิหยวน”
การตอบกลับของประมุขทั้งสองก็ทำให้หวงฝู่เฮ่าเทียนพยักหน้าอย่างพึงพอใจ กล่าวกับพวกเขาว่า “ดี พวกเราตอนนี้ก็ทำได้เพียงหวังว่าด้านในจะสามารถยื้อเวลาได้ ต่อไป รอให้ผู้อาวุโสเจ็ดนำกุญแจของตระกูลหลานมาได้อย่างราบรื่น”
เสียงของเขาเพิ่งจบลง ผู้อาวุโสเจ็ดก็พลันปรากฏกายออกมา ส่วนในมือของเขาก็ถือไว้ด้วยกุญแจของตระกูลหลานดอกนั้น
จักรพรรดิหยวนนัยน์ตาทั้งสองข้างหรี่เล็กลง ยังไม่ทันเปิดปาก ก็พลันเห็นผู้อาวุโสเจ็ดสีหน้าเคร่งขรึมเดินมาทางเขา “ฝ่าบาท กระหม่อมทำตามรับสั่งไปนำกุญแจของตระกูลหลานแล้ว แต่ระหว่างนั้นถูกอดีตประมุขของตระกูลหลานพัวพัน ก็เลยมาช้าไปหน่อยพ,ะย่ะค่ะ”
“อดีตประมุขของตระกูลออกหน้าแล้ว!” หวงฝู่เฮ่าเทียนกล่าวอย่างตกตะลึง
ประมุขคนอื่นๆ สีหน้าก็พลันกลายเป็นเคร่งขรึมลง ถ้าหากเกิดลงมือกันรุนแรงขึ้นมานั้น ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นการเปิดศึกกันจริงๆ หรอกรึ!
นี่ก็ถือเป็นการชี้ชะตาครั้งใหญ่ของขุมกำลังที่อยู่บนจุดสูงสุดของแผ่นดินหลินชวน
ผู้อาวุโสเจ็ดพยักหน้า “ผู้อาวุโสใหญ่ก็ได้สกัดเขาจนถอยกลับไปแล้ว เพียงแค่ประมือกันไปสองสามกระบวน แต่ว่า…” เขากล่าวด้วยท่าทางลังเลเล็กน้อย “ข้าก็ได้ยินจากประมุขตระกูลหลานที่นั่นว่าคนที่ถูกส่งเข้าไปล้วนแต่พกยันต์เคลื่อนย้ายที่อดีตประมุขตระกูลหลานสร้างขึ้นต่างหากอีกคนละแผ่นในตอนที่ช่องว่างจะพังทลายก็จะสามารถถูกส่งตัวออกมาได้ทันเวลา”
“ดังนั้นพวกเขาก็เลยกล้าเข้าไปกระทำการวุ่นวายในช่องว่าง?” จักรพรรดิหยวนตรัสขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด
ขอเพียงสามารถออกมาได้ปีศาจเฒ่าพวกนั้นที่ลอบเข้าไปก็ไม่ต้องสนใจความเสถียรของช่องว่างโจมตีได้อย่างตามใจ พอเป็นเช่นนี้ มู่ชิงเกอก็จะยิ่งกลายเป็นอันตรายขึ้น และความน่าจะเป็นที่ช่องว่างจะถูกทำลายก็จะยิ่งมีมากขึ้น
“ตระกูลหลานเสียใจจนคลุ้มคลั่งถึงเพียงนี้เชียวรึ! พวกเขาเป็นบ้าไปแล้วรึไง?” ประมุขตระกูลฮวาก็กล่าวด้วยสีหน้าเยียบเย็น
ประมุขตระกูลจิ่งยิ้มหยันขึ้น “ไม่ใช่บ้า แต่เป็นถูกความเพ้อฝันอันงดงามของพวกเขาทำให้สมองเลอะเลือนไป”
ประมุขตระกูลเฉินก้มหน้านิ่งเงียบ กล่าวทอดถอนใจอยู่ในใจ ‘การกระทำอันบ้าคลั่งของตระกูลหลาน ก็ไม่อาจหนีพันจากผลงานที่พวกเขาเหล่านี้เฝ้าบ่มเพาะกันมาข้ามเดือนข้ามปี!’
“พวกเขาก็ประเมินความสำคัญของคุณชายมู่ที่มีต่อองค์มหาปราชญ์น้อยไป แต่ไม่ว่ายังไงนี่ก็ถือเป็นการไม่เคารพต่อองค์มหาปราชญ์ การคาดเดาที่ผิดพลาดส่งผลให้เกิดการวิเคราะห์ที่ผิดพลาด เกรงว่าประมุขตระกูลหลานในตอนนี้ก็คงจะสำนึกเสียใจแล้วกระมัง” ประมุขตระกูลฮวากล่าวเย้ยหยันขึ้น
ประมุขตระกูลเฉินกล่าวว่า “ในตอนนี้ยอดฝีมือที่ยังรั้งอยู่ในตระกูลหลาน ก็คงจะมีอดีตประมุขตระกูลหลานที่ยังไม่เชื่อว่าองค์มหาปราชญ์จะให้ความสำคัญแก่เด็กรุ่นเยาว์คนหนึ่ง ท่าทีก็เลยดูแข็งกร้าว”
“ตระกูลหลาน ต่อจากนี้ไปในแผ่นดินหลินชวนก็เกรงว่าจะไม่มีตระกูลหลานอีกแล้ว” หวงฝู่เฮ่าเทียนหัวเราะหยัน พลางเอ่ยขึ้น
พอกล่าวจบ เขาก็สงบสติอารมณ์ก่อนจะเอ่ยขึ้น “กุญแจ ในเมื่อได้มาแล้ว พวกเราก็มาเริ่มกันเถอะ”
ประมุขของทั้งสามตระกูลพยักหน้าเบาๆ แยกกันออกไปคนละมุม
ส่วนผู้อาวุโสเจ็ดก็ถือกุญแจของตระกูลหลาน ยืนไปยังตำแหน่งที่เป็นของตระกูลหลาน