ตอนที่ 1174 ได้ร่างแยกกลืนนภาอีกครั้ง
“ศิษย์น้องเล็ก นั่นคือร่างแยกเจ้ารึ?”หู่จื่อมองร่างแยกกลืนนภาของซูหมิงใต้ ธูปสองดอกที่ยังติดไฟ ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย อภินิหารที่เขาใช้ก่อนหน้านี้เพียงแค่ เห็นภาพ ไม่อาจสัมผัสถึงรายละเอียดขั้นพลัง แต่ยามนี้ที่เห็นร่างแยกกลืนนภากับ ตาตัวเอง หู่จื่อก็รู้สึกถึงแรงกดดันรุนแรง
แรงกดดันนนี้ไม่ได้เกิดจากพลัง แต่เป็นกำลังแกร่งกล้าที่เหมือนจะระเบิดมาจากในร่างกาย ระดับความแกร่งนั้นทำให้หู่จื่อตกใจ เป็นที่รู้กันว่าเขาก็ฝึกฝนร่างกาย ส่วนขั้นพลังถึงจะใช้เต๋าความฝันเป็นหลัก ทว่าแท้จริงเขาไม่ชอบเต๋าความฝัน แต่เอียงไปทางร่างกายตัวเองมากกว่า
ดังนั้นแล้วจึงเข้าใจได้มากกว่าคนอื่นว่าร่างกายแบบนี้ระเบิดพลังน่ากลัวถึงเพียงใด ยามนี้ขณะกล่าวหู่จื่อจึงมองซูหมิง พอเห็นซูหมิงพยักหน้าเขายังสูดลมหายใจเข้าด้วยความตกใจ ก่อนหน้านี้เขาเคยเห็นพลังซูหมิงมาแล้ว ดูเหมือนขั้นกุมเพิ่งบรรลุขั้นชะตาไม่นาน แต่จนกระทั่งถึงตอนนี้เขาพบว่าแม้แต่ศิษย์พี่ใหญ่กับศิษย์พี่รองก็ยังเข้าใจผิดเรื่องกำลังแท้จริงของศิษย์น้องเล็ก
‘เพียงแค่หนึ่งร่างแยกข้าก็รู้สึกถึงแรงกดดันขนาดนี้แล้ว เฮอะๆ ยอดเขาลำดับเก้าของเราถูกลิขิตไว้แล้วว่าต้องผงาดขึ้น กำลังรบแท้จริงของศิษย์น้องเล็กแกร่งถึงเพียงใดกันแน่ล่ะ…’ หู่จื่อแสยะปากยิ้ม มีท่าทางเบิกบานใจมาก
ซูหมิงจ้องธูปติดไฟเก้าดอกด้วยสีหน้าสงบนิ่งแล้วก้าวเท้ายาวเข้าไป หู่จื่อก็รีบตามมาข้างหลัง ส่วนกระเรียนขนร่วงเดินตามอย่างทะนงองอาจ
ในสายตามัน ตอนนี้โลกแท้จริงดาราสัจธรรมแทบจะไม่มีที่ใดมีอำนาจคุกคามต่อซูหมิงแล้ว เพียงส่งสมบัติล้ำค่าแหวนออกไป ต่อให้เจอกับยอดฝีมือขั้นดับ ซูหมิงก็ยังสู้ไหว
ถึงขั้นเจอผู้ยิ่งใหญ่ แม้ซูหมิงจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ ทว่าก็หนีได้ง่ายดายยิ่ง ดังนั้นแล้วมันต้องกลัวอะไรอีก
ซูหมิงเคลื่อนตัวไม่เร็วนัก เมื่อเข้าไปใกล้ก็รู้สึกว่าพลังในร่างกายกำลังเดือดพล่าน เหมือนยิ่งเข้าใกล้วงแหวนอาคมธูปสวรรค์มากเท่าไร ขั้นพลังเขายิ่งคึกคัก เหมือนจะเกิดการทะลวงขึ้น อีกทั้งพอเข้าไปใกล้ ในความคิดเขาพลันเกิดการตระหนักรู้ขึ้น เสี้ยวหนึ่ง
เพียงแต่การตระหนักรู้นี้เลือนรางเล็กน้อย มองเห็นไม่ชัด พวกมันเหมือนปรากฏขึ้นเอง ตอนที่วนเวียนในความคิดเขายังหลอมรวมพลัง ทำให้พอเขาเข้าไปใกล้จะเกิดความรู้สึกเด่นชัดว่าขั้นพลังจะทะลวงชะตาแห่งภายนอก กลายเป็นควบคุมชะตา แห่งภายใน
การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ในใจเขาสั่นไหว ฝีก้าวหยุดชะงักลง ยามที่หันไปมองหู่จื่อ หู่จื่อมีสีหน้าจริงจังยิ่ง ลูกตาดำสองข้างมีอักขระวงแหวนอาคมจำนวนมากขยับแสง วูบวาบ นอกตัวเขายังเกิดการบิดเบี้ยวมากมาย การบิดเบี้ยวเหล่านี้เหมือนกับรวมขึ้นเป็นวงแหวนอาคมปกคลุมหู่จื่อเอาไว้ภายใน
“หู่จื่อ รอข้าที่นี่ ข้าจะไปสำรวจวงแหวนอาคมธูปสวรรค์ หากวงแหวนอาคมนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้น ท่านจะได้สังเกตเห็นและแจ้งข้าทัน” ซูหมิงมองออกถึงความลำบากของหู่จื่อ เว้นแต่ผู้ฝึกฌานแสนคนนั้นจะเลิกต่อต้าน เช่นนั้นเขาก็จะ นั่งฌานอยู่ที่นี่ได้ มิเช่นนั้นแล้วหากยังมีการต่อต้านกันอยู่ ยิ่งเข้าไปใกล้ก็จะยิ่งยากมากขึ้นเท่านั้น ซูหมิงเองก็มีแหวนสมบัติล้ำค่า หากเกิดอันตรายก็ยังถอยมาได้ไม่ยาก ทว่าหากหู่จื่อเข้าไปลึก โดยเฉพาะด้วยฐานะจิตวิญญาณแห่งวงแหวนอาคมของเขา บางทีอาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด
ดังนั้นซูหมิงจึงพูดเช่นนี้ ให้หู่จื่อรออยู่ที่นี่
หู่จื่อลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนพยักหน้า เขารู้ว่าเพราะตนเป็นจิตวิญญาณแห่งวงแหวนอาคมจึงรู้สึกรุนแรงกว่าคนอื่น กระทั่งมีการเรียกหาก็เหนือกว่าคนอื่นมาก ตอนนั้นเขาไม่ได้เข้าไปลึก ตอนนี้หากไม่ใช่เพราะซูหมิง เขาคงไม่มาที่นี่
“เอ่อ หู่จื่อเป็นคนบุ่มบ่าม ท่านกระเรียนผู้นี้ก็เป็นคนห้าวหาญ ข้าจะอยู่ดูเขาที่นี่เอง เจ้าซูน้อยวางใจเถอะ ข้าจะไม่ให้เขาบุ่มบ่ามอย่างแน่นอน” กระเรียนขนร่วงกลอกตาก่อนหยุดชะงักทันที มีสีหน้าห้าวหาญยิ่งและยอมเสียสละทุกอย่างเพื่อซูหมิง ความจริงคือพอมันเข้าไปใกล้แล้วก็เกิดความรู้สึกวิญญาณเดือดพล่าน นี่ไม่ใช่เรื่องดีอะไร หากเดือดพล่านถึงขีดสุด วิญญาณจะสลายไป มันจึงตกใจจนต้องรีบหยุด แต่ด้วยความที่จะยอมให้ชื่อเสียงของท่านกระเรียนลดลงมิได้ มันจึงเน้นพูดหลายประโยคนี้ออกไป
ซูหมิงมองกระเรียนขนร่วงด้วยรอยยิ้มทีเล่นทีจริงแวบหนึ่ง แล้วหมุนตัวกลับเดินไปทางวงแหวนอาคมธูปสวรรค์ จังหวะก้าวไม่เร็ว แต่ทุกก้าวที่เหยียบลงจะทำให้ ผืนฟ้าสั่นไหวเบาๆ แรงกดดันแผ่มาจากตัวเขารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เหมือนจะต่อต้านกับวงแหวนอาคมธูปสวรรค์รางๆ ตอนที่เดินผ่านผู้ฝึกฌานแสนคนนั้น แรงกดดันในตัวเขาดุเดือดถึงขีดสุด
แต่สิ่งที่คนนอกมองไม่เห็นคือในดวงตาเขาตอนนี้แม้จะแน่วแน่ แต่กลับมีเสี้ยวความลังเล ซึ่งนี่เป็นเพราะความรู้สึกเขา ไม่อยากเชื่อว่าขั้นพลัง…ทะลวงที่นี่!
แต่เขาสังเกตเห็นชัดว่าการทะลวงพลังเป็นของปลอม ทว่าความรู้สึกนั้นก็เด่นชัดยิ่ง เขาทะลวงผ่านชะตาแห่งภายนอกบรรลุถึงชะตาของตัวเอง กลายเป็นขั้นชะตาระดับสูง!
‘วงแหวนอาคมนี้แปลก…’ ซูหมิงไม่หยุดชะงักแม้แต่น้อย เขาเดินผ่านพื้นที่ผู้ฝึกฌานแสนคนจนห่างจากวงแหวนอาคมธูปสวรรค์ไม่ถึงพันจั้ง ตรงหน้าเขาไม่ไกลราว แปดร้อยกว่าจั้งคือจุดที่ร่างแยกกลืนนภานั่งฌานอยู่
ซูหมิงมีสีหน้าสงบนิ่ง ความลังเลในดวงตาเปลี่ยนเป็นเย็นชา จังหวะก้าวยังคงไม่เร็ว ทว่าจังหวะก้าวและความเร็วตอนห่างจากวงแหวนอาคมธูปสวรรค์ไกลๆ ดูเหมือนช้า แต่ความจริงตอนนี้ที่ห่างจากวงแหวนอาคมธูปสวรรค์เพียงพันจั้ง
แม้จังหวะก้าวและความเร็วยังเหมือนเดิม แต่ถึงกระนั้นกลับไม่อาจเทียบกันได้เลย ซึ่งความเร็วแบบนี้พริบตาเดียวก็หลายร้อยจั้งแล้ว
ภาพนี้ทำให้หู่จื่อสูดลมหายใจเข้าด้วยความตกใจ นัยน์ตาฉายแววตกใจ เขามองออกว่าซูหมิงยังคงมีสติอยู่ แต่ระยะแบบนี้ยังมีสติอยู่ได้ จำเป็นต้องมีพลังและจิตใจแน่วแน่ที่น่ากลัวยิ่ง
“เฮอะๆ นี่ยังไม่เท่าไร แบบนี้เด็กๆ” กระเรียนขนร่วงเห็นหู่จื่อมีสีหน้าตกตะลึง มันจึงมีสีหน้าลำพองใจทันที
“พลังศิษย์น้องเล็กคือ?” หู่จื่อลังเลอยู่ชั่วขณะ สายตามองกระเรียนขนร่วง
“ฮ่าๆ พูดยากๆ เอาเป็นว่าคนที่สังหารเขาได้เดาว่ามีไม่มากแล้ว แต่แน่นอนว่าข้าหมายถึงในสี่โลกแท้จริง” กระเรียนขนร่วงลำพองใจยิ่งกว่าเดิม เหมือนรอหู่จื่อถาม มานานแล้ว ตอนนี้หู่จื่อเพิ่งถามมันก็ตอบในฉับพลัน
“ท่านกระเรียนไม่เคยพูดโกหก เจ้าเคยรู้จักเทพโบราณหรือไม่ นั่นคือคนยักษ์สูงใหญ่”
“เทพโบราณ? ที่เจ้าพูดถึงน่าจะเป็นเซียนเบื้องบนสายเลือดโบราณ แน่นอนว่าเคยเห็น…” หู่จื่ออึ้งงัน นึกอยู่ชั่วครู่แล้วก็ตอบกลับ
“ก่อนหน้านี้ซูหมิงเคยสังหารไปหนึ่งตัว แต่มีข้าคอยช่วยด้วย” แม้กระเรียนขนร่วงจะอธิบายแบบคร่าวๆ แต่ว่าความลำพองใจจากสีหน้ากลับเหมือนไม่ได้พูดถึงซูหมิงแต่เป็นตัวมันเอง และยังให้ความรู้สึกว่าขี้อวด
หู่จื่อออกแรงสั่นหัวตัวเอง ข้างหูมีเสียงอื้ออึงเล็กน้อย เขารู้ถึงความแกร่งของ เทพโบราณ และเคยเห็นกับตาตัวเองมาแล้ว ตอนนี้ในใจจึงเกิดคลื่นลูกใหญ่ขึ้น
“เฮอะๆ จะให้พูดจริงๆ คือฆ่าไปแล้วสองต่างหาก ตรงจุดที่พวกเจ้านั่งดื่มสุราเมื่อครู่ ก่อนหน้านั้นมีเทพโบราณตนหนึ่ง แต่สุดท้ายก็ถูกซูหมิงกินไป แน่นอนว่ามีท่านกระเรียนคนนี้คอยช่วยอยู่ด้วย” กระเรียนมีสีหน้าโอ้อวด ตามด้วยพูดต่ออีกประโยค
ระหว่างที่หู่จื่อกับกระเรียนขนร่วงกำลังสนทนากัน ซูหมิงเดินไปหลายร้อยจั้งอย่างสงบนิ่งจนมาถึงร่างแยกกลืนนภาที่นั่งขัดสมาธิอยู่ เขายืนอยู่ตรงนั้น มองวงแหวนอาคมธูปสวรรค์ ยามนี้ระลอกคลื่นพลังในร่างกายรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่มองไม่เห็นจากภายนอกก็เท่านั้น
ระดับความรุนแรงก็เหมือนว่าขอเพียงซูหมิงเดินอีกหลายก้าว พลังจะทะลวงจากขั้นชะตาไปขั้นเกิด กระทั่งเขายังมีลางสังหรณ์เด่นชัดว่าหากเดินต่อไป จะไม่ทะลวงแค่ขั้นเกิด แม้แต่ขั้นดับสูญ ขั้นผู้ยิ่งใหญ่ เขาก็ยังทะลวงผ่านไปได้ ความเด่นชัดของความรู้สึกกลายเป็นความแกร่งอันน่าหลงใหล ถึงจะรู้ว่าเป็นของปลอม แต่ก็ยังยากจะระงับอารมณ์ชั่ววูบเอาไว้ อารมณ์ชั่ววูบนี้มากพอจะทำให้คนมองข้ามไป ขณะที่ ขั้นพลังดูเหมือนจะทะลวงผ่าน วิญญาณก็สลายไปแล้ว เพียงแต่คนที่มาที่นี่ ขณะเดียวกับที่รู้สึกว่าทะลวงพลัง วิญญาณพวกเขาสลายไปไม่หยุด เหมือนว่า ของปลอมทุกอย่างนี้ นอกจากความมหัศจรรย์ของวงแหวนอาคมธูปสวรรค์แล้ว ที่มากกว่าคือ อาศัยการสลายวิญญาณมาให้เกิดผลเช่นนี้ ดังนั้นร่างแยกกลืนนภา จึงขาดการเชื่อมต่อกับเขาไป เพราะวิญญาณในร่างแยกถูกสลายไปจนหมดแล้ว
ซูหมิงยืนอยู่ข้างร่างแยกกลืนนภา สีหน้าดูครุ่นคิด ครู่ต่อมาเขายกมือขวาขึ้นกดกลางกระหม่อมร่างแยกกลืนนภา ทว่าทันทีที่กดมือขวาลงไป ร่างแยกกลืนนภา พลันลืมตาขึ้น ดวงตาเป็นประกายสีเทา เผยประกายหนาวเยือกที่ไม่ใช่ของซูหมิง
เขาขยับตัวหมายจะหลบมือขวาที่กดลงของซูหมิง ถึงขั้นในร่างแยกกลืนนภายังระเบิดพลังแห่งร่างกายรุนแรงออกมา ระลอกคลื่นประหนึ่งจะระเบิดพุ่งสวนกลับไปหาซูหมิง
ซูหมิงยังคงมีสีหน้าสงบนิ่งดังเดิม มุมปากยิ้มเยาะ เขาไม่หยุดมือขวาแม้แต่น้อย แต่ยังคงกดลงไปทางกลางกระหม่อมร่างแยกกลืนนภาด้วยความเร็วก่อนหน้านี้ อีกทั้งแหวนตรงนิ้วชี้มือขวายังแผ่กระจายระลอกคลื่นหนึ่งชั้น ฉับพลันนั้นเองร่างแยกกลืนนภาตัวสั่น เขา…ยืนขึ้นไม่ได้ ประกายสีเทาในดวงตาฉายแววดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง แต่ดิ้นรนไม่นาน มือขวาซูหมิงก็กดลงกลางกระหม่อมเขาแล้ว
ประกายสีเทาในดวงตาร่างแยกกลืนนภาหายไปอย่างเงียบเชียบ ประกายวาวของซูหมิงเกิดขึ้นในดวงตาราวจุดเปลวไฟ
หู่จื่อเห็นภาพนี้กับตา เห็นว่าร่างแยกที่มีร่างกายแกร่งยิ่งในความรู้สึกเขากลับไม่มีแรงต่อต้านซูหมิงแม้แต่น้อย ถึงร่างแยกนี้จะเป็นของซูหมิง ทว่าการสวนกลับแบบนั้นกลับถูกยับยั้งไว้ได้อย่างง่ายดาย นี่มากพอจะอธิบายได้ว่าพลังซูหมิงถึงจุดที่น่าเหลือเชื่อแล้ว!
“ศิษย์น้องเล็กเขา…บรรลุถึงขั้นดับแล้วรึ?” หู่จื่อตะลึงงันอยู่ตรงนั้น ก่อนถามออกไปโดยจิตใต้สำนึกซื่อๆ
“ขั้นดับ? ขั้นดับก็บ้าแล้ว ช่างเขาเถอะ หู่จื่อ เจ้าเห็นหรือไม่ว่าข้าช่วยให้เขาเติบโตได้เร็วถึงขนาดนี้ เจ้าลองใคร่ครวญดู เพียงจ่ายหินผลึกให้ท่านกระเรียนในทุกปีหลายล้าน….ไม่ หลายสิบล้านก้อนเท่านั้น ข้ารับรองว่าจะทำให้พลังเจ้าพุ่งพรวดแน่นอน ว่าอย่างไร เจ้าลองตรึกตรองดู โอกาสนี้หายาก เจ้าหู่น้อย เจ้าต้องคว้าเอาไว้”
กระเรียนขนร่วงตาเปล่งประกาย ที่มันคุยโม้ไว้มากก่อนหน้านี้ก็ไม่ใช่เพื่อการนี้หรอกหรือ