Skip to content

สู่วิถีอสุรา 124

ตอนที่ 124 สหายสวี่ รีบหนีเร็ว!

ฤดูฝนติดต่อกันอย่างไม่ขาดสาย หลายวันต่อมาจึงค่อยๆ ลดน้อยลง ในวันธรรมดามักมีฝนตกปรอยๆ ราวกับไม่ยอมจากไป

ซูหมิงเคยชินกับความชื้นในที่แห่งนี้แล้ว ไม่เหมือนกับเมื่อหลายปีก่อนที่เพิ่งเคยมาเป็นครั้งแรก

จากการที่บิดาฟางมู่มอบดาบกระดูกคืนให้เขา ถือเป็นการพิสูจน์การคาดเดาของซูหมิง ทำให้ในใจเขาฮึกเหิม แต่จะให้กล่าวจริงๆ แล้ว ความฮึกเหิมดังกล่าวมอบความมั่นใจให้เขาเป็นครั้งแรกหลังมาดินแดนแปลกตาแห่งนี้

ตั้งแต่ใช้ฟางมู่มาเป็นตัวล่อจนกระทั่งใช้ดาบแลกสิ่งของ ท้ายที่สุดก็ได้ดาบคืนมา นี่ดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา ทว่าแท้จริงแล้วเป็นแผนการของซูหมิง สร้างอำนาจให้กับตัวเองไปทีละขั้นจากในความสับสนแปลกตา ค่อยๆ เชื่อมสัมพันธ์กับบิดาของฟางมู่ภายใต้การคาดเดาขั้นพลังของเขาล่วงหน้า

ซูหมิงแสดงเจตนาดีอย่างเหมาะสม การได้ดาบกระดูกคืนจากบิดาของฟางมู่เป็นการตอบรับซูหมิงอย่างเป็นมิตร และถือเป็นการยอมรับ

แม้ดาบเล่มนี้จะไม่มีชื่อเสียงหรือล้ำค่า ทว่าความหมายแฝงภายในกลับต่างกัน

ซูหมิงเก็บดาบเข้าไปในถุงชำรุดแล้วสงบนิ่ง จากนั้นหลอมโอสถต่อภายในถ้ำของเขาแห่งนี้ และทะลวงขั้นพลังของตนไปทีละก้าว

กาลเวลาท่ามกลางเทือกเขาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็ครึ่งเดือน เส้นเลือดในร่างกายของซูหมิงเพิ่มขึ้นถึงสองร้อยหกสิบเส้น ในวันนี้เขานั่งขัดสมาธิอยู่ภายในถ้ำ เปล่งแสงโลหิตวูบวาบทั้งตัว มีมังกรหมอกเจ็ดตัวลอยมาจากทวารทั้งเจ็ด บินวนรอบศีรษะ

ไม่นาน มังกรหมอกเจ็ดตัวเหล่านั้นพลันสั่นสะท้าน ไม่รู้ว่าพบเจอสิ่งใด เพียงแค่หยุดชะงัก ทันใดนั้นกลับแหลกสลายอยู่เหนือศีรษะของซูหมิง กระจายเป็นเส้นจำนวนมาก

เขาพลันลืมตา นัยน์ตาฉายแววตื่นตระหนกและสงสัย ใช้มือขวาจับเส้นหมอกจำนวนมากอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้น เส้นหมอกที่รวมตัวอยู่ในฝ่ามือของซูหมิงค่อยๆ ไหลเข้าสู่กลางฝ่ามือจนหายไปในที่สุด

ซูหมิงมีสีหน้าเคร่งขรึม ยันกายขึ้นอย่างช้าๆ แล้วเคลื่อนตัวออกไปยืนนอกถ้ำ ยามนี้ท้องฟ้ามืดมิด จันทราลอยสูง เพียงแต่มีเมฆบางๆ ทำให้แสงจันทร์ส่องบนผืนดินดูขมุกขมัว

ซูหมิงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ทว่าสีหน้ากลับเคร่งขรึมมากขึ้น พลังโลหิตในร่างกายเหมือนจะเสียการควบคุม มีเค้าลางแย่ลง เส้นผมของเขาเคลื่อนไหวเองแม้ไร้ลม ทั้งยังไม่ปลิวไปด้านหลัง แต่ผ่านแก้มและข้างหูปลิวไปด้านหน้า ราวกับตรงส่วนลึกของท้องฟ้ายามค่ำคืนมีบางสิ่งกำลังดูดกลืนเส้นผมของเขา

หินทรายชุ่มน้ำบนพื้นเหล่านั้น ยามนี้ค่อยๆ ขยับท่ามกลางระลอกคลื่นสั่นไหวบนผิวน้ำ ส่งเสียงดังซ่าๆ เคลื่อนตัวไปเบื้องหน้า ทั้งยังมีใบไม้เน่าบางส่วน ยามนี้พลันลอยขึ้นหมุนวนเป็นพายุประหลาดตรงขึ้นฟ้า

นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกายวาววับ ใช้เคล็ดความละเอียดอ่อนปกคลุมร่างกายเพื่อระยับอาการเต้นตุบๆ ของพลังโลหิตในร่างกาย จ้องมองท้องฟ้าห่างไกล ภายในสีหน้าเคร่งขรึมมีแววขบคิด

‘ขั้นชำระล้างกำลังแสดงเคล็ดวิชาหมาน! ห่างไปไม่น่าไกล มิเช่นนั้นแล้วคงไม่สัมผัสได้ชัดเจนขนาดนี้’ ขณะซูหมิงกำลังขบคิด พลันมีเสียงระเบิดดังมาจากท้องฟ้าห่างไกลประดุจเสียงฟ้าผ่ายามค่ำคืน

จากนั้นมีเส้นโค้งลากยาวมาจากขอบฟ้าห่างจากซูหมิงค่อนข้างไกล พุ่งไปทางด้านหลังเทือกเขาป่าฝน

ตรงนั้นเป็นส่วนลึกของป่าฝนอย่างแท้จริง ซูหมิงเคยไปมาแล้วครั้งหนึ่ง ทว่าที่นั่นกลับมีความชื้นมากกว่าข้างนอกหลายเท่า อีกทั้งยังไม่แบ่งฤดูกาล ฉะนั้นจึงมีกลิ่นอายความรู้สึกที่ทำให้คลื่นไส้อาเจียนและมีสภาพจิตใจว้าวุ่น เมื่ออยู่นานไปจะโคจรโลหิตได้ยากเพราะถูกพิษร้ายแรง ดังนั้นเขาจึงไปเพียงครั้งเดียวก็หยุดฝีเท้าแล้วไม่เข้าไปง่ายๆ อีก

ยามนี้สายรุ้งห้อเหยียด ภายในมีเงาคนมองเห็นรูปร่างไม่ชัด แต่ดูจากแสงอ่อนของสายรุ้ง เห็นได้ชัดว่าบุคคลนี้มาถึงปลายทางแล้ว ขณะเคลื่อนตัวไปเขากระอักโลหิตหลายครั้ง กลิ่นอายพลังคล้ายขั้นชำระล้างแผ่มาจากเงาคนเบาบาง ไม่มั่นคงยิ่งนัก ทำให้ซูหมิงสับสบว่าเป็นขีดสูงสุดของรวมโลหิตหรือชำระล้างตอนต้นกันแน่

“นี่คือ…” แววตาซูหมิงเป็นประกาย ทั้งตัวพลันเย็นชาลงทันที เขาสะบัดมือขวาไปเบื้องหน้าประดุจดาบแหลมออกจากฝัก วิญญาณค้างคาวจันทรากระจัดกระจายแผ่คลุมโดยรอบในทันใด

แทบจะเป็นช่วงที่ซูหมิงเคลื่อนไหว ส่วนลึกบนท้องฟ้ามีสายรุ้งอีกเส้นตกลงมา ดูเหมือนถูกหมอกหนาปกคลุม ขณะห้อเหยียดปานลมกรด ภายในมีเงาคนยืนอยู่ มองไม่เห็นรูปร่างหน้าตาเช่นเดียวกัน ทว่าจิตสังหารกลับไม่อาจปกปิด

ในช่วงที่เขาห้อวิ่งอยู่บนท้องฟ้า เมฆดำใต้ฝ่าเท้าไหลเชี่ยวกราก กำลังยกมือขวาเพื่อชี้ไปทางซูหมิงที่อยู่ห่างไกล เขาล่าสังหารมาตลอดทางแต่ไม่ราบรื่น ภายใต้สภาวะจิตใจร้อนรน หากเขาเจอผู้อื่นจะลงมือสังหารทันทีโดยไม่ต้องคิด แล้วชิงพลังโลหิตของคนเหล่านั้นมาเพิ่มความเร็วให้กับหมอกใต้ฝ่าเท้า

ก่อนหน้านี้แม้ซูหมิงอยู่ในถ้ำ ทว่าเขาก็สัมผัสได้ ในความคิดเขา แค่นักรบหมานลำดับเจ็ดขั้นรวมโลหิตเล็กจ้อยคนหนึ่ง การสังหารง่ายเหมือนบี้มด คนผู้นี้ถึงขั้นเลินเล่อเกินไป ชี้นิ้วหมายจะเอาชีวิตกันในทันที

ทว่าในชั่ววินาทีที่เขากำลังจะชี้นิ้วลง สีหน้าคนบนหมอกดำพลันเปลี่ยน เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงความรู้สึกน่าสะพรึงรอบตัวซูหมิงบนเทือกเขาเบื้องล่าง เขาไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด จึงทำเสียงหึก่อนดึงมือกลับ แล้วไล่ตามผู้หลบหนีอยู่เบื้องหน้าอย่างสุดกำลัง

ซูหมิงยืนอยู่ตรงนั้น มีเม็ดเหงื่อไหลซึมบนหน้าผาก ใบหน้าขาวซีดเล็กน้อย แต่ดวงตากลับสงบนิ่งประดุจบ่อน้ำเก่า เหตุการณ์เมื่อครู่ หากไม่ใช่ว่าเขาไหวพริบดีแสดงอานุภาพพลังวิญญาณค้างคาวจันทรา เกรงว่าเมื่อบุคคลบนหมอกดำชี้นิ้วลงอาจทำให้ซูหมิงพบกับหายนะ แม้ไม่ถึงขั้นเสียชีวิต ทว่าก็สร้างความลำบาก

‘เขาคือเสวียนหลุน!’ ซูหมิงสูดลมหายใจเข้าลึก แววตาขยับประกาย เดิมทีเขามองไม่ออกว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ทว่าเสียงหึเมื่อครู่ทำให้เขาทราบเป็นอย่างดี ภาพความทรงจำเกี่ยวกับเสวียนหลุนในเมืองเขาหานยังคงอยู่ในใจ

‘คนที่เขาล่าสังหารแปดส่วนอาจเป็นเหอเฟิง!’ ซูหมิงเงียบขรึม มองไปทางส่วนลึกของป่าฝนห่างไกล เห็นได้ชัดว่าสายรุ้งทั้งสองเข้าใกล้กันมาก ก่อนมีเสียงระเบิดดังขึ้นโครมคราม ทั้งสองกำลังเข้าประมือกันอย่างสุดชีวิต

‘เหอเฟิงทะลวงขั้นพลังแล้ว! ตอนแรกที่ข้าเห็นเขาคือตอนหานเฟยจื่อพาตัวไป ไม่คิดเลยว่าจะได้เจออีกครั้ง ไม่เพียงแต่ถูกเสวียนหลุนล่าสังหาร แต่ยังทะลวงขั้นพลังแล้ว…มิน่าเสวียนหลุนถึงได้ล่าสังหารมาจนถึงที่นี่ หากเหอเฟิงยังไม่ทะลวงขั้น เกรงว่าอาจพลาดท่าก่อนหน้านี้’

สีหน้าซูหมิงเคร่งขรึม เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขา ทว่าจุดที่พวกเขาล่าสังหารก็เป็นในป่าฝน อีกทั้งเสวียนหลุนยังใช้อำนาจบาตรใหญ่ เมื่อครู่นี้หากไม่ใช่เพราะซูหมิงไหวพริบดีคงถูกลากเข้าไปเกี่ยวด้วยแล้ว

“ช่างเถอะ ข้าจะอยู่นี้ไม่ได้แล้ว เฮ้อ…” ซูหมิงถอนหายใจ เคลื่อนตัวกลับเข้าไปในถ้ำ เก็บของใส่ถุงชำรุด ก่อนทะยานออกจากถ้ำมุ่งหน้าไปทางป่าฝนใต้เทือกเขา

‘แม้เหอเฟิงทะลวงขั้นพลังแล้ว ทว่าดูเหมือนเขาจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเสวียนหลุน หากเสวียนหลุนสังหารเขาแล้วไปจากนี่ก็คงดี ทว่าหากกลับมาหาข้า…เรื่องนี้จะเสี่ยงไม่ได้’ ซูหมิงตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ห้อเหยียดอยู่ในป่าฝน คิดในใจว่าจะต้องไปเผ่าบูรพาสงบก่อน

‘ตอนนี้ต้องเปลี่ยนแผน…’ ซูหมิงเป็นกังวลยิ่งนัก เห็นกันอยู่ว่าไม่เกี่ยวกับเขา กลับถูกลากเข้ามาพัวพันด้วย ป่าฝนแห่งนี้เป็นม่านทางธรรมชาติ ภายในมีสมุนไพรมากมาย เขาจึงยากจะทำใจลาจาก

‘รอจนผ่านเรื่องนี้ไปก่อน บางทีอาจกลับมาใหม่ได้…’ ขณะห้อวิ่ง ซูหมิงหยุดความคิดนี้เอาไว้ นิสัยของเสวียนหลุนเขาพอเข้าใจจากเรื่องราวของอีกฝ่ายมาบ้าง เห็นได้ชัดว่าเป็นคนอารมณ์แปรปรวน

ขณะห้อเหยียด ด้านหลังซูหมิงมีเสียงโครมครามดังกังวานต่อเนื่อง ทั้งยังแฝงไว้ด้วยเสียงร้องแหลมเพียงรางๆ

‘เรื่องนี้มันแปลกๆ ในป่าฝนกว้างใหญ่ขนาดนี้ ทั้งยังมีที่อื่นให้ไปอีกมากมาย แต่เหอเฟิงกลับมาที่นี่ หวังว่าจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ’ นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกายเย็นชา

‘หากไม่ใช่เรื่องบังเอิญก็เป็นเหอเฟิงตั้งใจล่อเสวียนหลุนมา หรือว่าที่นี่จะมีอะไรบางอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อเขา?’ ซูหมิงคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก ความเร็วฝีเท้าเพิ่มมากขึ้นเพื่อออกห่างจากอาณาเขตการวิวาทแห่งนี้

ทว่าทันใดนั้น ตรงส่วนลึกในป่าฝนด้านหลัง ท่ามกลางเสียงระเบิดดังกังวาน มีน้ำเสียงร้อนรนดังขึ้น ชัดเจนว่าเสียงดังกล่าวใช้เคล็ดวิชาหมานแบบพิเศษส่งมา แฝงไว้ด้วยพลังทะลวงผ่าน กระจายออกไปได้ไกลยิ่งนัก เพียงพอจะทำให้ซูหมิงที่อยู่ห่างไกลจากสนามรบได้ยิน

“ข้าจะถ่วงเสวียนหลุนเอาไว้ สหายสวี่…เจ้ารีบหนีไป! เรื่องที่ข้าคนแซ่เหอไหว้วาน ที่ซ่อนสมบัตินั่นถือเป็นการตอบแทนสหายสวี่!” น้ำเสียงนั้นดังก้อง ปกคลุมโดยรอบ แม้แผ่ขยายไปไม่ไกลนัก ทว่าก็ส่งมาถึงซูหมิงขณะห้อเหยียดอยู่ในยามนี้

“บุญคุณ? หึ อ่อนหัด!” เสวียนหลุนที่กำลังประมือกับเหอเฟิงในป่าฝน เมื่อได้ยินเช่นนี้แววตาเป็นประกาย ยิ้มเยาะก่อนลงมือต่อ แต่เขาพลันใช้นิ้วชี้มือขวาเล็งไปทางจุดที่ซูหมิงอยู่ไกลออกไป

เมื่อชี้นิ้ว หมอกดำข้างกายเขาพลันบิดเบี้ยวกลายเป็นใบหน้าอสูรดุร้าย แผดเสียงคำรามตรงเข้าไปหาซูหมิงอย่างรวดเร็ว

ขณะห้อวิ่งนัยน์ตาซูหมิงฉายจิตสังหาร เขาในยามนี้ทราบแล้วว่านั่นเป็นแผนการชั่วร้ายของเหอเฟิงที่ใช้ตรงนี้เพื่อบีบให้เขาต้องลงมือช่วย มิเช่นนั้นแล้วต่อให้หนีไปก็ยากจะรอดจากการล่าสังหาร

ในคำพูดมีจุดผิดพลาดมากมาย ทว่าซูหมิงก็รู้อยู่แก่ใจ เหอเฟิงไม่สนใจหรอกว่าคำพูดของเขาจะมีช่องโหว่หรือไม่ เขาเพียงอยากให้เสวียนหลุนได้ยินก็เท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ต่อให้เสวียนหลุนทราบว่าเป็นเท็จเก้าส่วนก็ยังสงสัยอยู่ดี เมื่อจัดการเหอเฟิงเสร็จจะตามมาล่าสังหารทันที

“ต่ำทราม!” ซูหมิงกำหมัดแน่น ตั้งแต่เขามายังแดนแห่งนี้ ทุกอย่างค่อนข้างราบรื่น แม้ความรอบคอบและตื่นตัวยังมีอยู่ ทว่าก็ยังห่างชั้นจากนักวางแผนมือฉมังพวกนั้นไม่น้อย

ซูหมิงพลันหันหน้ากลับ ด้านหลังเขามีใบหน้าอสูรจากหมอกดำส่งเสียงคำรามแหลมตรงเข้ามา ห่างจากเขาไม่ถึงร้อยจั้ง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!