Skip to content

สู่วิถีอสุรา 213

ตอนที่ 213 เดินทางปลอดภัย

“วัตถุประจำตัวขั้นชำระล้างคือสายฟ้า นี่ที่สิ่งคือท่านแม่ทัพเทพหลอมในตอนนั้น!”

“นั่นมัน…ระฆังเขาหาน! แม่ทัพเทพเอาไปในตอนนั้น เขาเป็นท่านแม่ทัพเทพจริงๆ!”

“นี่มันเหนือการคาดเดาเกินไป ไม่อยากเชื่อว่าท่านแม่ทัพเทพกับโม่ซูจะเป็นคนเดียวกัน!”

ผู้คนในเมืองเขาหานทั้งหมดราวกับคลุ้มคลั่ง เหตุการณ์แต่ละอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ทำให้พวกเขาตื่นตะลึงครั้งแล้วครั้งเล่า ทว่าความตื่นตะลึงทั้งหมดไม่อาจเทียบกับตอนนี้ได้!

ท่านแม่ทัพเทพที่เป็นดังตะวันกลางนภาและเป็นที่จดจำฝังลึกของคนนอกเมืองเขาหานทุกคน วันนี้มาปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา เขาคือท่านแม่ทัพเทพ เขาคือโม่ซู และเขาคือซูหมิง!

หนานเทียนหายใจกระชั้นถี่ เขาตะลึงงันซูหมิงบนยอดเขาเหยียนฉือ หัวใจเต้นรัวแรง แม้ลึกๆ ในใจเขาคาดเดาเอาไว้เช่นนี้ แต่เมื่อการคาดเดาเป็นจริงเขากลับยากจะควบคุมอารมณ์ตื่นตะลึงอยู่ดี

“เป็นท่านแม่ทัพเทพจริงๆ…โม่ซู…ปีนั้นเพราะบาดเจ็บสาหัสขั้นพลังเลยร่วงหล่นจากชำระล้าง ตอนที่ข้าพบเขาครั้งแรก เขาไม่มีพลังชำระล้างเลย แต่กลับใช้พลังของรวมโลหิตทำให้ข้าหวั่นเกรง บุคคลนี้…สมกับที่ได้เป็นแม่ทัพเทพ!”

เหลิ่งอิ้นข้างกายหนานเทียน ยามนี้สูดลมหายใจเข้าลึก เขาคุ้นเคยกับชื่อของโม่ซู ทว่าในใจเขาไม่เคยคิดว่าโม่ซูจะมีขั้นพลังสูงส่งเกินหยั่ง กระทั่งเคยคิดว่าโม่ซูผู้ปิดบังใบหน้าคนนี้อาจไม่มีอยู่จริงหรือตายตกไปนานแล้ว

แต่ที่มีชื่อเสียงขนาดนี้ ก็เพียงเพราะคนนอกจงใจสร้างขึ้น

ทว่าวันนี้หลังรู้ว่าซูหมิงคือโม่ซู ใจเขาเกิดความตกตะลึง ความตกตะลึงนี้ยังไม่ทันหายไป เขาก็พบว่าโม่ซูเป็นท่านแม่ทัพเทพ ในสมองพลันมีเสียงดังสนั่น ความคิดขาวโพลน สูญเสียความสามารถในการตรึกตรอง ตะลึงกับเรื่องนี้อย่างสมบูรณ์

เมืองเขาหานระเบิดเสียงดังเกรียวกราวอย่างพบเห็นได้ยาก คลื่นเสียงสนั่นฟ้าสะเทือนดิน กึกก้องแปดทิศไม่อาจเลือนหาย ภายในเสียงเหล่านั้น แทบทั้งหมดล้วนเรียกอยู่ชื่อเดียว

“ท่านแม่ทัพเทพ!”

ภายในเสียงเหล่านั้น โดยเฉพาะทุกคนที่เคยดื่มสุรากับซูหมิงในโรงเตี๊ยมจะฮึกเหิมเป็นที่สุด พวกเขาไม่เคยคาดฝันเลยว่าน้องเล็กซูที่ดื่มสุรากับพวกตน สหายซูที่ยิ้มบางตลอดและพูดน้อย ที่แท้จะเป็นโม่ซู ทั้งยังเป็นแม่ทัพเทพที่พวกเขาเคยเห็นในวันนั้น เป็นผู้พิชิตโซ่เขาหาน หลอมสายฟ้า และใช้พลังมหาศาลชิงระฆังเขาหาน!

ในกลุ่มคน ชายร่างกำยำแซ่อวิ๋นมีสีหน้าเคารพและฮึกเหิม ก่อนหน้านี้เขาเคยคาดเดาเอาไว้ ทว่ายังไม่แน่ใจ ตอนนี้เห็นซูหมิงบนยอดเขาเหยียนฉือ เขาอดนึกถึงภาพที่ทุกคนร่วมกันดื่มสุรากลางค่ำคืนด้วยความหดหู่มิได้

ส่วนสหายของเขา ขณะกำลังฮึกเหิมในใจก็รู้สึกโชคดี ควรรู้ว่าในสองคืนก่อนหน้านี้ เขาไม่ค่อยสบอารมณ์ซูหมิงสักเท่าไร

ในกลุ่มคนยังมีชายชราและเด็กหนุ่ม ชายชราตะลึงค้างมองยอดเขาเหยียนฉือ ส่วนเด็กหนุ่มข้างกายท่าทางมึนงง ยืนพึมพำคำที่ผู้อื่นมิได้ยิน

“เผ่าบูรพาสงบ คารวะท่านแม่ทัพเทพ” ท่ามกลางเสียงดังฮือฮาของเมืองเขาหาน มีเสียงแก่ชราดังแว่วมาจากยอดเขาบูรพาสงบ เป็นจ้าวหมานบูรพาสงบและฟางเซิน รวมถึงผู้แข็งแกร่งทั้งหมดในเผ่า ยามนี้ลอยอยู่กลางอากาศ ประสานมือคารวะซูหมิงพร้อมกันบนยอดเขาบูรพาสงบ

จากนั้นมีเสียงดังแว่วมาจากยอดเขาผู่เชียงเช่นเดียวกัน พบว่าผู้นำทั้งหมดของเผ่าผู่เชียงประสานมือคารวะซูหมิงสีหน้าเคารพนบนอบและแฝงไว้ด้วยความลังเล

“เผ่าผู่เชียง คารวะท่านแม่ทัพเทพ”

“ก่อนหน้านี้ไม่ทราบฐานะของท่านจึงได้ล่วงเกินไปมาก หวังว่าท่านจะไม่กล่าวโทษ” จ้าวหมานผู่เชียงยิ้มฝืดเฝื่อน ประโยคนี้เขาจำได้ว่าเคยพูดกับอีกฝ่ายมาสองรอบแล้ว

ขณะเดียวกัน ในเมืองเขาหานมีคำพูดคารวะดังสนั่นขึ้นอย่างฉับพลัน กระจายทั่วแปดทิศ

“คารวะท่านแม่ทัพเทพ!”

“ยินดีต้อนรับท่านแม่ทัพเทพมาเยือนภูเขาหานอีกครั้ง!”

เสียงพูดเหล่านี้ดังกึกก้องสั่นสะเทือนโดยรอบ ไปถึงหูชายหญิงจากสำนักเหมันต์สวรรค์บนยอดเขาเหยียนฉือ ทำให้พวกเขาใบหน้าขาวซีด เกิดเสียงโครมดังขึ้นในความคิด

“จ้าวเผ่าเหยียนฉือ เหยียนหลวน…คารวะ…ท่านแม่ทัพเทพ” เหยียนหลวนใบหน้าแดงเรื่อมากขึ้น โค้งตัวคำนับซูหมิง

ซูหมิงถอดหน้ากากออกอย่างสงบ มองหญิงสาวจากสำนักเหมันต์สวรรค์

“การทดสอบที่สองของสำนักเหมันต์สวรรค์คือการพิชิตโซ่เขาหาน ข้าเคยทำมาแล้ว” ซูหมิงกล่าวเรียบๆ กล่าวจบใบหน้าอีกฝ่ายซีดขาวมากกว่าเดิมหนึ่งส่วน

“การทดสอบที่สาม ใช้ขั้นรวมโลหิตสมบูรณ์ทะลวงสู่ชำระล้าง ด้วยฐานะแม่ทัพเทพของข้าคงเพียงพอจะพิสูจน์ได้” ซูหมิงกล่าวต่อ เสียงของเขาไม่ดังมากนัก ทว่ากลับเข้าหูของทั้งสองคนอย่างชัดเจน

หญิงจากสำนักเหมันต์สวรรค์ตัวสั่นเทา โซเซถอยหลังไปหลายก้าว

นางเหม่อมองซูหมิง ความคิดยังคงขาวโพลน เรื่องนี้เกิดขึ้นกะทันหันยิ่งนัก นางออกจะตั้งตัวไม่ทัน

“ส่วนการทดสอบสุดท้าย นำระฆังเขาหานมา ระฆังอยู่นี่แล้ว” ซูหมิงกล่าวอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน หลังกล่าวจบสามประโยค หญิงผู้นั้นดุจโดนค้อนหนักทุบในใจแรงๆ สามที จึงหายใจกระชั้นถี่ อ้าปากเตรียมจะกล่าวอะไรบางอย่าง

ถึงกระนั้น ซูหมิงไม่รอให้นางกล่าว นัยน์ตาพลันเป็นประกายเย็นชาเฉียบคม ภายใต้ประกายหนาวเยือก นางที่กำลังจะพูดพลันหยุดชะงัก

“แซ่ซูทำตามกฎของสำนักเหมันต์สวรรค์ครบแล้ว ส่วนเจ้าก็ควรจะให้คำตอบข้าแซ่ซูได้แล้ว” ซูหมิงกล่าวอย่างเย็นชา

หญิงสาวใบหน้าขาวซีด สีหน้าเผยอาการไร้ที่พึ่ง นางมองสหายร่วมเดินทางข้างกายทันที ชายหนุ่มจากสำนักเหมันต์สวรรค์ ยามนี้มีสีหน้าตระหนกเช่นเดียวกัน ทั้งสองคนมองสลับกันไปมา ก่อนชายหนุ่มจะกัดฟันเดินหน้ามาหลายก้าว สีหน้าไม่มีการเสแสร้งอีก แต่เป็นขมขื่นและซื่อตรงอย่างแท้จริง พลางประสานมือคารวะซูหมิง

“เฉินลั่วปิ่งแห่งสำนักเหมันต์สวรรค์ คารวะท่านแม่ทัพเทพ ตอนนั้นท่านสร้างปรากฏการณ์ฟ้าดิน ท่าทางองอาจสง่างามตอนได้รับแต่งตั้งยศแม่ทัพเทพชำระล้าง ข้าไม่มีวาสนาได้เห็นจึงนึกเสียดายมาตลอด วันนี้ได้เห็นท่าน ช่างสมคำกล่าวขานจริงๆ”

“สวี่หรูเยวี่ยแห่งสำนักเหมันต์สวรรค์ คารวะท่านแม่ทัพเทพ…ก่อนหน้านี้ข้าใช้คำพูดล่วงเกินเพราะมีเหตุผลจริงๆ ท่านโปรด…อย่าถือสา” หญิงสาวก้มหน้าลงโค้งตัวคำนับซูหมิง สีหน้าเยาะเย้ยหายไปจนหมดสิ้น แล้วแทนที่ด้วยใบหน้าขาวซีดและตึงเครียด

“ในสำนักเหมันต์สวรรค์ พวกข้าสองคนเป็นเพียงศิษย์ภายนอก รับใช้อาจารย์ใหญ่ฝ่ายซ้ายเท่านั้น ปกติแทบจะไม่ออกมาข้างนอก หากมีตรงไหนล่วงเกินหวังว่าท่านจะให้อภัย”

“เหตุที่พวกเราสองคนมาในครั้งนี้ เดิมทีต้องติดตามศิษย์พี่จ้าวซึ่งเป็นศิษย์ภายใน ทว่าก่อนเดินทางศิษย์พี่จ้าวมีกิจธุระจึงมิได้มา”

“ก่อนเดินทาง อาจารย์ใหญ่ฝ่ายซ้ายเคยบอกว่าให้รับศิษย์ในเมืองเขาหานเพียงคนเดียว นั่นคือหานเฟยจื่อแห่งเหยียนฉือ พวกข้า…พวกข้าไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจรับศิษย์คนที่สอง”

“ดังนั้นที่พูดกลั่นแกล้งก่อนหน้านี้ ข้าไม่มีทางเลือกจริงๆ”

ทั้งสองคนกล่าวเสียงเบา เอ่ยความในใจออกมาทั้งหมด

“ด้วยขั้นพลังของท่านและฐานะแม่ทัพเทพ ไม่ว่าสำนักใดในแดนอรุณใต้จะต้องรับอย่างแน่นอน หากท่านไม่ถือสาก็กลับสำนักเหมันต์สวรรค์กับพวกเราก่อน จากนั้นค่อยให้ผู้อาวุโสตัดสินใจอีกที พวกข้าสองคน…ไม่มีอำนาจตัดสินใจจริงๆ”

“คำพูดของข้าก่อนหน้านี้โอ้อวดเกินไป โปรดให้อภัยด้วย” สวี่หรูเยวี่ยกัดริมฝีปากกล่าวเสียงเบา ในคำพูดแฝงไว้ด้วยการอ้อนวอน

ซูหมิงมองชายหญิงที่ท่าทางเปลี่ยนไปแวบหนึ่ง ก่อนเก็บหน้ากากลง เก็บระฆังเขาหานเข้าไปในมือ หลังจากรู้ข้อมูลจากหานชางจื่อว่าครั้งนี้สำนักเหมันต์สวรรค์รับเพียงคนเดียว เขาก็เตรียมตัวเป็นขั้นตอน เป้าหมายของการเตรียมตัวเหล่านี้ก็เพื่อเรื่องเดียว

นั่นคือเหยียบเข้าสำนักเหมันต์สวรรค์

ส่วนเรื่องจะมิได้เป็นศิษย์สำนักในตอนนี้ มันอยู่ในการคาดการณ์ของซูหมิงนานแล้ว

“นายท่าน เชิญ!” เฉินลั่วปิ่งแห่งสำนักเหมันต์สวรรค์กล่าวอย่างนอบน้อม ยามนี้อาคมเคลื่อนย้ายบนยอดเขาเหยียนฉือเปิดสมบูรณ์ แสงจากอาคมเคลื่อนย้ายขยับวูบวาบ รวมกันเป็นกลุ่มแสงลักษณะกลมขนาดยักษ์กลางอากาศ

‘สำนักเหมันต์สวรรค์…’ ซูหมิงเงยหน้ามองกลุ่มแสงยักษ์แวบหนึ่ง นัยน์ตาคาดหวังรอคอย เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ยกเท้ากำลังจะเดินเข้าไป

“ศิษย์พี่เฉิน ศิษย์พี่หญิงสวี่ หากไม่ถือสา น้องเล็กขอกลับสำนักด้วยได้หรือไม่” เสียงนุ่มนวลดังแว่วมาจากยอดเขาบูรพาสงบ ก่อนปรากฏเงาคนร่างอรชร

นางคือฟางชางหลันหรือหานชางจื่อ

นางเหยียบอากาศเข้ามาอย่างงดงาม เสื้อผ้าสะบัดพลิ้ว ค่อยๆ เข้ามาใกล้ราวกับผีเสื้อ ก่อนยืนอยู่ข้างซูหมิง หลังจากยิ้มให้ซูหมิงแล้ว จึงมองเฉินและสวี่ทั้งสอง

“ศิษย์น้องหญิงฟางไม่ต้องเกรงใจ เดิมทีก็คิดจะให้เจ้ากลับด้วยอยู่แล้ว”

นัยน์ตาสวี่หรูเยวี่ยเป็นประกาย กวาดสายตามองฟางชางหลันและซูหมิงแล้วกล่าวเบาๆ

ฟางชางหลันอมยิ้มพยักหน้า ก่อนเข้าใกล้ซูหมิงอีกเล็กน้อย ยืนเข้าคู่กันแล้วดูเหมาะสมกันยิ่ง ภาพนี้ในสายตาของทุกคนต่างกันออกไป

หานเฟยจื่อมีสีหน้าปกติ ไม่มองฟางชางหลัน เพียงจับจ้องซูหมิง เดินเข้ามาอย่างสงบทีละก้าวจนกระทั่งอยู่ตรงหน้าเขา ใบหน้างดงามถึงค่อยๆ เผยรอยยิ้มบางชวนให้หวั่นไหว

“อย่าลืม ใต้ภูเขาหานเจ้าติดคำสัญญากับข้าเอาไว้” หานเฟยจื่อเดินหน้าเอี้ยวตัวหลบ ขณะซูหมิงขมวดคิ้ว นางกล่าวกระซิบเบาๆ ด้วยท่าทางมีเลศนัยนัก มีแค่เขาที่ได้ยิน

เฉินลั่วปิ่งด้านข้างทำเสียงกระแอม แล้วประสานมือคารวะทั้งสามคน

“สหายซู ศิษย์น้องหญิงหานเฟยจื่อ ศิษย์น้องหญิงฟาง อาคมเคลื่อนย้ายเปิดแล้ว พวกเรา…ไปกันเถอะ”

เขาพอมองออกว่าระหว่างซูหมิงกับสองหญิงสาวมีอะไรบางอย่าง ทว่ากลับแสร้งทำมองไม่เห็น ในใจหวังเพียงอยากจบภารกิจนี้ให้เร็วที่สุด การมาเมืองเขาหานในครั้งนี้ทำให้เขารู้สึกไม่สบายตัว

ทั้งห้าคนเป็นที่จับตามองของทุกคนในเมืองเขาหานและชาวเผ่าบนสามยอดเขา พวกเขาค่อยๆ เดินไปทางอาคมเคลื่อนย้าย ยามที่เหยียบเข้าไปในนั้น พลันมีเสียงดังสนั่นมาจากเมืองเขาหาน

“ท่านแม่ทัพเทพเดินทางปลอดภัย!”

“ท่านแม่ทัพเทพ หากมีเวลาว่างต้องกลับมาเยี่ยมพวกเราด้วย”

“ท่านแม่ทัพเทพรักษาตัวด้วย!”

“ผู้อาวุโสโม่…รักษาตัวด้วย…” น้ำเสียงอ่อนแอดังปะปนในเสียงตะโกนมาจากยอดเขาบูรพาสงบ

เมื่อซูหมิงเหยียบอาคมเคลื่อนย้าย เขาพลันหยุดชะงัก หันกลับไปมองเมืองเขาหาน มองเผ่าบูรพาสงบ เขามีสีหน้าปลงอนิจจัง เห็นรางๆ ว่าบนยอดเขาบูรพาสงบมีเด็กหนุ่มใบหน้าขาวซีดถูกคนประคองกำลังมองเขา

“ข้าจะกลับมา” ซูหมิงประสานมือคารวะไปทางเมืองเขาหาน

เมื่อคารวะเสร็จจึงหมุนตัวกลับแล้วเดินเข้าไปในอาคมเคลื่อนย้ายด้วยสีหน้าเด็ดขาด ขณะที่เขาเหยียบเท้าลงพลันมีเสียงแก่ชราดังแว่วเข้ามาข้างหู

“เจ้าหนุ่ม อยากเป็นศิษย์ของข้าหรือไม่?”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!