Skip to content

สู่วิถีอสุรา 308

ตอนที่ 308 หม้อนั้น เพลงนั้น เวลานั้น…

ซูหมิงยืนอยู่บนแท่นเปิดโล่ง ได้ยินดังนั้นจึงเผยรอยยิ้มน้อยๆ หยิบหนังสัตว์ผืนนั้นออกมาแล้วโยนไปด้านล่าง หนังสัตว์ตรงไปหาชายชรา เมื่อเขาคว้าเอาไว้แล้วจึงเปิดอ่าน พลันมีสีหน้าประหลาด

จื่อซานที่อยู่ข้างๆ นัยน์ตาฉายแววโกรธแค้น นางไม่คิดเลยว่าซูหมิงจะไร้ยางอายเช่นนี้ คุยกันไว้ตอนแรกว่าจะซื้อให้หนึ่งชิ้น กลับไม่คิดเลยว่าจะใช้วิธีเช่นนี้ เรื่องนี้เป็นนางเองที่คิดไม่รอบคอบพอ เพียงแต่คิดอย่างไรนางก็ไม่คิดว่าเรื่องจะเป็นเช่นนี้

“หนังสัตว์ผืนนี้กรอบยิ่งนัก ตอนท่านเฝิงอ่านต้องเบามือหน่อย หากเสียหายคงไม่ดีแน่” ซูหมิงไม่สนใจสายตาจื่อซาน แต่มองชายชราผมฟ้าพลางกล่าวช้าๆ

ชายชราผมฟ้าเงียบไป เขาเงยหน้าจากหนังสัตว์ สีหน้าเผยความลังเลใจ

สีหน้าที่แปรเปลี่ยนของเขา คำพูดของซูหมิง และยังมีราคาสูงลิ่ว พลันดึงดูดความสนใจและความอยากรู้อยากเห็นของคนโดยรอบทันที เสียงสนทนาดังขึ้นระงม และดังขึ้นเรื่อยๆ

“ให้เขาไป เรื่องนี้ข้าจะชี้แจงกับสำนักเอง!” ครั้นเห็นเสียงสนทนาดังมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนจะเป็นที่สนใจมากกว่างานประมูล ก็พลันมีเสียงแหบแห้งและเย็นชาดังมาจากห้องหมายเลขแปด

นัยน์ตาชายชราผมฟ้าขยับประกาย หนังสัตว์ในมือสลายกลายเป็นธุลี ขณะเดียวกันก็กล่าวเสียงกึกก้องรอบทิศ

“สิ่งนี้เป็นของท่าน! ของชิ้นต่อไปที่จะประมูล…”

เขายังกล่าวไม่จบ ซูหมิงพลันกล่าวแทรก เสียงเขาแทบจะดังก้องในงานประมูลพร้อมกับชายชรา

“รอเดี๋ยว ในเมื่อสิ่งนี้เป็นของข้าแล้ว เช่นนั้นข้าจะให้พวกท่านจัดการประมูลมันต่อ”

ชายชราเงยหน้าอีกครั้ง จ้องซูหมิงด้วยแววตาไม่เป็นมิตร

“ไม่ได้ มันไม่อยู่ในกฏ!”

“แซ่ซูขอประมูลของสิ่งนี้ตรงนี้ ใครให้ราคาสูงกว่าก็เอาไป เปิดราคาที่ห้าล้าน กำไรเท่าไรไม่สำคัญ หวังว่าทุกท่านจะร่วมประมูล”

ขณะเดียวกับที่ชายชรากล่าว เสียงซูหมิงก็ดังซ้อนทับอีกครั้ง

เสียงหัวเราะเยาะพลันดังก้องกังวานลานประมูล คนที่มาตรงนี้ล้วนเป็นผู้มีชื่อเสียงในแผ่นดินเหมันต์ หากมิใช่ศิษย์สำนักเหมันต์สวรรค์ ก็เป็นผู้แข็งแกร่งในชนเผ่าใกล้เคียง การเลือกฝ่ายระหว่างสำนักทะเลตะวันออกกับสำนักเหมันต์สวรรค์ คำตอบเป็นที่รู้กันอยู่แล้ว

โดยเฉพาะหอกเชมันนภา มันเป็นที่สนใจอย่างยิ่งสำหรับคนจำนวนมาก คนที่เคาะประมูลก่อนหน้านี้ เดิมทีคิดว่าคงหมดหวังแล้ว จึงแอบเสียดายหรือเกิดความคิดอะไรบางอย่าง จนเมื่อได้ยินซูหมิงกล่าวถึงพลันฮึกเหิมขึ้นมา

“หกล้าน!”

“เจ็ดล้าน!”

“แปดล้าน!”

“สิบล้าน!” จนกระทั่งมาถึงราคานี้อีกครั้ง ทว่าคนที่เคาะประมูลมิใช่ห้องหมายเลขสาม แต่เป็นชายชราเหมือนโครงกระดูกที่ห้องหมายเลขแปด

ซูหมิงยิ้มมุมปากบางๆ มองจื่อซานด้านข้างที่มีสีหน้าโกรธแค้นและมองตนอย่างเย็นชา

การยั่วยุหลายต่อหลายครั้งจากสตรีผู้นี้ ซูหมิงทนไหว การดูถูกจื่อเชอ ยุให้เขากับเทียนหลันเมิ่งแตกหักกัน ซูหมิงกระทั่งคาดคิดได้ว่าเรื่องแบบนี้อาจจะเกิดขึ้นอีก

“เจ้ามันต่ำทราม!” จื่อซานหายใจแรงจนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง มีท่าทางโกรธแค้นเหมือนอยากจะฉีกซูหมิงทั้งเป็น

ยามนี้ภายในห้องหมายเลขสาม ชายหนุ่มสวมเสื้อปักลายมังกรดำที่ประมูลสิบล้านครั้งแรกนั่งอยู่ในนั้น ใบหน้าเผยรอยยิ้มน้อยๆ

“ซูหมิงคนนี้น่าสนใจนัก”

ข้างชายหนุ่มเป็นชายชราจากฝ่ายนภา ชายชราคนนี้ส่ายศีรษะยิ้มเฝื่อนๆ ไม่กล่าวสิ่งใด

“ยี่สิบล้าน!” ชายหนุ่มถือแก้วสุรา ดื่มไปอึกหนึ่งแล้วจึงกล่าวต่อ

เสียงนี้ดังมาจากในห้อง กึกก้องในลานประมูล เกิดเป็นแรงสั่นสะเทือนอีกครั้ง งานประมูลดำเนินมาจนถึงบัดนี้ แม้ยังมิได้นำสมบัติล้ำค่าออกมาประมูลมากมายนัก แต่คนกลับทะยานถึงขีดสุดแล้ว

“ยี่สิบเอ็ดล้าน!” เงียบไปพักหนึ่ง ก็มีเสียงดังมาจากห้องหมายเลขแปดอีกครั้ง

“สามสิบล้าน!” ชายหนุ่มในห้องหมายเลขสามกล่าวอย่างสบายๆ มีสีหน้านึกสนุก เขาพลันรู้สึกว่าตนเริ่มชื่นชมซูหมิงผู้นั้นเล็กน้อย

“สาม…สิบเอ็ดล้าน!” ภายในห้องหมายเลขแปด เสียงแหบแห้งเงียบไปครู่หนึ่งก็ดังขึ้นอีกครั้ง

“สามสิบเก้าล้าน!” คนที่เคาะประมูลในครั้งนี้มิใช่ชายหนุ่มห้องหมายเลขสาม แต่เป็นเทียนหลันเมิ่งที่อยู่ตรงที่โล่งในมุมหนึ่งของลานประมูล

เทียนหลันเมิ่งมีสีหน้าเช่นปกติ ทัดเส้นผมดำขลับไว้ข้างหู กล่าวเสียงนุ่มนวล

ชายชราผมฟ้าบนแท่นหินใจกลางลานประมูลมีสีหน้าทะมึนสุดขีด เดิมทีเขาอยากยุติเรื่องนี้ แต่เพราะผู้อาวุโสไห่ในห้องหมายเลขแปดเข้าร่วมประมูลด้วย จากที่ไม่ชอบธรรมจึงกลายเป็นชอบธรรมขึ้นมา

เขาเข้าใจว่าผู้อาวุโสไห่ต้องเข้าร่วมประมูลด้วย กระทั่งยังปรารถนาของประมูลจากซูหมิง หากมิใช่เช่นนั้น เมื่อกลับถึงสำนักเขาคงไม่รู้ว่าจะรายงานอย่างไรดี

เว้นแต่เขาจะมีหนึ่งร้อยล้านมอบให้สำนักจริงๆ มิเช่นนั้นแล้ว ภายใต้การก่อกวนจากศัตรูของเขา เรื่องนี้คงถูกแพร่งพรายออกไปอย่างไร้ที่สิ้นสุด

“สี่สิบล้าน!” เสียงที่มาจากห้องหมายเลขแปดแฝงไว้ด้วยความโมโห ดังกึกก้องรอบทิศ

เทียนหลันเมิ่งยิ้มเล็กน้อย ไม่เคาะประมูลอีก

ส่วนชายหนุ่มในห้องหมายเลขสาม เขาวางแก้วสุราลง ขบคิดครู่หนึ่ง ก่อนยิ้มพลางส่ายศีรษะ ไม่เคาะประมูลอีกเช่นกัน

“ในเมื่อกล่าวราคาเช่นนี้ก็คงต้องส่งหอกให้เจ้าของเดิมไป หากเสนอราคาประมูลมั่วซั่วก็ต้องถูกลงโทษเช่นกัน” ชายหนุ่มไม่เสนอราคาอีก ทว่ากลับจงใจใช้คำพูดผูกมิตรกับซูหมิง อีกทั้งยังไม่สนใจผู้อาวุโสท่านนั้นแห่งสำนักทะเลตะวันออก

ซูหมิงมองห้องหมายเลขสามแวบหนึ่ง แล้วจดจำเสียงนี้เอาไว้ ไม่นานมีคนมาเคาะประตู จื่อเชอจึงเดินไปเปิดประตูแล้วกลับมาพร้อมกับถุงเก็บของ ก่อนส่งให้ซูหมิงด้วยสีหน้าสงบนิ่ง

ซูหมิงรับมา เมื่อใช้จิตสัมผัสตรวจสอบแล้วจึงเก็บกลับไป ก่อนเอ่ยเนิบช้าเหมือนปลงอนิจจัง ราวพึมพำกับตัวเองและกล่าวกับจื่อซานข้างๆ

“มีเงินพวกนี้แล้วจะร่วมประมูลของสิ่งใดก็ได้ ไม่ต้องเหมือนกับก่อนหน้านี้ ยากจนมิกล้าประมูลด้วย”

“ข้าไม่เคยเห็นใครไร้ยางอายเช่นเจ้ามาก่อน! ซูหมิง เจ้ามันไร้ยางอาย ต่ำทรามนัก!” จื่อซานหน้าซีด เมื่อจ้องซูหมิงเขม็งแล้วก็หมุนตัวเดินฟึดฟัดออกจากห้องไป ท่วงท่าสง่างามของนาง ยามนี้มีอีกความรู้สึกหนึ่งเพิ่มมา

จื่อเชอเหลือบตามองจื่อซานแวบหนึ่ง ส่ายหน้าแล้วละสายตากลับ ในใจแอบนึกโชคดีที่ศิษย์พี่รองของซูหมิงไม่มาด้วย หากเขามาจื่อซานถึงจะได้รู้ว่าอะไรคือเหนือฟ้ายังมีฟ้า

กระทั่งหากหู่จื่อมา จื่อซานจะได้คลุ้มคลั่งจนรับรู้ว่าหลายวันในแผ่นดินเหมันต์สวรรค์จะต้องเจอกับอะไร…

เจอแค่ซูหมิง พูดได้เพียงว่านางโชคดีมาก

เมื่อราคาถึงสี่สิบล้านแล้ว งานประมูลจึงสงบลง ชายชราผมฟ้ามีสีหน้าทะมึน แต่ต้องดำเนินงานต่อ เขาหยิบของที่เหลือออกมา หมายมั่นจะดึงความสนใจของทุกคนอีกครั้ง เพื่อให้งานประมูลดำเนินต่อไป

เมื่อท้องฟ้าเริ่มมืด ก่อนงานประมูลในวันแรกจะสิ้นสุดลง สมบัติชิ้นสุดท้ายของวันนี้ทำให้บรรยากาศในงานประมูลค่อยๆ ดุเดือดขึ้น

“ราชวงศ์ต้าอวี๋เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าหมาน ยอดหม้อฮวงเป็นของศักดิ์สิทธิ์ของราชวงศ์ กระทั่งบอกได้ว่ามันเป็นของประจำเผ่าเราคงไม่ผิด! ในยุคสมัยที่เผ่า

หมานของเรารุ่งเรืองที่สุด หม้อสามขาเป็นสิ่งที่อยู่สูงสุด สมบัติล้ำค่าที่สร้างขึ้นโดยใช้รูปทรงหม้อสามขาก็หายากยิ่งนัก เพราะทุกชิ้นล้วนมีพลังสะเทือนฟ้า!

จนมาถึงยุคปัจจุบัน ราชวงศ์ต้าอวี๋ยังอยู่หรือไม่ พวกเราไม่รู้…ยอดหม้อฮวงสมบัติประจำเผ่าอยู่ที่ใด พวกเราก็ไม่รู้…กระทั่งของสิ่งอื่นที่สร้างเป็นรูปร่างหม้อสามขา ต่อให้ชนรุ่นหลังเลียนแบบก็ยากจะหนีพ้นภัยพิบัติทำลายล้างจากหม้อได้…

พวกเราล้วนรู้ว่าหากสร้างหม้อขึ้นมา ทันทีที่มันปรากฏรูปร่าง เกรงว่าแม้แต่ผู้แข็งแกร่งขั้นวิญญาณหมานก็ยังไม่อาจรับพลังการทำลายล้างของมัน….

หม้อสามขา สมบัติล้ำค่าใดๆ ก็ตามที่มีรูปทรงเหมือนมัน มีอยู่เพียงส่วนน้อยในสมัยบรรพกาลเท่านั้น และสิ่งที่ข้าถืออยู่ในตอนนี้คือหนึ่งในนั้น! นี่คือสมบัติล้ำค่าลักษณะหม้อสามขา กระทั่งผนึกด้านบนยังคงอยู่ ตั้งแต่ยุคบรรพกาล มันถูกฝังอยู่ในมุมหนึ่ง จนเมื่อหลายปีก่อนอาจารย์ใหญ่แห่งสำนักทะเลตะวันออกพบเข้า….ในหม้อใบนี้น่าจะผนึกบางสิ่งเอาไว้ ทว่ามันกลับเปิดไม่ออก!

สำนักทะเลตะวันออกศึกษามานานก็ยังเปิดไม่ได้ วันนี้นำมาประมูลยังเผ่าใหญ่เหมันต์สวรรค์ สิ่งนี้มีเพียงผู้ต้องชะตาเท่านั้นที่จะได้ครอบครอง มีเพียงผู้มีวาสนาเท่านั้นถึงจะเปิดมันออก สิ่งนี้คือสมบัติล้ำค่าของเผ่าหมาน มิใช่ของชนเผ่า มิใช่ของสำนัก…ข้าหวังว่าสหายแห่งแผ่นดินเหมันต์ทั้งหลายจะมีคนได้ครอบครองมัน!”

เสียงชายชราดังมากขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายกลายเป็นเสียงอึกทึก มังกรทะเลเก้าตัวที่ว่ายอยู่ด้านหลังเขาหายไปกับอากาศ ทว่าไม่นานตอนที่ปรากฏกายอีกครั้ง พวกมันแบกหม้อยักษ์ขนาดหนึ่งร้อยจั้ง ค่อยๆ ว่ายออกมาจากระลอกคลื่นบิดเบี้ยว

ช่วงที่หม้อใหญ่ใบนี้ปรากฏ ความรู้สึกอึดอัดอย่างรุนแรงบังเกิดขึ้น ขนาดของมันไม่บอกว่าผู้คนตรงหน้าเหมือนกับมด แต่ต้องใช้คำว่าไม่อยู่ในสายตามาบรรยาย

นางเงือกเก้าตัวว่ายอยู่รอบหม้อใบนี้ ขับร้องเสียงเพลงก้องกังวาน ทำให้แรงกดดันจากหม้อใบนี้มีความรู้สึกเคร่งขรึมเคารพเพิ่มเข้ามา เพราะเพลงที่นางเงือกทั้งเก้าขับร้องเป็นบทเพลงเทพหมานที่เทพหมานรุ่นหนึ่งแต่งขึ้น!

“ที่ที่ข้าถือกำเนิดไร้ซึ่งสิ่งใด หลังข้าเกิดเผ่าหมานรุ่งเรือง…หากฟ้ามีตา อยากเห็นเผ่าหมานบ้าคลั่งชั่วนิรันดร์ หากเทพมีจิตวิญญาณ จากนี้ข้าจะเป็นราชาของเผ่าหมาน!…หากฟ้ามิกล้าลืมตา ข้าจะผนึกสวรรค์ด้วยฮวง (รกร้าง) ทั้งแปดอีกครั้ง หากเทพไม่ปฏิบัติตาม ข้าจะใช้หม้อทำลายเทพและสร้างสายเลือดหมานขึ้นมาใหม่!”

เสียงนางเงือกดังกังวาน ทำให้ภายในลานประมูลตกอยู่ในบรรยากาศตึงเครียด

ซูหมิงยืนอยู่ตรงนั้น ได้ยินเพลงเทพหมานดังก้องข้างหู

เขารู้สึกได้ถึงความบ้าคลั่งของเทพหมานที่แฝงอยู่ในบทเพลง และรู้สึกถึงความยำเกรงต่อทุกสรรพสิ่งบนโลกในเนื้อร้อง อีกทั้งยังรู้สึกถึงการวางอำนาจบาตรใหญ่และอยากป่าวประกาศให้ทุกคนรู้จากคำว่า ผนึกฟ้าดินอีกครั้งและสร้างสายเลือดหมานขึ้นมาใหม่!

“นั่นคือยุคสมัยที่รุ่งเรืองที่สุดของเผ่าหมาน…..ชาวเผ่าหมานมากมายติดตามราชาของพวกเขา เทพหมานของพวกเขาเข่นฆ่าสวรรค์…” ซูหมิงพึมพำ นัยน์ตาเฝ้าปรารถนา

“หม้อใบนี้เริ่มประมูลที่สิบล้าน….เริ่มประมูลได้!” ช่วงที่เสียงเพลงนางเงือกดังก้อง ชายชราผมฟ้าพลันกล่าวขึ้น!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!