Skip to content

สู่วิถีอสุรา 334

ตอนที่ 334 เสียงนั้น…

“ไม่รู้ว่าจะหลอมมันเป็นโอสถชิงวิญญาณได้หรือไม่…”

ความคิดนี้ผุดขึ้นในหัวซูหมิง เขาสนใจสิ่งมีชีวิตอมตะนี้ยิ่งนัก

แทบจะทันทีที่ชายร่างกำยำตรงเข้ามา ซูหมิงห้อเหยียดถอยหลัง ชายร่างกำยำพลันตามต่อ พริบตาเดียวทั้งสองคนก็ออกห่างจากเขตการต่อสู้ของเด็กชายกับอูตัว

อูตัวเห็นซูหมิงจากไป ทว่าไม่มีเวลาไปห้าม ส่วนเด็กชายแม้ยังคงหลับตา แต่ก็สัมผัสได้ เขาไม่เห็นซูหมิงอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย ในความรู้สึกเขา อูตัวผู้นี้ต่างหากคือเป้าหมาย

ซูหมิงถอยหนีอย่างไม่รีบร้อน ล่อให้ชายร่างกำยำที่เป็นอมตะตามมา เมื่อห่างจากอูตัวสักระยะแล้ว นัยน์ตาซูหมิงพลันเปล่งประกาย ตรงระหว่างคิ้วเปล่งแสงสีดำ กระบี่เล็กแสงดำลากยาวออกมา ก่อนตรงเข้าใส่ชายร่างกำยำด้วยความเร็วสูง

ชายร่างกำยำหลบไม่ทัน ถูกกระบี่เล็กทะลวงผ่านระหว่างคิ้ว แต่ก็ยังไม่มีโลหิตไหล เขาเพียงโซเซ แววตาเหี้ยมโหด แม้ไม่ส่งผลมากนักก็คำรามแล้วกระโจนใส่ซูหมิง

ซูหมิงหรี่ม่านตา ช่วงที่ชายร่างกำยำกระโจนเข้ามา เขาหลบไปด้านข้างหนึ่งก้าวอย่างเป็นธรรมชาติ รวดเร็วจนกระทั่งทิ้งเศษเงาเอาไว้ด้านหลัง ชายร่างกำยำคว้าอากาศแล้วพลันหมุนตัวกลับ ร้องตะโกนใส่ซูหมิง

“วัตถุดิบพิเศษชนิดนี้ ร่างกายไม่ปราดเปรียวเท่าไร การเคลื่อนตัวเป็นเส้นตรงถือว่าไม่ช้า ทว่าการหลบหรือเปลี่ยนทิศทางแย่มาก” ซูหมิงพึมพำเบาๆ ก่อนยกมือขวาขึ้น แสงดำลอยกลับมากลายเป็นกระบี่เล็กในมือเขา เขาใช้สองนิ้วคีบกระบี่พลางโผทะยานไปหาชายร่างกำยำ

ชายร่างกำยำตะโกนเสียงดังพร้อมกระโจนเข้ามาอีกครั้ง นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกาย ชั่วขณะที่สัมผัสกับชายร่างกำยำ กระบี่ในนิ้วมือฟันผ่านแขนขวาอีกฝ่าย

ซูหมิงมาปรากฏตัวอยู่หลังชายร่างกำยำ จากนั้นฟันผ่านแขนขวาอีกครั้ง ในพริบตาเดียว ขณะที่ชายร่างกำยำหมุนตัวกลับมาแผดเสียงตะโกน ซูหมิงก็มาปรากฏตัวอยู่ด้านหลังอีกครั้ง และใช้กระบี่เล็กในมือลากผ่าน เมื่อตัดขาขวาเสร็จก็ตัดขาซ้ายต่อทันที

เมื่อทำเสร็จ ซูหมิงถอยหลังอย่างสงบนิ่งหลายก้าว มองชายร่างกำยำที่หันหลังให้ตน ตอนที่อีกฝ่ายหมุนตัวกลับมา แขนขาทั้งสองข้างก็แยกออกจากตัว

ทว่าต่อมาเกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นอีกครั้ง แขนขาทั้งสี่ที่เพิ่งตัดออกไปเปล่งแสงทึบและเชื่อมเข้ากับร่างใหม่ทันที ในปากชายร่างกำยำมีของเหลวสีเหลืองไหลออกมาจำนวนมาก ก่อนกระโจนใส่ซูหมิงอีก

ขณะกระโจนเข้ามา ซูหมิงพลันลอยถอยหลัง นัยน์ตาฉายแววประหลาดใจ พร้อมแผ่ขยายจิตสัมผัสปกคลุมรอบตัวชายร่างกำยำเอาไว้ ภายในจิตสัมผัส เขาเห็นภายในกายของชายร่างกำยำอย่างชัดเจน มันมีพลังชีวิตเปี่ยมล้นอยู่กลุ่มหนึ่ง เป็นพลังชีวิตนี้เองที่ค้ำจุนให้ร่างกายนี้ไม่มีวันดับสูญ

‘พลังชีวิตนี้ หรือว่าจะเป็นความลับของผู้ดูดวิญญาณ…ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หากใช้เขาหลอมโอสถชิงวิญญาณก็น่าจะมีประสิทธิผลที่ต่างออกไป’ นัยน์ตาซูหมิงวาววับ ถอยหลังอย่างต่อเนื่อง สังเกตอีกฝ่ายไปเรื่อยๆ ก่อนยกมือข้างขวาที่ถือกระบี่และออกแรงสะบัด ตรงหน้าอกชายร่างกำยำที่กระโจนเข้ามาเกิดเป็นรอยแหวก เหมือนถูกฉีกออกแนวตั้ง กลิ่นเหม็นเน่าโชยเข้ามา ทว่าภายในกลับว่างเปล่า ไม่มีอวัยวะภายใน

มีเพียงควันสีเทาเลือนรางที่จิตสัมผัสซูหมิงมองเห็นเท่านั้น กลิ่นอายพลังนี้มาจากทุกส่วนของร่างกาย

‘น่าเสียดาย แม้พลังความตายในตัวเขาจะเข้มข้น ทว่ากลับปั่นป่วนยุ่งเหยิงได้ง่าย หากมิใช่ว่ามีพลังชีวิตพิลึกค้ำจุนเอาไว้คงดับสูญไปนานแล้ว เห็นได้ชัดว่าเพิ่งถูกสร้างขึ้น มิเช่นนั้น หากสามารถพบตัวที่มีพลังความตายเสถียรภาพ บางทีอาจนำมาหลอมโอสถชิงวิญญาณได้’ ซูหมิงส่ายศีรษะ หมดความสนใจกับชายร่างกำยำ

เมื่อชายร่างกำยำตรงเข้ามาอีกครั้ง ซูหมิงยกมือขวา ในมือเขามีสิ่งหนึ่งเพิ่มเข้ามา มันเป็นไข่มุกหรือก็คือโอสถชิงวิญญาณ!

แววตาเขาสงบนิ่ง สะบัดโอสถชิงวิญญาณไปหาอีกฝ่าย เห็นเพียงว่าโอสถชิงวิญญาณลอยออกไป ชายร่างกำยำพลันสับสน ทว่าจากนั้นความสับสนกลายเป็นความว่างเปล่า หยุดนิ่ง และเหม่อมองโอสถชิงวิญญาณที่ลอยอยู่ตรงหน้า

กลิ่นอายพลังสีเทาลอยมาจากทวารทั้งเจ็ดและทุกส่วนของร่างกาย แล้วหลั่งทะลักเข้าไปในโอสถชิงวิญญาณด้วยความเร็วน่าทึ่ง ทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ลมหายใจ หลายลมหายใจต่อมา ชายร่างกำยำตัวสั่น ร่างกายค่อยๆ โรยรา แขนขาหลุดจากตัว ร่างกายแหลกละเอียด ครู่ต่อมาก็กลายเป็นเศษเนื้อกองโตตกลงสู่พื้น

หลังจากโอสชิงวิญญาณดูดกลิ่นอายพลังสีเทาไปจำนวนมากแล้ว

มันก็ดูต่างไปเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด ภายในขุ่นมัว แต่มีพลังชีวิตมหาศาลหมุนวนเป็นเกลียว ซูหมิงเรียกมันกลับมาในมือและมองดูอยู่ชั่วครู่

‘พลังชีวิตพิลึกนี้จะต้องเป็นความลับของผู้ดูดวิญญาณแห่งเผ่าเชมันแน่’

ซูหมิงตกอยู่ในห้วงความคิด เขาได้ยินเสียงระเบิดดังแว่วมาแต่ไกล เห็นได้ชัดว่าการต่อสู้ระหว่างอูตัวกับเด็กชายคนนั้นถึงช่วงสำคัญแล้ว

ซูหมิงเก็บโอสถชิงวิญญาณแล้วเดินหน้าไป วานรเพลิงยังคงตามอยู่ข้างซูหมิงตลอด มันมองทุกอย่าง เริ่มมีสีหน้าทนไม่ไหว ก่อนหยิบขวานสงครามที่แบกเอาไว้ออกมาแล้วแยกเขี้ยวมองซูหมิง

ตอนนี้เห็นซูหมิงเดินไปทางอูตัว วานรเพลิงรีบตามหลังมาติดๆ ไม่นานซูหมิงก็มาถึงจุดที่อูตัวอยู่ เขาหรี่ม่านตามอง บนพื้นมีน้ำแข็งยักษ์อยู่เก้าก้อน ทุกก้อนล้วนมีศพแห้งเหี่ยวถูกแช่แข็งอยู่ภายใน ค้างไว้ในท่าก่อนโดนผนึก

ตัวเด็กชายคนนั้นล่องลอยบนท้องฟ้า รอบตัวเขามีควันสีดำสามเส้นแผ่ขยายกลายเป็นเงาเหมือนภูติผีร้ายกำลังต่อสู้กับอูตัว

อูตัวสีหน้าย่ำแย่เล็กน้อย ยามนี้เขาสวมเสื้อคลุมหนังสัตว์ยาว ในมือถือไม้เท้ากระดูกหัวงู มือขวาถือกริชหนึ่งเล่ม ขณะกวัดแกว่งกริชราวกับจะแยกมวลอากาศออกเป็นส่วนๆ ได้ ด้านหลังเขายังมีหอคอยมายาสูงสีดำหนึ่งหลัง

ครึ่งหนึ่งของหอคอยมีหมอกหมุนวนรอบ ดูเลือนรางเล็กน้อย ทั้งยังมีเสียงคำรามต่ำดังมาจากในหอคอย สั่นสะเทือนไปแปดทิศ ผู้ฟังเป็นต้องจิตใจสั่นไหว

การมาถึงของซูหมิงทำให้อูตัวมีสีหน้าดีใจและตกใจ เดิมทีเขาคิดว่าซูหมิงหนีไปแล้ว พอเห็นอีกฝ่ายอูตัวจึงรีบกล่าวเสียงดัง

“สหายโม่ ช่วยข้าสังหารเขา ศีรษะเขามีค่ามากกว่าคนอื่นๆ!”

แทบจะเป็นช่วงที่อูตัวกล่าว เด็กชายหลับตาแค่นเสียงหึเย็นชา หมอกดำสามเส้นจากตัวเขาพลันแบ่งเพิ่มมาอีกหนึ่งเส้น ตรงเข้าไปทางซูหมิง แล้วกลายเป็นผีชั่วร้ายแผดเสียงคำราม

ซูหมิงยังไม่ทันลงมือ วานรเพลิงข้างกายก็ร้องเสียงดังก่อนพุ่งตัวไปพร้อมกับขวานสงคราม ซูหมิงปล่อยโซ่ในมือให้วานรเพลิงเป็นอิสระชั่วคราว มันดึงโซ่เข้าประชิดตัวผีชั่วร้ายในชั่วพริบตาและเข้าต่อสู้กัน

เด็กชายที่อยู่ไกลออกไปขมวดคิ้ว แต่ยังไม่ทันทำอะไร ซูหมิงก็ยกเท้าขวาเดินหน้าหนึ่งก้าว เมื่อเหยียบลงมวลอากาศรอบตัวพลันเกิดระลอกคลื่นบิดเบี้ยว ระลอกคลื่นนี้รวมอยู่ด้วยกัน ความเร็วของซูหมิงเพิ่มขึ้นจนถึงระดับที่ไม่อาจบรรยายในพริบตาเดียว ก่อนจะหายวับไป

ความเร็วระดับนี้ ไม่เพียงแต่อูตัวที่คาดไม่ถึง เด็กชายคนนั้นก็คาดไม่ถึงยิ่งกว่า เขารู้สึกเพียงว่าชาวหมานที่เขาจับสัมผัสและกลิ่นอายพลังเอาไว้ผู้นี้พลันหายไป ตอนที่ปรากฏตัวอีกครั้งก็มาอยู่ข้างหน้าตนแล้ว

ซูหมิงปรากฏตัวอยู่ห่างจากเด็กชายไม่ถึงหนึ่งจั้ง กระบี่เล็กแสงดำในมือขวาลากผ่านคอของเด็กชายด้วยความเร็วที่ยากจะบรรยาย

ทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตา ตอนซูหมิงปรากฏตัวอีกครั้ง เขาก็กลับมายืนที่เดิมแล้ว ประหนึ่งว่ายังไม่ได้พุ่งตัวไป เพียงแต่ยืนอยู่ตรงนั้นพลางมองเด็กชายอย่างเย็นชา

คอเด็กชายมีโลหิตสาดกระเซ็น ศีรษะหลุดจากบ่า หมอกดำรอบตัวพลันหายไป ไม่ว่าจะเป็นเส้นหมอกสองเส้นที่ต่อสู้กับอูตัวหรือหนึ่งเส้นที่สู้กับวานรเพลิง ยามนี้ก็หายไปจนหมดสิ้น

อูตัวตะลึงงัน สูดลมหายใจเข้าแล้วพลันมองซูหมิงก่อน ราวกับว่าเพิ่งรู้จักซูหมิงเป็นครั้งแรก ความคิดชั่วร้ายในใจเขาก่อนหน้านี้พลันหายไปมากกว่าครึ่ง

ซูหมิงมองอูตัวอย่างสงบนิ่งแวบหนึ่ง เหตุที่เขาลงมือเช่นนี้ นอกจากเพื่อสังหารเด็กชายแล้ว ยังอยากสร้างความตะลึงให้กับอูตัวด้วย หากจะทำงานร่วมกันต่อ เช่นนั้นระหว่างทั้งสองคนก็ต้องแบ่งกันว่าใครเป็นหลักใครเป็นรอง

ซูหมิงไม่ยอมเป็นรองแน่ เขาจะต้องเป็นหลัก!

“สหายโม่…” อูตัวมองซูหมิง พยายามเค้นรอยยิ้ม ขณะกำลังจะกล่าวสีหน้าก็พลันเปลี่ยน

“มันยังไม่จบ!” เสียงตะโกนแหลมดังแว่วมาจากทุกสารทิศ กึกก้องเป็นเสียงจำนวนมาก ก่อนพบว่าศีรษะของเด็กชายที่ซูหมิงเพิ่งตัดไป ยามนี้มิได้ร่วงหล่นลงพื้นเหมือนกับตัว แต่ลอยอยู่กลางอากาศ ยังคงหลับตาเช่นเคย เสียงแหลมที่ว่านี้ก็มาจากปากเขา

กล่าวจบ ศีรษะเด็กชายพลันลืมตาขึ้น!

ช่วงที่ลืมตา อูตัวกล่าวด้วยเสียงร้อนรน

“อย่ามองตาเขา!”

ดวงตานั้นไม่มีลูกตาดำและไม่ใช่สีขาว แต่เป็นสีดำทึบเหมือนกับความว่างเปล่า ภายในราวดูดพลังได้ทุกสรรพสิ่งรอบตัว และนั่นคือดวงตาของจู๋จิ่วอิน สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในตำนานของเผ่าเชมัน

อีกทั้งในหกขั้นพลังใหญ่ของเผ่าเชมัน พลังของผู้ดูดวิญญาณเล่าขานกันว่าได้รับมาจากจู๋จิ่วอิน

เมื่อซูหมิงมองดวงตาคู่นั้น สายตาเขาพร่ามัว โลกตรงหน้าประหนึ่งแตกเป็นเสี่ยงๆ เหมือนเข้ามาอยู่ในความสับสน ความคิดขาวโพลน

เสียงข้างหูดังไกลออกไป ในเสียงนั้นมีเสียงร้องของวานรเพลิง เสียงหัวเราะเย็นชาของเด็กหนุ่ม มีเสียงระเบิดดังขึ้น และยังมีเสียงเตือนจากอูตัว

เหมือนกับทุกอย่างค่อยๆ ไกลออกไป จนกระทั่งกำลังจะหายไปจนสิ้น ทว่าทันใดนั้น เศษหินสีดำลึกลับที่แขวนอยู่ตรงหน้าอกซูหมิงปล่อยไอหนาวเยือกแผ่คลุมตัวเขา

ขณะเดียวกัน เสียงหนึ่งดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

“พี่…พี่ชาย…” ซูหมิงตัวสั่นสะท้าน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!