Skip to content

สู่วิถีอสุรา 341

ตอนที่ 341 ติดตาม

เมื่อเผชิญหน้ากับชายวัยกลางคนขั้นวิญญาณหมาน ซูหมิงยังมีสีหน้าปกติ ประสานมือคารวะ

“ผู้เยาว์ซูหมิงจากสำนักเหมันต์สวรรค์”

“สำนักเหมันต์สวรรค์?” ชายวัยกลางคนผู้นั้นมองซูหมิงแวบหนึ่งอีก

“คนสำนักเหมันต์สวรรค์จะมาตรงนี้ได้อย่างไร พวกเขากำลังต่อสู้บนแผ่นดินเชมันนอกเมือง” ชายวัยกลางคนกล่าวช้าๆ พลางมองซูหมิง

คำกล่าวเนิบช้า บวกกับสายตาเพ่งมอง พลันกลายเป็นแรงกดดันไร้รูปกดทับบนตัวซูหมิง

ขณะทั้งสองคนกล่าว อีกหกคนข้างกายซูหมิงมีโลหิตอาบทั้งตัว เพียงแต่ว่าโลหิตนั้นเป็นของเผ่าเชมันเสียมาก ในพวกเขาหกคน มีคนอายุราวหกสิบกว่าปี เส้นผมขาวปนดำ หนุ่มก็มีอายุราวสามสิบกว่าปี นัยน์ตาวาววับแฝงไว้ด้วยประกายวูบวาบ

หกคนนี้เป็นผู้โดดเด่นในสงครามขนาดย่อมเมื่อครู่ สังหารเผ่าเชมันเยอะที่สุด ขณะเดียวกันก็เป็นที่จับตามองในแต่ละจุดของสนามรบ โลหิตอาบทั้งตัวเป็นตัวพิสูจน์ผลการรบของพวกเขาได้ดีที่สุด

ในหกคนนี้ยังมีสตรีอีกคนหนึ่ง บนใบหน้ามีแผลเป็นเหมือนถูกกรงเล็บข่วนสามรอย ทำให้หน้าเหมือนถูกฉีกก็มิปาน นางยืนอยู่ตรงมุม สีหน้าเย็นชา ราวกับไม่อยากรู้จักใครมากนัก

“ระหว่างทางผู้เยาว์มีธุระเลยต้องปลีกตัวไปก่อน ตอนนี้กลับมาแล้ว”

ซูหมิงมองชายวัยกลางคนและกล่าวอย่างสงบนิ่ง ชายวัยกลางคนขั้นวิญญาณหมานสร้างแรงกดดันมหาศาลให้เขา ทว่าซูหมิงสงบนิ่งและมิได้หลบเลี่ยง ตอบกลับด้วยเสียงเรียบๆ

“เจ้าฆ่าพวกเชมันไปเท่าไร?” ชายวัยกลางคนกล่าวช้าๆ

ซูหมิงไม่ตอบ แต่ใช้มือขวาล้วงลึกเข้าไปในอกเสื้อ หยิบถุงเก็บวัตถุมาสะบัดด้านข้าง พลันมีศีรษะลอยออกมาหลายสิบหัว ลอยล่องอยู่รอบตัว กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง แต่ละศีรษะมีสีหน้าต่างกันก่อนตาย

“ดี ต่อให้เจ้าเป็นพวกหนีทหารของสำนักเหมันต์สวรรค์ แต่วันนี้เจ้าได้พิสูจน์คุณค่าของเจ้าแล้ว จากนี้ไปเจ้าเป็นสมาชิกของเผ่าหมานเมืองหมอกนภา!”

ชายวัยกลางคนมองศีรษะชายผู้สื่อวิญญาณที่เขาไม่ได้สังหารก่อนหน้านี้ในกลุ่มศีรษะ แล้วยิ้มมองซูหมิง

“พวกเจ้าเจ็ดคน มีทั้งสำนักเหมันต์สวรรค์และสำนักทะเลตะวันออก ส่วนคนอื่นๆ ล้วนเป็นนักรบของเมืองหมอกนภา ตอนนี้ไม่ว่าพวกเจ้ามาจากที่ใด พวกเจ้าเจ็ดคนจะเป็นผู้ติดตามข้า สังหารพวกเชมันพร้อมกับข้า!” ชายวัยกลางคนกวาดสายตามองทั้งเจ็ดคน ช่วงที่กล่าวถึงสำนักเหมันต์สวรรค์ เขามองซูหมิง ตอนกล่าวถึงสำนักทะเลตะวันออก เขามองสตรีใบหน้าเสียโฉม

“ตัวข้านามซั่นหวา หนึ่งในสิบแม่ทัพวิญญาณใหญ่แห่งเมืองหมอกนภา หากข้ายังไม่ตาย พวกเจ้าต้องติดตามข้า!” ขณะเดียวกับที่ชายวัยกลางคนกล่าว รอยแยกห้าจุดบนท้องฟ้าเหนือเมืองหมอกนภาทางเผ่าเชมันเกิดเสียงระเบิดอึกทึก ขยับแสงทึบวิบวับ ราวกับเปิดได้ทุกเมื่อ อีกสองรอยแยกทางเผ่าหมานก็เช่นเดียวกัน ด้านนอกรอยแยกมีเผ่าหมานจำนวนมากกำลังตรงเข้าไปใกล้

“ไปกับข้า!” ชายวัยกลางคนนามซั่นหวาเงยหน้ามองไปทางเผ่าเชมันแวบหนึ่ง ก่อนขยับกายวูบไหว ใต้เท้าเกิดระลอกคลื่นบิดเบี้ยว เงาเขาพลันพุ่งออกไปสุดลูกหูลูกตา

ด้านหลังเขา ทั้งหกคนพร้อมกับซูหมิงบินแทบจะไปพร้อมกัน

ทั้งเจ็ดคนติดตามซั่นหวา คนทั้งแปดกลายเป็นสายรุ้งยาวแปดสายตัดผ่านอากาศ ข้ามผ่านเมืองหมอกนภา มีซั่นหวาอยู่ข้างหน้า เขาเปิดม่านไร้รูปของเมืองหมอกนภาทุกอย่างไว้ก่อน เพื่อให้ทุกคนผ่านไปได้อย่างราบรื่น จนมาถึงน่านฟ้าเหนือแผ่นดินเผ่าเชมัน!

ทันทีที่ข้ามผ่านกำแพงหมอกนภา มีกลิ่นคาวเลือดโชยมา ดุจทั้งในและนอกเมืองนี้เป็นสองโลกต่างกันโดยสิ้นเชิง ที่นี่เป็นของเผ่าเชมัน สายลมกลิ่นคาวเลือดก่อขึ้นเป็นความอึดอัดที่ไม่อาจบรรยาย ทำให้หัวใจคนเต้นระรัว ต้องโคจรพลังโลหิตทั้งตัว มิเช่นนั้นแล้วคงไม่มีทางทนไหว

เสียงเข่นฆ่ากลายเป็นเสียงโจมตีโดยตรง เข้าถึงหูทุกคนรวมทั้งซูหมิง คนอื่นๆ ล้วนชินแล้ว ทว่านี่คือครั้งแรกที่ซูหมิงเข้ามาในสงครามบนแผ่นดินเชมัน เสียงกรีดร้องโหยหวน เสียงคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว และยังมีกลิ่นคาวเลือด ทำให้เขายากจะสงบลง

“นี่เป็นการแข่งขันอย่างหนึ่ง สหายซู” ซั่นฮวาห้อเหยียดอยู่ข้างหน้า

ซูหมิงกับอีกหกคนตามอยู่ข้างหลัง กระโดดข้ามแผ่นดินใหญ่ แบกรับความอึดอัด ดมกลิ่นคาวเลือด ข้างขวาซูหมิงเป็นชายหนุ่มอายุราวสามสิบปีผู้หนึ่งในกลุ่มเจ็ดคน เส้นผมเขายุ่งเหยิง ทว่าดวงตากลับเปล่งประกาย ทั้งยังมีความตื่นเต้น

“รอดูว่าผลสุดท้ายฝ่ายไหนจะเป็นผู้ชนะ” ชายหนุ่มเลียริมฝีปาก ยิ้มให้ซูหมิง

บนสนามรบของคนมากกว่าหลายหมื่น บนท้องฟ้าอัดแน่นไปด้วยเงาร่างคนกำลังต่อสู้กัน มีเผ่าเชมัน มีเผ่าหมาน มีสัตว์ร้าย การทะยานผ่านของพวกซูหมิงไม่เป็นที่สนใจแม้แต่น้อย

“ตรงไปรอยแยกที่สาม ภารกิจแรกของพวกเจ้าคือตามข้าให้ทัน!”

เสียงของซั่นหวาดังมาจากด้านหน้า เขาพุ่งไปไกลหนึ่งร้อยจั้งในชั่วพริบตา

พวกซูหมิงห้อเหยียดตามอยู่ด้านหลัง ทว่าช่วงที่ข้ามผ่านสนามรบยังไม่ถึงหลายร้อยจั้ง พลันเกิดพายุคลั่งด้านหน้าพวกเขา มันคือกลุ่มสัตว์ร้ายมีปีกใหญ่เกือบร้อยตัว บนหลังพวกมันเป็นนักรบเชมัน

ชาวเผ่าเชมันเหล่านี้ล้วนมีรอยสักบนใบหน้า

ยามนี้โลหิตเดือดพล่าน จึงปลดปล่อยความรู้สึกพิลึกบางอย่าง ชาวเผ่าเชมันเหล่านี้ สำหรับซั่นหวาแล้วเล็กจ้อยจนไม่มีค่าพอให้สนใจ เขาไม่หลบ แต่ทะลวงผ่านไปดื้อๆ เสียงระเบิดดังก้อง มีสัตว์ร้ายปีกใหญ่หลายสิบตัวระเบิดกระจุย รวมถึงชาวเผ่าเชมันด้านบนก็แหลกเป็นเสี่ยงๆ อีกทั้งยามทะลวงผ่านแทบไม่เห็นเลยว่าซั่นหวาลงมืออย่างไร เห็นเพียงโลหิตแตกกระเซ็นโดยรอบ ซั่นหวาไม่หยุดแม้แต่น้อย ทะลวงผ่านไปตรงๆ

ทว่าพวกซูหมิงกลับไม่อาจสงบนิ่งดั่งซั่นหวา แม้สัตว์ร้ายเกือบร้อยจะตายไปเกือบครึ่ง ก็ยังเหลือหลายสิบตัว หลังจากพวกมันกระจัดกระจายพักหนึ่งแล้วก็รวมตัวกันมาใหม่ และพุ่งตรงเข้าใส่พวกซูหมิง

“ข้าต้องการนักรบหมานที่ติดตามอยู่หลังข้าตลอด” ซั่นหวาไม่หันกลับไปมองและไม่หยุด แต่เสียงนั้นกลับกึกก้องในหูของพวกซูหมิง

แทบจะเป็นช่วงที่เสียงนั้นก้อง เสียงเข่นฆ่าสังหารดังสนั่น สัตว์ร้ายหลายสิบตัวคำรามพุ่งเข้ามาพร้อมกับความหยิ่งยโสและเหี้ยมโหด ชาวเผ่าเชมันบนตัวพวกมันมีสิบกว่าคนที่กระโดดขึ้น มีเสียงปุๆ ดังมาจากทั้งตัว พวกเขาตัวพองบวม เส้นเลือดดำปูดโปน เส้นโลหิตเหมือนขยายใหญ่ขึ้น

ดวงตาขวาซูหมิงเป็นสีแดงโลหิต แทบจะทันทีที่ชาวเผ่าเชมันกับสัตว์ร้ายพวกนั้นมาขวางหน้า เขาพลันเดินหน้าหนึ่งก้าว ใช้ความเร็วยากจะบรรยายหายวับไปในชั่วพริบตา แล้วมาปรากฏห่างออกไปสองร้อยจั้ง

หลังจากปรากฏตัว ซูหมิงมีโลหิตไหลมาจากมุมปาก ชาวเผ่าเชมันสี่ถึงห้าคนที่อยู่ด้านหลังเขายามนี้ระเบิดกระจายเป็นเศษชิ้นส่วน

ซูหมิงใช้ความเร็วบวกกับเกราะป้องกันกระแทกเข้าใส่พวกเขาจนตาย!

ซูหมิงไม่หยุด หลังจากปรากฏตัวก็ขยับวูบไปทางซั่นหวาอีกครั้งเพื่อติดตามไป

ขณะเดียวกับที่เขาใช้วิธีนี้ตามไป อีกหกคนด้านหลังมีเพียงสามคนที่ใช้วิธีต่างกัน สลัดการล้อมโจมตีของพวกเชมันกลุ่มนั้นมาได้ หลังจากออกมาแล้วก็ไล่ตามซั่นหวาพร้อมกับซูหมิง

ทว่าไม่ถึงสิบลมหายใจ ตอนที่ซั่นหวาทะลวงเข้าไปในเผ่าเชมันที่ล้อมโจมตีอีกครั้ง พวกซูหมิงสี่คนที่ติดตามมา หายไปอีกหนึ่ง

ยามนี้ด้านหลังซั่นหวาเหลือเพียงซูหมิงกับสตรีใบหน้าเสียโฉม และยังมีชายวัยกลางคนที่ดูไม่เตะตาในกลุ่มมาโดยตลอด

ทั้งสามคนพุ่งทะยาน ลมหายใจกระชั้น เห็นได้ชัดว่าการติดตามแบบนี้ไม่ง่ายเลยสำหรับพวกเขา

ยามนี้ซั่นหวาตรงหน้าบุกเข้ามายังใจกลางของสนามรบ ห่างไปไม่ไกลเป็นรอยแยกที่สาม ยามนี้รอยแยกกำลังขยายใหญ่ขึ้นไม่หยุด ภายในมีเงามืดจำนวนมากขยับวิบวับ ทั้งยังมีเสียงคำรามดังแว่วมาจากภายใน

หากไม่มีใครขวางพวกซูหมิง คงจะไปถึงรอยแยกเร็วยิ่งนัก ทว่าความจริงมิใช่อย่างนั้น มีสัตว์ร้ายขนาดร้อยจั้งสี่ตัวกำลังตรงมาทางพวกเขาอย่างเร็วจากรอยแยก

นัยน์ตาซั่นหวาเป็นประกาย ขณะก้าวเดินพลันหายไปจากตรงหน้าสัตว์ร้ายแล้วมาปรากฏตัวอยู่ด้านหลัง สัตว์ร้ายหยุดชะงัก ร่างแห้งเหี่ยวด้วยความเร็วระดับสายตา แม้แต่ชาวเผ่าเชมันที่ขี่มันอยู่ยังตะลึงงัน ก่อนนัยน์ตาจะไร้แววชีวิตศีรษะดิ่งลงสู่พื้น

ซูหมิงหรี่ม่านตา ตลอดทางเขาเห็นซั่นหวาลงมือแบบนี้หลายครั้ง ทว่าทุกครั้งเขาแทบมองไม่ออกเลยว่าทำอย่างไร ทุกอย่างที่เห็นนอกจากคำว่าประหลาดแล้ว ก็ยากจะหาคำอื่นมาบรรยาย

เงาร่างซั่นหวาขยับวูบไหว เข้าใกล้รอยแยกมากขึ้นเรื่อยๆ แต่พวกซูหมิงสามคนที่ตามอยู่ด้านหลังกลับต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายร้อยจั้งกับชาวเผ่าเชมันด้านบน

นัยน์ตาซูหมิงเด็ดขาด ช่วงที่เข้ามาใกล้สัตว์ร้าย เหอเฟิงละทิ้งหุ่นเชิดแล้วกลายเป็นเงามืดอีกครั้ง ก่อนพุ่งตัวไปเป็นคนแรก ขณะเดียวกัน ซูหมิงชี้นิ้วมือขวาใช้วิชาหมานสังหาร ความเร็วทะยานถึงขีดสุด กำไลมือขวากลายเป็นหมอกดำ พุ่งไปตรงหน้าเขา

เสียงระเบิดดังสนั่น ผ่านไปครู่หนึ่ง ตอนซูหมิงเดินเฉียดผ่านสัตว์ร้าย

เขากระอักโลหิตกองโต เกราะแม่ทัพเทพบริเวณหน้าอกแตกละเอียด หนามไม้สีดำแท่งหนึ่งถูกระฆังเขาหานกันเอาไว้อยู่ข้างนอก ทว่าแรงสั่นสะเทือนจากหนามไม้ก็ยังทำให้ซูหมิงบาดเจ็บ

ส่วนสัตว์ร้ายตัวนั้น กายเกือบครึ่งถูกทำลาย เต็มไปด้วยโลหิตสด ตรงบาดแผลมีเงามืดหนึ่งตนกำลังสูบเลือดเนื้ออย่างบ้าคลั่ง ตั้งใจว่าจะปกคลุมมัน ทว่าสัตว์ตัวนี้ใหญ่เกินไป เงามืดจึงยากจะห่อหุ้มมันทั้งตัว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!