ตอนที่ 342 กลอุบาย
ส่วนชาวเผ่าเชมันที่ขี่สัตว์ร้ายกระโดดลอยขึ้น ทว่าสีหน้าตื่นกลัว ตรงหน้าเป็นเงาสตรีจากหมอกดำ กำลังพันรอบตัวเขาจนกลายเป็นน้ำวน ขณะเดียวกันไม่รู้ว่าชาวเผ่าเชมันคนนั้นใช้วิชาอะไร ตัวเขาพลันสลายคล้ายหลบหนีหายไป
สตรีหมอกดำไม่ตามไป แต่หมุนวนกลับมา กลายเป็นกำไลข้อมือขวาซูหมิงอีกครั้ง
ซูหมิงไม่สนใจเหอเฟิง แต่หมุนตัวเดินไปหนึ่งก้าวแล้วทะยานตามหลังซั่นหวาไป ยามนี้ซั่นหวายืนอยู่ใต้รอยแยก เงยหน้ามองรอยแยกยักษ์ที่กำลังขยายอย่างต่อเนื่องด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ราวกับกำลังรออะไรบางอย่าง
ซูหมิงห้อเหยียดเข้ามาใกล้ ครู่เดียวก็มาอยู่หลังซั่นหวาแล้วหยุดอยู่ตรงนั้นเช่นกัน ลมหายใจกระชั้น ผ่านไปครู่หนึ่งถึงค่อยสงบลง
ช่วงที่ซูหมิงหายใจเป็นปกติ มีเสียงลมดังลากยาวเข้ามาข้างกายเขา พบว่าเป็นสตรีใบหน้าเสียโฉมจากสำนักทะเลตะวันออกห้อเหยียดมา หลังจากหยุดแล้วนางกระอักเลือดคราหนึ่ง บนตัวมีบาดแผลจำนวนมาก โดยเฉพาะตรงหน้าท้องที่เป็นแผลเหวอะหวะ ทว่าสีหน้ายังคงเย็นชา ยืนก้มหน้าหยิบน้ำสมุนไพรมาทางตรงบาดแผล
“มีแค่พวกเจ้าสองที่ตามมา เช่นนั้นพวกเจ้าเป็นองครักษ์ให้ข้า ถ่วงเวลาให้ข้าหนึ่งก้านธูป” ซั่นหวาพลันกล่าว หันไปมองซูหมิงกับสตรีผู้นั้น ก่อนนั่งขัดสมาธิลงกลางอากาศและหลับตาลง
สตรีคนนั้นขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่กล่าวสิ่งใด แต่มองไปรอบๆ อย่างตื่นตัว
ซูหมิงเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ เขาไม่มีเวลาไปสนใจว่านางใช้วิธีอะไรถึงตามมาได้ ยามนี้เงยหน้ามองรอยแยกบนท้องฟ้าที่กำลังขยับแสงเด่นชัด แล้วมองทอดไปไกล ก่อนจะหรี่ตาลง
ใต้รอยแยกทั้งห้าจุดบนแผ่นดินเผ่าเชมันก็มีผู้แข็งแกร่งเผ่าหมานเหมือนกับซั่นหวาเช่นกัน บางคนก็เพ่งมอง บ้างก็นั่งฌาน ไม่สนใจการเข่นฆ่าของสงครามโดยรอบ แต่เหมือนกำลังรออะไรบางอย่าง
ข้างกายพวกเขามีองครักษ์เหมือนกับพวกซูหมิง บ้างก็อยู่เพียงคนเดียว
บนท้องฟ้า จำนวนชาวเผ่าเชมันยังคงมากโข บนแผ่นดินเข่นฆ่ากันไม่หยุดหย่อน ทั้งสองฝ่ายล้วนบ้าคลั่ง ทั้งยังมีชาวเผ่าหมานพุ่งตัวมาจากเมืองหมอกนภาเพื่อเข้าร่วมสงครามอย่างไม่ขาดสาย
เมื่อเวลาผ่านไป รอยแยกห้าจุดบนท้องฟ้าขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ประหนึ่งใกล้จะฉีกขาดอยู่รอมร่อ ด้านในมีเสียงคำรามกึกก้อง ราวกับว่าภายในรอยแยกมีสัตว์ร้ายและทหารนับพันนับหมื่น ขอเพียงแค่รอยแยกเปิดทั้งหมดก็จะพุ่งออกมา
‘ไม่มีใครเข้ามาเลย…’ ซูหมิงขมวดคิ้ว เขาพบว่าตั้งแต่ซั่นหวา ตัวเขา และสตรีผู้เสียโฉมมาถึงที่นี่ ก็ไม่มีชาวเผ่าเชมันเข้ามาใกล้เลย ส่วนใหญ่จะอ้อมผ่านไปเหมือนกับไม่เห็นพวกเขาสามคน
เหตุการณ์เช่นนี้มิใช่เพียงตรงนี้เท่านั้น ใต้ห้ารอยแยกห้าจุดก็เป็นเช่นเดียวกัน
“หรือว่า…” นัยน์ตาซูหมิงขยับประกาย มีเสียงแหลมลากยาวดังมาจากเมืองหมอกนภา เสียงนั้นราวกับทะลวงอากาศ ทั้งเมืองหมอกนภาคล้ายสั่นสะเทือน ช่วงที่ซูหมิงหันกลับไปมอง เขาเห็นเสาปานผลึกแก้วเก้าต้นพุ่งมาจากในเมืองหมอกนภา ยืดยาวขึ้นฟ้า
เสานี้หนาหลายสิบจั้ง หลังพุ่งขึ้นจากเมืองหมอกนภาแล้ว บนตัวเสาพลันกะพริบแสงเด่นชัด ขณะกะพริบวิบวับ ดวงตะวันบนท้องฟ้าก็เหมือนมืดสลัวลง จากนั้นเสาผลึกแก้วยักษ์เก้าต้นเปล่งแสงอย่างรุนแรง ราวกับหลอมรวมเข้าด้วยกัน แล้วปล่อยลำแสงสายหนึ่งที่ทำเอาซูหมิงหายใจติดขัดพุ่งไปยังรอยแยกทั้งห้าจุด!
ลำแสงนี้หนาราวหนึ่งร้อยจั้ง พุ่งตรงมาจากเมืองหมอกนภา ความเร็วของมันทำให้ซูหมิงหวาดกลัว มันเหมือนสายรุ้งยาวทะลวงผ่านอากาศ เสียงดังสนั่นสองหู เกิดเป็นเสียงติ๊ดๆ !
แทบจะชั่วพริบตาเดียว ลำแสงนี้ทะลวงผ่านรอยแยกแรกที่ห่างจากเมืองหมอกนภาหลายพันจั้ง
ทั้งท้องฟ้าเหมือนกลายเป็นระลอกคลื่นทะเลเพลิง แผ่ขยายไปรอบทิศอย่างรวดเร็ว รอยแยกที่หนึ่งสั่นไหวอย่างรุนแรง ก่อนแตกกระจายเป็นเศษนับไม่ถ้วน เศษนั้นบางยิ่งนัก ดูเหมือนกระจกก็มิปาน
นี่มันใช่รอยแยกที่ไหนกัน เห็นชัดว่าเป็นวิชาอะไรบางอย่างของเผ่าเชมัน สร้างเป็นรอยแยกปลอมเท่านั้น มันดูเหมือนของจริง กระทั่งความรู้สึกยังเหมือนจริง ทว่าความจริงแล้วมันเป็นเพียงของปลอม!
‘ห้ารอยแยก รอยแยกแรกเป็นของปลอม เป้าหมายของเผ่าเชมันคือตัดกำลังเมืองหมอกนภา อย่างเช่น…ลำแสงน่าเหลือเชื่อนี้!’ ซูหมิงสูดลมหายใจ บนท้องฟ้าระหว่างลำแสงแรกกับเมืองหมอกนภาทิ้งเศษเสี้ยวมายาเอาไว้ มวลอากาศตรงนั้นปรากฏเป็นรอยแยก จุดที่ลำแสงวิ่งผ่าน ทุกสิ่งมีชีวิตที่ขวางหน้าล้วนถูกทำลาย
ภายใต้พลังระดับนั้น เกรงว่าแม้แต่ขั้นวิญญาณหมานยังไม่อาจมีชีวิตรอด!
“เมืองหมอกนภา…” ซูหมิงมองเมืองโออ่า เขาเข้าใจแล้วว่าเหตุใดเมืองนี้ถึงตั้งมั่นรักษาแดนอรุณใต้ไม่ให้เผ่าเชมันบุกเข้ามาได้ เพราะว่าเมืองนี้ไม่เพียงแต่เต็มไปด้วยความลับ แต่ยังมีพลังที่ทำให้เผ่าเชมันหวาดกลัว
ช่วงที่ซูหมิงตื่นตะลึงกับการปรากฏขึ้นของลำแสง เสาผลึกแก้วเก้าต้นในเมืองหมอกนภาเปล่งแสงอีกครั้ง ก่อนปล่อยลำแสงครั้งที่สอง
ทั้งฟ้าดินสั่นสะเทือน มวลอากาศเกิดรอยแยก ลำแสงเส้นที่สองลากยาวเข้ามา ทำให้เกิดเสียงดังสนั่นไปทั้งสนามรบ ตอนที่ทุกคนอดใจไม่ไหวเงยหน้ามอง ลำแสงเส้นที่สองก็พุ่งเข้าใส่รอยแยกที่สอง
รอยแยกที่สองสั่นสะเทือน แตกกระจายทันควัน ทว่ายังเป็นเศษแก้วบางๆ เหมือนเดิม รอยแยกที่สองนี้ก็เป็นของปลอม
ซูหมิงเงยหน้ามองรอยแยกที่สามตรงจุดที่ตนอยู่ รอยแยกนี้ขยายใหญ่เร็วขึ้นเรื่อยๆ ภายในขยับแสงวูบวาบถี่ขึ้น ราวกับว่าคนในรอยแยกกำลังรอออกมาอย่างร้อนใจจนทนไม่ไหว
ทันใดนั้น เสาผลึกเก้าต้นจากเมืองหมอกนภาเปล่งแสงอีกครั้ง ลำแสงเส้นที่สามตรงเข้ามา ฟ้าดินสั่นสะเทือนอีกครา ทว่าคราวนี้มิได้พุ่งใส่รอยแยกที่สามตรงซูหมิง แต่พุ่งใส่รอยแยกที่สี่ ทำให้รอยแยกนั้นกลายเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก
ครั้งนี้ซูหมิงรู้สึกอย่างชัดเจนว่าพลังของลำแสงอ่อนลง เหมือนภายหลังเริ่มหมดแรง
ขณะลำแสงเส้นที่สามยิงออกไป
การเข่นฆ่าในสนามรบหยุดชะงักอย่างเห็นได้ชัด ชาวเผ่าเชมันทั้งหมดล้วนมีสีหน้าหวาดกลัวและตระหนก กลับกัน ชาวเผ่าหมานส่วนใหญ่ตื่นตะลึง และเหมือนได้รับพลังชีวิตเพิ่ม โลหิตพลุ่งพล่านขึ้นมาทันที
ทันใดนั้น ลำแสงเส้นที่สี่ยิงมาจากเมืองหมอกนภาอีกครั้ง ลำแสงเส้นนี้อ่อนแรงลงมากอย่างชัดเจน ไม่น่าสะพรึงเหมือนก่อนหน้านี้ ทันทีที่พุ่งใส่รอยแยกที่ห้า แม้รอยแยกจะพังทลายกลายเป็นเศษ แต่ดูแล้วหากรอยแยกนี้เป็นของจริง ก็มีความเป็นไปได้สูงมากที่ลำแสงจะไม่อาจทำลายมันอย่างสมบูรณ์
ซูหมิงเงยหน้าจ้องรอยแยกด้านบน แทบจะเป็นตอนที่เขาเงยหน้า ผู้แข็งแกร่งเผ่าหมานใต้รอยแยกปลอมเหล่านั้นทะยานมารวมกันตรงนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาคิดว่ารอยแยกนี้เป็นของจริงเช่นกัน!
พริบตาเดียว เสาผลึกเก้าต้นจากเมืองหมอกนภาเหมือนรวมพลังเฮือกสุดท้ายก่อนตาย เปล่งลำแสงเส้นที่ห้า มีเสียงและพลังทรงอานุภาพยิ่ง ทว่าก็มองออกว่านี่เป็นพลังที่เหลืออยู่แล้ว
ลำแสงนั้นตรงเข้ามา เปล่งแสงสว่างจ้าละลานตา ทะลวงผ่านเหนือซูหมิงไป พุ่งเข้าใส่รอยแยกที่สาม ทันใดนั้นซั่นหวาพลันลืมตาขึ้น
สิ่งที่ทำให้ซูหมิงตะลึงงันคือ หลังจากรอยแยกที่สามถูกทำลาย ก็กลายเป็นเศษส่วนแผ่นบางจำนวนมากกระจัดกระจาย
“เป็นของปลอมทั้งหมด…เป้าหมายของเผ่าเชมันคือตัดกำลังเสาผลึกของเมืองหมอกนภา…เพราะพลังนี้ทำให้เชมันระดับสูงสุดหวาดกลัว…..” ซูหมิงพึมพำเบาๆ
ยามนี้มีเสียงหัวเราะยาวดังก้องมาจากไกลๆ บนน่านฟ้าเผ่าเชมันห่างไปหมื่นจั้ง ยามนี้มวลอากาศบิดเบี้ยว มีคนเดินออกมาสามคน
ทั้งสามคนนี้เป็นเงาร่างไม่ชัดเจน จากการปรากฏตัวของพวกเขา ทำให้มีแรงกดดันมหาศาลแผ่ปกคลุมทั้งสนามรบ สามคนนี้พลันก้าวเดินหนึ่งก้าวตรงเข้าสู่สนามรบ ขณะเดียวกัน สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ขนาดหมื่นจั้งสองตัวที่อยู่ไกลออกไป เดิมทียังอยู่ในพื้นที่ที่แน่นอนไม่ยอมเข้าใกล้ ยามนี้กลับแผดเสียงคำรามพุ่งตรงไปทางเมืองหมอกนภา
ราวกับว่าพลังที่ขวางพวกมันเอาไว้ได้หายไปแล้ว
ชาวเผ่าเชมันสองคนที่อยู่บนศีรษะสัตว์ศักดิ์สิทธิ์หมื่นจั้งสองตัวล้วนเป็นผู้แข็งแกร่ง ตอนนี้ยิ้มเยาะมุมปาก
ข้อได้เปรียบทุกอย่างคล้ายเอียงไปทางเผ่าเชมัน ไม่มีลำแสงน่าสะพรึงที่ทำให้พวกเขาตื่นกลัวชั่วคราว ชาวเผ่าเชมันที่เดินออกจากมวลอากาศสามคนจึงเคลื่อนตัวด้วยความเร็วสูง สัตว์ร้ายขนาดหมื่นจั้งสองตัวด้านหลังก็ยิ่งเหมือนไม่มีใครขวางได้ เข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
ทว่าทุกอย่างกลับมิใช่อย่างนั้น แทบจะเป็นช่วงที่ทั้งสามคนห้อเหยียด
สัตว์ศักดิ์สิทธิ์สองตัวบุกเข้ามาในขอบเขตหนึ่งหมื่นจั้ง ทันใดนั้น เสาผลึกเก้าต้นที่มืดสลัวไปแล้วในเมืองหมอกนภาพลันเปล่งแสงเด่นชัด ความรุนแรงของมัน ยังมากกว่าลำแสงเส้นแรกที่ซูหมิงเห็นเสียอีก
แสงสว่างจ้าวูบไหว ทั้งฟ้าดินพลันมืดลง ไม่อาจเทียบได้กับเสาผลึกเก้าต้น เหมือนว่าช่วงเสี้ยววินาทีนี้ เสาผลึกดูดแสงทุกอย่างจากฟ้าดิน ลำแสงสองเส้นที่ทำให้ซูหมิงสะพรึงพลันยิงออกไป!
ลำแสงสองเส้นนี้มีขนาดหลายร้อยจั้ง เสียงลากยาวสะเทือนนภา ทำให้มวลอากาศดุจแตกกระจาย พริบตาเดียว ซูหมิงก็เห็นภาพที่ทำให้เขายากจะลืมเลือนไปชั่วชีวิต
เขาเห็นลำแสงสองเส้นยิงใส่ตัวสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เชมันสองตัวที่เพิ่งเข้ามาในขอบเขตหมื่นจั้ง พวกมันหลบไม่ทันและถูกลำแสงยิงเข้าใส่ รวมถึงผู้แข็งแกร่งเชมันที่ขี่มันก็ถูกพลังในลำแสงทำลายล้างไปในวินาทีนั้นด้วย
เสียงคำรามโหยหวนสะเทือนหูดังมาจากปากสัตว์ศักดิ์สิทธิ์สองตัว ร่างพวกมันพลันระเบิดกระจุย…..
ทั้งสนามรบเงียบสงัดทันใด
ผู้แข็งแกร่งเชมันสามคนที่เดินมาจากมวลอากาศหยุดชะงัก ราวกับตะลึงงันอยู่ตรงนั้น
“ของปลอมน่ะ เผ่าหมานเราก็ทำได้เหมือนกัน” ยามนี้ซั่นหวาข้างกายซูหมิงยืนขึ้น
“นักรบเผ่าหมานทุกคนฟังทางนี้ สังหารเผ่าเชมัน ขับไล่พวกมันออกไปให้ไกลสามหมื่นจั้ง!” เสียงแก่ชราดังก้องมาจากในเมืองหมอกนภา
เสียงกลองศึกดังตึงๆๆ เสียงอึกทึกดังมาจากทุกสารทิศ ทำให้เผ่าหมานทุกคนในสนามรบพลันบ้าคลั่ง
“สังหาร!”