Skip to content

สู่วิถีอสุรา 357

SVTASR
BC

ตอนที่ 357 เป็นหมานวายุ

สัตว์ร้ายสิบกว่าตัวโดยรอบ ภายใต้แรงกดดันของเทวรูปวิญญาณหมาน ยามนี้ล้วนคุกเข่าลงตัวสั่นเทา ไม่มีตัวใดขวางทางซูหมิง

C

ความจริงแล้วต่อให้เทวรูปวิญญาณหมานไม่ปรากฏ ซูหมิงก็ยังมีหนอนไม้พลองจัดการกับสัตว์ร้ายเหล่านี้ จึงผ่านไปได้อย่างปลอดภัย นี่ก็คือสาเหตุที่เขามาคนเดียวโดยไม่เกรงกลัวสัตว์ร้ายเหล่านี้

เงาซูหมิงวูบวาบ เข้ามาใกล้สตรีผู้นั้นในระยะหนึ่งร้อยจั้ง สัตว์ร้ายหนึ่งพันจั้งกลางอากาศยามนี้ก็ตัวสั่นถอยไปเพราะแรงกดดันของเทวรูปวิญญาณหมาน

นางยังคงมีสีหน้าสงบนิ่ง มองซูหมิงเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว นัยน์ตานางลังเลทั้งยังสับสน พริบตาเดียวก็มีสีหน้าประหลาดใจ

“เป็นเจ้า…” สตรีนางนั้นกล่าวเป็นครั้งแรก!

เมื่อกล่าวจบ นางมีสีหน้าซับซ้อนและสงสาร…

“ซู่มิ่ง…”

ซูหมิงในยามนี้ ความเร็วที่ไม่อาจบรรยายก่อให้เกิดเป็นสายลมคลั่ง เขาผ่านเผ่าเชมันที่หมดแรงต่อต้านและกำลังตัวสั่นคุกเข่าลงกับพื้นจนมาถึงจุดหมาย ในมือเขามีกรวยสีดำ ขณะกำลังจะปักลงพื้น เสียงสตรีดังแว่วมาข้างหูเขา

ซู่มิ่ง!

ซูหมิงไม่ได้ยินคำนี้มานานมากแล้ว

ตอนที่ได้ยิน เขาตัวสั่นสะท้าน ทว่าก็ยังปักกรวยลงดิน

ระหว่างนั้นสตรีไม่ห้าม ซูหมิงก็ไม่คิดจะเอาชีวิตของนางอยู่แล้ว เพราะแม้นางยืนอยู่ตรงนี้เพียงลำพัง

กลิ่นอายพลังจากตัวนางกลับทำให้ซูหมิงรู้สึกถึงอำนาจคุกคามแกร่งกล้า ทว่าที่ทำให้เขาประหลาดใจคืออำนาจคุกคามนั้นแฝงไว้ด้วยความคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก

ความคุ้นเคยนี้เหมือนตอนเขาเจอกับซือหม่าซิ่น เหมือนตอนเจอกับบรรพบุรุษเขาหาน…

ข้างหูกึกก้องเป็นคำพูดสองครั้ง รวมเป็นสี่คำ ซูหมิงพลันหัวใจเต้นแรง เมื่อทำภารกิจเสร็จแล้วกำลังจะถอยไป เขาเงยหน้าขึ้นมองหญิงคนนั้น

นัยน์ตานางฉายแววซับซ้อนและสงสาร ทำให้มีเสียงอื้ออึงดังในความคิดซูหมิง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้ยินคำว่าซู่มิ่ง คำๆ นี้เขาจดจำมันไว้ในใจตั้งนานแล้ว ฉะนั้นตอนนี้แม้จิตใจจะตื่นตะลึง กลับมิได้สับสนเหมือนตอนบรรพบุรุษเขาหาน

ในทางกลับกัน ช่วงที่เสียงอื้ออึงดังในความคิดซูหมิง ในใจเขาเกิดการแปรเปลี่ยนอย่างเด่นชัด ในที่สุดเขาก็หาคนที่บอกว่าเขาคือซู่มิ่งได้อีกครั้ง!

นี่คือโอกาส เป็นโอกาสที่ซูหมิงรอมานานมาก

เขามิใช่เด็กหนุ่มอีกต่อไป มิใช่เด็กน้อยสติปัญญาอ่อนวัย เขาในตอนนี้ผ่านเรื่องราวต่างๆ มาเยอะ เขาเติบใหญ่แล้ว และมีจิตใจอันแน่วแน่ของตัวเอง

“น้องสาวข้า สบายดีหรือไม่…” ซูหมิงพลันกล่าว ยามนั้นกรวยสีดำที่ปักบนพื้นระเบิดเป็นแสงสีดำ แสงนั้นแผ่ปกคลุมโดยรอบ ตรงเข้ามาทางซูหมิงราวกับรู้ตำแหน่งของเขา

แรงดึงดูดมหาศาลปล่อยมาจากแสงดำ จากความรู้ของซูหมิง มองแวบแรกก็รู้แล้วว่าแสงดำนี้ไม่มีพลังทำร้ายเขา ในนั้นมีพลังชนิดเดียวกับอาคมเคลื่อนย้าย

เห็นได้ชัดว่าภารกิจนี้ ตอนที่โจวเต๋อออกคำสั่งก็คิดหาทางหนีไว้ให้แล้ว ดูจากพื้นที่แสง อาคมเคลื่อนย้ายนี้มิใช่เพื่อเขาคนเดียว แต่เพื่อส่งชาวเผ่าหมานทั้งหมดรอบตัวเขากลับไปอย่างรวดเร็ว

แทบจะเป็นตอนแสงดำปกคลุมตัวซูหมิง พอหญิงผู้นั้นได้ยินเขาเอ่ยก็ตะลึงงันไปชั่วครู่ แล้วกล่าวมาประโยคหนึ่ง ทำให้ซูหมิงเหมือนถูกสายฟ้านับหมื่นกลืนกินวิญญาณ

“นางถูกเต้าเฉิน…เจ้า…เจ้า” นางกล่าวมาได้ครึ่งหนึ่ง สีหน้าก็แปรเปลี่ยน นัยน์ตาฉายแววหวาดกลัว ทั้งยังรีบถอยไปหลายก้าว

ซูหมิงหายใจกระชั้น คำถามเขาเมื่อครู่นี้ก็เพื่อหยั่งเชิงว่าเสียงในความฝันเขาเป็นจริงหรือไม่ และเกี่ยวกับเขาหรือไม่ ยามนี้แม้นางยังกล่าวไม่จบ ซูหมิงก็เข้าใจแล้ว

ตัวเขาถูกแสงดำกลืนกิน ก่อนพลันหายวับไป

ขณะที่ซูหมิงหายไป ทันใดนั้น ตรงจุดที่เทวรูปวิญญาณหมานมุมหนึ่งปรากฏบนท้องฟ้า มีเสียงสะเทือนฟ้าดินดังขึ้น เสียงนี้ไม่มีเมตตาแม้แต่น้อย แต่เย็นชาไร้ปรานี ส่งเสียงก้องกังวานทุกสารทิศ

“เจ้าคือหมานวายุ…ตรงตามกฎของเทพแท้จริงตามบัญญัติของเทพหมานรุ่นหนึ่ง ข้าขอแต่งตั้งเจ้าเป็นหมานวายุ….รีบมาราชวงศ์ต้าอวี๋เพื่อรับวิญญาณแท้จริง…..”

ขณะเดียวกับที่เสียงก้องกังวาน ซูหมิงที่กำลังจะหายไปภายใต้แสงดำพลันถูกแสงสีฟ้าหมุนวนรอบตัว แล้วมาปรากฏอยู่ใต้เทวรูปวิญญาณมุมหนึ่งบนท้องฟ้า

แววตาซูหมิงสับสน ทว่าความสับสนนั้นก็หายไปอย่างเร็ว เขาพยายามระงับอารมณ์จากคำพูดของสตรีคนนั้น ยามนี้มองฐานเทวรูปใต้น้ำวนยักษ์ แรงกดดันแกร่งกล้าถาโถมใส่

ซูหมิงไม่เคยประสบแรงกดดันรุนแรงเช่นนี้มาก่อน แต่แม้บอกว่าเขารู้สึก กลับมิได้ส่งผลกระทบต่อตัวเขา แทบทันทีที่มาปรากฏตัวอยู่ตรงนี้ ชาวเผ่าหมานทั้งหมดเห็นซูหมิง ทว่าสิ่งที่พวกเขาเห็นต่างกันออกไป!

ในสายตาของคนจำนวนมาก พวกเขาเห็นเป็นแสงสีฟ้าละลานตา มองไม่เห็นใบหน้าของซูหมิงภายใน

ส่วนคนที่เห็นซูหมิงมีไม่เยอะ หนึ่งในนั้นมีโจวเต๋อ เทียนหลันเมิ่ง ชายชราผู้บัญชาการเขตสนามรบทางเหนือ ขนาดเทียนหลันโยวยังหน้าเปลี่ยนสี นางก็เห็นเช่นกันและยังมีชายชราในเมืองหมอกนภาเหล่านั้นที่ต่างพากันมองเงาของซูหมิงบนท้องฟ้า

เผ่าหมานเป็นเช่นนี้ เดิมทีเผ่าเชมันก็น่าจะเช่นเดียวกัน ทว่าตอนที่ซูหมิงปรากฏตัวบนท้องฟ้า มีเสียงหึดังมาจากเมืองหมอกนภา

ตอนต้นเสียงหึนี้ไม่ดังมากนัก ทว่าเมื่อดังออกไปแล้วกลับสร้างระลอกคลื่นหมุนวนในฟ้าดิน หากเป็นยามอื่น ระลอกคลื่นเช่นนี้คงไม่เท่าไรนัก ทว่าตอนนี้อยู่ในช่วงเทวรูปวิญญาณหมานปรากฏมุมหนึ่ง และมีแรงกดดันมหาศาลปานผนึกฟ้าดิน แต่เสียงหึกลับยังกระจายระลอกคลื่นได้ จึงเห็นได้ชัดถึงความแข็งแกร่งของเจ้าของเสียง

เสียงนั้นก้องกังวานข้างหูผู้แข็งแกร่งเผ่าเชมันทุกคน ทำให้ความคิดพวกเขาพลันมีเสียงอื้ออึง สายตาพร่ามัว ราวความรู้สึกนึกคิดทั้งหมดในร่างกายถูกผนึก ทำให้มองไม่เห็นซูหมิง!

พลังแบบนี้ หากใช้ในสงครามก่อนหน้านี้จะต้องส่งผลน่าอัศจรรย์เป็นแน่ ทว่ากลับไม่เคยเกิดขึ้น เห็นได้ชัดว่าอภินิหารนี้ไม่ง่ายดาย

ซูหมิงยืนอยู่กลางอากาศพลางมองมุมเทวรูปกลางน้ำวนยักษ์ เขาไม่ได้ยินเสียงนั้น ข้างหูเขามีเพียงเสียงเย็นชาของเทวรูป ในใจเกิดระลอกคลื่นยักษ์ หัวใจเต้นแรง สิ่งมีชีวิตทุกสรรพสิ่งที่นี่รวมถึงเทวรูป มีเพียงซูหมิงที่รู้ว่าเขาไม่ใช่หมานวายุอะไรเลย!

เขาไม่ใช่หมานวายุ หากใช่เขาคงจะรู้ตัวตั้งนานแล้ว หากใช่เขาคงไม่ต้องใช้เวลานานขนาดนั้นเพื่อฝึกฝนความเร็ว อีกทั้งยังไม่ต้องฝึกฝนร่างกายเพื่อความเร็ว

เขามั่นใจมากกว่า เขา…ไม่ใช่หมานวายุอะไรนั่น!

ทว่า…เทวรูปแกร่งกล้าที่ทำให้เขาเป็นเหมือนมดปลวกองค์นี้กลับกล่าวอย่างมั่นใจว่าเขาเป็นหมานวายุ

นี่จึงทำให้เขาหัวใจเต้นแรง นึกไปถึงแสงอ่อนจากเศษหินสีดำขณะจิตใจอันแน่วช่วยให้เขารวดเร็วขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเป็นสาเหตุให้กระดูกหมานละลาย

เป็นแสงอ่อนนั้นที่ทำให้ซูหมิงกลายเป็นสายลม ทำให้ความเร็วเขาทะยานข้ามผ่านขีดจำกัดเดิม

‘ตบตาอย่างนั้นรึ…ตอนนั้นมันเคยหลอกเทวรูปเขาทมิฬ ทำให้ข้าได้วิชาการฝึกหมานและเป็นนักรบหมาน…..ตอนนี้มัน…หลอกเทวรูปนี้อีกครั้ง!’ ซูหมิงตะลึงงัน รู้สึกเหลือเชื่อเล็กน้อย

‘หลอกเทวรูปนี้ให้มันคิดว่าข้าเป็นหมานวายุ?’ ขณะซูหมิงตื่นตะลึง มีเสียงเทวรูปวิญญาณหมานดังขึ้นอีกครั้ง

“เจ้าเป็นผู้สืบทอดหมานวายุคนแรก ตามเจตนารมณ์ของเทพหมานรุ่นหนึ่ง ขอมอบต้นกำเนิดวายุให้เจ้า…สิ่งนี้ไม่มีในโลก เทพหมานรุ่นหนึ่งทรงสร้างมันขึ้นด้วยตัวเอง…”

ขณะเสียงเทวรูปกังวาน มีแสงผลึกลอยมาจากในน้ำวนยักษ์ ตรงมาหาซูหมิง แล้วละลายเข้าไปในระหว่างคิ้ว เมื่อเข้าไปในร่างกายแล้วก็หลอมละลาย

ขณะเดียวกับที่มันละลาย ซูหมิงตัวสั่นเทา รู้สึกถึงสายลมในตัวเขา ความรุนแรงของสายลมทำให้เขาปากแห้ง

“เจ้าเป็นผู้สืบทอดหมานวายุคนแรก ตามเจตนารมณ์ของเทพหมานรุ่นหนึ่ง ให้มอบวิชาแยกวายุ…” เสียงเย็นชาดังกังวาน มีแสงผลึกอีกเส้นลอยมาจากในน้ำวน แล้วหายไปในระหว่างคิ้วของซูหมิง

“เจ้าเป็นผู้สืบทอดหมานวายุคนแรก ตามเจตนารมณ์ของเทพหมานรุ่นหนึ่ง ให้มอบผลึกแห่งผู้สืบทอด…..” ผลึกแห่งผู้สืบทอดนี้เป็นของล้ำค่าที่สุด มันเปล่งแสงสีฟ้าเข้ม ค่อยๆ ปรากฏจากในน้ำวน ก่อนมาอยู่ตรงหน้าซูหมิงราวกับจะหลอมรวมเข้าไป ทว่าช่วงที่มันสัมผัสกับหน้าผากซูหมิง ผลึกพลันสั่นไหวเหมือนจะถอยออก!

เวลาเดียวกัน น้ำเสียงจากเทวรูปวิญญาณหมานในน้ำวนพลันเปลี่ยนไป

“เจ้าไม่…..”

แทบจะพร้อมกันกับที่เทวรูปวิญญาณหมานกล่าว ซูหมิงพลันยกมือขวาขึ้นจับผลึกแห่งผู้สืบทอดที่กำลังจะถอย ขณะเดียวกันก็ตะโกนในใจอย่างร้อนรน

‘หลอกมัน!’ ผ่านประสบการณ์มาสองครั้ง ซูหมิงพอจะเข้าใจประโยชน์อีกอย่างของเศษหินสีดำแล้ว ยามนี้พอกล่าวขึ้นในใจ เศษหินก็เปล่งแสงอ่อนอีกครั้ง ขณะขยับแสงวิบวับ ซูหมิงนำผลึกแห่งผู้สืบทอดใส่ไว้ในถุงเก็บวัตถุอย่างเร็วรี่

“เจ้า…..เป็นหมานวายุ!”

ซูหมิงหัวใจเต้นแรง ยามนี้ตึงเครียดเล็กน้อย

เพราะหลังจากเทวรูปวิญญาณหมานมอบสมบัติหมานวายุให้หมดแล้ว ดวงตาเทวรูปเซ่นไหว้กระดูกร่างจริงใต้ฐานเทวรูปวิญญาณหมานก็เปล่งแสง

“เจ้าเป็นผู้สืบทอดหมานวายุ ตรงตามกฎที่หนึ่งของเซ่นไหว้กระดูกบัญญัติของเทพหมานรุ่นหนึ่ง ให้มอบ…..หม้อฮวงแดนใต้แก่เจ้า รีบมารับที่ราชวงศ์ต้าอวี๋…”

AC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!