Skip to content

สู่วิถีอสุรา 638

ตอนที่ 638 ทรงพลัง

หลังจากซุนซานตะโกนคาถาในใจ ร่างกายว่างเปล่าของเขาแผ่กลิ่นอายพลังชีวิตที่ถูกแผดเผาออกมา รอบตัวเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงตามกฎฟ้าดินอะไรบางอย่าง

การเปลี่ยนแปลงนี้เหมือนตอบสนองกับชั้นเมฆ ดารา และสายลมบนฟ้า รวมถึงลักษณะของพื้นดินเป็นต้น อีกทั้งวงแหวนอาคมจากเข็มแปดเล่มบนตัวซุนซานยังเชื่อมต่อหากันอย่างแนบแน่น

ราวกับว่าชั่ววินาทีนี้ ร่างซุนซานกลายเป็นหลุมมิติไร้รูปแห่งหนึ่ง หลุมมิตินี้เชื่อมกับพื้นดินบางแห่งที่ไกลออกไปไม่รู้กี่หมื่นลี้ มีผลให้ร่างซุนซานเป็นสื่อกลาง เชื่อมประสานกับมวลอากาศ แล้วกลายเป็นจุดที่ให้จิตแรกข้ามผ่านมา!

ซุนซานยิ้มเยาะในใจ เขามั่นใจว่าแผนนี้จะไม่พลาดอย่างแน่นอน เว้นแต่อีกฝ่ายจะไม่เชื่อตนเลยสักนิด จากนั้นขัดขวางตั้งแต่เริ่มแผนและสังหารตนทิ้งทันที มิเช่นนั้นแล้วขอแค่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เขามีความมั่นใจสิบส่วนว่าอีกฝ่ายต้องเดินเข้ามาในแดนมรณะที่ตนวางไว้อย่างแน่นอน

ทุกอย่างที่เขาทำก่อนหน้านี้ก็เพื่อช่วงเวลาสุดท้าย อาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายเพ่งความสนใจไปยังถ้ำที่เปิดออกมา ขอแค่ชั่วพริบตาเดียวก็พอแล้ว ต่อให้อีกฝ่ายสังเกตเห็นต่อจากนั้น มันก็ไร้ประโยชน์!

เพียงแต่ว่า…เรื่องทุกอย่างที่คิดไว้ ในความเป็นจริงมักไม่ได้ดั่งใจเสมอ อย่างเช่นตอนที่ซุนซานตะโกนเอ่ยคาถาในใจเพื่อเชิญจิตแรกของอาจารย์มาประทับร่างตนผ่านจุดเชื่อม ในสายตาของเขา ซูหมิงที่เดิมทีคิดว่าจะต้องมองประตูถ้ำอย่างแน่นอนกลับไม่เป็นอย่างที่คาดการณ์….อีกฝ่ายมองเขาอย่างเย็นชา

ในสายตาเย็นชามีแววเย้ยเยาะ พอซุนซานสังเกตแล้วก็พลันตัวสั่น ในความรู้สึกเขา สายตาซูหมิงคมประดุจกริชทะลวงผ่านร่างกายตน ราวกับว่าความลับทุกอย่างในใจเผยออกมาภายใต้สายตานั้น ไม่มีสิ่งที่ปิดซ่อนได้แม้แต่น้อย

‘เป็นไปไม่ได้ เขาไม่มีทางรู้ความคิดข้า ก่อนหน้านี้ข้าก็ไม่ได้เผยพิรุธใดๆ!’ หัวใจซุนซานเต้นตึกๆ เขาตัวสั่นระริก ทว่ายามนี้ไม่มีเวลาไปใคร่ครวญมากนัก เขาพลันยกสองมือขึ้น ทำสัญลักษณ์มือแล้วตบร่างอย่างแรงทีหนึ่ง

เสียงโครมดังขึ้น ซุนซานตัวสั่นไหวอย่างรุนแรง แรงกดดันมหาศาลปล่อยมาจากในร่างกายทันใด คล้ายกับว่าในร่างกายว่างเปล่ามีจิตสัมผัสเพิ่มมาเสี้ยวหนึ่ง จิตสัมผัสนั้นขยายตัวรวดเร็วจนกลายเป็นลักษณะของจิตแรก แล้วครอบครองร่างกายซุนซานเอาไว้

จนถึงตอนนี้ ซูหมิงไม่เข้าไปห้าม การทำแบบนี้ทำให้ซุนซานดีใจยิ่งนัก แต่ก็ยังมีความลังเลอยู่ ความรู้สึกว่าอ่านความคิดซูหมิงไม่ออกปรากฏขึ้นอีกครั้ง

“มาประทับเสร็จรึยัง” ซูหมิงกล่าวเสียงเบา

วินาทีที่กล่าว ซุนซานใจสั่นอย่างรุนแรง ความคิดที่ว่าตนมีโชคช่วยพังทลายจนหมดสิ้นในเวลานี้ เขาเข้าใจแล้ว อีกฝ่ายรู้ทันความคิดตนตั้งนานแล้ว แต่กลับยังปล่อยให้เขาทำพิธีอัญเชิญจนสำเร็จ ทุกอย่างนี้หากอีกฝ่ายไม่ใช่คนเขลา เช่นนั้นก็หมายความว่ามีความมั่นใจสูงยิ่ง!

ความมั่นใจนี้ ต่อให้ตนเชิญอาจารย์มาเยือน อีกฝ่ายก็มั่นใจว่ารับมือไหว!

แต่กว่าซุนซานจะรู้สึกตัวก็สายเกินไปเล็กน้อย ช่วงที่เพิ่งเกิดความคิดนี้ขึ้น สติเขาก็เกิดเสียงดังโครมแล้วหลับลึกไป อภินิหารสำแดงสำเร็จแล้ว จิตสัมผัสในร่างกายว่างเปล่ารวมขึ้นเป็นจิตแรกเรียบร้อย

เขาหลับตา ศีรษะเอียงลง กลิ่นอายพลังทั้งตัวหายตามจิตสำนึกไป ทว่าในขณะเดียวกัน แรงกดดันน่าสะพรึงกลัวก็เข้ามาแทนที่กลิ่นอายพลัง ก่อนปะทุออกมาจากในร่างกาย แต่จำกัดอยู่ในระยะพันจั้ง เห็นได้ชัดว่าไม่อยากปล่อยออกไปไกลนัก เพราะกลัวคนสำนักวิญญาณอสูรจะสังเกตเห็น

“เจ้าประมาทเสียจริง ไม่นึกเลยว่าจะมองดูข้ามาเยือน…บุญคุณนี้เจ้าจะให้ข้าตอบแทนอย่างไรดี” เสียงแหบแห้งดังเนิบช้ามาจากปากซุนซานที่ก้มหน้าอยู่ ตอนที่เอ่ยคำพลันลืมตา มีประกายปานสายฟ้าวูบวาบในนั้นยามเงยหน้าขึ้น

จากนั้นร่างกายเขาแก่ชราอย่างรวดเร็วในระดับสายตา แทบจะชั่วพริบตาเดียว สิ่งที่อยู่ตรงหน้าซูหมิงไม่ใช่ซุนซานวัยหนุ่มอีก แต่เป็นชายชรา ให้ความรู้สึกว่าผ่านโลกมาอย่างโชกโชน ผิวหนังเต็มไปด้วยรอยย่น เส้นผมกลายเป็นสีเทา กลิ่นอายพลังแก่กล้าที่ไม่ใช่ของซุนซานแผ่มาจากร่างกายเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ

“หากจะตอบแทน เช่นนั้นก็บอกข้ามาว่าวิชาซ่อนดวงตาสำเร็จโทษของเจ้าผสานรวมได้กี่เต๋าแล้ว” ซูหมิงมีสีหน้าปกติโดยตลอด ก่อนกล่าวเสียงเบา

มีเสียงกึกๆ ดังมาจากร่างซุนซาน พบว่าอาจารย์ของเขาค่อยๆ ยืนขึ้น ดวงตาแวววาวจ้องซูหมิงปานสายฟ้า แล้วพลันส่งเสียงหัวเราะ

“ที่แท้ก็ละโมบอยากได้วิชาซ่อนดวงตาสำเร็จโทษของสำนักซ่อนมังกร ข้าผสานรวมได้หกเต๋า!” ระหว่างที่ชายชราเอ่ย เขาเดินหน้าไปหาซูหมิงหนึ่งก้าว วินาทีที่ก้าวเหยียบบนอากาศก็พลันมีระลอกคลื่นรุนแรงกระจายเป็นวงกว้างจากใต้ฝ่าเท้า ประหนึ่งว่าเปลี่ยนมวลอากาศให้เป็นผิวน้ำ ส่วนเท้าข้างหนึ่งที่ก้าวเดินเป็นหินสร้างคลื่นกระเพื่อม

ระลอกคลื่นดูเหมือนธรรมดา ทว่าความจริงแล้วในทุกระลอกคลื่นล้วนแฝงไว้ด้วยพลังของชายชรา ยามนี้มันกระจายเป็นวงกว้าง ทันทีที่เข้าใกล้มาหา ซูหมิงก็เดินหน้าหนึ่งก้าวเช่นกัน

ช่วงที่เหยียบลงเกิดระลอกคลื่นกระจายออกแบบเดียวกันตรงเข้าไปหาคลื่นของชายชรา ครั้นพวกมันปะทะกันก็เกิดเสียงดังสนั่นอย่างต่อเนื่อง ชายชราร้องออกมา ร่างโซเซถอยไปหลายก้าว ก่อนเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป

“ขั้นวิญญาณหมานสมบูรณ์!” ชายชราหรี่ม่านตา

“ขั้นทรงอำนาจตอนต้น!” ซูหมิงตัวสั่น ทว่าไม่ได้ถอยไป เขามองชายชราแล้วกล่าวอย่างเนิบช้า

“เจ้าคือหมานหยา? อู๋ซวง เสวี่ยซา เทียนฉี่ หรือชื่อเหลยเทียนปลอมตัวมา?” ชายชราจ้องซูหมิง กล่าวนามห้าชื่อในรวดเดียว ในห้าคนนี้ ชื่อเหลยเทียนคุ้นหูซูหมิง ส่วนอีกสี่คนที่เหลือไม่เคยได้ยินมาก่อน

แต่ชื่อที่ชายชราเอ่ยออกมาหลังจากรู้ว่าซูหมิงอยู่ขั้นวิญญาณหมานสมบูรณ์ แน่นอนว่าต้องมีขั้นพลังเหมือนกัน!

‘ห้าคนนี้น่าจะเป็นขั้นวิญญาณหมานสมบูรณ์ในเผ่าหมานแห่งแผ่นดินรกร้างบูรพา ในนั้นนอกจากชื่อเหลยเทียนแล้ว ยังมีอีกคนหนึ่งที่น่าจะเป็นบรรพชนของสำนักเวไนยสัตว์ที่เคยต่อสู้กับข้าบนทะเล’

ซูหมิงไม่ตอบคำถามนี้ แต่เมื่อก้าวเท้าไป ดวงตาเขาวาววับแล้วก้าวเดินอีกครั้ง วินาทีที่เหยียบพื้น พลังมหาศาลปะทุมาจากร่างกายก่อนผสานรวมเข้าไปในเท้า ส่งผลให้เมฆลมบนท้องฟ้าในระยะพันจั้งเปลี่ยนสีแล้วปรากฏน้ำวนยักษ์ขึ้น

ขณะเดียวกันยังมีเท้ายักษ์ข้างหนึ่งเผยขึ้นกลางอากาศ หนึ่งก้าวนี้คืออภินิหารเจ็ดก้าวแห่งเทพหมาน!

อาจารย์ของซุนซานหรือชายชราผู้นี้ถอยไปอย่างรวดเร็ว ยามนี้นึกด่าในใจ ครั้งนี้เขาส่งจิตแรกมา มิใช่ร่างจริง แต่หากจิตแรกได้รับบาดเจ็บหรือสลายไป สำหรับเขาแล้วมันคือหายนะ

เขานึกไม่ถึงเลยว่าศิษย์เรียกตนมาในครั้งนี้ จะต้องเจอกับศัตรูผู้แข็งแกร่งขั้นวิญญาณหมานสมบูรณ์ซึ่งเทียบเท่ากับขั้นทรงอำนาจสมบูรณ์ หากรู้ว่าจะเป็นอย่างนี้แต่แรก เขาคงไม่สนว่าศิษย์คนนี้จะเป็นตายอย่างไร ต่อให้ศิษย์คนนี้มีคุณสมบัติตามหามังกรที่หายากก็ตาม

ต่อให้ที่นี่มีกลิ่นอายหินแสงสว่างหยางอยู่จนทำให้เขามองข้ามสิ่งอื่นไป ทว่าหากต้องมาเจอกับเผ่าหมานขั้นวิญญาณหมานสมบูรณ์ เขามองว่ามันไม่ค่อยคุ้มค่า!

ศิษย์ก็ดี หินแสงสว่างหยางก็ดี ถึงอย่างไรของเหล่านี้ก็ล้วนเป็นสิ่งนอกกาย อีกทั้งหินแสงสว่างหยางของที่นี่ไม่มีจิตวิญญาณของเขา เลยไม่ต้องกังวลเรื่องอันตรายใดๆ

ขณะร่นถอยด้วยสีหน้าตึงเครียด เขายกสองมือขึ้นแล้วกัดปลายลิ้นพ่นโลหิต ก่อนสองมือทำสัญลักษณ์ชี้ไป โลหิตกลุ่มนั้นพลันกระจายออก สร้างเป็นร่างเงาโลหิตตรงไปข้างหน้า

ชั่วขณะที่ร่างเงาโลหิตเคลื่อนไปข้างหน้ากลับกลายเป็นสองตน แล้วขยับอีกครั้งให้กลายเป็นสี่ตน จนกระทั่งปรากฏร่างเงาโลหิตเกือบร้อยตนตรงไปหาซูหมิง กรูกันเข้าไปหาเท้าใหญ่ที่กำลังเหยียบลงมาจากฟ้า

ซูหมิงไม่หยุดเดิน เขาก้าวเดินติดกันเจ็ดก้าว หลังจากนั้นฟ้าดินส่งเสียงเลื่อนลั่น ระลอกคลื่นแรงปะทะรุนแรงก็แผ่กระจายออกรอบตัวซูหมิง ภายใต้เสียงดังสนั่นหวั่นไหว อาจารย์ของซุนซานหน้าซีดขาว ร่างกระเด็นถอยไปอย่างรวดเร็ว ตรงมุมปากมีโลหิตไหล สีหน้าดูหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม

‘ไม่ใช่วิญญาณหมานสมบูรณ์ แต่เป็นครึ่งก้าวของการสร้างชะตา! เทียบเท่าหยินพร่องหยางเด่น!’ (อยู่ระหว่างก้าวที่หนึ่งกับก้าวที่สองของขั้นพลังเผ่าเซียน) ชายชราร่นถอยอย่างไม่ลังเล เขาไม่มีใจอยากสู้ต่อแล้ว ความคิดตอนนี้คือทิ้งระยะห่างและหาโอกาสออกจากร่างนี้ไป!

ทว่าถอยไปไม่ถึงหลายสิบจั้ง ซูหมิงก็พุ่งออกมาจากแรงปะทะปานลูกธนู หลังพุ่งมาในชั่วพริบตาเดียวจึงยกมือขวาขึ้น มีควันดำลอยมาจากมวลอากาศรอบๆ แล้วรวมขึ้นเป็นทวนฝังอสูร ก่อนคว้าเอาไว้ในมือแล้วปาออกไปตรงหน้า

เสียงเล็กแหลมดังขึ้น ทวนฝังอสูรกลายเป็นสายรุ้งยาวสีดำตรงไปหาชายชรา ชายชราหรี่ตาอีกครั้ง เขาเสียเปรียบตรงที่มาเยือนครั้งนี้ไม่มีของวิเศษติดตัว กำลังรบก็ห่างมากเกินไป ยามนี้เห็นทวนตรงเข้ามาใกล้ เขาพลันยกสองมือขึ้นทำสัญลักษณ์มือพิลึกคล้ายๆ ขวดล้ำค่าแล้วผลักออกไปข้างหน้า

ทันใดนั้น ตรงหน้าเขาปรากฏขวดล้ำค่าเปล่งประกายหนึ่งขวด มันพลันเข้าปะทะกับทวนยาว ท่ามกลางเสียงระเบิด ขวดล้ำค่าแตกกระจาย ทว่าทวนยาวกลับทะลวงต่อไปแล้วเฉือนผ่านแขนขวาชายชราในพริบตา

ท่ามกลางเสียงดังสนั่นหวั่นไหว แขนขวาชายชราฉีกขาดเป็นแผลเหวอะหวะ เขาใบหน้าซีดขาวยิ่งกว่าเดิม แต่ก็ยังกัดฟันถอยไปอีกครั้ง ทุกก้าวที่เหยียบลง กลิ่นอายพลังในตัวเขาจะลดลงเล็กน้อย

“หกก้าวหวนคืนวิญญาณ!” ยามนี้ชายชราไม่มีใจคิดสู้อีก ความคิดเดียวในตอนนี้คือให้จิตหวนคืนสู่สำนักซ่อนมังกร หลังจากถอยมาสามก้าว กลิ่นอายพลังเขาหายไปมากกว่าครึ่ง ขณะกำลังถอยก้าวที่สี่ ซูหมิงก็เข้ามาใกล้แล้ว!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!