Skip to content

สู่วิถีอสุรา 639

ตอนที่ 639 แมงเม่าบินเข้ากองไฟ

ซูหมิงเร็วกว่าชายชราเล็กน้อย ยามนี้ตรงเข้ามาใกล้ปานสายรุ้งยาว นัยน์ตาชายชราที่ควบคุมร่างซุนซานขยับประกาย แม้ขาดอีกสามก้าวจิตแรกก็จะออกจากร่างนี้ได้ แต่ด้วยความเร็วของอีกฝ่าย สามก้าวนี้กลับเป็นไปไม่ได้เลย

เขาหน้าซีดขาว ไม่ว่าจะวางแผนอย่างไรก็หาทางรอดไม่พบ ไม่มีของวิเศษ ไม่มีของป้องกัน ขั้นพลังเทียบไม่ติดกับอีกฝ่าย กำลังรบก็เช่นกัน เวลานี้ความโอหังตอนมาเยือนก่อนหน้าหายไปจนหมดสิ้น แล้วแทนที่ด้วยความสิ้นหวัง

ภายใต้ความสิ้นหวังนี้ เหมือนว่าตรงหน้าเขาจะมีอยู่เส้นทางเดียว!

ระเบิดตัวเอง!

จิตแรกระเบิดตัวเอง ร่างจริงในสำนักซ่อนมังกรจะต้องเจอกับหายนะ ขั้นพลังจะถดถอยอย่างมาก เพื่อแลกกับอาการบาดเจ็บของอีกฝ่าย ทว่าเรื่องนี้…เขาไม่ยอม!

วิธีนี้ไม่มีอะไรดีกับเขาเลย ชายชราในยามนี้แค้นซุนซานศิษย์ที่เรียกตนมาแบบที่เรียกว่าเข้ากระดูกดำ!

‘สมควรตาย หรือว่าข้าต้องระเบิดตัวเองจริงๆ!’ ชายชราสิ้นหวัง หากไม่จำเป็นจริงๆ เขาจะไม่เดินทางนี้เด็ดขาด สำหรับเขาแล้วมันเป็นเรื่องที่รับไม่ได้

ต่อให้อีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัส ทว่าร่างจริงก็ขั้นพลังถดถอยเช่นกัน เกรงว่าจะกลับแดนเซียนไม่ได้ กระทั่งมีความเป็นไปได้สูงมากที่จะตายไปในเหตุจลาจลต่อมา

เรื่องนี้เขาแทบจะคาดเดาได้เลย โดยเฉพาะหากขั้นพลังร่วงหล่น ในสำนักซ่อนมังกรมีคู่อริเขาอยู่ เกรงว่าหากไม่ระวังจุดจบคงอนาถอย่างยิ่ง

กลืนไม่เข้าคายไม่ออก!

ความคิดนี้เขียนบรรยายอยู่ในใจชายชรา ทุกอย่างในความคิดเกิดเพียงชั่วพริบตาเดียว ก็เห็นซูหมิงเข้ามาใกล้เรื่อยๆ คาดว่าช่วงที่ตนเดินก้าวที่สี่ อีกฝ่ายคงจะตามมาทันแล้ว

‘ทำอย่างไรดี!’ ชายชราเบิกตากว้าง ตรงหน้าผากมีเม็ดเหงื่อซึมออกมา ช่วงที่สีหน้าดูร้อนรนและคิดจะยอมแลกทุกสิ่งอย่างบ้าคลั่ง ในความคิดพลันมีสายฟ้าวูบผ่านดังเปรี้ยง

‘วิชาซ่อนดวงตาสำเร็จโทษ! ใช่แล้ว ประโยคแรกที่คนผู้นี้เอ่ยเมื่อเห็นข้าคือถามเรื่องวิชาซ่อนดวงตาสำเร็จโทษ!’ ชายชราฝึกมาถึงขั้นทรงอำนาจ สติปัญญาย่อมไม่ธรรมดา หลังจากเกิดความคิดนี้เขาก็พลันเข้าใจในทันที

ความเข้าใจนี้มาพร้อมกับความขมขื่นในใจ

‘บุคคลผู้นี้มีแผนการลึกเกินหยั่ง เผ่าหมานมีคนแบบนี้อยู่ จะต้องเป็นศัตรูตัวฉกาจของเผ่าเซียนอย่างแน่นอน…’

‘ที่เขารอข้ามาเยือนก็เพื่อวิชาซ่อนดวงตาสำเร็จโทษแห่งสำนักซ่อนมังกร ไม่รู้ว่าเขาได้ยินชื่อวิชานี้มาจากที่ใด ดูแล้วเหมือนจะเข้าใจดียิ่งด้วย และยังรู้ว่าใครใช้ได้บ้าง!

ศิษย์ข้าคนนั้น เขาต้องเคยถามแล้วแน่ๆ และก็ไม่น่าจะพอใจกับคำตอบ เมื่อครู่เลยให้ข้ามาเยือน ทุกอย่างคือแผนการของเขา ซุนซานไม่ได้สังเกตเลยสักนิด

เขาจงใจให้ข้ามาเยือนแล้วก็ถามประโยคเดิมอีกครั้ง ความจริงแล้วเขาคำนวณผลเอาไว้แล้ว คาดเดาไว้ว่าข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้และต้องเลือกหนีไป มิหนำซ้ำยังคำนวณไว้แล้วว่าตอนนี้ข้าจะต้องสับสนดิ้นรน และจะต้องนึกถึงประโยคแรกที่เขาพูดกับข้าในยามนี้

เรื่องนี้ชัดเจนแล้ว เขาไม่ยอมให้ข้าระเบิดตัวเองเพื่อบาดเจ็บโดยเปล่าประโยชน์ เขาปล่อยข้าไปได้ ทว่าราคาต้องจ่ายคือ….วิชาซ่อนดวงตาสำเร็จโทษ!’

ชายชราเจ็บปวดใจ ทั้งยังมีสีหน้าเด็ดขาด ชั่ววินาทีที่ซูหมิงเข้ามาใกล้ เขาพลันยกมือขวาสะบัดไปข้างหน้า

“เก้าเต๋าซ่อนมังกร ใบไม้ร่วงเก็บเหมันต์ซ่อน!” ชายชรากล่าวเสียงกังวานทันใด เมื่อสะบัดมือไป ในดวงตาขวากลายเป็นขุ่นมัว

“แปดเต๋าซ่อนมังกร เก็บซ่อนความลับ!” เขาเอ่ยอย่างรวดเร็วพลางเปลี่ยนสัญลักษณ์มือขวา แล้วชี้ไปยังดวงตาขวา ฉับพลันนั้นดวงตาขวาที่ขุ่นมัวเหมือนรวมความขุ่นมัวไว้ตรงกลาง ตรงริมขอบเลยดูชัดเจนขึ้น

“เจ็ดเต๋าซ่อนมังกร ซ่อนรูปอำพรางเงา!” หลังจากกล่าวอย่างต่อเนื่อง เขาเดินถอยหลังในก้าวที่สาม กลิ่นอายพลังลดน้อยลงอีกครั้ง ขณะเดียวกันความขุ่นมัวกับชัดเจนในดวงตาขวาผสานรวมกัน ทำให้ตอนที่มองไปมันปกคลุมดวงตาขวาเขาไว้ เหมือนว่าดวงตาข้างนั้นถูกซ่อน คล้ายกับซ่อนรูปอำพรางเงา!

“หกเต๋าซ่อนมังกร อัคคีซ่อนในอาภรณ์!” ชายชรายกมือขวาเปลี่ยนสัญลักษณ์มืออีกครั้ง เมื่อเหมือนมีแสงไฟวูบวาบอยู่ในแขนเสื้อ ตาขวาเขาพลันเปล่งแสงเปลวเพลิง ขณะแสงเพลิงขยับวูบไหว ดวงตากลายเป็นเพลิงแผดเผา อีกทั้งพลันสูบแสงเพลิงในแขนเสื้อเข้ามา มองดูแล้วชายชรามีเปลวเพลิงหมุนวนอยู่ตรงหน้า แล้วรวมเข้าไปในดวงตาขวาพร้อมกัน

ยามนี้ดวงตาขวาของเขาขุ่นมัว ชัดเจน มีเปลวเพลิงและมายารวมสี่รูปแบบ พวกมันตัดสลับกันอย่างต่อเนื่องสร้างเป็นภาพประหลาดชวนเขย่าขวัญ!

“สามเต๋าซ่อนมังกร พยัคฆ์หมอบซ่อนมังกร!” ชายชราตะโกนเสียงต่ำพลางถอยก้าวที่ห้า เมื่อเหยียบลงไปกลิ่นอายพลังในตัวเขาเบาบางถึงขีดสุด จิตแรกในร่างกายปั่นป่วนยิ่งขึ้น เหมือนจะกลายเป็นจิตสัมผัสได้ทุกเมื่อ

เขากล่าวพลางเปลี่ยนสัญลักษณ์มือซ้าย ตรงหน้าปรากฏเสี้ยวเงาปางมือจำนวนมาก มองไปแล้วเหมือนหมอกกระจายอบอวล มีเสียงคำรามมังกรดังแว่วมาจากในเสี้ยวเงาปางมือที่หมุนวนเหล่านั้น ปางมือเหล่านี้เชื่อมเข้าด้วยกันแล้วรวมเป็นมังกรซึ่งกำลังคำรามตัวหนึ่ง

แทบเป็นขณะเดียวกับที่มังกรปรากฏกาย ในดวงตาขวาชายชรามีเส้นเลือดฝอย เส้นเลือดพวกนั้นตัดสลับกันและรวมขึ้นเป็นคำว่าราชา (王) อย่างชัดเจน!

ชั่ววินาทีที่อักษรคำว่าราชารวมขึ้นจากเส้นเลือด มังกรคำรามตรงหน้าเขาทะลวงเข้าไปในดวงตาขวาแล้วผสานรวมกับคำว่าราชานั้น

“สองเต๋าซ่อนมังกร ซ่อนลึก…ปานมายา!” ชายชราตะโกนเสียงดัง เส้นเลือดฝอยในดวงตาขวา ตรงใจกลางเป็นมังกร รอบนอกเป็นคำว่าราชา ตรงริมขอบดวงตาเป็นภาพสัญลักษณ์ผังแปดทิศ ทั้งยังมีแสงโลหิตเผยออกมา ทำให้ดวงตาขวาดูประหลาดพิลึก

ทันทีที่ชายชรายกเท้าถอยก้าวที่หก เขาเอามือขวาล้วงเข้าไปในเบ้าตาโดยไม่สนความเจ็บปวด ก่อนกระชากดวงตาขวาออกมาจากเบ้า แล้วโยนให้ซูหมิงที่กำลังเคลื่อนมาอย่างเนิบช้าทั้งสีหน้าเรียบเฉย

“เรื่องในวันนี้เป็นข้าที่บุ่มบ่ามไปเอง ในเมื่อมอบซ่อนดวงตาสำเร็จโทษให้แล้ว ข้าขอลาก่อน!” ชายชราเหยียบก้าวที่หกลง แม้จะเข้าใจความคิดอีกฝ่ายและทำตามความคิดนั้นแล้ว แต่ก็ยังกังวลว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจ ยังคงเฝ้าระวังตลอด หากฝ่ายนั้นทำอะไร เขาจะระเบิดตัวเองทันที

ขณะเดียวกับที่ชายชราถอยก้าวที่หก ซูหมิงรับดวงตาขวาเอาไว้แล้วมองยังชายชรา จิตแรกในร่างกายเขากลายเป็นจิตสัมผัสแล้ว ฉับพลันนั้นก็เหมือนว่าร่างซุนซานว่างเปล่า จิตสัมผัสถูกสูบจนหายไป เห็นได้ว่าเขาออกจากร่างซุนซานแล้ว ก่อนจะใช้จุดเชื่อมต่อกลับไปยังสำนักซ่อนมังกรที่ห่างจากที่นี่ไปไม่รู้กี่หมื่นลี้

ร่างซุนซานที่เสียจิตแรกของชายชราล้มลงกับพื้น ขณะหมดสติยังตัวสั่นระริก มุมปากมีโลหิตไหล พยายามลืมตาภายใต้กลิ่นอายพลังอ่อนแอ ทว่าเปลือกตาเพียงสั่นไหวก็สูญเสียพละกำลังทั้งหมดไป พอหลับตาลงอีกครั้งถึงสิ้นใจในที่สุด

การตายของเขาไม่ใช่ตายด้วยมือซูหมิง แต่เป็นความแค้นของอาจารย์เขาเอง ก่อนจากไปก็ดึงเอาพลังชีวิตเส้นสุดท้ายไปด้วย

ซูหมิงมองวิชาดวงตาสำเร็จโทษในมือแวบหนึ่ง เหตุที่เขาต้องการสิ่งนี้ นอกจากเคยเห็นประโยชน์ของมันตอนหงหลัวควบคุมร่างกายแล้ว ที่สำคัญกว่าคือในความทรงจำที่ส่งต่อมาของหงหลัว เขารู้ว่าวิชาซ่อนดวงตาสำเร็จโทษเป็นวิชาพิลึกโบราณของสำนักซ่อนมังกร สามารถทำลายผนึกได้มากมาย

เพียงแต่ว่าวิชานี้มีผลเสียอยู่เล็กน้อย ไม่ใช่เพียงแค่ตัวเองที่ฝึกฝนเองได้เท่านั้น ยังแย่งชิงมาจากคนอื่นได้ด้วย วิธีก็เหมือนกับเมื่อครู่ หากดวงตาขวาของผู้ฝึกฝนวิชานี้ถูกชิงไป ฝ่ายนั้นจะสูญเสียข้อดีของวิชาดวงตานี้ แต่ก็มีวิธีแก้ไขอยู่ นั่นคือชิงมาจากคนอื่นอีกครั้ง

เรื่องนี้ซูหมิงไม่ค่อยรู้แจ้งมากนัก เขารู้เพียงคร่าวๆ

ยามนี้เขาสะบัดมือซ้ายไปทางศพซุนซาน ร่างศพพลันกลายเป็นธุลีปลิดปลิว มีเพียงถุงเก็บวัตถุใบหนึ่งลอยมาหาซูหมิง เมื่ออยู่ในมือแล้วก็เก็บเข้าอกเสื้อ ก่อนมองไปยังแผ่นดินภูเขารกร้างด้านล่าง

ภูเขารกร้างตอนนี้เป็นซากที่ราบเป็นหน้ากลองแล้ว การต่อสู้เมื่อครู่ทำให้ที่นี่พังทลายหมด มีเพียงภูเขารกร้างลูกที่สามที่ยังเหลืออยู่เกือบครึ่ง เพราะมันมีผนึกป้องกันอยู่

ซูหมิงมองผนึกนั้น ขณะกำลังจะก้าวเดินก็พลันหน้าเปลี่ยนสี เงยหน้ามองไปทางหุบเขาพันวารีที่อยู่ไกลออกไปแวบหนึ่ง แม้ระลอกคลื่นที่นี่จะจำกัดอยู่ในระยะพันจั้ง ทว่าตอนที่อาจารย์ซุนซานจากไป พลังฟ้าดินที่เหนี่ยวนำไม่ใช่พันจั้งอีก ฉะนั้นผู้แข็งแกร่งสำนักวิญญาณอสูรจึงสังเกตเห็นทันที

นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกาย เขาก้าวเดินมาปรากฏตัวอยู่นอกประตูถ้ำที่มีแสงพร่างพราวปกคลุม ก่อนยกมือขวาที่ถือดวงตาสำเร็จโทษกดไปข้างหน้า ฉับพลันนั้นดวงตาสำเร็จโทษเปล่งแสงพิลึก มีเสียงคำรามของมังกรและพยัคฆ์ดังมาจากข้างใน สัญลักษณ์ผังแปดทิศปรากฏขึ้น เส้นเลือดฝอยในดวงตาเหมือนกำลังใช้พลังอยู่ แทบจะชั่วพริบตาเดียวก็ได้ยินเพียงเสียงกึกๆ จากนั้นลำแสงนอกถ้ำพลันหายไป

ประตูใหญ่ของถ้ำเปิดออกอย่างช้าๆ ยามที่มีแสงสว่างลอดมาจากข้างใน กลิ่นอายหยางพลันกระจายออก ซูหมิงเพิ่งรู้สึกถึงกลิ่นอายนี้ ร่างกายเขาก็แห้งเหี่ยวลงอย่างรวดเร็วทันตา ทว่าเขาไม่ตื่นตระหนก ดวงตากลับเปล่งประกาย

กลิ่นอายพลังนี้เขาคุ้นเคยเล็กน้อย มันคือความรู้สึกเดียวกันกับยามกระบี่โบราณทองสัมฤทธิ์บินขึ้นไปอยู่กลางท้องฟ้ากระจ่างดาวนอกน้ำวนตอนเขาอยู่ในโลกเก้าหยิน

เมื่อประตูใหญ่ถ้ำเปิดอย่างสมบูรณ์ บนฟ้าไกลออกไปมีสายรุ้งยาวตรงเข้ามาหลายเส้น ซูหมิงมองไปในถ้ำ ในนั้นมีของสิ่งหนึ่งลอยอยู่กลางอากาศ

มันเป็นหินขนาดเท่ากำปั้น ทุกส่วนเป็นสีทอง แสงจากตัวมันให้ความรู้สึกอบอุ่นดุจแสงตะวัน แต่สำหรับซูหมิงแล้ว แสงและกลิ่นอายนี้กลับเหมือนยาพิษ ทำให้ร่างกายเขาแห้งเหี่ยวเป็นวงกว้าง!

“หินแสงสว่างหยาง!” ผิวหนังซูหมิงเต็มไปด้วยรอยย่น ในไม่กี่ลมหายใจสั้นๆ รูปร่างเขาเหมือนข้ามผ่านมาหนึ่งชีวิต พลังมรณะเข้มข้นกระจายมาจากร่าง เมื่อสัมผัสกับแสงจากหินแสงสว่างหยางแล้วมันกลับหายไปอย่างรวดเร็วประดุจหิมะละลาย

ซูหมิงเกิดความลังเลในชั่วพริบตา ทว่าก็แค่ชั่วพริบตาเดียว จากนั้นจึงเผชิญหน้าแสงสว่างที่มีผลให้ร่างเขาสลายไปอย่างไม่ลังเล มุ่งหน้าไปยังหินนั้น เขาในตอนนี้เหมือนกับแมงเม่าบินเข้ากองไฟ!

ชั่วขณะที่คว้าหินแสงสว่างหยาง มือขวาเขามีควันดำลอยขึ้นจำนวนมาก ความเจ็บปวดถึงจิตวิญญาณทำให้ซูหมิงแทบทนไม่ไหว แต่เขากลับกำเอาไว้ไม่ยอมปล่อยมือ กระทั่งยังกำเอาไว้แน่นกว่าเดิม!

“ซูหมิง หากหินก้อนเล็กแค่นี้ยังทนไม่ไหว เจ้าจะมีหน้าสาบานได้อย่างไรว่าจะออกไปจากแดนมรณะหยินนี้!” ซูหมิงตะโกนถามตัวเองด้วยใบหน้าซีดขาว ระหว่างที่สายรุ้งหลายเส้นกำลังเข้ามาใกล้ เขาคว้าหินเอาไว้พร้อมกับเคลื่อนย้ายชั่วพริบตาจากไป!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!