Skip to content

สู่วิถีอสุรา 662

ตอนที่ 662 คำสาปขานรับ!

เส้นผมยาวของซูหมิงปลิวไสว เขายืนอยู่กลางอากาศ ใบหน้าขาวซีด ทว่านัยน์ตาเป็นขยับประกาย ดูรวมๆ แล้วกลายเป็นจุดเด่นตาที่สุดในที่แห่งนี้

ตอนนี้ซูหมิงเหมือนเป็นคนโปรดของแผ่นดินหมาน ทั่วแผ่นดินหมานล้วนสั่นไหวตามจิตใจเขา หากเขาไม่พอใจมันจะพิโรธ หากเขาอยากสังหารมันจะร้องคำราม

นี่คืออภินิหารที่ส่งผลกระทบถึงทั้งแผ่นดินหมาน วิชานี้เป็นสิ่งที่คนหลายหมื่นคนโดยรอบเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกในชีวิต อีกทั้งชั่ววินาทีนี้ยังทำให้พวกเขาเกิดความเย็นเยียบในใจ มีความรู้สึกว่าไม่เข้ากับดินแดนแห่งนี้

ดินทรายบนพื้นดินหมุนตลบ ประหนึ่งว่าเซียนหลายหมื่นคนขวางเส้นทางของมันอยู่ สายลมนี้พัดผ่านไปรอบๆ ดูเหมือนเบา แต่ความจริงช่วงที่พัดผ่านร่างเซียนหลายหมื่นคนมันกลับรุนแรงขึ้น

ชั้นเมฆไกลออกไปลดระดับลงมามาก ขณะเดียวกับที่ให้ความรู้สึกอึมครึมแก่ทุกคน น้ำวนสีโลหิตจำนวนมากบนฟ้าหมุนโคจร ภายใต้การโคจรที่น่าตะลึงนั้น มีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวแว่วออกมา คล้ายกับเสียงคำรามของแผ่นดินหมาน

เสียงคำรามมาจากน้ำวนบนฟ้า มาจากสายลม มาจากชั้นเมฆ และมาจากดินบนพื้น มาจากเทือกเขาทั้งหมด สายน้ำ ทะเลทรายรกร้าง ที่ราบ และยังมีสิ่งชีวิตนับไม่ถ้วนอีกมากในโลกใบนี้ ทั้งที่ตายไปแล้วก็ดี หรือตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่ก็ดี เหมือนว่าทุกอย่างในแผ่นดินหมานผสานรวมเข้ากับเสียงคำรามนั้น

ท่ามกลางเสียงคำรามจะได้ยินเสียงสะอื้นไห้ของทารก เสียงกรีดร้องอย่างอาฆาตแค้นของสตรี เสียงตะโกนด้วยความเกรี้ยวโกรธของบุรุษ เสียงคำรามเล็กแหลมของสัตว์ร้าย และยังมีเสียงต้นไม้ถูกสายลมพัดผ่าน

ทั้งยังมีเสียงกระทบกันของแม่น้ำและภูเขา เสียงครึกโครมของที่ราบ เสียงเทือกเขาถล่มลง รวมถึงเสียงคลื่นทะเลมรณะ ทุกอย่างล้วนแฝงอยู่ในเสียงคำรามจากท้องฟ้าเผ่าหมาน

ท่ามกลางเสียงคำรามดังกึกก้องเหมือนมีอีกเสียงหนึ่งที่หูไม่ได้ยินแต่รู้สึกได้ดังมาจากข้างใน มันก็คือจิตใจแน่วแน่ไม่อาจบรรยายหลังการผสานรวมเสียงทุกอย่างของเผ่าหมาน

“ไสหัวออกไปจากเผ่าหมาน!”

ยามนี้เอง จิตใจแน่วแน่ที่ไร้รูปในเสียงคำรามนั้นหลั่งทะลักไปทางเซียนทุกคนบนแดนหมาน เหมือนกับว่าเซียนกลุ่มนี้…กำลังจะถูกโลกหมานทั้งใบขับไล่!

ประหนึ่งว่ามันถูกกดขี่มาหลายหมื่นปี แต่ก็ต้องอดทนมาโดยตลอด จนถึงตอนนี้เหมือนจะทนไม่ไหวและจะไม่ทนอีกต่อไป จึงปะทุขึ้นเพื่อขับไล่เผ่าเซียนทุกคน!

สำนักเซียนก็ดี สำนักอสูรก็ดี ผู้ฝึกฌานทั้งหมดล้วนหน้าเปลี่ยนสีอย่างรวดเร็ว กระทั่งจี๋อั้นที่กำลังสู้กับตี้เทียนในชุดคลุมทองยังหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง แล้วพลันมองไปยังซูหมิง

เวลานี้เป็นช่วงที่ซูหมิงยกมือขวาชี้นิ้วไปยังตี้เทียนในชุดคลุมม่วงพอดี

ตี้เทียนชุดคลุมทองหรี่ม่านตา ชั่วขณะที่จี๋อั้นกำลังตื่นตะลึงกับนิ้วซูหมิงที่สร้างเสียงคำรามของแผ่นดินหมาน ตี้เทียนชุดคลุมทองพลันเดินหน้าหนึ่งก้าวตรงไปหาซูหมิง!

‘เสียงรวมเป็นหนึ่ง…นี่คือเสียงรวมเป็นหนึ่ง! มันคือเสียงก้องกังวานของทั้งแผ่นดินหมานเพื่อเด็กคนนี้!’ จี๋อั้นสูดลมหายใจเข้าลึก เขาสังเกตเห็นว่าตี้เทียนไปแล้ว หลังลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็ล้มเลิกความคิดจะขวางไว้

ถึงอย่างไรเขาก็เป็นหนึ่งในเผ่าเซียน….เรื่องเสียงรวมเป็นหนึ่งนี้น่ากลัวเกินไปสำหรับเขา เขาไม่เคยได้ยินว่ามีใครทำให้ฟ้าดินส่งเสียงรวมเป็นหนึ่งได้ เรื่องแบบนี้บางทีอาจมีเพียงเทพหมานรุ่นหนึ่งในตอนนั้นที่ทำได้กระมัง?

“ต่อให้เป็นประมุขแห่งฟ้าดินก็ไม่อาจเหนี่ยวนำให้เสียงรวมเป็นหนึ่งได้ ต่อให้เป็นผู้แกร่งที่สุดของหนึ่งเผ่าก็ไม่มีทางเหนี่ยวนำให้เกิดเสียงรวมเป็นหนึ่งได้…..หรือว่า…” จี๋อั้นพลันหรี่ตาลงมอง

ตี้เทียนในชุดคลุมทองตรงเข้ามาก็แก้ไขความจริงที่กำหนดไว้ไม่ได้แล้ว ฉับพลันนั้นเอง ซูหมิงชี้นิ้วไปยังตี้เทียนชุดคลุมม่วงที่อยู่ไกลๆ

ครั้นชี้ไป นัยน์ตาซูหมิงดูเหนื่อยล้าอย่างยิ่งและยังมัวหมองกว่าเดิม เพียงแต่ไม่ว่าจะความเหนื่อยล้าหรือมัวหมองล้วนถูกซ่อนอยู่ในส่วนลึกสุด เหลือไว้เพียงความสงบนิ่ง

ตี้เทียนชุดคลุมม่วงพลันตัวสั่นสะท้าน นัยน์ตาฉายแววเหลือเชื่อ นี่เป็นครั้งแรกที่แววตาเขามีความหวาดกลัวอันน่าพึงพอใจท่ามกลางความสงบนิ่งของซูหมิง

ตี้เทียน…หวาดกลัวแล้ว!

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาดูหวาดกลัวอย่างชัดเจนต่อหน้าซูหมิง ความหวาดกลัวนี้ทำให้ภาพลักษณ์สูงส่งเหนือใครของเขาพังทลายลง

“ที่แท้…เจ้าเองก็รู้จักความกลัว!” ซูหมิงวาดนิ้วลง ตี้เทียนชุดคลุมม่วงหน้าซีดขาวทันควัน ตรงมุมปากมีโลหิตไหล บนร่างปรากฏจุดดำขึ้นจำนวนมาก จุดดำพวกนั้นเน่าเปื่อยอย่างรวดเร็ว ทำให้ตี้เทียนต้องแบกรับความเจ็บปวดซึ่งไม่อาจบรรยายภายใต้สภาวะที่ขยับตัวไม่ได้

มิหนำซ้ำเขายังรู้สึกชัดเจนว่าร่างกายในตอนนี้ถูกฟ้าดินขับไล่อย่างรุนแรง ราวกับว่าตนห้ามอยู่ที่นี่ หากตนไม่ตายจิตสังหารจากโลกนี้จะไม่ยอมหยุด!

ยามนี้นัยน์ตาเขาขุ่นมัว สีของความขุ่นมัวนี้ หากคนที่เคยเห็นโลกแห่งความตายมาเห็นเข้าจะต้องมองออกในแวบแรกว่าพวกมันไม่ต่างกัน!

เหมือนกับดวงตาของตี้เทียนชุดคลุมม่วงในตอนนี้กลายเป็นยมโลก!

ยมโลกบดบังดวงตา ทำให้จากนี้ตี้เทียนชุดคลุมม่วงจะไม่เห็นเดือนเห็นตะวันอีก นี่มันตรงกับคำสาปประโยคแรกของซูหมิง!

‘ข้าขอสาป…ให้เจ้าตกอยู่ในปรโลก จากนี้ไปไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน!’

ตี้เทียนชุดคลุมม่วงอ้าปากไม่ขึ้น ตรงลำคอมีอะไรบางอย่างชอนไชอยู่อย่างรวดเร็ว เหมือนจะกรีดร้องและพุ่งออกมาจากร่างกาย ทว่ากลับไม่อาจระบายออกมาได้ นอกจากนี้แขนขวายังเหมือนถูกมือใหญ่ไร้รูปคว้าเอาไว้แล้วฉีกออกอย่างแรง

ภายใต้สายตาตื่นตะลึงของเซียนหลายหมื่นคน แขนขวาของตี้เทียนชุดคลุมม่วงถูกฉีกออกเหมือนกับที่ซูหมิงฉีกแขนตุ๊กตาปมหญ้า เขาในยามนี้ก็คือตุ๊กตาในมือซูหมิง!

ขณะเดียวกันตี้เทียนชุดคลุมทองเข้ามาใกล้จากที่ไกลๆ แต่กลับหยุดชะงักในทันที ใบหน้าซีดขาว ตรงมุมปากมีโลหิตไหลออกมา ตอนที่มองแขนขวาตัวเอง เขาเห็นว่าแขนขวามีร่องร่อยว่าจะถูกฉีกออกอยู่

พร้อมกันนั้น ประกายสีทองในดวงตาเขากำลังต้านทานกับความขุ่นมัวที่ปรากฏ แต่เขากลับต้องหยุดชะงักอยู่ดี เพราะชั่ววินาทีก่อนหน้านี้มีสายลมไร้รูปพัดเข้ามารุนแรงขึ้น กระทั่งตี้เทียนชุดคลุมทองผู้มีพลังแก่กล้ายังต้องหยุดต่อหน้าสายลมนี้

นี่ไม่ใช่สายลมธรรมดา มันคือจิตใจแน่วแน่จากแผ่นดินหมาน มาจากการขับไล่ที่รุนแรงอย่างยิ่ง หากตี้เทียนชุดคลุมทองกล้าขยับเดินอีกก้าว พลังฟ้าดินที่มาพร้อมกับการขับไล่นี้จะรุนแรงขึ้นอีก

“เหตุใดเป็นเช่นนี้…นี่มันเป็นไปไม่ได้!” ตี้เทียนชุดคลุมทองตะโกนเสียงดัง ร่างพลันก้าวเดินหน้า เขาต้องไปช่วยร่างแยกชุดคลุมม่วง ถึงเขาจะเป็นร่างแยกเหมือนกัน แต่จิตจากร่างจริงในแดนเซียนกลับทำให้เขารู้สึกถึงร่างแยกตนที่เพิ่งมาถึงเมื่อหลายเดือนก่อนอย่างชัดเจน ร่างจริงมีทั้งหมดสี่ร่างแยก เพียงแต่ว่าสี่ร่างแยกนี้ตายไปหนึ่งในอดีตแล้ว จะให้ตายเพิ่มอีกไม่ได้ มิเช่นนั้นจะส่งผลกระทบที่มองข้ามไม่ได้ถึงร่างจริง

แทบเป็นช่วงที่ตี้เทียนชุดคลุมทองหยุดชะงัก แขนขวาที่ฉีกออกจากร่างตี้เทียนชุดคลุมม่วงกลายเป็นเถ้าธุลีสีดำลอยหายไป ทว่าตรงบ่าของตี้เทียนชุดคลุมม่วงกลับไม่มีโลหิตไหลแม้แต่น้อย

เพราะ…เขาไม่มีโลหิตอยู่อีก โลหิตและสายเลือดถูกคำสาปประโยคที่สองของซูหมิงสร้างราคีไปแล้ว!

และเป็นเพราะเลือดถูกสาป ฉะนั้นตี้เทียนชุดคลุมม่วงจึงหน้าซีดขาว โลหิตตรงมุมปากหายไปอย่างรวดเร็วขึ้น ส่วนแขนซ้ายก็เหมือนแขนขวา ถูกมือไร้รูปฉีกออกเช่นกัน

ตี้เทียนชุดคลุมม่วงตัวสั่น เส้นผมค่อยๆ เปลี่ยนจากดำเป็นขาว ใบหน้าแก่ชราลงในพริบตา มองแวบเดียวก็ดูต่างจากรูปลักษณ์ของตี้เทียน

ชั่วชีวิตนี้ของตี้เทียน ไม่ว่าอย่างไรคงคาดไม่ถึงว่าจะมีวันนี้ที่ร่างแยกตนบาดเจ็บจากวิชาคำสาปของซูหมิงจนถึงขั้นนี้ คำสาปชนิดนี้เกินกว่าขีดจำกัดขั้นพลังเขาแล้ว มันผสานรวมกับจิตใจแน่วแน่ของฟ้าดินแดนหมานจนอยู่เหนือกว่าขั้นพลังทุกอย่าง!

ทว่าคำสาปในร่างตี้เทียนชุดคลุมม่วงยังไม่จบสิ้น นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ยามนี้หลังจากสองแขนถูกฉีกออก สายเลือดและดวงตาขุ่นมัวแล้ว เขาก็อ้าปากโดยไร้ซึ่งการควบคุมก่อนเงยหน้าขึ้น กลิ่นอายของจิตวิญญาณในตัวเขาประหนึ่งถูกสูบออกมาฉับพลันเพื่อให้เข้าไปอยู่ในวัฏจักรที่ไม่มีสิ้นสุด

นอกจากนี้ยังมีเสียงคำรามแหลมเล็กดังมาจากฟ้าดินรอบๆ เสียงเหล่านี้เป็นของวิญญาณอาฆาตนับไม่ถ้วนในโลกนี้ พวกมันปรากฏตัวอยู่บนฟ้า มีบุรุษสตรีคนชราและเด็ก ทั้งหมดล้วนเป็นคนที่สิ้นชีพบนแดนหมาน วิญญาณอาฆาตเหล่านั้นมาพร้อมกับความแค้น ขณะนี้พุ่งไปหาตี้เทียนชุดคลุมม่วง วนเวียนอยู่รอบตัวเขาแล้วกลืนกินวิญญาณกับร่างกายอย่างบ้าคลั่งและเคียดแค้น

นี่คือคำสาปประโยคที่สามของซูหมิง!

‘ข้าขอสาป….ให้วิญญาณของเจ้าตี้เทียนต้องอยู่ในห้วงวัฏจักรความทรงจำ ต้องแบกรับความโกรธแค้นของฟ้าดิน ต้องดับสูญไม่มีวันจบสิ้น!’

ขณะวิญญาณอาฆาตกำลังกัดกิน เซียนหลายหมื่นคนด้านล่างล้วนตัวสั่นเทิ้มและหวาดกลัว ท่ามกลางความตื่นตะลึงและสับสนของจี๋อั้น ตี้เทียนชุดคลุมทองร้องตะโกนพร้อมกับพุ่งไปโดยไม่สนสิ่งใด…

ร่างตี้เทียนสั่นไหวอย่างรุนแรง รู้สึกเจ็บปวดแต่กลับไม่อาจเปล่งเสียงร้อง ทำให้เขาต้องทนทรมานอยู่นาน การทรมานแบบนี้เพียงพอให้จิตใจพังทลายลงได้ จุดดำบนตัวเขาก็มากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งอัดแน่นอยู่มากกว่าครึ่งร่าง ผิวหนังหายไป เลือดเนื้อเน่าเปื่อย ความเจ็บปวดซึ่งไม่อาจเปล่งเสียงร้องออกมานี้เหมือนกับความเจ็บปวดอย่างที่สุดในโลกนี้ และคงอยู่ไปชั่วนิรันดร์!

นี่คือคำสาปประโยคที่สี่ของซูหมิง!

‘ข้าขอสาป…ให้ร่างของเจ้าตี้เทียน ผิวหนังหายไป เลือดเนื้อเน่าเปื่อย ต้องแบกรับความเจ็บปวดที่สุดในโลกตราบชั่วนิรันดร์…’

ตี้เทียนชุดคลุมม่วงเสียแขนสองข้าง เลือดเนื้อทั่วร่างเน่าเปื่อย เวลานี้ร่างกายยังบิดเบี้ยวจนประหลาด นั่นเป็นเพราะว่ากระดูกในร่างกายแตกหักเป็นชิ้นๆ จากคำสาป ทว่าเศษแตกหักนั้นกลับกลายเป็นหนามกระดูกแทงย้อนเข้าในร่างกายเขา ความเจ็บปวดนี้ เพียงแค่คิดก็รู้สึกขนลุกไปทั้งตัวแล้ว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!