Skip to content

สู่วิถีอสุรา 686

SVTASR
BC

ตอนที่ 686 ท่านปู่

ชนเผ่าหนึ่งควรมีจิตวิญญาณ

C

ชนเผ่าที่ไม่มีจิตวิญญาณ ลิขิตไว้แล้วว่าต้องพ่ายแพ้!

จิตวิญญาณของเผ่าหมานนี้ค่อยๆ มอดดับและตายไปตั้งแต่เทพหมานรุ่นหนึ่งจากไป ตั้งแต่ศพรุ่นสองถูกแยกชิ้นส่วน และรุ่นสามหายตัวไป

หลงเหลือไว้เพียงความสับสนและเจ็บป่วย ใช้ชีวิตอยู่ในความรุ่งโรจน์ในอดีตโดยไม่ยอมตื่นขึ้นมา บางที…อาจเพราะไม่กล้าเผชิญหน้ากับความเสื่อมถอยตอนนี้

เผ่าหมานไม่ใช่เผ่าที่มีหมื่นแดนกราบไหว้อย่างสมัยเทพหมานรุ่นหนึ่งอีก….มันเหมือนกับคนชราในช่วงบั้นปลายเดินมาถึงสุดทางของชีวิตแล้ว

แผ่นดินใหญ่แยกตัวออก อารยธรรมไม่อาจเผยแพร่ เผ่าเชมันหักหลังก่อเป็นสงครามในเผ่า ทั้งยังมีเผ่าเซียนจำนวนมากมาเยือนและแทรกแซงตั้งแต่โบราณกาล กล่าวได้ว่าทำให้เผ่าหมานแตกเป็นเสี่ยงๆ เหลือไว้เพียงชั้นวางว่างเปล่า

แม้แต่ขั้นพลังยังถูกจำกัดไว้เพียงขั้นวิญญาณหมานมาเนิ่นนาน ไม่อาจเปิดขั้นพลังต่อไปได้ เมื่อเวลาผ่านไป ชนเผ่านี้ก็เริ่มตามประวัติศาสตร์ไม่ทัน และค่อยๆ ถูกกาลเวลา…ทอดทิ้ง

ชนเผ่าแบบนี้ยังต้องคุยเรื่องจิตวิญญาณอะไรอีกหรือ มันไม่มีจิตวิญญาณแล้ว จิตวิญญาณของมันตายไปแล้ว!

เกียรติยศในอดีตเหลือเพียงเสียงเพลงซวิน ความรุ่งเรืองในอดีตกลายเป็นความว่างเปล่าที่พังพินาศกับเศษโครงกระดูกกลางเปลวเพลิง ฟ้าลิขิตไว้แล้วว่ามันคือความฝัน สายเลือดแผดเผา และจิตวิญญาณของเผ่าที่ยากจะจุดประกายไฟ!

เก้าดาราแห่งการลงทัณฑ์ของเซียนก็คือดาบที่อยู่บนฟ้าของชนเผ่านี้!

บางทีดาบนี้อาจตกลงมานานแล้ว ทว่า…ถึงอย่างไรที่นี่ก็เคยเป็นแดนหมานที่มีหมื่นแดนกราบไหว้ เคยปรากฏบุคคลที่ให้เซียนทั้งหมดก้มหัว สั่นสะเทือนไปทั้งโลกแท้จริงดาราสัจธรรม

เลี่ยซานซิว!

ที่นี่คือบ้านเกิดของเขา ถึงเขาจะหายตัวไปตั้งแต่โบราณ ทว่าบางที…เขาอาจยังไม่ตาย! สักวันหนึ่งเขาอาจจะกลับมา

ต่อให้เขาไม่กลับมา แต่ก็ยังมีของวิเศษปกป้องเผ่าที่เขาฝากเอาไว้ก่อนจากไป รวมถึงกฎแห่งหมานที่แกร่งกว่าของวิเศษเหล่านั้นไม่รู้กี่เท่า!

กฎนี้ก็คือกฎของแดนมรณะหยิน ภายใต้กฎนี้ เซียนมาเยือนทุกคนจะถูกลดขั้นพลังลงอย่างมาก หากไม่ใช่เพราะมีกฎนี้ บางทีเผ่าหมาน…อาจหายไปนานแล้ว

ทว่าสิ่งเหล่านี้คือพลังภายนอก หากเผ่าหมานไม่มีจิตวิญญาณ เช่นนั้นก็ยังต้องเดินไปตามเส้นทางที่เผ่าสูญสิ้น

จิตวิญญาณคืออะไรซูหมิงไม่ค่อยเข้าใจ แต่ตอนนี้ข้างหูเขามีเสียงคำรามดังกังวาน ภายในกายใจรู้สึกถึงแรงจู่โจมที่รุนแรงและอบอุ่น ทำให้เขาเหมือนเข้าใจอะไรบางอย่างจริงๆ

ท่ามกลางเสียงคำรามเหล่านั้น ในทุกประโยคที่เอ่ยว่าจะตายพร้อมกัน ภายใต้สายเลือดแผดเผา บางทีอาจจะปลดปล่อยเสี้ยวจิตวิญญาณของเผ่าหมาน!

กลัวตาย ทว่าก็ระงับความกลัวเอาไว้ แล้วใช้คุณธรรมกล้าหาญเผชิญหน้ากับความตาย ในเมื่อจิตวิญญาณเผ่าหมานหายไปแล้ว ในเมื่อชนเผ่าถูกกาลเวลาคัดออกไป เช่นนั้น…หากทำให้ชนเผ่าของตนผงาดขึ้นมาอีกครั้งไม่ได้ ก็ขอตายพร้อมกับชนเผ่า!

ประโยคที่ว่าจะตายพร้อมกับเทพหมาน บางทีอาจไม่ได้หมายถึงซูหมิง แต่หมายถึง…เผ่าหมาน!

ตายพร้อมกับเผ่าหมาน!

เสียงคำรามของคนเกือบสองหมื่นสั่นสะเทือนฟ้าดิน กลายเป็นเสียงที่เด่นชัดที่สุดในตอนนี้ ความบ้าคลั่งในเสียงคือการระเบิดจากความอัดอั้นมาเนิ่นนาน…ความตายก็ไม่เห็นจะมีอะไรน่ากลัว!

ภายใต้การปะทุ ท่ามกลางจิตใจแน่วแน่ว่าขอยอมตายพร้อมกับเผ่าหมาน แรงจู่โจมที่ซูหมิงรู้สึกได้ ทำให้ในร่างกายเขาเกิดความอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนโดยไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กันเลย นี่ก็คือ…การแตกหน่อจิตวิญญาณของเผ่าหมานอีกครั้ง!

จิตวิญญาณนี้ไม่ใช่จิตวิญญาณของเผ่าหมานในอดีต แต่มันคือความไม่ยินยอม ความบ้าคลั่ง….และตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะยอมตายดีกว่ายอมคุกเข่าให้ศัตรู!

จิตวิญญาณไร้รูป มองไม่เห็น จับต้องไม่ได้ แต่ยามนี้เซียนหลายหมื่นคนด้านล่างกลับรู้สึกอย่างชัดเจนถึงจิตใจแน่วแน่ที่กำลังผงาดขึ้นจากคนสองหมื่นคนบนฟ้า!

จี๋อั้นหน้าซีดขาว ร่างโซเซถอยไปหลายก้าว ขั้นพลังระดับอย่างเขามองออกในแวบเดียวแล้ว เขามองเผ่าหมานสองหมื่นคนร้องตะโกน มองจิตใจแน่วแน่ของพวกเขากำลังปะทุขึ้น ใบหน้าเขาก็เปลี่ยนสีอย่างรวดเร็ว

“จิตวิญญาณของเผ่าหมาน…”

ตี้เทียนชุดคลุมดำหน้าเปลี่ยนสีในทันที เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเก้าดาราแห่งการลงทัณฑ์ของตนจะทำให้เผ่าหมานสองหมื่นคนเกิดสัญญาณแห่งจิตวิญญาณขึ้นมา

สัญญาณนี้คือความเชื่อ การการบูชา และยังเป็นความยึดมั่น หากเผ่าหมานเกิดความยึดมั่นเช่นนี้ เผ่านี้จะน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง ไม่ว่าพลังใดก็ไม่อาจทำลายจิตวิญญาณของคนพวกนี้ได้

เว้นแต่จะสังหารสายเลือดของเผ่านี้ให้สิ้นซาก!

‘สองหมื่นคนนี้คือเมล็ดพันธุ์ หากพวกเขารอดจากภัยพิบัติครั้งนี้ เมื่อพวกเขากระจัดกระจายกันออกไป พวกเขาจะนำเมล็ดพันธุ์แห่งจิตวิญญาณหมานส่งต่อไปยังสายเลือดหมานทั้งหมด ถึงตอนนั้น…เผ่าหมานจะลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้งหลังจากหลับใหลมาหลายหมื่นปี!

จะให้เกิดเรื่องแบบนี้ไม่ได้ คนพวกนี้….จะต้องตายทั้งหมด!’ นัยน์ตาตี้เทียนเป็นประกายวาววับ เขากัดปลายลิ้นพ่นโลหิตอีกครั้ง แล้วยกมือขวาสะบัด หยดโลหิตสีทองตรงขึ้นฟ้าไปในทันที จากนั้นดาราแท้จริงเก้าดวงที่ตั้งมั่นอยู่ ณ แดนมรณะหยินกลางฟ้ากระจ่างดาวของเผ่าเซียนนอกหมอกมรณะหยินก็เปล่งแสงสว่างอีกครั้ง ก่อนมีลำแสงพุ่งลงมาอีกเก้าสาย

ทว่าช่วงที่ลำแสงเก้าสายกำลังทะลวงผ่านหมอกมรณะหยินเพื่อลงมายังเผ่าหมาน ก็พลันมีเสียงเพลงซวินดังแว่วมาจากในหมอกมรณะหยินตรงน้ำวนบนน่านฟ้าเผ่าหมาน

เพลงซวินนี้มากะทันหันอย่างยิ่ง เสียงอูๆ ของมันคล้ายกับเสียงร้องไห้ระงมของเผ่าหมาน เสียงเพลงดังกึกก้องทำให้ลำแสงเก้าสายหยุดชะงักพร้อมกันในพริบตา ราวกับว่าพริบตานี้ทั้งฟ้า ทั้งโลก และแดนมรณะหยินล้วนหยุดนิ่ง

สิ่งที่หยุดพร้อมกันยังมีลำแสงเก้าสายระลอกที่สองกับลำแสงลงทัณฑ์สายที่เจ็ดอยู่เหนือซูหมิง รวมทั้งสิงกานกับเผ่าหมานจำนวนมากซึ่งกำลังตรงเข้ามาขวางเอาไว้!

ทุกอย่างล้วนหยุดนิ่งในพริบตา มีเพียงเสียงซวินดังก้องโลก เมื่อเสียงซวินเข้าถึงหูซูหมิง เขาก็ค่อยๆ เงยหน้ามองฟ้า

เพลงนี้เขาคุ้นหู เคยฟังมาแล้วหลายครั้ง ยังจำได้ว่าครั้งก่อนเคยได้ยินตอนสู้กับร่างแยกตี้เทียน และยังจำได้อีกว่า…ชายชราคนหนึ่งเคยเป่าเพลงนี้ให้เขาฟัง

รูปร่างชายชราคนนั้นลอยขึ้นในความคิดเขา แต่ทันใดนั้นเขากลับจำรูปลักษณ์ชายชราไม่ได้ ในเวลาเดียวกันลมหายใจเขากระชั้น และพบความจริงอันน่าเหลือเชื่อที่ตนไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อน!

รูปลักษณ์ชายชราเหมือน….จะต่างจากทุกครั้งที่เขาเจอ มีเพียงดวงตามืดบอดเท่านั้นที่ยังชัดเจนในความคิด

เห็นได้ชัดว่าทุกครั้งที่เจอกัน ชายชราจะมีรูปลักษณ์ต่างออกไป ทว่าจนถึงตอนนี้ซูหมิงเพิ่งพบเจออะไรบางอย่าง เรื่องนี้มันพิลึกยิ่งนัก ทำให้เขาเหมือนได้เข้าใจอะไรมากขึ้น

“ในที่สุดเผ่าหมานก็เกิดจิตวิญญาณ ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าทำลายมัน!” เสียงแก่ชราที่ประหนึ่งผ่านกาลเวลามาเนิ่นนานแว่วมาจากในหมอกน้ำวนมรณะหยิน เมื่อสิ้นเสียง เพลงซวินก็ดังก้องสูงขึ้นเรื่อยๆ

ตี้เทียนชุดคลุมดำพลันหรี่ม่านตา เขาเพิ่งเคยได้ยินเสียงนี้เป็นครั้งแรก แต่กลิ่นอายพลังจากในน้ำวนมรณะหยินกลับไม่ได้เจอเป็นครั้งแรก!

เป็นกลิ่นอายพลังนี้เองที่ทำให้เขาไม่กล้าส่งร่างอาคมมาเยือนในช่วงหลายปีมานี้ นี่เป็นกลิ่นอายพลังที่เป็นต้นกำเนิดของความรู้สึกถึงภยันตราย!

“เจ้าเป็นใคร!” ตี้เทียนเดินหน้าหนึ่งก้าว ยกมือขวาขึ้นฟ้า นิ้วมือระเบิดกลายเป็นลูกศรโลหิตห้าดอกตรงไปยังน้ำวนมรณะหยินบนฟ้า

ฉับพลันนั้นลูกศรโลหิตห้าดอกก็กลายเป็นมังกรโลหิตห้าตัว ร้องคำรามอย่างดุร้ายพร้อมผสานรวมกันเป็นสัตว์โลหิตห้าหัวตัวหนึ่ง มันพุ่งทะยานเข้าไปในน้ำวนก่อนเกิดเสียงระเบิดดังสนั่น

ท่ามกลางเสียงโครมคราม น้ำวนมรณะหยินแผ่กระจายออกเป็นวงกว้างเหมือนพังทลาย ชั่ววินาทีที่มันแผ่กระจาย ภายในเผยออกมาเป็นร่างเสื้อคลุมขาวคนหนึ่ง!

ร่างเงานั้นเป็นชายชราดวงตาไร้ประกาย ใบหน้าชายชราคนนี้จะต่างกันไปในสายตาของทุกคน กระทั่งทุกครั้งที่กะพริบตาก็จะเปลี่ยนรูปไป

ทว่า…มีน้อยคนนักที่จะสังเกตเห็นจุดนี้ ราวกับว่าในจิตสำนึกของทุกคนมองข้ามการเปลี่ยนใบหน้าของชายชราไป

ทันทีที่ซูหมิงเห็นชายชรา เขาก็จำได้ว่าอีกฝ่ายคือชายชราผู้สร้างซวิน!

เพียงแต่ว่าครั้งนี้ ครั้นเห็นใบหน้าชายชราชัดแล้ว จิตใจกลับสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ความตื่นตะลึงนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ต่อให้เป็นตอนรู้ว่าที่นี่คือแดนมรณะหยิน ความตะลึงในใจก็ยังไม่อาจเทียบเท่ากับตอนนี้

ในความคิดเขาเหมือนมีสายฟ้าหลายพันหลายหมื่นเส้นกระทั่งมากกว่านั้นผ่าลงมาพร้อมกัน ความรู้สึกปั่นป่วน ร่างสั่นไหวอย่างรุนแรง อีกทั้งยังเหม่อลอยอยู่ตรงนั้น ทุกอย่างตรงหน้าเหลือเพียงรูปลักษณ์ชายชรา

เขาไม่กล้ากะพริบตา ด้วยกลัวว่าถ้ากะพริบตาแล้วใบหน้าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนไปอีก กลัวว่าจะเปลี่ยนรูปลักษณ์ที่ทำให้เขาตัวสั่นไป

รูปลักษณ์นี้ฝังลึกที่สุดในความทรงจำ รอยยิ้มนั้นยากจะลืมเลือนที่สุดในชีวิต ทุกสิ่งทุกอย่างทำให้จิตวิญญาณของเขาว่างเปล่าและชัดเจน

“ท่านปู่…” ซูหมิงพึมพำเบาๆ จากนั้นก็เอ่ยเสียงดังลั่นฟ้า

“ท่านปู่!”

ชายชราบนฟ้า ชั่วพริบตาหนึ่งปรากฏรูปลักษณ์ในสายตาซูหมิงเป็น….โม่ซังจ้าวหมานเผ่าเขาทมิฬ หรือก็คือท่านปู่ของเขา!

AC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!