Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 101

Yi Jian Du Zun
H

H

H

บทที่ 101 ข้าจะพาเจ้าไปฆ่า (ต้น)

โม่สุ่ยชิงจับจ้องไปที่เยี่ยฉวน นางกำหมัดแน่นจนร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย

ชายที่ยืนอยู่ด้านข้างจ้องมองไปที่เยี่ยฉวนด้วยความประหลาดใจ

เมื่อพูดจบเยี่ยฉวนก็หันหลังเดินจากไปในขณะที่โม่สุ่ยชิงกรีดร้องออกมา “เจ้ากล้าดียังไงถึงมาทำให้ข้าขายหน้า!”

เยี่ยฉวนชะงักฝีเท้า เขากลับหลังหันและเดินไปหาโม่สุ่ยชิง “ข้าน่ะหรือทำให้เจ้าอับอายขายหน้า? ข้าทำหูทวนลมถึงสองครั้ง แต่ก็เป็นเจ้าที่เอาแต่ก่อกวนข้าไม่หยุดไม่ใช่หรือไงกัน?”

ขณะที่พูดเช่นนี้ เยี่ยฉวนก็บีบแก้มของโม่สุ่ยชิงเบาๆ “คุณหนูโม่ เจ้าถามตัวเองก่อนเถิด ว่านอกจากฐานะทางสังคมแล้วในตัวเจ้ายังมีอะไรดีอีกบ้าง? หรือเจ้าคิดว่าจะมีชายอื่นล้อมหน้าล้อมหลังหากเจ้าไม่มีหน้ามีตา มีฐานะสูงส่งในตระกูลโม่? นี่คิดว่าผู้ชายที่อยู่รอบๆ ตัวเจ้า พวกเขาชื่นชอบเจ้าจริงๆ งั้นหรือ? เปล่าเลย เจ้าพวกนั้นก็เพียงแต่หลงใหลในรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูสวยงามเจริญหูเจริญตาแค่นั้นแหละ หากปราศจากฐานะคอยค้ำชูแล้ว ข้าเกรงว่าเรือนร่างของเจ้าหรือแม้แต่ตระกูลโม่ก็ไม่ควรค่าแก่สายตาของใครเสียด้วยซ้ำ!”

หลังจากพูดจบเยี่ยฉวนก็คลายมือออก ก่อนจะกล่าวเสริมว่า “เจ้าคิดว่าตัวเองกำลังคบหากับใครสักคนอยู่ แต่ประทานโทษ ไอ้การที่เจ้าหว่านเสน่ห์ ล้อเล่นกับผู้ชายหลายคนไปทั่วพร้อมๆ กันนี่มันหมายความว่าอย่างไร? หมายความว่าอย่างไรรู้หรือไม่? หากชายใดมีสมองเสียหน่อย เขาย่อมไม่คล้อยตามเจ้าแน่ จริงอย่างที่คุณหนูอันพูด ถึงอย่างไรตระกูลโม่ก็เป็นตระกูลใหญ่ แต่เจ้ากลับมัวเสียเวลาทำเรื่องไร้สาระพรรค์นี้เนี่ยนะ เจ้าไม่คิดว่าการกระทำเช่นนั้นจะทำให้ตระกูลเจ้าต้องอับอายบ้างหรือ? ลองทบทวนดูก็แล้วกัน อีกอย่าง ต่อแต่นี้ไปอย่าได้มาตอแยข้าอีก ข้ายังไม่อยากถูกคนตระกูลโม่ตามล่า ข้อหาที่ซัดเจ้าจนตายคามือหรอกนะ!”

เมื่อสิ้นเสียงพูด เยี่ยฉวนก็หันหลังและเดินจากไป

โม่สุ่ยชิงยืนนิ่งอยู่กับที่ด้วยความอึ้ง สองมือกำหมัดแน่น ใบหน้างดงามที่เคลือบไว้ด้วยความเย็นชาทำให้ไม่มีใครรู้ว่านางคิดอะไรอยู่

เยี่ยฉวนกลับไปที่ห้องของตัวเอง สำหรับโม่สุ่ยชิงแล้ว เยี่ยฉวนไม่อาจพูดได้ว่าเขาโกรธหรือเกลียดนางเป็นพิเศษ แต่กระนั้นก็ไม่ได้มีความประทับใจในส่วนดีต่อนางแม้แต่นิด สตรีประเภทนี้เป็นพวกจองหองพองขนเกินไป

เขาเลิกนึกถึงโม่สุ่ยชิงและกลับไปที่หอคอยแห่งเรือนจำ

“ผู้อาวุโส?”

เยี่ยฉวนมองไปรอบๆ และถามเสียงต่ำ

ความเงียบเข้าปกคลุมไปทั่ว ปราศจากเสียงสตรีลึกลับตอบกลับมา

สีหน้าของเยี่ยฉวนซีดเผือดลงทันใด เขาเริ่มเป็นกังวลขึ้นมาแล้วจริงๆ ถ้าหากว่านางไม่ได้อยู่ที่นี่ แล้วแบบนี้จะต้องทำยังไงต่อไปกัน!

เมื่อมาถึงจุดนี้ เศษกระดาษพลันลอยออกมาจากปากทางเข้าของชั้นที่สอง ทันทีที่เห็นกระดาษแผ่นนี้ เยี่ยฉวนก็สะดุ้งเบิกตากว้างก่อนจะคิดในใจว่า ‘มันมาอีกแล้ว!’

ในไม่ช้ากระดาษแผ่นนั้นก็ลอยมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา เยี่ยฉวนทำสีหน้าเรียบเฉยปราศจากอารมณ์ กระดาษแผ่นนี้มีรอยภาพพิมพ์อุ้งตีนสัตว์อยู่บนนั้น

มุมปากเยี่ยฉวนกระตุกเล็กน้อย เขาเหลือบมองไปรอบๆ จากนั้นจึงรีบออกมาจากหอคอยแห่งเรือนจำอย่างรวดเร็ว

“ตัวอันใดกันแน่ที่ถูกเก็บรักษาเอาไว้ที่ชั้นสองนั่น?”

จิตใจของเยี่ยฉวนตอนนี้ปั่นป่วนไปด้วยความสงสัย

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าสิ่งนั้นจะถูกเก็บไว้ในที่ใด แต่เขาก็มั่นใจได้อย่างหนึ่งว่าตอนนี้ตัวเองไม่สามารถเอาชนะมันได้แน่ๆ!

“ข้าคงต้องรีบตามหาเต๋าเสียแล้ว!”

เยี่ยฉวนตัดสินใจแล้ว!

ในเวลาต่อมา ชายหนุ่มจึงได้ลงมือฝึกฝนอย่างบ้าคลั่ง!

ตอนนี้เขาบรรลุขั้นหลอมรวมลมปราณได้แล้วก็จริง แต่กระนั้นก็ยังไม่อาจเข้าใจถึงแก่นแท้ของมันได้ โดยเฉพาะการใช้รัศมีกระบี่และปราณกระบี่ น่าเสียดายที่สตรีลึกลับยังไม่ได้กล่าวถึงมันทั้งสองเมื่อเร็วๆ นี้ ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องสำรวจอย่างช้าๆ ด้วยตัวเอง!

เป็นเรื่องควรค่าแก่การกล่าวถึง หากจะบอกว่าเขารู้สึกว่ามันยากลำบากน้อยกว่าครั้งที่ฝึก ‘หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา’ เสียด้วยซ้ำ ไม่เพียงเท่านั้น แต่ชายหนุ่มสังเกตว่าพลังของ ‘หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา’ ดูจะเพิ่มขึ้นมากด้วยเช่นกัน ในตอนนี้ ‘หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา’ ของเขาสามารถฆ่าคนแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นทะยานสวรรค์ได้ในคราเดียวแล้ว!

นอกจากนี้ อาจกล่าวได้ว่าทักษะ ‘หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา’ ถือว่าเป็นทักษะการฆ่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและเป็นถึงไพ่ลับใบสุดท้ายของเขาเลยทีเดียว!

ด้วยมีช่วงเวลาที่เหลือ ดังนั้นเยี่ยฉวนจึงใช้มันไปกับการฝึกฝนเพลงกระบี่และการออกหมัด!

ไม่ว่าจะเป็นอาวุธหรือว่ามือเปล่า ชายหนุ่มก็ไม่ต้องการให้ทักษะใดด้อยลงไปทั้งนั้น

วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว สองวันถัดมาเรือเหาะก็ได้ลอยลงอย่างช้าๆ

เมืองชายแดนอยู่ตรงนั้น!

เยี่ยฉวนออกจากห้องและมาที่ดาดฟ้าของเรือเหาะ เขายืนอยู่บนหัวเรือและมองลงไปด้านล่าง ทำให้พบว่าเมืองชายแดนมีขนาดใหญ่ขึ้นไม่น้อย!

ชายหนุ่มมีท่าทีประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อมาคราวนี้แล้วเห็นทหารยามยืนเฝ้าอยู่บนกำแพงเมืองชายแดน นอกจากนั้นยังมีทหารอีกหลายพันคนกำลังขุดเจาะกำแพงเมืองอยู่ด้วย โดยภาพรวมแล้วทหารเหล่านี้เคลื่อนไหวพร้อมกันอย่างสมบูรณ์ พวกเขาดูมีพร้อมทั้งขวัญกำลังใจและความต้องการเข่นฆ่า……นี่ช่างสมกับเป็นกองทัพชั้นยอดโดยแท้!

ไม่นานนักเรือเหาะก็หยุดนิ่งและเข้าจอดเทียบท่าข้างในเมืองชายแดนนั้น เยี่ยฉวนจึงใช้วิชาตัวเบากระโดดลงมา ก่อนทันใดนั้นจะมีร่างของคนคนหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้า

คนคนนั้นก็คือโม่สุ่ยชิง!

เยี่ยฉวนย่นคิ้วเล็กน้อย แต่ขณะที่กำลังจะพูด โม่สุ่ยชิงชิงสวนขึ้นมาเสียก่อน “อย่าลืม!”

ว่าแล้วนางก็หันหลังเดินจากไป

“ไร้สาระเสียจริง!”

เยี่ยฉวนส่ายหน้าก่อนจะหยิบแผนที่ออกมากาง อาจารย์ใหญ่จี่ได้มอบแผนที่นี้ให้ก่อนที่เขาจะออกเดินทาง ภายในนั้นมีร่องรอยการทำเครื่องหมายเอาไว้ตรงตำแหน่ง ณ ตำหนักจ้าวกระบี่ซึ่งสามารถจดจำได้ในครั้งเดียว

ชายหนุ่มไม่ได้เสียเวลารั้งรออยู่ในตัวเมืองอีกต่อไป เขารีบรี่ตรงออกไปข้างนอกและวิ่งไปทางภูเขาด้านขวามือ ใช้เวลาไม่นานนักก็เข้าสู่เขตเทือกเขาอันกว้างใหญ่ สำหรับภูเขาเหล่านี้ เขาคุ้นเคยกับมันมากทีเดียว!

หลังจากเดินไปตามทิศทางที่ระบุไว้ในแผนที่ เวลาก็ผ่านไปแล้วประมาณสองชั่วยาม และยิ่งเยี่ยฉวนเดินเข้าไปลึกมากเท่าไหร่ อากาศโดยรอบก็ยิ่งร้อนมากขึ้นเท่านั้น จนกระทั่งอีกหนึ่งชั่วยามผ่านไป เยี่ยฉวนจึงค่อยชะลอฝีเท้าลง ไม่ไกลจากจุดที่ยืนอยู่ มีภูเขาขนาดใหญ่สามลูกตั้งตระหง่านเหมือนขาตั้งกล้องโดยมีช่องเขาใหญ่อยู่ตรงกลาง!

มาถึงสักที!

ในช่วงเวลาที่เยี่ยฉวนกำลังจะก้าวไปข้างหน้า ทันใดนั้นพลังที่มองไม่เห็นก็ได้บีบรัดตัวชายหนุ่มเอาไว้

สีหน้าของเยี่ยฉวนเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขามองไปรอบๆ แต่ทว่ากลับไม่พบผู้ใด

“ใบผ่านทางเล่า?!”

ฉับพลันเสียงก็ดังขึ้นในหูของเยี่ยฉวน

เยี่ยฉวนรีบนำป้ายหยกที่อันหลานซิ่วมอบให้ส่งออกไป และในทันทีที่ชายหนุ่มยื่นมือออกไป พลังกดดันที่ตามองไม่เห็นก็พลันหายไปโดยไม่ทิ้งร่องรอยเหลือไว้แม้แต่น้อย

เมื่อเป็นดังนั้นแล้ว เยี่ยฉวนจึงตัดสินใจเดินหน้าต่อไป ไม่นานนักชายหนุ่มก็มาถึงช่องเขา ฉับพลันกระบี่หลิงเซี่ยวข้างในร่างของเขาพลันสั่นไหวเหมือนพร้อมกับจะพุ่งออกมาได้ทุกเมื่อ!

เยี่ยฉวนตกตะลึงเป็นอย่างมาก ก่อนจะรีบปรามกระบี่หลิงเซี่ยวให้สงบลงอย่างรีบเร่ง

“เกิดอันใดขึ้นกัน?”

เยี่ยฉวนขมวดคิ้ว ตอนนี้เขามีความสงสัยคับข้องใจอยู่เต็มเปี่ยม

“เจ้ามาแล้วงั้นหรือ?!”

เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง เมื่อหันไปมองต้นทาง เยี่ยฉวนก็ได้พบกับสตรีนางหนึ่งยืนอยู่ทางขวามือของตน

หญิงสาวผู้นี้แต่งกายด้วยชุดสีน้ำเงินเข้มและมีดาบโค้งสีทองห้อยอยู่รอบเอวบาง!

นางคือองค์หญิงเก้า!

— จบตอน —

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!