บทที่ 228 ท่านพี่เซียนกระบี่ขอรับ มีคนจะท้าสู้กับท่าน! (ปลาย)
หลังจากนั้นราวหนึ่งก้านธูป ร่างใหญ่โตของไป๋เจ๋อทะยานพรวดออกจากโพรงใต้ดินพรวดขึ้นมาบนปากหล่ม ตอนนั้นเองจึงเห็นว่าสภาพร่างกายของเขาขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิม!
และที่สำคัญเวลานี้เขาสำเร็จขั้นพลังสันโดษแล้ว!
ยิ่งกว่านั้น ภาพที่ปรากฏของไป๋เจ๋อช่างน่าประหลาด ด้วยพลังงานน่ากลัวที่เคลือบแฝงในกายแผ่ซ่านออกภายนอก ทั้งแววตาไม่เหมือนมนุษย์ด้วยเป็นแววตาของอสูรร้าย……
ไม่รู้ว่าร่างนั้นยืนนิ่งอยู่กับนานเท่าใด เขาค่อยกำหมัดทั้งสองข้างเข้าหากัน มีเสียงพึมพำเค้นรอดไรฟัน “กระแสเลือดอสูร……ถูกปลุกแล้วสินะ! ดีล่ะ ข้าจะไปท้าสู้กับพี่หัวขโมยเยี่ย! เอาชนะเขาแล้ว ข้าจะได้เป็นพี่ใหญ่แทนเสียเลย!”
จากนั้น คนวิ่งถลันพรวดตรงไปยังป่าต้นไผ่ ที่ที่เยี่ยฉวนกำลังฝึกฝน!
ทันทีที่ไปถึงป่าไผ่ขณะที่เท้าเกือบพาตัวพุ่งพรวดพราดเข้าหาคน พลันไป๋เจ๋อชะงักกึก
ในตอนนั้น รอบร่างกายของเยี่ยฉวนเต็มไปด้วยกระแสของปณิธานกระบี่และรัศมีกระบี่แผ่กระจายรายล้อม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งนัยน์ตาทั้งสองข้าง ซึ่งเป็นศูนย์รวมของปณิธานกระบี่และรัศมีกระบี่ จนเกิดเป็นแสงสว่างแปลบปลาบราวสายฟ้าแล่บ ยิ่งทำให้ดูน่าหวาดหวั่นพรั่นพรึงขึ้นอีก!
อีกทั้งในเวลานั้นกระบี่หลิงซิ่วซึ่งนิ่งอยู่ข้างกายของเยี่ยฉวน พลันมีแรงสะท้านสะเทือนรุนแรง กระทั่งกลายเป็นรังสีแผ่กระจายออกไปทุกทิศทาง และกระแทกสู่อากาศ……
เมื่อปรากฏภาพดังที่เห็นอยู่เบื้องหน้า ไป๋เจ๋อพลันมีสีหน้าครุ่นคิด จากนั้นมีเสียงพึมพำเบาๆ กับตนเอง “เอาเถอะ พี่หัวขโมยเยี่ยเป็นคนดี……ข้าไปท้าสู้กับเจ้ากะล่อนโม่อวิ๋นฉีดีกว่า!” ว่าแล้วก็หันหลังกลับออกไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่เหลียวหลังหรือลังเลแม้แต่นิดเดียว!
ไม่นานต่อมาไป๋เจ๋อไปถึงยังบริเวณเชิงหน้าผา เขาหยุดแหงนมองขึ้นไปบนหน้าผาสูงซึ่งมีร่างคนกำลังกระโจนข้ามจากผนังหินด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่ง ราวกับจิตวิญญาณวานรเข้าสิงกระนั้น!
คนคนนั้นก็คือโม่อวิ๋นฉี!
ผนังหินบริเวณหน้าผาแห่งนั้นทั้งสูงชันมาก ทว่าโม่อวิ๋นฉีกลับสามารถกระโจนไปมาราวกับเดินอยู่บนพื้นราบ มิหนำซ้ำความรวดเร็วว่องไวราวสายฟ้าฟาดก็ปาน
พลันไป๋เจ๋อยกมือขึ้นป้องปากตะโกนขึ้นไปบนหน้าผา “เจ้ากะล่อนโม่ ลงมาเดี๋ยวนี้ ข้ามาท้าประลองกับเจ้า!”
คนที่กำลังกระโจนข้ามไปมาหยุดชะงักเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียง จากนั้นร่างคนทะยานวาบพุ่งเข้าหาไป๋เจ๋ออย่างรวดเร็ว
โม่อวิ๋นฉีมาหยุดลงเบื้องหน้าขณะเหลือบตามองคนร่างกายมโหฬารพร้อมขยับปากทำท่าจะเอ่ยพูด ขณะนั้นไป๋เจ๋อกลับกระแทกหมัดออกไปข้างหน้าอย่างแรงโดยไม่รั้งรอ!
ตู้ม!
โม่อวิ๋นฉียังไม่ทันระวังตัวพลันถูกปะทะด้วยหมัดเข้าตรงๆ จนร่างของเขากระเด็นหวือ แต่ทว่าเขาเพียงเคลื่อนไหวเพื่อขจัดพลังหมัดโดยพุ่งวาบขึ้นสู่อากาศ!
ใช้การเคลื่อนไหวรวดเร็วสยบพลัง!
เมื่อโม่อวิ๋นฉีทะยานลงมายืนบนพื้นดินอีกครั้ง เขาจ้องไป๋เจ๋อเขม็งสายตาบอกว่าโกรธจัด “ไอ้ยักษ์ อยากลองดีหรือไง?! ไอ้นี่……” ไม่รอให้คนทันพูดจนจบประโยค ไป๋เจ๋อทะยานเข้าหาโม่อวิ๋นฉี……
สีหน้าอีกฝ่ายแปรเปลี่ยนทันที “โธ่ออออ ไอ้ลูกแมว……อยากตายก็เข้ามา!” เขาเคลื่อนไหวรวดเร็วจนมองเห็นเป็นเพียงภาพร่างเงาลางเลือน ว่อบไปแว่บมาเคลื่อนเข้าหาไป๋เจ๋อ
จากนั้นคนทั้งคู่ระเบิดศึกใส่กันอีกครั้ง!
ทางด้านไป๋เจ๋อนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าทั้งแข็งแรงและทรงพลัง แต่ก็ไม่น่าสงสัยในความว่องไวของโม่อวิ๋นฉีเช่นกัน ถึงแม้จะห่างไกลกับความแข็งแกร่งอย่างไป๋เจ๋อทว่าโม่อวิ๋นฉีก็ถือเป็นคนฉลาดหลักแหลม จึงไม่คิดปะทะกับไป๋เจ๋อแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน แต่กลับใช้ยุทธวิธีกองโจร การต่อสู้จึงดำเนินไปอย่างชนิดที่ไม่มีใครแพ้ไม่มีใครชนะ!
อีกฟากหนึ่ง ในป่าไผ่
เยี่ยฉวนนั่งอยู่บนพื้นดิน เปลือกตาทั้งสองข้างยังคงปิดสนิท ขณะที่ร่างกายมีอาการสั่นสะท้าน
……เมื่อเวลาผ่านไปสักพักใหญ่ ชายหนุ่มกระพือเปลือกเปิดฉับพลัน พลันนั้นเองลำแสงแห่งรัศมีกระบี่ทะยานวาบออกจากดวงตาทั้งสองข้างประดุจสายฟ้าฟาด!
ฉับ!
ทันใดนั้น กอไผ่ที่ขึ้นห่างออกไปราวสิบห้าจั้งเบื้องหน้าพลันแหลกละเอียดแปรเปลี่ยนเป็นฝุ่นผง!
ก่อนที่ร่างของเยี่ยฉวนจะล้มตึง และเมื่อเขาหลับตาลง สองกระแสแห่งรัศมีกระบี่ซึ่งหลอมรวมกับปณิธานกระบี่พลันวูบกลับคืนสู่ดวงตาทั้งสองทันที!
ดวงตากระบี่!
ภายหลังจากล้มเหลวมานับครั้งไม่ถ้วน บัดนี้เยี่ยฉวนประสบความสำเร็จในการฝึกฝนทักษะดวงตากระบี่แล้ว เป็นทั้งวิถีโคจรพลังปราณและทักษะกระบี่!
ขณะที่หนึ่งกระบี่พิฆาตวิญญาณมุ่งหมายต่อการปลิดวิญญาณ เยี่ยฉวนจึงไม่ต้องการฝึกทักษะนั้นในขณะนี้!
พึงระลึกไว้เสมอว่าไม่ควรละโมบอยากได้ทุกสิ่งอย่างในคราวเดียว เวลานี้การฝึกทักษะดวงตากระบี่เป็นความจำเป็นเร่งด่วน!
ทักษะกระบี่จะมีกี่มากน้อยก็แล้วแต่ สิ่งหนึ่งที่ต้องมีคืออำนาจควบคุมเบ็ดเสร็จ!
หลังจากนั่งพักเพียงพอแล้ว เยี่ยฉวนจึงผุดลุกขึ้นยืน
……ทว่าขณะกำลังตั้งท่าจะฝึกอีกรอบ ทันใดนั้นพลันมีคนผู้หนึ่งปรากฏออกเบื้องหน้า……
เป็นจ้าวหอชั้นเก้า!
เมื่อเห็นเยี่ยฉวน จ้าวหอชั้นเก้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงร้อนรน “สหายข้า ทางสำนักอัปสรเมรัยในแผ่นดินชิงส่งข่าวมา ว่าตอนนี้มีบรรดายอดยุทธ์จากสถานศึกษาฉางมู่และดินแดนอันธกาลกำลังเดินทางมา คาดว่าพวกมันน่าจะมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์!”
เยี่ยฉวนผุดลุกขึ้นยืนทันที “พวกมันมาแล้วหรือ?”
อีกฝ่ายตอบเสียงเคร่ง “ตอนนี้แหละ พวกมันคงจะมาตามหาอาจารย์ของเจ้าก่อน สหาย เจ้าคิดว่าอาจารย์เจ้าต้องการความช่วยเหลือหรือไม่?”
ความช่วยเหลือ?
เยี่ยฉวนเหยียดยิ้มมุมปาก ด้วยกระทั่งตอนนี้สตรีลึกลับก็ยังคงขาดการติดต่อไปอย่างสิ้นเชิง!
เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนไหนนางจึงต้องการความช่วยเหลือ……
ขณะนั้นเอง เกิดพลังประหลาดกดดันและครอบคลุมทั้งภูเขาฉางหลาน!
ทันทีที่รับรู้ถึงแรงกดประหลาด สีหน้าคนจ้าวหอชั้นเก้าแปรเปลี่ยน “พวกมันมาถึงเร็วมาก!”
พลันเยี่ยฉวนแหงนมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ด้วยที่นั่นปรากฏมีร่างของคนสี่คน
คนหนึ่งคือชายชราสวมชุดดำกับคนชุดขาว อีกด้านเป็นชายวัยกลางคนสะพายกระบี่ที่ขนาดใบมีดกว้างกว่าปรกติไว้ข้างหลัง และคนสุดท้ายเป็นชายชราผู้ยืนอยู่บนกิ่งไผ่!
ทั้งสี่คนล้วนเป็นยอดยุทธ์ที่มีขั้นพลังเหนือกว่าสุดยอดผนึกยุทธ์!
ชายหนุ่มหน้าเผือดวูบ และเข้าสู่ภวังค์ส่งเสียงตะโกนก้อง “ท่านพี่เซียนกระบี่ผู้สูงส่งขอรับ? มีคนมาท้าสู้ ท่านจะว่าอย่างไรขอรับ?!” ในตอนนี้ภายในกายาของเยี่ยฉวน กระบี่เล่มหนึ่งซึ่งแขวนบนยอดหอคอยแห่งเรือนจำเคลื่อนไหวแผ่วเบา
ฉับพลันนั้น หอคอยทั้งหลังเริ่มสั่นไหวโยกคลอน แรงขึ้นๆ ราวกับแผ่นดินไหวขั้นรุนแรง
พรวด!
ทันทีนั้น โลหิตแดงฉานพลันกระฉูดพรวดออกทั้งดวงตา จมูกและปาก!
— จบตอน —



