Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 262

Yi Jian Du Zun
BC

บทที่ 262 เรียกระดมพล! (ปลาย)

C

ณ สถานที่แห่งหนึ่งไกลออกไป ลู่ป้านจวงซึ่งกำลังลากเยี่ยฉวนมาหยุดลงอย่างกะทันหัน! ด้วยนางสังเกตเห็นใบหน้าของเยี่ยฉวนขาวซีดปราศจากสีเลือดจนน่ากลัว อีกทั้งท่าทางกระหืดกระหอบเหมือนคนป่วยหนักปางตายก็ปาน! การใช้ความเร็วในการวิ่งปานนั้น เยี่ยฉวนต้องใช้ความอดทนจนสุดกำลัง!

ลู่ป้านจวงหญิงสาวคนนี้มีความเร็วเป็นเลิศ ชนิดที่เยี่ยฉวนยังรู้สึกว่าความเร็วของนางนั้นผิดไปกว่ามนุษย์มนา จะว่าไปหากมิใช่เพราะเยี่ยฉวนฝึกฝนปราณถึงขั้นกายาทองคำแล้ว มีหวังร่างกายคงถูกอากาศฉีกจนแหลกเหลวเป็นแน่

ลู่ป้านจวงเหลือบตามองชายหนุ่มที่นั่งหน้าซีดเป็นไก่ต้ม “เจ้ามิใช่เพียงผู้ฝึกฝนทักษะวิทยายุทธ์และทักษะกระบี่ แต่ยังฝีกปราณขั้นกายาอันน่าทึ่งอีกด้วย สนใจเดินทางไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใจกลางแผ่นดินใหญ่บ้างไหม?” เยี่ยฉวนใช้กำปั้นทุบที่หน้าอกซึ่งกำลังรู้สึกอัดแน่นภายใน ก่อนพยักหน้า “ข้าต้องไปแน่”

คนถามพยักหน้าเนิบพร้อมห่อริมฝีปากผิวเสียงหวีดหวิว ทันทีนั้นร่างใหญ่โตของสองสุนัขป่าดำทะมึนโผล่ออกมา คนทั้งสองไม่รอช้ารีบกระโดดขึ้นหลังและควบออกไป ชั่ววิบตาเดียวก็ลับสายตาไปทั้งสองคน

เมื่อมีสุนัขป่าเป็นพาหนะ เยี่ยฉวนและลู่ป้านจวงจึงตั้งหน้าตั้งตาเดินทางอย่างรีบเร่ง ด้วยความเร็วที่เหนือกว่าปกติเพียงไม่เกินสองก้านธูปถัดมาทั้งสองจึงตามทันเหยี่ยลี่และคนอื่นซึ่งล่วงหน้ามาก่อนพักใหญ่! ทันทีที่เห็นเยี่ยฉวนและลู่ป้านจวง เหยี่ยลี่และคนในกลุ่มมีทีท่าผ่อนคลายอย่างเห็นได้ชัด

ครู่หนึ่งต่อมาทั้งหมดมาถึงยังประตูเมืองกุ้ยหนาน ซึ่งเวลานี้ไร้ทหารรักษาการณ์บนขอบกำแพง มิหนำซ้ำทันทีที่เยี่ยฉวนนำกลุ่มคนเข้ามาถึงหน้าประตู เหมือนใครคนหนึ่งจะรู้เมื่อบานประตูเมืองเปิดออกทันทีพร้อมกับมีคนผู้หนึ่งเดินตรงรี่เข้ามาทางกลุ่มคน!

ชายชราเดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้าพร้อมค้อมกายเล็กน้อยคารวะทักทาย “คุณชายเยี่ย เชิญทางนี้!” ในที่สุดคนทั้งกลุ่มก็ตามชายชราผู้นั้นเข้าสู่เมืองชั้นใน เมื่อกลุ่มคนล่วงเข้ามาในเมือง คนสวมชุดดำกลุ่มหนึ่งถลันเข้ามาล้อมประกบเยี่ยฉวนและกลุ่มทันที คนชุดดำแปดคนเหล่านี้มีพลังขั้นผสานเทพ จัดว่าเป็นกลุ่มผู้กล้าแกร่งที่สุดของอาคารสำนักอัปสรเมรัย!

ลักษณะนี้แสดงว่าเยี่ยฉวนและพวกได้อยู่ในความคุ้มครองของสำนักอัปสรเมรัย และเมื่อทุกคนเข้าไปภายในอาคารเรียบร้อยแล้ว คนชุดดำพลันหยุดยืนอารักขาอยู่ที่ภายนอกอาคารเท่านั้น!

เยี่ยฉวน!

เมื่อจ้าวหอชั้นห้าแห่งแคว้นเจียงได้รับการรายงานว่าเยี่ยฉวนปรากฏตัวขึ้นในอาณาเขตแคว้นถัง เขาจึงรีบแจ้งข่าวบอกกล่าวให้คนสำนักอัปสรเมรัยในแคว้นถังรีบส่งคนไปให้ความคุ้มครองขั้นสูงสุด ไม่เพียงเท่านั้น แม้แต่จ้าวหอชั้นสามในแผ่นดินชิง ยังออกคำสั่งมาแจ้งพวกเขาให้การอารักขาเยี่ยฉวนอย่างเต็มที่!

ถึงแม้เยี่ยฉวนจะได้ชื่อว่าเป็นศัตรูชั่วกัลปาวสานของสถานศึกษาฉางมู่และดินแดนอันธกาล สำนักอัปสรเมรัยหาได้ใส่ใจไม่ สำหรับสำนักอัปสรเมรัย พวกเขามีสัมพันธภาพอันดีกับเยี่ยฉวนและอาจารย์แล้ว ซึ่งเป็น สัมพันธภาพที่เกิดขึ้นในช่วงเยี่ยฉวนประสบภาวะวิกฤติก็ว่าได้!

ทุกสิ่งย่อมมีสองด้านเสมอ เพราะเวลานี้สิ่งที่สำนักอัปสรเมรัยเลือกทำได้สร้างความขัดเคืองให้เกิดแก่ทั้งสถานศึกษาฉางมู่และดินแดนอันธกาล ทว่าผลประโยชน์ที่พวกเขาได้รับคือมิตรภาพอันแน่นเหนียวกับเยี่ยฉวนและอาจารย์ผู้อยู่เบื้องหลัง

ภายในห้องรับรอง ทุกคนนั่งล้อมโต๊ะขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางห้อง คนของสำนักอัปสรเมรัยเตรียมข้าวปลาอาหารมากมายไว้คอยต้อนรับ นอกจากนั้นยังจัดปรมาจารย์ทางแพทย์มาช่วยเยียวยาบาดแผล! สำนักอัปสรเมรัยให้การดูแลเอาใจใส่พวกเขาอย่างดีเยี่ยม!

ขณะนั้นทุกคนในโต๊ะอาหารต่างก้มหน้าก้มตากินเอาๆ ด้วยความหิวโหย ในไม่ช้าอาหารทุกจานบนโต๊ะก็ถูกกวาดจนเกลี้ยง อีกด้านหนึ่งชายชราแห่งสำนักอัปสรเมรัยยืนหลบมุมสงบนิ่ง เยี่ยฉวนเงยหน้าขึ้นพลางหันไปทางคนที่ยืนเข้ามุม พลันเมื่อชายชราเห็นดังนั้นเขารีบค้อมกายห่อกำปั้น “คุณชายเยี่ยประสงค์สิ่งใด?”

ชายหนุ่มเอ่ยยิ้มๆ “ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสท่านนี้ชื่ออะไร ขอรับ?” ชายชราท่าทางกระตือรือร้นตอบรวดเร็ว “เรียกข้าว่าพ่อบ้านอู๋ก็ได้! จริงสิ จ้าวหอชั้นแปดออกไปสืบข่าวคราวด้านนอก คาดว่าอีกไม่นานท่านก็จะกลับ”

เยี่ยฉวนยิ้มกว้าง “ขอบใจมาก!” อีกฝ่ายค้อมกายห่อกำปั้น ใบหน้ายิ้มน้อยๆ สบตาเยี่ยฉวนและทุกคน จากนั้นเขาก็ถอยกลับออกไปจากห้องรับรอง

“เจ้าคุ้นเคยกับสำนักอัปสรเมรัยมากเลยสินะ?” เสียงถามจากหลิงฮั่นดังขึ้นทันทีที่คนชราถอยออกประตูไป เยี่ยฉวนพยักหน้า “ใช่”

หลิงฮั่นสีหน้าครุ่นคิด “ที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์สำนักอัปสรเมรัยนับว่าเป็นสถานที่เลื่องชื่อมากทีเดียว ชื่อเสียงนั้นพอกับสถานศึกษาฉางมู่และฉางหลาน แต่ข้าเห็นว่าพวกเขาดูแลเจ้าอย่างดีมากมายเช่นนี้ แสดงว่าเจ้าไม่ใช่ธรรมดาแน่ๆ” เยี่ยฉวนจึงตอบพลางยิ้ม “ก็เหมือนกับพวกเจ้า ไม่ใช่หรือ?”

คนชื่อหลิงฮั่นเหยียดยิ้มมุมปาก หากมิได้พูดอะไรอีก! คนในที่นี้ไม่ธรรมดาเลยแม้แต่คนเดียว!

พลันเยี่ยฉวนเอ่ยขึ้นว่า “ข้ายึดคันธนูอาวุธชั้นดีมาได้หลายอัน ของล้ำค่าชนิดนี้เป็นศาสตราวุธจิตวิญญาณ ข้าจึงจะขอเก็บเอาไว้ใช้แล้วจะคืนเงินให้พวกเจ้า……”

ลู่ป้านจวงซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่งขัดจังหวะขึ้นมาทันที “เจ้าเก็บเงินไว้เถอะ!” ชายหนุ่มหันไปทางคนพูด เสียงหญิงสาวจึงพูดแผ่วเบาน้ำเสียงราบเรียบ “เจ้าเป็นสหายของพวกเรา อย่าปฏิเสธน้ำใจของพวกเราเลย!”

เหยี่ยลี่ซึ่งกำลังกัดน่องไก่เคี้ยวหงุบหงับอย่างเอร็ดอร่อยพยักหน้า “พี่ใหญ่พูดถูดเผงเลย เจ้าควรเก็บศาสตราวุธจิตวิญญาณพวกนั้นไว้และไม่ต้องนำเงินมาคืน เพราะพวกเราเห็นเจ้าเป็นสหาย!”

เสียงหลิงฮั่นยืนยันมาด้วยอีกคน “พี่เยี่ย พวกเราเห็นว่าเจ้าเป็นสหายที่มีความสัตย์ซื่อและตรงไปตรงมา เราทุกคนจึงอยากเป็นมิตรสนิทกับเจ้า”

ทว่าเยี่ยฉวนยังมีท่าทางกระอึกกระอักเหมือนจะพูดอะไรอีก แต่ลู่ป้านจวงรีบขัดขึ้นเสียก่อน “คิดเสียว่าคันธนูพวกนั้นเป็นของขวัญจากเราก็แล้วกัน อย่าทำเป็นเหนียมไปหน่อยเลย ต่อไปพวกเราก็จะไม่เกรงใจเมื่อต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าก็แล้วกัน!” คนที่ถูกกล่าวถึง นิ่งอยู่อึดใจจากนั้นเยี่ยฉวนจึงพยักหน้าพลางว่า “ถ้างั้น ข้าขอขอบใจพวกเจ้า!”

ทันใดนั้น ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินเข้ามาในห้องรีบรองอย่างรวดเร็ว เขากวาดตามองมาที่เยี่ยฉวนและทุกคน จากนั้นก็จัดการกระแทกกำปั้นกับฝ่ามือคารวะทักทาย “ข้าคือจ้าวหอชั้นแปดแห่งสำนักอัปสรเมรัย”

ทุกคนในห้องยกเว้นคนที่เข้ามาใหม่ รีบผลุนผลันลุกขึ้นจากโต๊ะแสดงคารวะตอบกลับทันที! การที่ทุกคนมีปฏิกิริยาให้ความเคารพต่อคนที่เป็นจ้าวหอชั้นแปด ด้วยเพราะคนผู้นี้มีขั้นพลังผนึกยุทธ์!

จากนั้นเขาเดินรี่ตรงไปหยุดอยู่เบื้องหน้าเยี่ยฉวน พลางเอ่ยเสียงแผ่วราวกระซิบ “สหาย ข้าได้ข่าวไม่สู้ดี!” ผู้เป็น ‘สหาย’ ขมวดคิ้วน้อยๆ “เกิดอะไรขึ้นขอรับ?”

พลันจ้าวหอชั้นแปดชำเลืองมองทุกใบหน้า “ข้าได้ข่าวมาว่า ตอนนี้สถานศึกษาฉางมู่และดินแดนอันธกาลตั้งรางวัลสูงลิบลิ่วสำหรับคนที่สามารถสังหารเจ้าได้สำเร็จ ขณะนี้มีคนอย่างน้อยสามคนที่มีชื่อในทำเนียบผู้เยี่ยมยุทธ์กำลังเร่งเดินทางมาที่นี่ ซ้ำร้ายกว่าหนึ่งในนั้นที่เป็นอันดับหนึ่งของทำเนียบผู้เยี่ยมยุทธ์ก็ได้มุ่งหน้ามาเพื่อล่าค่าหัวเจ้าด้วยเช่นกัน สถานศึกษาฉางมู่และดินแดนอันธกาลตั้งรางวัลไว้ว่าใครก็ตามที่สามารถสังหารเจ้าจะได้รับ คัมภีร์ทักษะยุทธ์ขั้นสวรรค์ระดับกลาง กับคัมภีร์พลังปราณขั้นสวรรค์ระดับกลาง ทั้งยังได้รับสุดยอดศาสตราวุธจิตวิญญาณขั้นประกายแสงอีกหนึ่งชิ้น!”

เขาหยุดนิ่งคิดชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยพูดต่อไป “ซึ่งนั่นไม่สำคัญเท่ากับที่ทางสำนักอัปสรเมรัยได้ข่าวมา ว่าเวลานี้พวกมันพยายามโน้มน้าวฮ่องเต้เกาซานแห่งอาณาจักรต้าอวิ๋นให้เข้ามาจัดการกับเรื่องนี้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม บัดนี้อาณาจักรต้าอวิ๋นได้เริ่มจู่โจมด้วยการส่งมือธนูจากอาณาจักรต้าอวิ๋น อย่างที่พวกเจ้าประสบพบเจอก่อนหน้านี้ อีกทั้งอาณาจักรต้าอวิ๋นยังพยายามกดดันแคว้นเจียงและส่งยอดยุทธ์เข้ามาในแคว้นถังด้วย บางทีอาจเป็นไปได้ว่าพวกยอดยุทธ์ที่ว่ากำลังอยู่ระหว่างเดินทาง!”

เยี่ยฉวนและคนในห้องนิ่งเงียบขณะรับฟังคำบอกเล่า

จ้าวหอชั้นแปดพูดเสริมอีกว่า “อีกอย่าง มีข่าวว่าสถานศึกษาฉางมู่แห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใจกลางแผ่นดินใหญ่และดินแดนอันธกาล ได้ส่งคนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์มาด้วย……” ขณะนั้นสายตาของผู้พูดเบนมาทางเยี่ยฉวนและทุกคน “ตอนนี้พวกมันเอาจริง ถึงขนาดที่ว่าพวกมันตัดสินใจขั้นเด็ดขาดอย่างไรเสียต้องกำจัดเจ้าให้ได้!”

จังหวะนั้นลู่ป้านจวงยกจอกน้ำขึ้นจิบ และกระแทกกลับลงไปบนโต๊ะอย่างแรง “เรียกระดมพล!” หลิงฮั่นหันมามองคนพูด สายตาแสดงความไม่แน่ใจพลันถามว่า “พี่ใหญ่……ท่านจะให้เราเรียกระดมพวกทำเนียบแห่งยอดคนนั้นหรือขอรับ?”

อีกฝ่ายย้ำหนักแน่น “ใช่แล้ว!”

จ้าวหอชั้นแปดเบิกตากว้าง “……”

— จบตอน —

AC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!