บทที่ 288 พวกเรามาร่วมมือร่วมใจไปด้วยกัน! (ปลาย)
เยี่ยฉวนยืนมองท้องฟ้าที่ว่างเปล่านิ่งนาน คนเหล่านั้นทุกคนล้วนมีขั้นพลังผสานเทพ พวกเขานับว่าเป็นยอดยุทธ์ขั้นผสานเทพอย่างแท้จริง! จังหวะนั้นลู่ป้านจวงขยับเข้ามายืนข้างพลางพูดขึ้นว่า “พวกเขาไม่ใช่คนที่เก่งที่สุดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์หรอก!”
ชายหนุ่มหันมามองท่าทางพิศวงสงสัย เสียงลู่ป้านจวงกล่าวสืบไป “คนที่เก่งที่สุดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์งั้นเหรอ……แม้แต่กลุ่มอิทธิพลอย่างฉางมู่ยังไม่กล้าแตะต้องก็แล้วกัน” เยี่ยฉวนเหยียดยิ้มมุมปาก “ต่อไปข้าจะทำให้กองกำลังจอมโจรเป็นคนที่เก่งที่สุดเหมือนกัน!” ไม่มีเสียงตอบจากหญิงสาวที่อยู่ข้าง
เยี่ยฉวนจึงถามต่อมาว่า “ไม่เชื่อหรือไง?” ลู่ป้านจวงตอบว่า “เอาไว้เรามาช่วยกัน!” พยายามด้วยกันอย่างเต็มที่! ชายหนุ่มหยักหน้าทันที “ตกลงมาพยายามด้วยกัน ต่อสู้ด้วยกันและร่วมมือร่วมใจกัน!”
จากนั้นจึงหันไปหาหลิงฮั่นและคนอื่น “พวกเจ้าเชื่อมั่นไหมว่าเราทำได้?” หลิงฮั่นฉีกยิ้ม “พี่เยี่ย การจะทำให้สำเร็จในดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นยากก็จริง! แต่เมื่อมีพี่เยี่ยและพี่ใหญ่อยู่ที่นี่แล้ว พวกเราเชื่อมั่นว่าจะต้องสำเร็จได้อย่างแน่นอน!” เมื่อได้ยินคนพูดว่ามาดังนั้น ทุกคนจึงพร้อมใจกันหัวเราะด้วยความขบขัน
เมื่อเสียงหัวเราะค่อยเลือนหาย เสียงไป่เจ๋อพูดขึ้นว่า “หัวขโมยพี่เยี่ย ข้าต้องไปแล้ว!” เยี่ยฉวนหันไปทางเสียง จึงได้เห็นไป่เจ๋อยิ้มแห้ง “ตอนที่มานี่ข้าขอร้องแกมบังคับให้บิดาบุญธรรมยอมให้ข้านำสัตว์อสูรเหล่านี้ออกมา ตอนนี้เสร็จเรื่องแล้วข้าจะต้องนำพวกมันกลับไปคืนที่เดิม ข้ารับปากเขาไว้แล้ว”
ชายหนุ่มนิ่งคิดก่อนถามว่า “จะให้ข้าไปด้วยไหม?” ไป่เจ่อลังเลเล็กน้อยจากนั้นจึงตอบว่า “อันที่จริงบิดาบุญธรรมก็อยากพบเจ้าเหมือนกัน!” อีกฝ่ายยิ้มน้อยๆ “ถ้าอย่างนั้นเจ้ารออยู่นี่สักครึ่งวัน พรุ่งนี้เช้าข้าจะกลับไปพร้อมกับเจ้า อีกอย่างข้าก็มีเรื่องอยากหารือกับบิดาบุญธรรมของเจ้าเหมือนกัน ข้าว่าเขาจะต้องสนใจแน่!”
หากไป่เจ๋อหน้าแหย “บิดาบุญธรรมไม่ใช่คนที่ใครจะคุยด้วยได้ง่ายขนาดนั้นน่ะซี” เยี่ยฉวนอมยิ้ม “ไม่เป็นไร อย่างมากพวกเราก็มาประลองฝีมือกำลังกันสักยกสองยก ไม่หนักหนาหรอก!” คนตัวใหญ่มองเยี่ยฉวนนิ่ง “แต่บิดาข้าเป็นสุดยอดผนึกยุทธ์!” เสียงเยี่ยฉวนพูดว่า “ข้าบอกว่าไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไรสิน่า!” จากนั้นก็หันหลังเดินจากไปทันที ไป่เจ๋อจึงได้แต่ยืนมองตามหลังเงียบๆ “……”
เมืองชายแดนเวลานี้ค่อนข้างเงียบเมื่อเยี่ยฉวนและพวกเคลื่อนผ่านประตูเมืองเข้าสู่ภายในบริเวณ บัดนี้มีเพียงกองทหารที่มาประจำการ หามีพลเรือนสักคนไม่! เมื่อสังเกตเห็นท่าทางของอีกฝ่าย เจียงจิ่วรีบอธิบาย “ก่อนหน้าเราถูกแคว้นถังโจมตี ข้าจึงสั่งย้ายพลเมืองออกไปให้หมด เหลือแต่กองทหารประจำเมืองชายแดนอย่างที่เห็นนี่แหละ!”
จากนั้นจึงหันมามองเยี่ยฉวนตรงๆ “แต่ตอนนี้เหตุการณ์สงบแล้ว ข้าจะสั่งให้พาพวกเขากลับมาก็แล้วกัน” เยี่ยฉวนพยักหน้าเห็นด้วย “ดีแล้วล่ะขอรับ การเจรจากับแคว้นถังจะเป็นอย่างไร ท่านลองไตร่ตรองดูนะขอรับ” อีกฝ่ายตอบกลับอย่างมั่นใจ “วางใจเถิด การเจรจาต้องจบลงด้วยดีแน่!” แคว้นเจียงสามารถสยบแคว้นถังได้ อย่างนั้นหรือ?
ความจริงมีอยู่ว่า แคว้นเจียงไม่ได้แข็งแกร่งพอที่จะสามารถสยบแคว้นถัง การใช้กำลังรังแต่จะทำให้แคว้นเจียงต้องจมปลักอยู่ในหล่มของสงคราม และถ้าเป็นอย่างนั้นแคว้นเจียงก็ต้องสูญสียไม่น้อยไปกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลานี้แคว้นเจียงยังเหลือสองศัตรูที่แข็งแกร่งอย่างแคว้นชูและแคว้นเยว่! ถึงกระนั้นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงในเวลานี้คือการเจรจาสงบศึกระหว่างสองแคว้น!
ภายในพื้นที่ค่ายทหารอันกว้างใหญ่ เยี่ยฉวน หลิงฮั่นและคนอื่นกำลังนั่งล้อมรอบโต๊ะกลมตัวใหญ่ คนทั้งหมดง่วนกับการแบ่งทรัพย์สินที่ยึดมาได้!
เงินทองมากมายรวมทั้งสิ่งล้ำค่าเป็นของสถานศึกษาฉางมู่แห่งแคว้นถังและเหล่ายอดยุทธ์จากฉางมู่แห่งต้าอวิ๋น นอกจากนั้นพวกเขายังยึดได้ทั้งสิ่งล้ำค่า เงินทอง และสิ่งละอันพันละน้อยจากผู้เยี่ยมยุทธ์ของแผ่นดินชิง แน่ละส่วนที่ใหญ่ที่สุดคือของที่ยึดได้จากคลังสมบัติของแคว้นถัง! ทั้งหมดเป็นของล้ำค่าของแคว้น!
ทุกคนนำสิ่งของที่เก็บได้ออกมา มีทั้งสิ่งล้ำค่าและเงินทองที่ยังไม่ได้ถูกแบ่งสันปันส่วน เมื่อต่างคนต่างล้วงออกมาวางรวมกัน เพียงไม่นานค่ายทหารกว้างก็เต็มไปด้วยเหรียญทองเป็นตั้ง กองศาสตราวุธจิตวิญญาณ, สุดยอดศาสตราวุธจิตวิญญาณ, ศิลาจิตวิญญาณ, สุดยอดศิลาจิตวิญญาณ, ศิลาจิตวิญญาณขั้นประกายแสง, คัมภีร์ทักษะยุทธ์ขั้นปฐพี, วิชาหมัดมวยขั้นปฐพี นอกจากนั้นก็มีทองคำ เงินและหยกอีกหลายชิ้น……
ละลานตา! ภาพที่ปรากฏนั้นทำเอาโม่อวิ๋นฉีและไป่เจ๋อยังตกตะลึงพรึงเพริด ขณะเดียวกัน หลิงฮั่นและคนอื่นความรู้สึกตื่นตาตื่นใจต่อสิ่งที่พบเห็น จนยากจะปกปิดความยินดีและความตื่นเต้นมิให้แสดงออกมาได้
ครั้งนี้พวกเขาได้สิ่งของเงินทองมากมายเหลือคณา! โดยเฉพาะเยี่ยฉวน เขาริบคันธนูมาได้จำนวนหนึ่ง ซึ่งล้วนแต่เป็นสุดยอดศาสตราวุธจิตวิญญาณ คันธนู 30 คันธนูนี้ มากพอที่จะสร้างกองมือธนูได้เลย! อาจกล่าวได้ว่า ลำพังศักยภาพในการจัดหาอาวุธทางการทหารของทั้งแคว้นเจียงและแคว้นถัง ไม่มีทางหาอาวุธชั้นดีเช่นนี้มาให้แก่กองทหารของตน หรือถ้าจะได้ แคว้นนั้นก็คงถึงกับสิ้นเนื้อประดา!
ภายหลังจากทำการสรุปรายการสรรพสิ่งล้ำค่าจนครบถ้วน ลู่ป้านจวงจึงเริ่มทำการแจกจ่าย! ทุกคนได้รับส่วนแบ่งอย่างเท่าเทียม ไป่เจ๋อและโม่อวิ๋นฉีตกลงใจจะสละส่วนแบ่งของตนด้วยเห็นว่ามิได้เข้าร่วมต่อสู้ตั้งแต่ครั้งแรก อย่างไรก็ตาม ในที่สุดทั้งสองคนก็ต้องยอมรับส่วนแบ่งจนได้ เพราะหากไม่ได้กองกำลังสัตว์อสูรมาร่วมต่อสู้ครั้งนี้ คนทั้งหมดคงต้องประสบความยากลำบากเมื่อคราวที่จะออกจากแคว้นถังเป็นแน่!
กว่าการแบ่งสันปันส่วนจะเสร็จสิ้นกินเวลากว่าครึ่งชั่วยาม……
ในท้ายที่สุด เฉพาะส่วนแบ่งที่เยี่ยฉวนได้รับมีมูลค่ากว่าห้าร้อยล้านเหรียญทอง สิ่งล้ำค่าที่เขาได้รับมาก็มีสุดยอดศิลาจิตวิญญาณ 150 ล้านชิ้น,ทักษะยุทธ์ขั้นปฐพีระดับต้น 7 ชิ้น คัมภีร์พลังปราณระดับต้น 5 เล่ม สุดยอดศาสตราวุธจิตวิญญาณ 21 ชิ้น สุดยอดคันธนู 30 ชิ้น และสิ่งของอื่นอีกหลายชิ้น ซึ่งรวมมูลค่ากว่าสิบล้านเหรียญทอง!
ณ ตอนนี้เยี่ยฉวนมีทรัพย์สินมากกว่าพวกตระกูลขุนนางชั้นสูงอันดับต้นบางตระกูลเสียอีก! ลู่ป้านจวงและคนอื่นก็ใช่ย่อยแต่ละคนได้รับไปไม่น้อย ตอนนี้ทุกคนมีเงินคนละหลายร้อยล้านเหรียญทอง……
หลังจากเสร็จสิ้นภาระกิจแบ่งสมบัติ เยี่ยฉวนผุดลุกขึ้นยืนทำให้สายตาทุกคู่หันมามองเป็นตาเดียว เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง “อาวุโสโม่ เจ้าช่วยนำเงินห้าสิบล้านเหรียญทองไปมอบให้จ้าวหอชั้นเก้าแห่งแคว้นถังด้วย ฝากบอกเขาว่า ข้าขอบคุณที่เขาเคยช่วยเหลือพวกเราก่อนหน้านี้ ถ้าเขาไม่ยอมรับ เจ้าช่วยบอกว่า เงินนี่มอบให้สหายจากสำนักอัปสรเมรัยที่เคยช่วยเหลือพวกเราก็แล้วกัน และแจ้งต่อจ้าวหอชั้นห้าว่าข้ามีเรื่องสำคัญจะหารือกับเขา”
เยี่ยฉวนหยุดสูดหายใจลึก “จุดหมายต่อไปคือขั้นพลังผสานเทพ ตอนนี้พวกเรามีเงินทองมากกันแล้วจึงควรที่จะบรรลุขั้นผสานเทพกันเสียที! ทั้งยังมีของล้ำค่าชั้นเลิศหลายสิ่ง! เหมาะเลยอย่างน้อยก็ได้รับส่วนแบ่งเป็นของล้ำค่าขั้นประกายแสงกันทุกคน!”
ขั้นพลังผสานเทพ! ของล้ำค่าขั้นประกายแสง!
— จบตอน —



