บทที่ 61 พี่เยี่ย ท่านแวะมาเยี่ยมเยียนข้าได้แล้วหรือ? (ปลาย)
“จะให้ข้าทำเช่นนั้นได้อย่างไร?!”
ทันใดนั้นเสียงหนึ่งก็ได้ดังมาจากอีกด้านนึง
ผู้ตกเป็นเป็นสายตาคือชายหนุ่มผู้กำลังเดินขึ้นบันไดมา คาดคะเนแล้วอายุน่าจะราวสิบแปดหรือสิบเก้าปี แต่ทว่าร่างกายของคนผู้นี้กลับสูงใหญ่นัก ผมสั้นจนเกือบเกรียนของเขายิ่งทำให้ดูดุดัน
“ชางฉี!”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังกระหึ่มขึ้นในลาน “เขาผู้เป็นอัจฉริยะของตระกูลชาง ข้าได้ยินว่าสถานศึกษาฉางมู่รับเข้าเป็นศิษย์ล่วงหน้า……”
รับเป็นศิษย์ล่วงหน้า!
ทุกคนล้วนต้องการเป็นหนึ่งในคนที่ได้รับเลือกให้เข้าเรียนในสถานศึกษาฉางมู่ แต่คนเหล่านั้นกลับต้องผ่านการทดสอบ ขณะเดียวกัน สำหรับคนที่มีคุณลักษณะอันเป็นยอด คนเหล่านี้ล้วนไม่จำเป็นต้องทำตามขั้นตอน ซึ่งปีนี้มีถึง 5 คนที่ไม่จำเป็นต้องผ่านการทดสอบ!”
ชางฉีคือหนึ่งในห้า!
ชางฉีเป็นหนึ่งในคิดที่ตามติดโม่สุ่ยชิง ดังนั้นทุกคนในเมืองหลวงจึงรู้จักเขาเป็นอย่างดี
ชางฉีหยุดอยู่เบื้องหน้าโม่สุ่ยชิง เขาเหลือบมองเยี่ยฉวนซึ่งอยู่ไม่ห่างนักด้วยแววตาเฉยเมย “สุ่ยชิง ข้าจัดการมันเอง!”
หญิงสาวนิ่วหน้าอย่างขุ่นเคือง “ชางฉี นี่ไม่ใช่เรื่องของเจ้า!”
ชายหนุ่มสีหน้าไม่ชอบใจนัก “เขาดูหมิ่นท่าน นั่นเท่ากับดูหมิ่นข้า”
หลังจากนั้นจึงหันมาหาเยี่ยฉวน “เจ้าเป็นใคร บังอาจมาพูดจาดูหมิ่นศักดิ์ศรีของโม่สุ่ยชิง? วันนี้ล่ะข้าจะขยี้กระดูกของเจ้าให้ป่นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย”
ขาดคำ เขาพลันพุ่งตัวเข้ามาอย่างรวดเร็ว
การเคลื่อนไหวรวดเร็วประหนึ่งเสือร้ายทะยานพุ่งลงจากยอดเขา ยังไม่ทันไรก็เข้าถึงตัวเยี่ยฉวน พร้อมด้วยพลังปะทะรุนแรง
ชายผู้นี้กำหมัดขวากระแทกออกไปอย่างแรง มันก่อให้เกิดแรงปะทะโดยรอบ อึดใจถัดมาสิ่งที่เห็นคือฝ่ามือของชางฉีกระแทกใส่หน้าอกของเยี่ยฉวน และฝ่ามือของเยี่ยฉวนเองก็พุ่งกระแทกกลางหน้าอกชางฉี
เปรี้ยง! เปรี้ยง!
ชายหนุ่มผงะถอยไปเล็กน้อย ในขณะที่คู่ต่อสู้ของเขา ชางฉีกลับร่างถอยกรูรวดเดียวไกลกว่า 9 จั้งจนชนเข้ากับกำแพงอีกด้านก่อนหยุดนิ่ง!
ฉากการต่อสู้ที่ปรากฏแก่สายตาโดยรอบทำให้พวกเขาถึงกับตื่นตะลึง!
องค์ชายใหญ่เจียงเหนียนเฉิงหรี่ตามองอย่างครุ่นคิด พระองค์เองก็ตกพระทัยไม่น้อยเช่นเดียวกัน ในขณะที่โม่สุ่ยชิงเอง นางก็กำลังจับตามองจนคิ้วงามขมวดมุ่น
ใครต่างรู้กันว่าชางฉีเป็นคนที่มีรูปร่างกำยำแข็งแรงกว่าทั่วไป มีคนเพียงไม่กี่คนที่มีขั้นพลังปราณกล้าแข็งเสมอกันจึงจะสามารถรับมือได้
ทว่าครานี้ ชางฉีกลับเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างสิ้นเชิง!
สายตาของชางฉีเปล่งประกายไม่เชื่อ “เป็นไปได้อย่างไรที่เจ้าสามารถ……”
เยี่ยฉวนสีหน้าเรียบเฉย “คิดประลองความแข็งแกร่งกับข้าอย่างนั้นหรือ? คนเช่นข้าหาได้เกรงกลัวกับเรื่องแบบนั้นไม่ เวลานี้ข้าบรรลุกายาทองคำแล้ว! และความแข็งแกร่งในเวลานี้แม้อสูรกายข้าก็ไม่กลัว ดังนั้นจะนับประสาอะไรกับมนุษย์!”
“ข้าไม่เชื่อ!”
ชางฉีคำรามลั่นพุ่งถลันเข้าใส่เยี่ยฉวนอีกครั้ง ทว่าชายหนุ่มเพียงเบี่ยงกายหลบเล็กน้อยก่อนสับเปลี่ยนมาเป็นผู้จู่โจม ท่ามกลางสายตาทุกคู่ ทั้งสองได้ผลักฝ่ามือปะทะกันอย่างรุนแรงอีกครั้ง
เปรี้ยง!
กร๊อบ!
เสียงกระดูกแตกลั่นจากแรงปะทะทำให้กระดูกแขนขวาของชางฉีหักสะบั้นลงในครั้งเดียว พลันของมันส่งให้ชายผู้นั้นละลิ่วไปกระแทกกับกำแพง
เปรี้ยง!
แรงกระแทกส่งผลให้กำแพงสั่นคลอนอย่างน่ากลัว ชางฉีกระเสือกกะสนพยายามลุกขึ้น ทว่ากลับไร้ผล ได้แต่ล้มลงสิ้นท่าตรงนั้นเอง!
เยี่ยฉวนกวาดสายตามองรอบตัวแววตาไร้ซึ่งความเป็นมิตร ก่อนฉวยจับมือน้อยของน้องสาว “ไปกันเถิด!”
“ช้าก่อน!”
เสียงเรียกทำให้คนทั้งสองชะงักดังมาจากลานกว้าง
เพราะคนผู้เป็นเจ้าของเสียงเรียกคือองค์ชายเจียงเหนียนเฉิง องค์ชายใหญ่!
องค์ชายใหญ่เสด็จตรงเข้ามามุมปากมีรอยยิ้มเหยียด “พี่เยี่ย ข้าเข้าใจดีแล้ว ท่านกล่าวดูหมิ่นต่อคุณหนูโม่ ดังนั้นข้าคงต้องขอให้ท่านโปรดทำการขอขมาต่อนางด้วย!”
“องค์ชายทรงเปี่ยมคุณธรรม!”
โดยไม่ทันตั้งตัว บรรดาผู้คนที่ล้อมรอบพร้อมใจกันแสดงคารวะต่อองค์ชายเจียงเหนียนเฉิง “ทรงให้ความเป็นธรรมด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ องค์ชาย!”
“คนผู้นี้ใช้วาจาดูหมิ่นหนำซ้ำกลั่นแกล้งรังแกคุณหนูโม่ โทษของเขาไม่สมควรให้อภัย ได้โปรดสั่งขังมันเสียเถิดพ่ะย่ะค่ะ องค์ชาย!”
“……”
“ท่านทั้งหลายโปรดมั่นใจ ความเป็นธรรมที่พวกท่านปรารถนาข้าหาได้ละเลยไม่ ดังนั้นข้าจะตัดสินให้ความเป็นธรรมกับคุณหนูโม่เอง!”
กล่าวจบจึงหันกลับมาพูดกับเยี่ยฉวน “คุณชายเยี่ย หากท่านไม่ขอขมานางในวันนี้ ข้าเกรงว่าจะไม่สามารถปล่อยให้เจ้าเดินลอยชายออกจากที่นี่ไปเฉยๆ ได้”
ชายหนุ่มยิ้มพร้อมกล่าวตอบว่า “ใต้ฝ่าพระบาทองค์ชายใหญ่ พระองค์ทรงใช้อำนาจได้อย่างชาญฉลาดยิ่งนัก! ทรงทำเช่นนี้ก็สามารถเอาชนะใจคนทั้งหมดด้วยการยิงปืนเพียงนัดเดียวจนได้นกหลายตัว!”
องค์ชายเจียงเหนียนเฉิงหาได้ใส่ใจต่อวาจา “ขอขมา! แสดงออกจากใจจริงของเจ้า จงคุกเข่าลงกับพื้นแล้วขมาเสีย!”
สิ้นพระสุรเสียง ทหารองครักษ์กลุ่มใหญ่พร้อมหอกยาวพลันวิ่งตรงเข้าล้อมกรอบพวกเขา ซึ่งคนพวกนั้นก็มีมากมายเสียจนราวกับจะขนกันมาทั้งกองพัน!
“จงคุกเข่าลงและขอขมา!”
เยี่ยฉวนส่งยิ้มเยาะให้องค์ชายใหญ่ ก่อนจะหันมาบอกลู่เสี่ยวหรานว่า “ท่านผู้อาวุโสลู่และแม่นางฮั่น โปรดช่วยดูแลน้องแทนข้าสักครู่!”
เหตุผลที่ชายหนุ่มขอร้องฮั่นเซียงเหมิงอีกคนหนึ่งเพราะต้องการให้แน่ใจว่าเยี่ยหลิงจะปลอดภัย!
เมื่อได้ยินดังนั้น คราแรกลู่เสี่ยวหรานบังเกิดความลังเลอยู่บ้าง ทว่าสุดท้ายเขาก็ยอมทำตาม ขณะที่ฮั่นเซียงเหมิงเพียงส่งเสียงรับรู้ ทว่าไม่ได้พูดอะไร
สั่งเสร็จ เยี่ยฉวนพลันหันกลับมา เขากวาดตามององค์ชายเจียงเหนียนเฉิงและคนอื่น ทำให้องค์ชายใหญ่หรี่ตามองก่อนร้องตวาด “ใครก็ได้จับมัน บังอาจบุกรุกเข้ามาภายในหอพำนักเซียนและยังกระทำการโอหังใช้วาจาดูหมิ่นคุณหนูโม่ รวมทั้งทำร้ายคนอื่นๆ โทษของมันไม่อาจละเว้นได้ จัดการจับมันเฆี่ยนจนกว่าจะตาย!!”
ทหารกรูตรงเข้ามาหมายจะจับเยี่ยฉวน
ทว่าทันใดนั้นเสียงฝีเท้าหนึ่งดังมาตามบันได บุคคลที่โผล่เข้าประตูมาถึงกับทำให้ทุกคนในที่นั้นสะดุ้งด้วยไม่คิดฝัน
ที่ประตูปรากฏร่างสตรีสวมชุดสีขาวซึ่งขาวจัดเสียยิ่งกว่าสีขาวของหิมะ ทำให้ร่างนั้นราวกับเทพธิดาที่เพิ่งเสด็จลงมาจากสวรรค์
อันหลานซิ่ว!!
เมื่ออันหลานซิ่วปรากฏตัว พวกทหารต่างลนลานทรุดตัวคุกเข่าลงกับพื้นทีละคน เช่นเดียวกับทุกคนที่อยู่ในบริเวณลานกว้าง ที่ต่างค้อมตัวลงและแสดงคารวะต่อนางพร้อมกับเปล่งเสียงโดยพร้อมเพรียง “ขอคารวะท่านอันผู้เยี่ยมยุทธ์แห่งแคว้น!”
แม้แต่องค์ชายใหญ่เจียงเหนียนเฉิงก็ยังมิวายต้องแสดงคารวะต่อนาง โม่สุ่ยชิงเอง เมื่อนางเห็นดังนั้นก็พลันมีใบหน้าซีดเผือดเป็นไก่ต้ม ก่อนที่หญิงสาวจะค้อมกายพร้อมกล่าวแสดงคารวะเสียงเบา “โม่สุ่ยชิงแห่งตระกูลโม่ ขอคารวะท่านอันผู้เยี่ยมยุทธแห่งแคว้นเจ้าค่ะ”
อันหลานซิ่วพยักหน้าน้อยๆ ท่ามกลางสายตาทุกคู่นางเดินตรงไปที่เยี่ยฉวน คราแรกนางมองเขาอย่างประเมินในใจ ก่อนที่สายตาจะแสดงความประหลาดใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด “นั่นมันจิตวิญญา–……”
นางส่งยิ้มให้เล็กน้อย “ท่านทำให้ข้าตกใจไม่น้อย ไม่ได้เจอกันเสียนานขั้นพลังของท่านสูงขึ้นแล้วจริงๆ……พี่เยี่ย ท่านแวะมาเยี่ยมเยียนข้าได้แล้วหรือ?”
“พี่เยี่ย!”
เมื่อได้ยินคำว่า ‘พี่เยี่ย’ ทุกคนก็พากันยืนนิ่งขึงตัวแข็งทื่อราวกับท่อนไม้ในบัดดล
— จบตอน —



