Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 563

ตอนที่ 563 ซื้อใจด้วยพระคุณ ฤดูใบไม้ร่วงหวีดหวิว

“วันนั้นตอนเรือขึ้นเหนือมา กองทัพเรือเราต้องหาพ่อครัวในพื้นที่มาและยังต้องซื้อหาอาหารแต่ละอย่าง ให้กองเรือพวกเขาตามขึ้นเหนือมา วันนั้นยังคิดว่าใต้เท้าทางเหนือต้องการไว้ใช้เอง คิดไม่ถึงว่าใต้เท้าหวังจะเตรียมการเพื่อพวกเรา ลำบากใต้เท้าจริงๆ !”

นายกองเรือม่ายผู้นี้สำเนียงพูดมาเก๊าหนักมาก แต่พูดภาษากลางก็ยังฟังรู้เรื่อง ตอนทัพเรือกวางตุ้งขึ้นเหนือมา หวังทงยังเชิญพ่อครัวกวางตุ้งตามมาอีกด้วย

ปรากฏ นายทหารทัพเรือกวางตุ้งหลายพันมาถึงเทียนจิน พบว่าทุกอย่างเตรียมพร้อมไม่ว่า แม้แต่เสื้อหนาวอันใดก็เตรียมพร้อมเช่นกัน เสบียงอาหารในค่ายพักก็มีกันให้เต็มอิ่ม มีหมอมาดูอาการพวกเขาหากปรับตัวกับอากาศในพื้นที่ไม่ได้อีกด้วย ถึงกับมีพ่อครัวมาปรุงอาหารให้โดยเฉพาะ

เป็นทหารกินเสบียงเบี้ยหวัดถูกหัก ถือเป็นงานลำบาก ทหารเรืออยู่กวางตุ้งก็ขอเพียงแค่ให้ได้กินอิ่มท้องเท่านั้น พอมาเทียนจินมีเนื้อมีปลากินอิ่มหมีพีมัน อาหารมากมาย ชีวิตดีกว่าที่กวางตุ้งมากมาย

พลทหารทั่วไปรู้สึกสบาย นายกองทัพไปจึงนายกองเรือแต่ละระดับล้วนได้รับการต้อนรับไม่เลว รายได้ก็ยิ่งไม่เลว มีจวนพักส่วนตัว ยังมีเบี้ยหวัดเพิ่มหลายเท่า

นอกจากต้อนรับดูแลดีแล้ว พวกทหารเรือจากกวางตุ้งยังได้สิทธิพิเศษสิทธินั้นก็คือการค้าระหว่างกวางตุ้งและเทียนจิน นายทหารใหญ่ในกองเรือล้วนมีส่วนแบ่งรายได้

การมอบสิทธิพิเศษให้มากมายเช่นนี้ ทุกคนในกองทัพเรือกวางตุ้งล้วนอุทานกันว่าการมาครั้งนี้ไม่เสียเปล่า อีกทางหนึ่งนั้น ในใจก็เริ่มคิดกันว่า ใต้เท้าหวังอายุยังน้อยผู้นี้ให้ค่าตอบแทนที่ดีเช่นนี้แก่ทัพเรือที่แต่ไรมาก็เป็นที่ดูแคลนของทุกคน เจตนาใดกันแน่

นายกองเรือม่ายเป็นคนคิดมาก เขานั่งอยู่ในตำแหน่งนี้ ย่อมเป็นคนสนิทของเฉินหลิน จึงตั้งใจหาข้อมูลเต็มที่ว่าใต้เท้าหวังมีเจตนาเช่นไรกันแน่

สองฝ่ายหารือเรื่องการป้องกันทางทะเล นายกองเรือม่ายขอบคุณไป ก็ลองหยั่งเชิงหวังทงไป ในการแกล้งหยั่งเชิงของอีกฝ่ายนี้ หวังทงทำเป็นไม่ได้ยิน

วาจาตามมารยาทจบลง หวังทงก็ยิ้มกล่าวว่า

“นายกองเรือม่ายก็เห็นแล้วว่า ข้า หวังทง มีเรือ แต่ไม่มีคน คนที่หามาได้แต่ละพื้นที่ก็ไม่แคล่วคล่อง เวลากระชั้นชิดไม่อาจใช้การได้ เรือเหล่านั้นไม่อาจทิ้งเปล่า ข้าคิดดูแล้วว่า จะส่งคนเทียนจินเรามาให้ทัพท่านฝึกฝนสักกองได้หรือไม่ ทัพท่านก็ช่วยเป็นกำลังให้เรือรบเทียนจินเราไปก่อน”

ได้ยินวาจาหวังทง นายกองม่ายก็อึ้งไป ก่อนจะรีบยิ้มกล่าวว่า

“เรื่องนี้ไม่ยาก เราได้รับการปฏิบัติอย่างดีจากใต้เท้าหวังที่เทียนจิน เรื่องเล็กน้อยนี่ไม่เท่าไรนัก ขอคนของใต้เท้าแจ้งแก่ข้าสักหน่อย”

หวังทงยิ้มขอบคุณ ทัพเรือกวางตุ้งเป็นทัพเรือทางน้ำที่มีระบบที่สมบูรณ์มาตลอดแผ่นดินหมิง ทหารเรือไม่ว่าอย่างไร ก็ชำนาญการทะเลมานาน มีความชำนาญ

กลุ่มคนเช่นนี้มาถึงเทียนจินที่ยังขาดทหารเรือที่ชำนาญการ ทหารเทียนจินยังไม่สามารถออกรบทางทะเลได้ดีนัก หวังทงย่อมไม่เพียงแค่ขอให้พวกเขาช่วยปกป้อง

ให้เงินเดือนสูงเพื่อทำให้พวกเขารู้สึกว่าเทียนจินแห่งนี้ก็ไม่เลว เรื่องอื่นๆ ค่อยๆ ทำไป อย่างไรก็ไม่รีบร้อน

***********

พอเข้าสู่เดือนสิบ เมืองหลวงก็เริ่มหนาวแล้ว คนร่างกายไม่แข็งแรงหรือคนชราก็เริ่มใส่เสื้อบุฝ้ายหนาหรือไม่ก็เสื้อหนังกันแล้ว วันๆ มีแต่คนคอยติดตามอารักขา หลี่เหวินหย่วนกับหลี่ว์วั่นไฉเริ่มปรับตัวได้แล้ว

จวนหลี่ว์วั่นไฉอยู่เมืองหลวง ยังเป็นผู้ช่วยเจ้ากรมศาลซุ่นเทียน จวนขนาดไม่ใหญ่นัก มีชายฉกรรจ์ติดตามหลายคนย่อมไม่ค่อยสะดวก หลี่เหวินหย่วนอยู่คนเดียว มีคนมากอีกหน่อยก็ไม่รู้สึกไม่ชินอันใด

เพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกต หลี่เหวินหย่วนจึงให้พลอารักขาทั้งสี่นายแต่งเครื่องแบบทหารองครักษ์เสื้อแพร คนเห็นกันตอนกลางวัน ยังคิดว่าเป็นนายกองร้อยสำนักองครักษ์เสื้อแพรแห่งถนนทักษิณ

เดือนเจ็ดจัดพลอารักขาให้ มาถึงเดือนสิบก็เงียบสงบดี สำนักรักษาความสงบในเมืองจับตาดูแน่นหนา เรื่องที่เมื่อก่อนไม่เคยสนใจก็เข้าไปสังเกตการณ์หมด แต่ก็เป็นเพียงคดีเล็กน้อยเท่านั้น

ทางหลี่ว์วั่นไฉยังดี ลูกน้องมาก พลอารักขาก็ยังทำหน้าที่อารักขา หากหลี่เหวินหย่วนกลับเอาไปใช้เป็นทหารในสังกัดแทน มักจะใช้งานในหน้าที่ต่างๆ

วันที่ 17 เดือนสิบ หลี่เหวินหย่วนนำคนออกเดินตรวจตราบนถนนรอบๆ ถนนทักษิณรอบหนึ่ง

ออกตรวจตรารอบทิศโดยมีถนนทักษิณเป็นศูนย์กลาง พื้นที่ในความดูแลของหลี่เหวินหย่วนเริ่มเงียบสงัดลงเรื่อยๆ ที่ถนนทักษิณมีหอเลิศรสเปิดอยู่ โอรสสวรรค์เสด็จมาบ้าง เดิมก็เป็นที่สะดุดตาดึงดูดใจผู้คนอยู่แล้ว กอปรกับมีลานฝึกหู่เวยอยู่ด้วย จึงเรียกได้ว่าเป็นที่สำคัญมีค่าควรแก่การป้องกัน

ด้วยเหตุนี้ บรรดาคหบดีในเมืองหลวงจึงมาเปิดร้านกันบนถนนทักษิณ นอกจากหอเลิศรสและหอรุ่งเรืองสองแห่งที่เป็นกิจการของสำนักรักษาความสงบและในวังแล้ว ณ วันนี้ เบื้องหลังร้านค้าที่อื่นๆ ล้วนเป็นคหบดีคนสำคัญในเมืองหลวงทั้งสิ้น

แต่การเปิดร้านที่นี่ ย่อมไม่หวังทำกำไรสักเท่าไร แค่สามารถเชื่อมสัมพันธ์ในราชวงศ์ได้ อย่างไรก็ดี หอเลิศรสทางด้านซ้ายถูกคหบดีอันดับหนึ่งกวาดซื้อไปหมด ระดับรองลงมาก็ยอมถอยให้ ไปซื้อร้านด้านหลังแทน

พอหวังทงจากเมืองหลวงไป ฮ่องเต้ว่านลี่ไปหอเลิศรสนับครั้งได้ คหบดีที่ซื้อพื้นที่รอบๆ ไป ก็ไม่หวังว่าจวนที่ซื้อไปนี้จะทำเงินอันใด ก็ปล่อยทิ้งไว้เช่นนั้น ปิดประตูไม่ทำอันใดไว้เช่นนั้น

พวกหลี่เหวินหย่วนเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็เห็นคนหาบเร่ด้านหน้า ปากร้องตะโกนว่า

“น้ำตาลปั้น น้ำตาลก้อน!!”

ไม้คานหาบสองด้านย้อมสีแดง บนตระกร้าหาบมีผ้าดำปิดไว้ นี่เป็นพวกขายหาบเร่ขายน้ำตาลปั้นเป็นรูปตุ๊กตา เห็นพวกหลี่เหวินหย่วนเดินมา ก็รีบเอี้ยวตัวหลีกทางให้ วางหาบลงให้พวกหลี่เหวินหย่วนผ่านทางไป ก้มตัวคำนับอย่างนอบน้อม

พอเดินไปถึงหาบ พลอารักขาผู้หนึ่งยิ้มกล่าวว่า

“พ่อค้านี่เป็นมือใหม่แน่ ถนนทักษิณไม่มีบ้านเรือนชาวบ้านสักหลัง ไหนเลยจะมีเด็กน้อยมาซื้อน้ำตาลของเขากัน”

พลอารักขาติดตามหลี่เหวินหย่วนมาได้หลายเดือนแล้ว เดินไปมาบนถนนทักษิณหลายรอบ ไปทำงานมาหลายแห่ง ชำนาญเส้นทางบนถนนทักษิณมาก

พอคนหนึ่งพูด ทุกคนก็หัวเราะดังตาม หลี่เหวินหย่วนก็ยิ้มส่ายหน้า พอเลี้ยวหัวมุม ก็มีคนผู้หนึ่งสวมหมวกสสานและแบกตะกร้าไผ่ตะโกนว่า

“หน่อไม้~~สดๆ มาแล้วจ้า~~~~

ฤดูนี้แล้ว เป็นช่วงเวลาสุดท้ายที่สินค้าตอนใต้จะมาแล้ว ที่เรียกว่าหน่อไม้ก็ขายกันในยามนี้ หน่อไม้สดๆ เติมเครื่องปรุง ซื้อหากลับบ้านไปทำน้ำแกงรสชาติดีเยี่ยม ในห้วงเวลายามนี้ แบกตระกร้าสานบนท้องถนนร้องตะโกนขาย เป็นทัศนีย์ภาพหนึ่งของเมืองหลวงยามนี้

พลอารักขาพากันหัวเราะครืนอีก หลี่เหวินหย่วนกลับเงียบ เดินไปข้างหน้าไม่กี่ก้าว พวกขายหน่อไม้ก็เหลียวกลับมามอง หลี่เหวินหย่วนหยุดฝีเท้าลง คนรอบ ๆ ก็หยุดตาม ยังคิดว่าเกิดเรื่องใด มองไปรอบตัว

คนขายหน่อไม้เข้ามาใกล้ ไม่กล้าชนกับเจ้าหน้าที่ทางการ หากหลบให้อย่างระแวดระวัง อยู่ ๆ หลี่เหวินหย่วนก็ถามขึ้นว่า

“เจ้าคิดว่าคนเดียวสู้กับพวกเรา 5 คนได้หรือ?”

คนหาบเร่ตกตะลึง หัวที่ก้มเงยขึ้นอย่างรวดเร็ว พลอารักขาติดตามหลี่เหวินหย่วนได้สติทันที มองไปรอบทิศ ก็ไม่อาจมีสายตาแหลมคมดังเช่นหลี่เหวินหย่วนที่เป็นสำนักองครักษ์เสื้อแพรเก่ามานานปี แต่ได้รับการฝึกมา สองคนก็ถอยไปอยู่ข้างกายหลี่เหวินหย่วน อีกสองคนชักดาบออกมายืนบังด้านหน้า

การเคลื่อนไหวของหาบเร่ขายหน่อไม้ก็ไม่ช้า พุ่งไปด้านหน้า เอี้ยวตัวลงสะบัดตระกร้าไม้ไผ่บนหลังออก สะบัดมือทั้งสองขว้างตระกร้าเข้าใส่พลอารักขาทั้งสองทันที

ด้านในมีหน่อไม้จริง ร่วงอยู่เต็มพื้น พลอารักขาสองนายชักดาบออกมาพร้อมกันทันที ฝีเท้าช้าไปสักหน่อย ชายหาบเร่ผู้นั้นกระโดดเข้ามาได้หลายก้าวแล้ว ในมือเป็นดาบสั้นส่องประกายแวววับ ชายหาบเร่ไม่หนี หากตะโกนเสียงดังว่า

“น้ำหลากแล้ว!! น้ำหลากแล้ว!!”

หากตะโกนว่า ไฟไหม้ คนรอบๆ ได้ยินย่อมมารวมตัวกัน หากตะโกนว่า เอาน้ำมา คนที่ฟังเข้าใจก็จะตะโกนพร้อมกันว่า ไฟไหม้ หากตะโกนว่า น้ำหลาก คนได้ยินส่วนใหญ่ก็จะรู้สึกว่าคนนี้บ้า ไม่จำเป็นต้องสนใจ นับประสาอันใดกับถนนทักษิณที่เงียบสงบเช่นนี้

หลี่เหวินหย่วนกระชับดาบไว้ในมือ เตรียมจะขว้างออกไปหากถูกตระกร้าไม้และหน่อไม้บดบังสายตาไว้ ได้ยินเสียงคนร้องตะโกนก็อึ้งไป

ไม่นานหลังจากอึ้งไป หลี่เหวินหย่วนก็ได้สติ กล่าวว่า

“สองคนอยู่ข้างหน้า สองคนอยู่ข้างหลัง ตามข้าฝ่าออกไปทางปากถนนทางตะวันตกด้วยกัน!!”

เพิ่งออกคำสั่งลงไป ถนนที่เงียบสงบก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมา เป็นคนสิบกว่าคนกำลังวิ่งมา ล้วนแต่งกายแบบพ่อค้าหาบเร่ หนึ่งในนั้นก็คือคนที่หาบน้ำตาลปั้นเมื่อครู่ หากหาบเร่นั้นไม่อยู่แล้ว ดาบในมือส่องประกายแหลมคมวาววับ เห็นชัดว่าเป็นเหมือนทวนสั้น

“อย่าให้หนีกลับไปถนนทักษิณ ที่นั่นมีทหารและองครักษ์มาก!”

ชายขายหน่อไม้ตะโกนดัง ชายถืออาวุธสั้นยาวในมือสิบกว่าคนล้อมกันเข้ามา คนพวกนั้นแต่งกายแบบชาวบ้าน แต่กลิ่นอายสังหารรุนแรง การเคลื่อนไหวก็เหมือนมียุทธวิธี ที่ยุ่งยากก็คือ พวกหลี่เหวินหย่วนมีแต่อาวุธขนาดสั้นกว่า อีกฝ่ายมีไม้หาบปลายแหลม เห็นชัดว่าเป็นทวนยาวปลายแหลม ไม่ต้องพูดถึงความได้เปรียบของอีกฝ่าย

แต่ทิศทางที่หลี่เหวินหย่วนจะฝ่าออกไปนั้นทำให้กลุ่มคนพวกนี้แปลกใจ ถนนทักษิณอยู่ทางเหนือ พื้นที่คนมากคือทางใต้ แม้ว่าทำงตะวันออกก็ยังอาจพบเจอทหารองครักษ์เสื้อแพรทีปฏิบัติหน้าที่อยู่ ไปทางตะวันตกทำไมกัน

ไปทางตะวันตก ก็เท่ากับเป็นพื้นที่ไร้ผู้คน พวกเขาวิ่งไปทางนั้นก็เท่ากับไปรนหาที่ตายด้วยตนเอง

คนที่คิดก่อนก็คือหลี่เหวินหย่วนก็ย่อมฝ่าออกไปทางใต้และทางเหนือ คิดไม่ถึงว่าไปทางตะวันตก เวลากระชั้นชิดไม่มีเวลาคิดมาก คนก็ท่าทางมีฝีมือกล้าหาญ ไม่ทันตั้งตัวก็ถูกฟันสองดาบ คนทั้งกลุ่มฝ่าออกไป

หลี่เหวินหย่วนขาไม่ดี วิ่งได้ไม่เร็ว ทหารไล่ล่ามาด้านหลังก็ย่อมติดตามมาทันอย่างรวดเร็ว พื้นที่นี้เดิมก็ไม่กว้างนัก วิ่งเข้าไปไม่กี่ก้าว ด้านหน้าก็เป็นจวนพักหลี่เหวินหย่วนแล้ว……

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!