Skip to content

พลิกปฐพี 141-3

ตอนที่ 141-3

สังหารกษัตริย์ แล้วอย่างไร

เหล่าประชาชนมองหมั่นโถวที่อยู่ตรงหน้าด้วยความแปลกใจ จนกระทั่งฉินจิ่นหยางร้องด้วยความเจ็บปวด แล้วก็มีเนื้อหนังแผ่นบางดังกระดาษแผ่นหนึ่งตกลงบนพื้นอย่างรวดเร็ว พวกเขาจึงเข้าใจและเข้าไปแย่งหมั่นโถวในตะกร้าอย่างบ้าคลั่ง

ประชาชนที่แย่งหมั่นโถวได้ ต่างเอาหมั่นโถวในมือไปจิ้มกับเลือดเนื้อบนพื้น จนเลือดเนื้อที่เป็นของฉินจิ่นหยางเหล่านั้นถูกประชาชนเอากลับไปพร้อมกับหมั่นโถว ไม่มีผู้ใดเห็นใจเขา ไม่มีผู้ใดสงสารเขา

ไม่มีผู้ใดออกมาตำหนิความอำมหิตและเลือดเย็นของมู่ชิงเกอ

ฉินจิ่นหยางทำได้เพียงมองเนื้อบนร่างกายของตนเองถูกแล่ออกทีละชิ้นๆ อย่างชัดเจน และมองดูร่างกายของตนเองที่ค่อยๆ กลายเป็นโครงกระดูก

ตอนนี้ ความหวังเดียวของเขาคือให้ผู้ที่กำลังลงมือออกแรงมากเกินไปจนฆ่าเขาให้ตายเสีย

แต่ทว่า สวรรค์กลับไม่ยินยอมให้ความหวังง่ายๆ นี้ของเขาสมหวัง

“หึๆ” หานฉายไฉ่มองครู่หนึ่ง ดวงตาหงส์ที่ฉายความขบขันมองไปที่มู่ชิงเกอ “เจ้าช่างเลือดเย็นเสียจริง”

มู่ชิงเกอไม่แสดงอาการ สำหรับคำพูดของหานฉายไฉ่ เพียงยิ้มบางๆ และพูดว่า “ชมเกินไปแล้ว”

หานฉายไฉ่ยิ้มเยาะ “เจ้าแน่ใจหริอว่าข้ากำลังชมเจ้า”

มู่ชิงเกอเคลื่อนสายตา ไปที่เขาและเสียดสีว่า “นายแห่งหอสรรพสิ่ง เป็นคนขี้สงสารตั้งแต่เมื่อไหร่กัน หากทนดูไม่ได้ก็ลงไปช่วยเสียสิ”

หานฉายไฉ่กลับพูดอย่างเหยียดหยาม “หึ เหตุใดข้าต้องไปช่วยเขา ข้าดูสนิทสนมกับเขาหรือ”

“หากไม่สนิทก็เงียบไป อย่ามากความ” มู่ชิงเกอเตือนคำหนึ่ง แล้วไม่หันไปมองเขาอีก

กู่หยาจ้องหานฉายไฉ่ด้วยสายตาอันเย็นเยียบ พอมู่ชิงเกอไม่สนใจเขาแล้ว ก็ค่อยๆ เคลื่อนสายตาออกเช่นกัน

การลงโทษฉินจิ่นหยาง ดำเนินไปเรื่อยๆ จนพระอาทิตย์ตกดิน

ไม่พูดไม่ได้ว่า ยาของจูหลิงไม่เลวจริงๆ เพราะหลังจากที่ฉินจิ่นหยางลืมตามองร่างกายของตนเองที่กลายเป็นโครงกระดูก สุดท้ายจึงหมดลมหายใจไป

เรื่องราวต่อจากนี้ ไม่ใช่เรื่องของมู่ชิงเกอแล้ว

นางพาท่านปู่และท่านอาของตนเองรวมทั้งคนรับใช้ของตระกูลมู่ที่ต้องเดือดร้อนกลับจวนตระกูลมู่ ในขณะที่มู่ซงและมู่เหลียนหรงไปทำธุระส่วนตัวและพักผ่อน มู่ชิงเกอได้ไปที่คุกใต้ดินของตระกูลมู่ กรงเหล็กที่อยู่ในคุก ขังเล่อเทียนที่เหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้ายเอาไว้ เขานอนราบอยู่ในคุกใต้ดินอันสกปรก เงยหน้ามองเพดานที่เปียกชื้น ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คงคิดไม่ถึงว่า ตนเองจะถูกผนึกพลังเวทและมีชีวิตอยู่ในสภาพที่นอนอยู่ในนี้ราวกับหมาจนตรอก ประตูเหล็กของคุกใต้ดินถูกเปิดออก องครักษ์เขี้ยวมังกรขนของบางอย่างเข้ามา ลูกตาของเล่อเทียนขยับเล็กน้อย เพื่อสังเกตความเคลื่อนไหวของพวกเขา

เห็นว่าพวกเขาทำความสะอาดพื้นที่ว่างนอกกรงเหล็ก จนสะอาดสะอ้านในพริบตา ปูพรม วางเก้าอี้และจุดธูปกำยานหอมต่างๆ ครู่หนึ่งมีการยกนํ้าชาและของหวานเข้ามา

พื้นที่นอกกรงเหล็กกับที่ๆ เขาอยู่ ต่างกันราวฟ้ากับดิน!

ในสายตาของเล่อเทียนเต็มไปด้วยความโกรธ มองออกไปนอกกรงเหล็ก ดวงตาราวกับสามารถพ่นไฟออกมาได้

หลังจากที่จัดวางทุกอย่างเสร็จแล้ว องครักษ์เขี้ยวมังกรทั้งยี่สิบนายก็ยืนเรียงกันเป็นครึ่งวงกลมด้วยท่าทางเย็นเยียบและไม่พูดไม่จาอยู่ข้างหลัง

ในขณะนั้นเอง เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นอีกหน คนผู้นี้เดินช้ามาก แต่แปลกที่ในทุกก้าวที่วางลง ล้วนตรงกับจังหวะหัวใจของเล่อเทียน

ความรู้สึกเช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกว่าทุกก้าวของผู้มาเยือน ต่างเหยียบลงบนหัวใจของตนเอง และหนักหน่วงจนหายใจแทบไม่ออก

เมื่อเงาหนึ่งตกกระทบลงในคุก ในขณะที่ร่างในชุดสีแดงเจิดจ้าปรากฏอยู่ในสายตาของเขา เขาพลันเบิกตากว้างอย่างหวาดกลัว

มู่ชิงเกอเดินไปหยุดอยู่หน้าเก้าอี้ เลิกชายเสื้อออกแล้ว นั่งไขว่ห้างลงไป

นางพิงลงบนเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน มือทั้งสองข้างวางบนพนัก ปลายนิ้วลูบปลอกนิ้วชี้เบาๆ อย่างสนุก มองเล่อเทียนที่อยู่ในกรงเหล็กด้วยท่าทางที่ไม่แสดง ความรู้สึกอันใด

“ตระกูลเล่อแห่งโลกยุคกลาง” มู่ชิงเกอพูดขึ้นอย่างขบขัน

สายตาของเล่อเทียนดูเคร่งขรึมและปิดปากแน่น

มู่ชิงเกอขมวดคิ้วและมองเขาอย่างเย้ยหยัน “เพราะผู้รักษาการรอบนอกคนเดียว ตระกูลเล่อกลับลงทุนส่งพวกเจ้าทั้งสามมา เพราะอะไรข้าสงสัยมาก”

ตอนนั้น หลังจากที่นางสู้กับผู้รักษาการรอบนอกตระกูลเล่อในส่วนลึกของเทือกเขาฉิน จากนั้นก็สั่งให้กู่หยาฆ่าเขาและค้นตัวของเขาแล้ว ก็พบว่าไม่มีของมีค่าอันใดเลย เหตุใดคนพวกนี้ถึงตามมาได้

เมื่อคิดทบทวนแล้ว นางจำได้ว่าคนของตระกูลเล่อคนนั้นมาปรากฏตัวอยู่ที่หลินชวน ราวกับจะเพราะต้องการตามหาคน

และคนที่พวกเขาตามหา เป็นทั้งสองที่ทำให้สัตว์วิญญาณคุกคามเมืองอี้ แต่สุดท้ายกลับถูกซือมั่วสังหารจนร่างแหลกกลายเป็นกองเนื้อ

หากสามคนนื้ไม่ได้มาเพราะแก้แค้นให้กับคนผู้นั้น หรือพวกเขาจะมาเพราะทั้งสองที่ถูกฆ่าไปในตอนแรก เล่อเทียนกลับไม่ให้ความร่วมมือ สำหรับคำถามของมู่ชิงเกอ เขาไม่สนใจ

ครู่หนึ่ง มู่ชิงเกอจึงกระตุกรอยยิ้มและพูดว่า “ไม่อยากเล่าหรือ ไม่เป็นไร ข้ามีเวลามากพอ แต่ว่า เวลาของเจ้าอาจจะไม่ได้ผ่านไปโดยง่าย”

พูดจบ นางพลันกระดิกนิ้ว มีคนเดินเข้ามาทันที เปิดกรงเหล็กแล้วเข้าไป ยัดยาเม็ดหนึ่งเข้าปากเล่อเทียน ผู้ที่ถูกผนึกพลังเวทอย่างเขาไม่มีเรี่ยวแรงต่อสู้เลยแม้แต่ น้อย

ทันทีที่กลืนยาเข้าไป เล่อเทียนก็รู่ลืกราวกับมีมดไต่ทั่วร่างกายและคันคะเยอจนทนไม่ไหว

ความรู้สึกเช่นนี้ ทำให้เขาแทบจะอดไม่ได้อยากจะเกาผิวหนังให้ถลอกเพื่อเอามดในร่างกายของเขาออกมา

เขาคิดเช่นนั้นและทำเช่นนั้นจริง

มู่ชิงเกอไม่ได้สั่งให้มัดแขนขา เพราะฉะนั้น เขายังสามารถเอี้ยวกายได้ตามต้องการ มือทั้งคู่เกาผิวหนังอย่างบ้าคลั่ง ทั้งบนใบหน้า ร่างกาย ล้วนไม่ได้รับการ ยกเว้น

พักใหญ่ ราวกับยาจะหมดฤทธิ์ เขาจึงคลายมือออกและนอนอย่างไร้เรี่ยวแรง

แสงเทียนในคุกใต้ดินสาดความสว่างลงบนร่างกายของเขา เห็นเพียงแค่ใบหน้า ร่างกายของเขาไม่เหลือชิ้นดี ล้วนถูกเกาจนยับเยิน นิ้วทั้งสิบก็ถูกย้อมแดงด้วยเลือดของตนเอง

เขาหายใจเข้าออกอย่างรุนแรง เสียงแหบแห้ง ราวกับกำลังหนีจากความตาย

ทันใดนั้น ประตูเหล็กถูกเปิดออกอีกครั้ง

ทั้งสองที่เข้ามาในครั้งนี้ ล็อคแขนและขาของเขาเอาไว้บนโซ่ที่วางอยู่บนพื้น

เล่อเทียนไม่เข้าใจว่าพวกเขาคิดจะทำอะไร แต่หลังจากที่พวกเขาออกจากกรงเหล็ก ก็รู้สึกว่าอาการคันจะเป็นจะตายได้กลับมาเยือนอีกครั้ง

“อ๊าก—! อ๊าก—! ฆ่าข้าเสียเถิด—!”

ครั้งนี้ เล่อเทียนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ตามต้องการอีก เขาถูกล็อคเอาไว้ ร่างกายเกิดอาหารคันแต่ไม่สามารถเกาเพื่อบรรเทาได้ ร่างกายของเขาดิ้นรนไม่หยุด รับรู้ได้ ถึงความรู้สึกที่อยู่ก็ไม่ได้ ตายก็ไม่ได้อีกหน “ข้าพูด…ข้าจะบอกทุกอย่าง….ขอร้อง เจ้าปล่อยข้าไปเถิด           ” เล่อเทียนที่ทนไม่ไหว อ้อนวอนมู่ชิงเกอด้วยความกลัวและเสียงที่แหบแห้ง

มู่ชิงเกอมองท่าทางอันเจ็บปวดของเขา พลางยิ้มมุมปาก ราวกับไม่ได้ยินคำขอร้องอ้อนวอนของเขา

จนกระทั่งเล่อเทียนจะทนไม่ไหวแล้วจริงๆ นางจึงโยนยาออกไปเม็ดหนึ่ง ยานั่นกลิ้งไปอยู่ข้างตัวเล่อเทียน

ยาสีดำมืดเม็ดนั้น ราวกับเป็นวีรบุรุษที่สามารถช่วยเล่อเทียนได้ เขายื่นหัวออกไปอย่างไม่สนใจสิ่งใดทั้งนั้น พลางใช้ปากคาบยาขึ้นจากพื้นอันสกปรกแล้วกลืนลงไป

เป็นการยืนยันว่า ยาของมู่ชิงเกอนั้นดีมาก

หลังจากที่เล่อเทียนกลืนยาเข้าไปแล้ว อาการคันอย่างรุนแรงในร่างกายก็ค่อยๆ หายไป ทำให้เขาไม่ทรมานอีกต่อไป

เล่อเทียนหายใจเข้าออกอย่างกระหายหลายที แล้วถามด้วยนํ้าเสียงอันเย็นเยียบ “เจ้าอยากรู้อะไร”

“เป้าหมายที่แท้จริงที่พวกเจ้ามาที่นี่” มู่ชิงเกอพูดตามตรง

เล่อเทียนเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดว่า “พวกเราต้องการหาคนๆ หนึ่ง เขาเป็นคนอัจฉริยะ รู้จักตำแหน่งของแหล่งทรัพยากรทางธรรมชาติมากมาย แต่ทว่าเมื่อสอง ปีก่อน ตอนที่ข้าและสหายเข้ามาในหลินชวนกลับได้ข่าวว่าเขาหายตัวไป จากนั้น พวกเราได้ส่งผู้ที่รักษาการอยู่รอบนอกไปหา ไม่คิดว่าเขาก็ไม่กลับมา ตอนนี้ ตระกูลของข้าต้องการคนๆ นั้นอย่างเร่งด่วน จึงส่งเราสามคนมาตามหา”

เป็นอย่างที่คาดการณ์เอาไว้!

ส่วนลึกในดวงตาอันสว่างของมู่ชิงเกอเปลี่ยนไป สามคนนี้เข้ามาเพราะคนกลุ่มแรก

“พวกเจ้ามาตามหาถึงข้าได้อย่างไร” มู่ชิงเกอถามอีกครั้งนี้ เล่อเทียนเงียบไปนานจึงตอบว่า “นี่เป็นวิชาลับอย่างหนึ่งของตระกูลของข้า จะร่ายใส่ผู้ออกไปที่ไป ปฏิบัติภารกิจ หากเกิดอะไรขึ้นวิชาลับนั้นจะแสดงพลังออกมาเอง และใช้วิธีเลือกสถานที่หลบซ่อนร่างจากสภาพแวดล้อมในตอนนั้น ทั้งยังจดจำรูปลักษณ์ของฆาตกรเอาไว้ในดวงตาของผู้ที่ตาย”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!