ตอนที่ 741
นางดีเท่าข้าไหม
“พวกเจ้าเกี่ยวข้องอะไรกัน” คำพูดหลียวน แฝงด้วยความขุ่นใจจางๆ
สาวใช้รอบบริเวณพอได้ยินแล้วต่างก็หลุบตา เก็บงำอารมณ์ พยายามลดการมีตัวตนด้วยการยืนนิ่งไม่ไหวติง
เนื่องจากพวกนางรู้ว่าราชาเทวะโกรธแล้ว
เป๊าะ!
เสียงกังวานดังก้องขึ้นในตำหนักอย่างชัดเจน
ปิ่นหยกที่หลียวนถือเล่นอยู่ในมือหักเป็นสองท่อน พอหลียวนปล่อยมือ ปิ่นหยกที่หักแล้วก็ตกลงบนพื้นตำหนักใหญ่จนเกิดเสียงดังยิ่งขึ้นไปอีก
เสียงที่ดังขึ้นนี้ทำให้สาวใช้ในตำหนักต่างพากันกลั้นหายใจ ไม่กล้ากระดิกตัวทำอะไรทั้งสิ้น
นัยน์ตาหลียวนผุดความเย็นเฉียบออกมา
ความรู้สึกนี้ราวกับสิ่งของที่ต้องใจตนเองนั้นมีคนมาบอกว่าถูกคนอื่นจับจองไปแล้ว นัยน์ตาเย็นเฉียบค่อยๆ กลายเป็นมืดดำ ทำให้ทั้งร่างนางมีแต่ความอึมครึม
ทันใดนั้น ใบหน้าที่สมบูรณ์แบบของนางก็ปรากฎรอยเหี่ยวย่นสายหนึ่งขึ้น
หางตาพลันปรากฎรอยย่นขึ้นตามมา ผิวอ่อนใสของนางพลันเปลี่ยนเป็นหย่อนคล้อยด้านหมองลง
การเปลี่ยนแปลงนี้หลียวนรับรู้ได้ในทันที
นางรีบปิดหน้าด้วยความตื่นตระหนกและร้องเสียงหลงว่า “เร็ว! รีบจุดกำยาน”
สาวใช้ในตำหนักรีบร้อนจนมือไม้สั่น สาวใช้ที่ถือกระถางกำยานรีบใช้สองมือที่สั่นเทาจุดกำยานพิเศษใส่ไว้ในกระถางและคลานเข่ามาถึงเบื้องหน้าหลียวน
สองมือนางชูกระถางกำยานขึ้นสูง ก้มศีรษะลงจนต่ำสุด ไหล่สองข้างสั่นไหว
หลียวนที่สองมือกุมแก้มหลับตาลงสูดควันสีม่วงที่ลอยขึ้นมาจากกระถางเข้าไปลึกๆ อารมณ์ที่ตึงเครียดจึงค่อยๆ ผ่อนคลายลงมา
หลังจากสูดดมติดต่อกันสามสี่ครั้ง อาการชราของหลียวนจึงถูกควบคุมได้ในที่สุด ผิวหนังที่เต่งตึงขาวใสค่อยๆ คืนกลับมา ใบหน้าที่อ่อนเยาว์และความงามที่สมบูรณ์แบบได้กลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง
ใบหน้าของหลียวนกำลังฟื้นคืนกลับมา แต่สาวใช้ที่ถือกระถางกำยานนั้นกลับกลัวจนร้องไห้สะอึกสะอื้น
นางเป็นสาวใช้กระถางกำยานคนที่ 120 สาวใช้กระถางกำยาน 119 คนก่อนหน้า นาง เมื่อจุดกำยานจนหมดแต่ละครั้งก็จะตายไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ นางจึงกลัวมาก
ในที่สุด หลียวนก็สูดควันสีม่วงสุดท้ายจากกระถางจนหมดสิ้น นางผ่อนคลายลงอย่างเต็มที่ มุมปากแย้มรอยยิ้มสดชื่น
แต่รอยยิ้มปรากฎได้ไม่ทันไรก็สูญหายไปจนหมดสิ้น หลียวนลืมตาขึ้น นัยน์ตามีแต่จิตสังหารและความแค้น “ทหาร ลากนังสาวใช้แพศยาคนนี้ออกไป!”
สาวใช้นางนั้นตกใจ เงยหน้าขึ้นสั่นศีรษะให้หลียวนสุดแรงเกิด “ราชาเทวะ ข้าน้อยไม่เห็นอะไรเลยนะเจ้าคะ ไม่รู้อะไรเลย ไว้ชีวิตข้าด้วยเถอะเจ้าค่ะ”
แต่หลียวนกลับไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย ปล่อยให้นางถูกทหารเวรในตำหนักลากไป นางลูบใบหน้าตัวเองเบาๆ พลางรำพึงรำพัน “จะแค้นก็ไปแค้นเขาเถอะ หากไม่ใช่เพราะเขาทำให้ข้าถูกแรงสะท้อนกลับ เหตุใดข้าจึงต้องใช้วิชามารนี้มารักษาความสาวไว้ด้วยเล่า”
“ราชาเทวะโปรดไว้ชีวิตด้วย.. .ข้าไม่ได้เห็นอะไรเลยจริงๆ…” เสียงร้องของสาวใช้ดังแว่วมาตลอดเวลา แต่กลับไกลออกไปเรื่อยๆ
“ราชาเทวะ” สตรีดูแลวังราชาเทวะนางหนึ่งเดินเข้ามาที่เบื้องหน้าหลียวน ก้มศีรษะลงด้วยความเคารพ ดูท่าทางแล้วนางคงเป็นผู้ใกล้ชิดของหลียวน
“พูด” แววตาหลียวนเครียดลงพลางกวาดมองไปยังสาวใช้คนอื่นในตำหนัก หากไม่ใช่เพราะคนเหล่านี้อยู่ห่างจนเห็นไม่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น คนทั้งตำหนักนี้จะไม่ มีใครเหลือรอดได้อีก
คนใกล้ชิดนั้นตรึกตรองในใจพักหนึ่งแล้วรวบรวมความกล้าพูดว่า “ราชาเทวะโปรดควบคุมอารมณ์ อย่าได้มีโทสะ เครื่องหอมของพวกเราเหลือไม่มากแล้ว”
“ไม่พอก็ปรุงขึ้นมาอีก ลมปราณบุรุษเหล่านั้น ไม่ใช่ยังมีอยู่หรือ ปรุงต่อให้ข้าอีก” หลียวนพูดเสียงเหี้ยม
คนใกล้ชิดพูดด้วยความกังวล “หากปรุงอีกพวกเขาจะต้องตายหมดแน่”
“ตายหมดก็รับสมัครเพิ่มอีก” หลียวนพูดด้วยความรำคาญ
เวลานี้มู่ชิงเกอกับชูเนี่ยนก็เดินมาถึงนอกวังราชาเทวะเห็นสาวใช้กระถางกำยานถูกลากตัวออกไป พลางร้องขอชีวิตไปตลอดทาง กระถางธูปในมือตกอยู่ที่พื้น กลิ่นธูปหอมที่ค้างอยู่ทำให้คิ้วของมู่ชิงเกอขมวดขึ้นมา นัยน์ตาผุดแววสงสัย
ชูเนี่ยนถามสาวใช้ข้างตัว “นางทำผิดอะไรหรือ”
สาวใช้หลุบตาไม่ได้มองเพื่อนสาวใช้นางนั้น เพียงกระซิบว่า “คงล่วงเกินอะไรราชาเทวะจึงถูกลงโทษน่ะเจ้าค่ะ”
เรื่องดินแดนเทพอื่นชูเนี่ยนรู้ว่าตัวเองไม่ควรยุ่งมากไปจึงผงกศีรษะ นางไม่ได้ถามต่อเพียงแต่เมื่อนางละสายตากลับมากลับพบว่ามู่ชิงเกอกำลังคิดอะไรอยู่
“ชิงเกอ” ชูเนี่ยนเรียก
มู่ชิงเกอเก็บงำความคิด ถามชูเนี่ยน “มีเรื่องอะไรหรือ”
ชูเนี่ยนยิ้มนิดๆ “ไม่มีอะไรหรอก พวกเราเข้าไปเถอะ อย่าให้ราชาเทวะเฟิ่งเทียนคอยนาน ว่าไปแล้วเจ้าเป็นแขก ข้าเป็นแค่คนมาขออาศัยเท่านั้น”
ขออาศัย?
มู่ชิงเกอเลิกคิ้ว
สาวใช้เมื่อครู่ตัดบทการสนทนาของนางกับชูเนี่ยน ส่วนเรื่องที่ว่าเหตุใดชูเนี่ยนจึงได้มาดินแดนเฟิ่งเทียนนั้น นางยังไม่ทันได้สอบถาม
เวลานี้ได้ยินคำว่าขออาศัยจึงทำให้นางนึกขึ้นมาได้
เพียงแต่เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะถามอะไรมากมาย ดังนั้นมู่ชิงเกอจึงเก็บงำความคิด เดินเข้าวังราชาเทวะไปพร้อมกับชูเนี่ยน
เห็นทั้งคู่ก้าวเข้ามา แววตาหลียวนก็มีความขุ่นเคืองใจผุดขึ้นมา
ผู้ใกล้ชิดข้างกายนาง เห็นนางจ้องมู่ชิงเกอเขม็งก็ตกใจจนต้องก้าวขึ้นมารีบกระซิบเตือน “ราชาเทวะไม่ได้นะเจ้าคะ พวกเราจัดการผู้ชายในแผ่นดินเทพที่ไม่มีเบื้องหลังได้ แต่นี่เป็นราชาเทวะน้อยของดินแดนฮ่วนเยวี่ย หากเขาเกิดเรื่อง ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยไม่ยอมเลิกราแน่นอน”
แววตาหลียวนเปลี่ยนแปลงไปมาจึงพูดเสียงเครียดว่า “ข้าย่อมรู้ดี เจ้าถอยไปเถอะ”
นํ้าเสียงนางเริ่มจะรำคาญ ผู้ใกล้ชิดไม่กล้าพูดอีกจึงค้อมกายถอยไป
มู่ชิงเกอกับชูเนี่ยนมาถึงใต้บัลลังก์ราชาเทวะ และมองหลียวนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์พร้อมกัน
“ได้ยินว่าพวกเจ้ารู้จักกันมาก่อน” หลียวนพูดช้าๆ หรึ่ตาครึ่งหนึ่ง ไม่รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่
มู่ชิงเกอสบตาชูเนี่ยน ฝ่ายแรกพูดว่า “ถูกต้อง ข้าเคยไปดินแดนอู๋หวา โชคดีได้รู้จักกับองค์หญิงชูเนี่ยน”
“พวกเจ้าเกี่ยวข้องอะไรกัน” หลียวนถามอีก
คำถามของนางทำให้มู่ชิงเกอขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจเล็กน้อย คิดว่าหลียวนคนนี้ป่วยเป็นโรคอะไรหรือเปล่า จะยุ่มย่ามอะไรนักหนา
แต่ชูเนี่ยนกลับตอบอย่างอารมณ์ดีว่า “พวกเรา… นับได้ว่าเป็นเพื่อนดื่มสุรา”
นางมองมู่ชิงเกอแล้วหัวเราะ “ราชาเทวะน้อย พวกเรานอกจากเป็นเพื่อนดื่มสุราแล้ว ยังนับว่าเป็นเพื่อนคุยที่ดีด้วยจริงไหม”
มู่ชิงเกออมยิ้มพลางพยักหน้า “ใช่แน่นอน”
ความสนิทสนมของทั้งคู่ทำให้หลียวนมองดูจนโกรธเกรี้ยวไปหมด
ก่อนนี้ มู่ชิงเกอเพิ่งชมว่านางงามลํ้าอยู่เลย เวลานี้เหตุใดจึงอยู่กับหญิงอื่นทั้งยังพูดคุยอย่างสนุกสนานอีก
“ไม่นึกว่าวันนี้จะได้พบกันอีกในดินแดนเฟิ่งเทียน เป็นเรื่องที่น่ายินดีเกินคาดคิดจริงๆ” มู่ชิงเกอพูดอีก
แต่คำพูดนี้สำหรับหลียวนแล้วราวกับเป็นการน้ำมันราดเข้ากองไฟ
โทสะในใจนั้นโหมกระพือขึ้นมาทันที แต่นางก็รู้สึกตัวในฉับพลัน สะกดกลั้นความโกรธนี้เอาไว้เพื่อไม่ให้ใบหน้าตัวเองเหี่ยวย่นลงอีก
นางมองมู่ชิงเกอ ใบหน้าที่แสนงามนั้นทำให้ใจนางรู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย จู่ๆ จึงถ่ายทอดเสียง เอ่ยถามไปว่า ‘นางดีเท่าข้าไหม’