ตอนที่ 703 หอคอยรกร้างบูรพา
กระบี่ครามทำลายล้างอยู่ในร่างกายซูหมิง ทว่าขณะเดียวกัน เพราะมันไม่อาจได้สัมผัสกับโลกภายนอก กลิ่นอายมรณะหยินในตัวจึงมากขึ้นอีกเล็กน้อย สีตัวกระบี่มัวหมอง เหมือนรูปทรงจะบิดเบี้ยว
เพียงแต่อานุภาพของกระบี่เล่มนี้ไม่ใช่สิ่งที่ซูหมิงต้านทานไหว แม้อาศัยกลิ่นอายมรณะหยินตรงนี้มากำราบ ระดับการกำราบก็ยังคงไม่พอ! ฉะนั้นหากยังรั้งอยู่ที่นี่ต่อ ซูหมิงก็รู้ตัวว่าอีกไม่นานก็คงยากจะกำราบมันได้ กระบี่ครามจะทำลายร่างเขาแล้วพุ่งออกมา
‘จะให้มันสัมผัสกับโลกภายนอกไม่ได้!’ ซูหมิงร้องคำรามในใจ หลังจากสูบหมอกมรณะหยินจากรอบๆ เข้ามาแล้วก็พลันบินไปข้างหน้า
‘ต้องหาสถานที่ช่วยข้ากำราบกระบี่เล่มนี้!’ ซูหมิงมีโลหิตไหลจากทวารทั้งเจ็ด ดูแล้วน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม ทว่าเขากลับไม่สนใจ หากจัดการกับภยันตรายของกระบี่ครามไม่ได้สิ้นซาก ผลหลังจากนี้ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร
บางทีหากเป็นคนอื่น ก่อนนี้อาจไม่เลือกกินกระบี่ครามอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้ ต่อให้เป็นดวงจิตแก่กล้าสามตนนั้นก็ยังคาดไม่ถึงว่าซูหมิงจะกินกระบี่เข้าไป
หากปล่อยให้กระบี่ครามออกไปฟื้นฟูพลังข้างนอก ตนก็จะปลอดภัยชั่วคราวแล้วเลือกอย่างอื่นได้ ไม่ว่าจะหลบหนีไปหรือไปขอร้องสามดวงจิตแก่กล้า แม้ว่าต้องจ่ายในราคาสูงลิ่วเพื่อให้ได้รับการคุ้มกันก็ตาม
แต่ซูหมิงไม่เลือกเส้นทางนั้น!
เขามีทางเลือกเดียวคือ หากเจ้าจะสังหารข้า ข้าก็จะสังหารเจ้า!
เขาไม่หลบหรือหนี แต่จะเผชิญหน้าไปตรงๆ ไม่เป็นข้าก็เป็นเจ้าที่ตาย! เหมือนกับทัศนคติของข้าที่มีต่อเซียน หากข้าไม่ตาย เผ่าเซียนจะต้องสูญสิ้น!
หากข้าตื่น ท้องนภาจะเปื้อนโลหิต หากข้าลืมตา เผ่าเซียนจะสูญสิ้นชีวิต…
อีกทั้งนี่เป็นโอกาสหนึ่ง โอกาสนี้ซูหมิงไม่มีทางปล่อยไปแน่นอน เขามีความรู้สึกรางๆ ว่า นี่เป็นโอกาสเดียวที่จะข้ามผ่านภัยพิบัติครั้งนี้ไปได้!
‘กำราบ…กำราบ…มีที่ใดบ้างที่ช่วยข้ากำราบกระบี่เล่มนี้ได้ และยังต้องปกป้องข้าได้อย่างดียิ่ง ให้ข้ากำราบมันได้อย่างสบายใจด้วย!’
‘หอคอยรกร้างบูรพา!’ ซูหมิงพลันเงยหน้าขึ้น นัยน์ตามีประกายแวววาว
หอคอยรกร้างบูรพา ต่อให้ไม่มีแสงโลหิตสิบล้านลี้ ซูหมิงก็เป็นคนเดียวที่เข้าหอคอยได้โดยไม่ต้องมีเงื่อนไขใดๆ หนำซ้ำหอคอยนี้เป็นสมบัติล้ำค่าของเผ่าหมาน เป็นมรดกของเทพหมานรุ่นหนึ่ง และเป็นหอคอยนี้ที่สร้างความปั่นป่วนให้กับเผ่าเซียน
บนแผ่นดินรกร้างบูรพา ไม่มีที่ใดเหมาะจะกำราบกระบี่และรักษาตัวได้ดีกว่าหอคอยรกร้างบูรพาแล้ว อีกทั้ง…นี่เป็นสถานที่ใกล้ตัวที่สุด ส่วนพระราชวังต้าอวี๋เขาไม่ได้เลือก แม้ตนจะมีการเชื่อมต่อกับเมืองนี้เล็กน้อย ทว่าเขายังไม่ลืมตอนอยู่ก้นทะเล ตอนนั้นภายในเมืองหลวงต้าอวี๋ เขาได้ยินเสียงคำรามดังมาจากในเมือง
เสียงคำรามนั้นแฝงไว้ด้วยความดุร้าย ต่อให้เป็นเขาตอนนี้ก็ยังรู้สึกตื่นกลัว
นัยน์ตาซูหมิงเป็นขยับประกายวาววับ ก่อนสูบกลิ่นอายมรณะหยินจำนวนมากจากโดยรอบมาอีกครั้ง ช่วงที่ร่างกายเขาแทบจะแหลกสลาย แสงสีครามในร่างกายเปล่งออกมาข้างนอก และพละกำลังที่ใช้กำราบกระบี่ใกล้จะหมดไปนั้น ซูหมิงเดินหน้าหนึ่งก้าวออกไปข้างนอกหมอกโดยไม่ลังเล
หนึ่งก้าวเหยียบลง ซูหมิงพลันปรากฏตัวอยู่กลางฟ้าดิน เขาไม่หยุดเพียงเท่านี้ แต่กลายเป็นสายรุ้งยาวสีครามเส้นหนึ่งบินไกลออกไป
หอคอยรกร้างบูรพาตั้งอยู่ตรงใจกลางแผ่นดินรกร้างบูรพา ห่างจากตรงนี้ไปไม่ไกลนัก แม้เขาจะไม่รู้โดยละเอียดและไม่เคยไปมาก่อน แต่หอคอยรกร้างบูรพาปรากฏขึ้นเพราะเขา ความรู้สึกจากจิตใจจึงเป็นตัวนำทางที่ดีที่สุด
ขณะกำลังบินอยู่ ตัวเขาเปล่งแสงครามเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ ครู่ต่อมาก็ดูเหมือนถูกปกคลุมด้วยสีคราม กระอักโลหิตไม่หยุด การหมุนโคจรของแสงสีครามในร่างกายรุนแรงขึ้นทุกที เสียงปุดๆ ดังแว่วมาอย่างต่อเนื่อง แต่นัยน์ตาเขากลับแน่วแน่และยึดมั่น ใช้ความเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ พลางกำราบกระบี่ไป
ไม่นาน ตรงหน้าก็ปรากฏแสงโลหิตสว่างจ้าตาหลายร้อยลี้ ตรงใจกลางแสงโลหิตนั้นคือ…หอคอยสูงเก้าสิบเก้าชั้น!
หอคอยนี้ดูเก่าแก่โบราณ ตั้งตระหง่านเด่นตาอย่างยิ่งบนแผ่นดิน
ภายใต้แสงโลหิต หอคอยนี้จึงถูกย้อมด้วยสีแดง ดูแล้วน่าสะพรึงกลัวไม่ว่า มันยังมีแรงกดดันเป็นเลิศอีก ทันทีที่ซูหมิงก้าวเข้าไปในม่านแสงโลหิตก็ถาโถมเข้ามาในทันที
ความแกร่งของแรงกดดันนี้ หลังจากเกิดเสียงโครม กระบี่ครามในร่างซูหมิงสั่นไหว แต่เขากลับไม่ได้รับผลจากแรงกดดันมากนัก เขาจึงตื่นตะลึง ก่อนใช้ความเร็วที่มากกว่าเดิม
นี่ก็คือหอคอยรกร้างบูรพา!
มันคือหอคอยรกร้างบูรพาที่ทำให้เผ่าเซียนคลุ้มคลั่งและเปิดฉากสงครามเพื่อเข้าไปในหอคอย! ชั้นบนสุดของมันมีการตระหนักรู้ของเลี่ยซานซิวเทพหมานรุ่นหนึ่งอยู่ กระทั่งมีเบาะแสงของหม้อฮวงสมบัติล้ำค่าของเผ่าหมาน
หลังจากซูหมิงเข้ามาใกล้ แรงกดดันจากหอคอยรกร้างบูรพาก็รุนแรงขึ้น อีกทั้งหอคอยนี้สูงยิ่งนัก ย่อมก่อให้เกิดความรู้สึกถึงแรงบีบบังคับต่อจิตใจผู้มาเยือนทุกคน
กระบี่ครามกำลังสั่นไหว เวลานี้ต่อสู้ดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง ราวกับอยากจะออกจากร่างซูหมิง เหมือนไม่ยอมเข้าใกล้หอคอยรกร้างบูรพา ขณะดิ้นรนอยู่นี้มันก็ปั่นป่วนอยู่ในร่างกายเขา เลือดเนื้อแตกกระจาย กระดูกแตกหักละเอียด ตรงปลายกระบี่ทะลวงออกมาจากหน้าอก ยามที่เห็นว่ากระบี่กำลังพุ่งออกมา ซูหมิงจึงใช้มือซ้ายกดปลายกระบี่ตรงหน้าอกเอาไว้ แล้วกดลงไปอย่างแรงโดยไม่สนโลหิตที่ไหลอาบมือ
“กลับไป!” ซูหมิงหอบหายใจแรง ใบหน้าซีดขาว ทว่าความเหี้ยมโหดและคลุ้มคลั่งทางสีหน้ากลับมากพอจะสร้างความตื่นกลัวให้กับผู้พบเห็นทุกคน
แทบทันทีที่ซูหมิงเข้าใกล้หอคอยรกร้างบูรพา ประตูใหญ่ใต้หอคอยนี้ค่อยๆ เปิดเองอย่างช้าๆ ก่อนมีสายลมคลั่งปรากฏขึ้น ม้วนรอบหอคอยนี้จนเป็นน้ำวนยักษ์เชื่อมระหว่างฟ้ากับดิน น้ำวนนี้หมุนโคจรพร้อมกับเสียงครึกโครมดังสนั่นดินฟ้า
เหมือนกับมันกำลังรอซูหมิงอยู่ หลังจากเข้ามาใกล้แล้วเลยเปิดประตูให้เอง!
ราวกับมันรอคอยซูหมิงมานานมาก จนถึงตอนนี้ ในที่สุดซูหมิงก็มาถึงแล้ว!
ช่วงที่ประตูหอคอยรกร้างบูรพาเปิด แสงสีครามในร่างซูหมิงระเบิดออกมา เขากระอักโลหิต ขาสองข้างแหลกสลายด้วยแสงสีคราม มิหนำซ้ำร่างกายยังแตกหักไม่หยุด แต่เขากลับกลายเป็นสายรุ้งยาวสีโลหิตผสานรวมกับสีคราม มุ่งหน้าไปทางประตูใหญ่
กระบี่ครามส่งเสียงคำรามแหลม เสียงของมันแฝงความหวาดกลัวสุดจะบรรยาย ประหนึ่งว่าประตูใหญ่ของหอคอยรกร้างบูรพาเป็นดินแดนความตายสำหรับมัน ตอนที่ห่างจากประตูหอคอยรกร้างบูรพาไม่ถึงสิบจั้ง ร่างกายที่สูญเสียขาสองข้างสลายไปอีกครั้ง ปลายกระบี่สีครามมุดออกมาจากแขนขวาพร้อมกับเสียงร้องกระบี่เล็กแหลม คล้ายอยากจะพุ่งออกมา ทว่าซูหมิงยกมือซ้ายขึ้นจากตรงหน้าอก หลังจากคว้าปลายกระบี่ไว้แล้วก็กดแน่นลงไป
ซูหมิงขยับกายวูบไหว ห่างจากประตูหอคอยรกร้างบูรพาไม่ถึงห้าจั้งแล้ว ร่างครึ่งตัวระเบิดกระจาย เลือดเนื้อแตกกระเซ็น ภายใต้การดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งของกระบี่คราม เด็กชายคนหนึ่งปรากฏขึ้นจากตัวกระบี่ เด็กคนนี้เปล่งแสงครามทั่วร่าง ตอนที่เห็นเด็กคนนี้ นัยน์ตาซูหมิงขยับประกาย พลันนึกไปถึงคนตัวเล็กสีดำที่ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ใดหลังจากสู้กับตี้เทียนในครั้งนั้น
คนเล็กสีดำตนนั้นกับเด็กคนนี้ นอกจากสีแล้วดูคล้ายกันอย่างยิ่ง!
เมื่อคนเล็กสีฟ้าปรากฏตัว กระบี่ที่มีใบหน้านั้นวนเวียนรอบๆ ก็ทำท่าจะพุ่งออกจากร่างกายป่นปี้ของซูหมิง แต่เขากลับใช้มือซ้ายหนีบเอาไว้ ตอนนี้อยู่ห่างจากประตูหอคอยรกร้างบูรพาไม่ถึงสองจั้งแล้ว พริบตาเดียวก็จะเข้าไปได้
คนเล็กตัวสีฟ้านัยน์ตาฉายแววตื่นกลัวและสิ้นหวังยิ่งนัก มันร้องคำรามเสียงแหลม ตัวกระบี่ขยับแสงวูบวาบ จากนั้นแขนซ้ายซูหมิงก็ระเบิดออก กระทั่งครึ่งศีรษะยังกลายเป็นธุลีลอยหายไป หลังจากแขนซ้ายระเบิดแล้ว กระบี่ครามกับคนเล็กตัวฟ้าก็พุ่งออกมา ทว่าทันใดนั้นเอง มือขวาซูหมิงพลันคว้าด้ามกระบี่เอาไว้ก่อน!
“เจ้าหนีไม่พ้นหรอก!” เสียงน่าพรั่นพรึงของซูหมิงดังกังวาน เขาในยามนี้เหลือร่างกายไม่ถึงครึ่งรวมแขนขวา ทันทีที่มือขวาคว้ากระบี่คราม แขนขวาก็ระเบิดออกเป็นชิ้นๆ แต่แม้จะเป็นอย่างนั้น กลับคว้ากระบี่ครามเอาไว้ แล้วหยุดไม่ให้มันหนีไปได้หนึ่งพริบตา
เพียงหนึ่งพริบตาเดียวนี้ ซูหมิงก็เข้าไปในประตูใหญ่รกร้างบูรพาซึ่งเปิดอ้าแล้ว อีกทั้งในจังหวะเดียวกับที่แขนขวาระเบิดกระจุย ยังกระชากกระบี่ครามพร้อมกับคนเล็กตัวฟ้าครามที่ร้องด้วยความสิ้นหวังเข้าไปในหอคอยรกร้างบูรพาด้วยกัน!
เสียงหัวเราะเย็นเยือกของซูหมิงดังกึกก้อง เสียงหัวเราะนี้มีความบ้าคลั่ง มีความยึดมั่นที่ว่าหากเจ้าไม่ตายก็เป็นข้าที่ตายแฝงอยู่
ท่ามกลางเสียงร้องอย่างสิ้นหวังของเด็กน้อยวิญญาณกระบี่ มีเสียงปังดังกึกก้องฟ้า สั่นสะเทือนไปทั้งแผ่นดินหมาน ประตูใหญ่หอคอยรกร้างบูรพาปิดลง!
หนึ่งวินาทีก่อนปิดลง ปลายกระบี่สีครามพยายามจะพุ่งออกไปอย่างบ้าคลั่ง
แต่ซูหมิงผู้เสียแขนขายังคงมีฟันอยู่ ตอนที่ปลายกระบี่จะพุ่งออกไป เขาใช้ฟันกัดตัวกระบี่เอาไว้ แววตาบ้าคลั่งที่ทำให้วิญญาณกระบี่ตัวสั่นเทิ้ม ราวกับว่าจะลากมันลงหลุมไปพร้อมกัน
ประตูหอคอยรกร้างบูรพาปิดลง
“หากเจ้าไม่ตาย ก็เป็นข้าที่ตาย!” ขณะเดียวกับที่ประตูใหญ่ปิดลง เสียงเย็นเยียบของซูหมิงดังกังวานมา แสงโลหิตหอคอยรกร้างบูรพาแผ่กระจายออกเป็นวงกว้างอย่างต่อเนื่อง ย้อมแผ่นดินในพื้นที่ให้ทุกอย่างกลายเป็นสีแดง
ต้นไม้ก็ดี พืชดอกก็ดี ดินกับสายลมล้วนเป็นสีแดงและมีกลิ่นคาวเลือด ที่นี่…..คือหอคอยรกร้างบูรพา
เวลาค่อยๆ ผ่านไป พริบตาเดียวก็หนึ่งปี
หนึ่งปีนี้ไม่มีเผ่าเซียนมาเยือนอีก น้ำวนบนฟ้าก็ค่อยๆ หายไป ท้องฟ้าครามกลับมาอีกครั้ง เมฆขาวลอยเป็นก้อนๆ ทุกอย่างเหมือนคืนสู่สภาพเดิม ทว่าบนแผ่นดินกลับมีการแปรเปลี่ยนครั้งใหญ่ เผ่าหมานบนแดนรกร้างบูรพา ภายใต้การรวมกลุ่มของขุมอำนาจใหญ่ๆ พวกเขาเริ่มรวมพลและค้นหา!
การรวมพลนี้เกิดจากการปฏิบัติตามเจตนารมณ์ของซูหมิง นั่นคือทำลายล้างเผ่าเซียนบนแผ่นดินหมานให้สิ้นซาก ต่อให้ซูหมิงหายไปหนึ่งปีแล้วก็ยังคงทำกันอยู่
ส่วนการตามหาก็เป็นเพราะซูหมิง!
ตามหาซูหมิง ตามหาเทพหมานของเผ่าหมาน