ตอนที่ 1290 สามเรื่อง
เมื่อเผชิญหน้ากับศักยภาพสุดยอด ขุมอำนาจจะมีประโยชน์อะไร
ซูหมิงมีศักยภาพนี้ เขามองฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนที่แตกพ่ายปานเม็ดทรายกระจายออก มองผู้ฝึกฌานยอดเขาลำดับเก้ากับเผ่าหมานที่เข่นฆ่าอย่างต่อเนื่อง ซูหมิงเผยรอยยิ้มบนใบหน้า
สงครามครั้งนี้มีบาดเจ็บล้มตาย แต่เป็นผู้ฝึกฌาน เดิมทีคือการช่วงชิงแห่งชีวิตอยู่แล้ว นั่นคือเส้นทางขรุขระสายหนึ่ง ความตายไม่น่ากลัวบนเส้นทางนี้ แต่ที่น่ากลัวคือการกลัวความตาย เพราะนั่นจะเสียความมั่นใจที่เด็ดเดี่ยวไป
ซูหมิงมองผืนฟ้าพลางเดินหน้าไปหนึ่งก้าว ตอนที่เหยียบเท้าลงก็มาอยู่ในยอดเขาลำดับเก้า มาปรากฏอยู่ข้างศิษย์พี่รองที่กำลังใช้สมาธิทั้งหมดมองการเปลี่ยนแปลงสงครามด้วยสีหน้ามั่นใจในตัวเองและรอบรู้
“ศิษย์พี่รอง” ซูหมิงพูดขึ้นเบาๆ
สิ้นเสียง ศิษย์พี่รองพลันหันกลับมามอง ศิษย์พี่ใหญ่ที่ยังคงนั่งขัดสมาธิแน่นิ่งอยู่ไม่ไกลเหมือนลืมตาในใจขึ้น มองมาทางซูหมิง
ร่างเงาซูหมิงเผยตัวตรงหน้าศิษย์พี่รอง ก่อนประสานมือคารวะด้วยรอยยิ้ม
ศิษย์พี่ใหญ่ไม่มีหัว แต่ในตอนนี้ตัวเขากลับเปี่ยมล้นไปด้วยความดีใจ ศิษย์พี่รอง มีสีหน้าตื่นเต้น เขากอดซูหมิงเอาไว้พร้อมหัวเราะ
“ข้ารู้ว่าเจ้าต้องไม่เป็นอะไรแน่” ศิษย์พี่รองใช้สองมือกดบ่าซูหมิงเอาไว้พลางส่งเสียงหัวเราะ สายตามองซูหมิงอย่างถี่ถ้วนด้วยสีหน้าเป็นมิตรระหว่างศิษย์พี่ศิษย์น้อง
“เจ้าน่าจะมาถึงนานแล้ว สงครามนี้ เจ้าว่าศิษย์พี่รองเป็นอย่างไรบ้าง” ศิษย์พี่รองพูดยิ้มๆ ด้วยสีหน้าลำพองใจ
ศิษย์พี่ใหญ่ยืนขึ้น ตอนที่เดินเข้ามาช้าๆ ยังยกมือขวากอดซูหมิงเอาไว้ ไม่กล่าง สิ่งใด แต่ความห่วงใยทุกอย่างอยู่ในอ้อมกอดระหว่างศิษย์พี่ศิษย์น้องแล้ว ไม่ต้องพูดให้มากความ
ซูหมิงสัมผัสได้ถึงการเต้นของหัวใจศิษย์พี่ใหญ่ ถึงพลังเขาจะบรรลุถึงระดับ น่าเหลือเชื่อแล้ว ต่อให้ดวงจิตเขาแกร่งเป็นรองเพียงดวงจิตสามรกร้าง แต่ตอนนี้ เขาเหมือนลืมพลังตัวเอง รู้แต่เพียงว่าตนคือศิษย์น้องเล็กของยอดเขาลำดับเก้า เป็นศิษย์น้องเล็กที่ศิษย์พี่สามคนจะปกป้องตลอดไป
“สงครามนี้ศิษย์พี่รองสง่างามที่สุด” ซูหมิงยิ้มมองศิษย์พี่รองที่กำลังลำพองใจพร้อมตอบกลับเบาๆ
ขณะที่ศิษย์พี่รองหัวเราะ ไกลออกไปมีสายรุ้งยาวบินเข้ามา ร่างเงานี้ยังไม่ทันเข้าใกล้ เสียงหู่จื่อก็ดังแว่วมาราวกับฟ้าผ่า
“ย่าเจ้าเถอะ สงครามนี้ถึงอกถึงใจจริงๆ ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่รอง พวกท่านดูสิว่าสงครามนี้หู่จื่อสังหารไปเท่าไร…หืม?” หู่จื่อพูดขึ้นพลางห้อทะยานเข้ามา แต่ตอนที่เข้ามาใกล้ เสียงพลันเงียบไป เขามองซูหมิง
“ศิษย์น้องเล็ก!” หู่จื่อหยุดชะงักครู่หนึ่ง มองซูหมิงพร้อมก้าวเท้ายาวเข้ามา อย่างว่องไว พุ่งตรงเข้ามากอดซูหมิงเอาไว้ทั้งตัว
“จะ จะ…เจ้ารู้หรือไม่ว่าหลังจากเจ้าหายตัวไปศิษย์พี่รองไปมองอยู่นอกน้ำวนมรณะหยินเงียบๆ กี่ครั้ง เจ้ารู้หรือไม่ว่าศิษย์พี่ใหญ่จะทะลวงพลังโดยไม่สนสิ่งใดเพื่อไม่ให้ภายภาคหน้าเจ้าต้องเผชิญกับความเป็นตายกี่ครั้ง
เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าหู่จื่อต้องอดหลับอดนอนกี่วันเพื่อวางวงแหวนอาคม ศิษย์น้องเล็ก เจ้าต้องฟังข้า เจ้ากลับมาครั้งนี้อย่าออกไปอีก อยู่กับพวกเราศิษย์พี่ศิษย์น้องที่ยอดเขาลำดับเก้าได้หรือไม่!”
หู่จื่อพูดไปพูดมาจากสีหน้าตื่นเต้นเปลี่ยนเป็นร้องไห้ ข้างนอก เขาคือ ชายร่างกำยำดุจพยัคฆ์ สังหารคนโดยไม่กะพริบตา ต่อให้ยิ้มก็ยังมีความน่ากลัว กลิ่นอายมารทั่วร่ายพุ่งขึ้นฟ้า แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าซูหมิง อยู่ต่อหน้าศิษย์พี่รอง เขาเหมือนกับเด็กคนหนึ่ง เป็นหู่จื่อที่ชอบหัวเราะเสียงดัง ชอบร้องไห้ ชอบถ้ำมอง
“ศิษย์น้องเล็ก ครั้งนี้…ยังต้องไปอีกหรือไม่?” ศิษย์พี่รองเงียบไปครู่หนึ่งแล้วมองซูหมิง
แม้ศิษย์พี่ใหญ่จะไม่พูด แต่ความรู้สึกต่อคนอื่นในตอนนี้เหมือนกำลังรอคำตอบซูหมิง
ซูหมิงเงียบ เขาไม่ตอบ แต่มองศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่รองและหู่จื่อ ผ่านไปพักใหญ่ถึงพยักหน้าช้าๆ
“รอข้าจัดการสามเรื่องสุดท้ายก่อน ข้าจะกลับมายอดเขาลำดับเก้าแล้วไม่จากไปร้อยปี”
ยามกลางคืน ค่ำคืนของยอดเขาลำดับเก้า ฟ้ากระจ่างดาวหมื่นลี้สว่างพร่างพราว สงครามเมื่อยามกลางวันสิ้นสุดลงแล้ว ตอนนี้ผู้ฝึกฌานส่วนใหญ่นั่งฌานพักผ่อน มีเพียงบางส่วนที่กำลังซ่อมแซมวงแหวนอาคมอย่างรวดเร็ว ให้ช่องโหว่วงแหวนอาคมสมานรวมช้าๆ
บนยอดเขาลำดับเก้า แสงจันทร์สาดส่องลงมา รอบโต๊ะยาวตัวหนึ่ง ศิษย์พี่ใหญ่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะ ศิษย์พี่รองอยู่ทางซ้าย หู่จื่อทางขวา ส่วนซูหมิงอยู่ส่วนท้าย
นี่คือการรวมกันของเหล่าลูกศิษย์ ที่นี่ไม่มีการแบ่งแยกความอ่อนแอและแข็งแกร่งของพลัง และก็ไม่มีการเรียงลำดับฐานะในสำนักยอดเขาลำดับเก้า มีแต่ลำดับตามเวลาเข้าสำนักร่วมอาจารย์เดียวกันในยอดเขาลำดับเก้า
ศิษย์พี่เป็นเหมือนอาจารย์ อาจารย์ไม่อยู่ ศิษย์พี่ใหญ่คือหัวหลักของศิษย์ร่วมอาจารย์ทุกคน
ฟางชางหลันอยู่ข้างหลังซูหมิงเงียบๆ นางผู้มีสีหน้าเฉยเมยแต่งดงามไม่สนใจ สวี่ฮุ่ยที่อยู่อีกข้างของซูหมิง
สวี่ฮุ่ยกลับมายอดเขาลำดับเก้านานแล้ว ซูหมิงก็ไม่ได้ถามเรื่องเกี่ยวกับเต๋อซุ่น และนางก็ไม่ได้พูด
“สงครามครั้งนี้ ยอดเขาลำดับเก้าของเราได้ชัยชนะ แต่เงื่อนไขจำเป็นอย่างแรก ที่ทำให้เราชนะคือผู้ฝึกฌานฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนถูกลดพลังลง ทุกคน จุดนี้…ศิษย์น้องเล็ก เจ้าเป็นคนทำรึ?” ศิษย์พี่รองลังเลอยู่ชั่วครู่ เขานึก คำตอบอื่นไม่ออกจริงๆ ตอนนี้จึงพูดพลางมองซูหมิง
ซูหมิงพยักหน้าด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
เมื่อเขาพยักหน้า หู่จื่อพลันสูดลมหายใจเข้าด้วยความตกใจ เหม่อมองซูหมิง ศิษย์พี่รองพลันลมหายใจกระชั้น หน้าเปลี่ยนสีไปอย่างรวดเร็ว และยังเห็นถึง ความเหลือเชื่อรางๆ
พวกเขารู้ชัดว่าการควบคุมพลังของผู้ฝึกฌานฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนหมายถึงอะไร กระทั่งนี่ยังเห็นได้ถึงศักยภาพที่ซูหมิงควรมีในมุมข้าง นั่นคือ เขาคนเดียวทำลายล้างผู้ฝึกฌานฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนได้ทั้งหมด
ศิษย์พี่ใหญ่เงียบ แต่มือขวากลับสั่นไหว เห็นได้ว่าในใจเขาตอนนี้เหมือนเกิด คลื่นลูกใหญ่สะเทือนฟ้า
ในสามคนนี้ คนที่มีพลังสูงสุดมาตลอดคือศิษย์พี่ใหญ่ บางทีศิษย์พี่รองอาจจะไม่สังเกตเห็นการคงอยู่ของจักรพรรดิรุ่งอรุณเหยียนเผย หู่จื่อก็ยากจะรู้ได้ แต่ศิษย์พี่ใหญ่ที่มีการติดต่อและหลอมรวมกับบรรพชนแห่งทะเลเต๋าเล็กน้อย ภายใต้การช่วยเหลือจากบรรพชนแห่งทะเลเต๋า เขาจึงรู้สึกชัดเจนว่าในสนามรบนี้มีคนที่ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวอยู่
นั่นคือ…จักรพรรดิรุ่งอรุณเหยียนเผย ส่วนฐานะและชื่อเสียงเกี่ยวกับคนนี้ ศิษย์พี่ใหญ่ก็รู้ได้จากการค้นวิญญาณผู้ฝึกฌานเงามืดรุ่งอรุณที่จับเป็นเชลยมา
การลดพลังผู้ฝึกฌานฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนทั้งหมดลงหกส่วนต่อหน้าจักรพรรดิเหยียนเผยได้ พลังแบบนี้…เหนือกว่าจินตนาการของศิษย์พี่ใหญ่แล้ว
“ศิษย์น้องเล็ก…ขั้นพลังเจ้าตอนนี้ถึงระดับใดแล้ว? เทียบกับจักรพรรดิรุ่งอรุณ เหยียนเผยแล้ว…เป็นอย่างไร?” ศิษย์พี่รองเงียบไปชั่วครู่ก่อนถามขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เขา…ไม่มีคุณสมบัติเป็นคู่ต่อสู้ข้า” ซูหมิงเงียบไปชั่วครู่แล้วตอบตามความจริง
“มหาโลกสามรกร้างตอนนี้ ในสี่โลกแท้จริง นอกจากตัวประหลาดจากยุคโบราณที่หลับใหลอยู่บางส่วนแล้ว น่าจะมีผู้ฝึกฌานน้อยคนมาก…ที่เป็นคู่ต่อสู้ข้าได้” สิ้นเสียงซูหมิง ศิษย์พี่ใหญ่เงียบ ศิษย์พี่รองลมหายใจกระชั้นยิ่งกว่าเดิม หู่จื่ออ้าปากค้าง พูดไม่ออกอยู่ชั่วขณะ
พวกเขาไม่สงสัยคำพูดของซูหมิงแม้แต่น้อย หู่จื่อมีสีหน้าตื่นเต้นและฮึกเหิมขึ้นมาทันที หลังหยิบไหสุราตรงหน้าขึ้นมาดื่มอึกใหญ่แล้วก็ปล่อยให้สุราไหลมาตามมุมปาก
“ฮ่าๆ ศิษย์น้องเล็ก ต่อไปพวกเราจะทำอะไรกันดี สังหารเงามืดรุ่งอรุณกับ สิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนที่ลงมาเยือนทั้งหมดเลยดีหรือไม่? ศิษย์พี่รองท่านคิดอย่างไร ท่านว่าความคิดข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนมีจุดที่น่าสงสัยอยู่เล็กน้อย” ศิษย์พี่รองมีสีหน้าขบคิด เขาไม่สนใจหู่จื่อ แต่มองซูหมิงเหมือนมีความคิด
“ฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนก็เป็นส่วนหนึ่งของสามรกร้างเหมือนกัน สงครามนี้ดูเหมือนรุกราน แต่ความจริงแล้วพวกเขากลับมาต่างหาก ดูเหมือนจะอันตราย แต่จริงๆ เป็นความบ้าคลั่งครั้งสุดท้ายในชีวิต
คิดว่าพวกเขาไม่รู้ว่ามีใครวางหมากอยู่ พวกเขาถูกลิขิตไว้แต่แรกแล้วว่าต้องเป็นตัวหมาก…ถึงจะไล่พวกเขาออกไป ถึงจะสังหารพวกเขาก็ยังแก้ปัญหาไม่ได้ เพราะภัยพิบัติสามรกร้างครั้งนี้ไม่ใช่ตอนนี้อีก แต่เป็นห้าร้อยปีนับจากนี้” ซูหมิงตอบกลับช้าๆ แล้วถอนหายใจเบา เขาเล่าสิ่งที่ตนประสบมาเล็กน้อย รวมถึงภัยพิบัติ ห้าร้อยปีจากนี้ รวมถึงมหาโลกซางเซียงและก็พวกตัวประหลาดยุคโบราณที่จะตื่นขึ้นก่อนมหันตภัยเหล่านั้น
เสียงเขาดังกึกก้อง หู่จื่อใจสั่นสะท้าน มีสีหน้าเหลือเชื่อ ศิษย์พี่รองตัวสั่นไปทั่วร่าง ดวงตาขยับประกายวาว
“ศิษย์น้องเล็ก…สามเรื่องที่เจ้าพูดถึงก่อนหน้านี้มีสิ่งใดบ้าง?” หู่จื่อกับศิษย์พี่รองพากันเงียบ ระหว่างที่สองคนนี้กำลังทำความเข้าใจกับความจริงอันน่าตกใจ ศิษย์พี่ใหญ่ถามขึ้นอย่างไม่สบายใจ
ซูหมิงเงยหน้าขึ้นมองศิษย์พี่ใหญ่แล้วตอบกลับเสียงเบาเนิบๆ
“เรื่องแรก ข้าจะไปโลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลก ไปหาหญิงคนหนึ่งที่นั่น ไปเอาโลกแท้จริงของข้าคืน ให้ของแบบเดียวกันกับเขา แล้วก็…จบบุญคุณความแค้นที่มัด ตัวข้าไว้พันปี”
“เป็นอวี่เซวียนรึ?” ฟางชางหลันถามขึ้นทันที
สวี่ฮุ่ยข้างๆ เงียบมาโดยตลอด ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ตอนนี้เงยหน้าขึ้นมอง ซูหมิงเช่นกัน
ซูหมิงพยักหน้า
ฟางชางหลันไม่ได้พูดอะไร สีหน้ายังคงเรียบนิ่งดั่งน้ำต่อไป แต่แพขนตนที่ปิดลงเบาๆ กลับสั่นไหวเล็กน้อย
“เรื่องที่สอง ข้าจะไปที่ที่เคยทำให้ข้าแกร่งขึ้นอีกครั้ง เพื่อเตรียมการทุกอย่างให้พร้อมกับมหันตภัยนั้นในอีกห้าร้อยปี” ซูหมิงพูดต่อ ดวงตาพลันขยับประกายรวดเร็วและดุดัน
“เรื่องที่สาม ข้าจะไป…ฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณเพื่อตามหาอาจารย์ของเรา!” ทันทีที่ ซูหมิงกล่าวประโยคนี้ หู่จื่อเงยหน้าขึ้นในฉับพลัน ศิษย์พี่รองมีสีหน้าตกใจ ศิษย์พี่ใหญ่เงียบ แต่แผ่ความยึดมั่นมาจากในตัวเขา
“การตามหาอาจารย์ เรื่องนี้พวกเราสามคนไม่มีพลังมากพอ มีเพียงเจ้า…พาอาจารย์กลับมา พวกเราไม่ได้เจอเขามานานมากแล้ว” เสียงศิษย์พี่ใหญ่ดังกังวาน แฝงไว้ด้วยความคิดถึงลึกๆ
ซูหมิงไม่พูดต่อ เขาไปฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณนอกจากตามหาอาจารย์แล้วยังมีอีกเป้าหมายหนึ่ง เขาจะไปเผ่าวิญญาณ ไปยังบ้านเกิดของมารดา
“หลังเสร็จสามเรื่องนี้แล้ว ข้าจะอยู่ยอดเขาลำดับเก้า รอเวลาผ่านไป รอจน วันนั้นที่มหันตภัยมาถึง…ชีวิตนี้ข้าให้สัญญาไว้กับคนบางคน ร้อยปีจากนั้นไป ข้าจะทำตามคำสัญญาเหล่านี้ให้เสร็จ”